Connect with us

Hi, what are you looking for?

Tips & Tricks

รวมข้อมูลเงินดิจิทัล 10000 บาทคืออะไร ใช้ยังไง อัพเดท 2024

เงินดิจิทัล 10000 บาทคืออะไร ใช้งานอย่างไร รวมข้อมูล อัพเดท 2024

เงินดิจิทัล 10000 บาทคืออะไร

เงินดิจิทัล 1,0000 บาท เป็นกระแสมาตั้งแต่ในช่วงเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และยิ่งกลายเป็นประเด็นให้พูดถึงมากยิ่งขึ้นเมื่อ นายกคนที่ 30 ของประเทศไทยนั้นเป็นผู้นำที่มาจากพรรคเพื่อไทย ทำให้หลายๆ คนเกิดการตั้งคำถามว่า แล้วนโยบายดังกล่าวนี้คืออะไร จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ สามารถนำไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง รวมไปถึงมีเงื่อนไขในการใช้อย่างไร ฯลฯ และล่าสุดเอง (เมษายน 2567) ก็ได้มีการอัพเดทเพิ่มเติมเกี่ยวกับในเรื่องของโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่เป็นรูปเป็นร่างและมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น

  • ประชาชนและร้านค้าจะสามารถเข้าร่วมโครงการไดเในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และจะมีการเริ่มใช้จ่ายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
  • จะจ่ายเงินดิจิทัลผ่านทาง Super App ของรัฐบาล อย่างแอพ “ทางรัฐ” เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน Mobile Banking แล้วเราก็จะสามารถใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชันของธนาคารได้เลย
  • สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการเงินดิจิทัล 10000 บาท ยกเว้น สินค้าออนไลน์, อบายมุข, บริการต่างๆ, อัญมณี, ทองคำ, บัตรกำนัล, สินค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม ฯลฯ

ทีมงาน NotebookSPEC ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเงื่อนไข การใช้งาน รวมไปถึงข้อสังเกตต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกียวกับนโยบายนี้มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

Advertisement

ข้อมูลเดิม

เงินดิจิทัล 10000 คืออะไร

เงินบาทดิจิทัล หรือ เงินดิจิทัล ที่ถูกพูดถึงกันอยู่นั้น เป็นสกุลเงินที่สำหรับประชาชน ที่มีชื่อทางการว่า  Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือ Digital Currency Electronic Payment (DCEP) ซึ่งออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. โดยในเบื้องต้นนั้นเงินดิจิทัลนี้จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี Blockchain ที่สามารถใช้จ่ายได้โดยผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ Digital Wallet นั่นเอง

พรรคเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยใช้ชื่อว่า “โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินดิจิทัล” โดยจะเริ่มแจกเงินภายใน 6 เดือนหลังจากได้รับการเลือกตั้ง

เงินดิจิทัลที่แจกจะเป็นเหรียญ (คูปอง) ในรูปแบบบล็อกเชนที่เท่ากับเงินบาท ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับเหรียญอื่นได้ สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ใช้จ่ายได้กับร้านค้าชุมชนใกล้บ้าน 4 กม. จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
  • ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้
  • มีอายุการใช้งาน 6 เดือน

นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และคาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้หรือเริ่มใช้นโยบายนี้ได้ในเดือนมกราคม 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือและยังไม่ได้บังคับใช้จริง ดังนั้นจึงควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด


การลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10000 บาท

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับนั่นก็คือ ประชาชนคนไทยที่

  • มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  • สามารถรับเงินดิจิทัลได้ด้วยการใช้เพียงเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักเท่านั้น
  • ผู้ที่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สวัสดิการคนชรา, ผู้พิการ ฯลฯ ก็ยังสามารถได้รับสิทธิ์เงินดิจิทัลเต็มจำนวน

ในส่วนของการลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลนั้น ในเบื้องต้นตามนโยบายที่ออกมา เราไม่จำเป็นที่จะต้องลงทะเบียนรับเงิน เพราะประชาชนนั้นจะสามารถรับเงินดิจิทัลนี้ได้ผ่านทางกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ Digital Wallet ที่เชื่อมต่อกับบัตรประชาชนเลย ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพื่อรับเงิน ทั้งนี้ในส่วนของคนที่ไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันหรือไม่มีสมาร์ทโฟนในการใช้งานแอปฯ ก็สามารถรับเงินดิจิทัลและใช้จ่ายได้ โดยใช้บัตรประชาชนในการใช้จ่ายนั่นเอง


การใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท

หลายๆ คน คงเกิดคำถามว่า แล้วเงินดิจิทัล 10,000 บาทนี้ จะสามารถนำไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ได้มีการตอบคำถามนี้เอาไว้ โดยเมื่อเราได้รับเงินดิจิทัลมาแล้ว ก็จะสามารถนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่อยู่ภายในรัสมีระยะ 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น พื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก เป็นต้น โดยสาเหตุที่ต้องใช้จ่ายตามระยะทางจากทะเบียนบ้านนั้น ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนหรือเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นของไทยด้วยนั่นเอง

การใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น ในเบื้องต้นเป็นดังนี้

  • ใช้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เครื่องมือ อุปกรณ์ ของใช้ต่างๆ ได้ตามปกติ
  • ห้ามนำไปใช้หนี้ ซื้อสินค้าอบายมุข ยาเสพติด และการพนัน
  • ไม่สามารถนำไปซื้อสินค้าออนไลน์ได้
  • การใช้จ่ายเงินดิจิทัล จะต้องใช้จ่ายภายในระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้เงิน
  • เงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ไม่สามารถนำไปแลกเป็นเงินสด กดเป็นเงินสด หรือทำธุรกรรมการเบิกถอนใดๆ ได้
  • การใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น จะต้อองใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงิน Digital Wallet หรือบัตรประชาชนเท่านั้น

ข้อสังเกตของเงินดิจิทัล 10,000 บาท

เงินดิจิทัล 10000 บาท
cr: freepik

ถึงแม้ว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้นจะมีความน่าสนใจมากเพียงใด แต่ก็ถือว่ามีข้อสังเกตอยู่เช่นกัน ว่าไม่จะเป็น

  • ความเสี่ยงเกิดเงินเฟ้อ ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นทันที อาจทำให้เกิดการดันราคาสินค้าและบริการให้เพิ่มขึ้น ทำให้เงินที่มีอยู่มีอำนาจในการซื้อลดลง กระทบถึงพนักงานที่ต้องขึ้นเงินเดือนหรือธนาคารที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ
  • ความไม่ชัดเจนในด้านกฎหมาย เงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยมีความใกล้เคียงกับ Utility Token หรือ E-money แต่มีข้อขัดแย้งด้านกฎหมาย เช่น Utility Token ห้ามใช้ชำระราคาสินค้าและบริการเป็นการทั่วไป และ E-money ต้องเติมเงินจริงเข้าไปก่อน แต่งบประมาณ 560,000 ล้านบาท มาจากการตั้งสำรองงบประมาณที่คาดว่าจะได้จากภาษีในอนาคต จึงอาจไม่สามารถเติมเงินไปล่วงหน้าได้
  • เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจไม่ตอบโจทย์ มีข้อจำกัดด้านความเร็ว ความกระจายตัว และความเป็นส่วนตัว หากใช้บล็อกเชนแบบ Public Blockchain อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน และหากใช้บล็อกเชนแบบ Private Blockchain อาจไม่ต่างอะไรจากระบบฐานข้อมูลทั่วไป

ทั้งนี้ ในวันที่ 29 กันยายน 2566 พรรคเพื่อไทยได้ประกาศว่า กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับใช้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท คาดว่าจะพร้อมใช้งานภายใน 6 เดือนหลังจากได้รับการเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยยังระบุว่า จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบและติดตามการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด


ข้อมูลอัพเดทใหม่ (เมษายน 2567)

ในวันที่ 10 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น ก็ได้ถูกเคาะรายละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะยังคงแจกให้กับประชาชนที่เข้าเงื่อนไข รวมกว่า 50 ล้านคน งบประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยจะมีการปรับรายละเอียดเงื่อนไข งบประมาณ และการใช้จ่ายเงินดิจิทัล และช่วงเวลาในการดำเนินโครงการนั้น ประชาชนและร้านค้าจะสามารถเข้าร่วมโครงการไดเในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และจะมีการเริ่มใช้จ่ายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

ใครจะได้รับ เงินดิจิทัล 10000 บาท

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น สำหรับข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าจะมีการเริ่มลงทะเบียนในช่วงไตรมาส 3 และเริ่มใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567

ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัล จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ (จะต้องมีคุณสมบัติครบ ไม่สามารถขาดข้อใดข้อหนึ่งได้)

  • คนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป (ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน)
  • จะต้องไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี (รวมรายได้ทุกอย่างที่ระบุตอนยื่นภาษี ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือน, ค่าจ้าง, ค่ารับเหมา, รายได้ฟรีแลนซ์, ค่าเช่า, ดอกเบี้ย, เงินปันผล ฯลฯ)
  • จะต้องมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมกัน ไม่เกิน 500,000 บาท

หากเป็นผู้เข้าร่วมมาตรการ Easy E-Receipt สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน

ในส่วนของรายระเอียดเกี่ยวกับ รายได้หรือเงินฝาก นั้น ทางด้านของ นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่า การพิจารณาเกณฑ์รายได้ต่อปีนั้น อาจพิจารณาจากวงเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดจากเงินได้ของปีภาษี 2566 ส่วนเงินฝากก็อาจดูจากวงเงินฝากในช่วงสิ้นปี 2566 หรืออาจกำหนดยอดเงินสิ้นสุดในช่วง มีนาคม 2567 ทั้งนี้ก็จะต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง


เงินดิจิทัล 10000 ใช้ยังไง

การใช้จ่าย เงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ทางกระทรวงการคลังได้ระบุว่า จะจ่ายเงินดิจิทัลผ่านทาง Super App ของรัฐบาล อย่างแอพ “ทางรัฐ” เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน Mobile Banking แล้วเราก็จะสามารถใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชันของธนาคารได้เลย

เงินดิจิทัล 10000 บาท แอพทางรัฐ

แอพทางรัฐนี้ ถือเป็นแอพพลิเคชันที่ได้รวบรวมบริการของรัฐบาล กว่า 149 บริการ ให้เราสามารถเข้าไปติดต่อขอเข้าใช้บริการได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงหน่วยงานนั้นๆ ด้วยตัวเอง

เงินดิจิทัล 10000 บาท แอพทางรัฐ
  • เมื่อเราดาวน์โหลดแอพพลิเคชันมาแล้ว >> เปิดแอพขึ้นมา จากนั้นเลือก “สมัครสมาชิก/เข้าสู่ระบบ” >> สมัครสมาชิก
  • กดเลือกที่ “สมัครด้วยบัตรประชาชน” >> จากนั้นจะปรากฏข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวขึ้นมา แล้วเราอ่านทำความเข้าใจ จากนั้นเลื่อนไปด้านล่างสุด >> เลือก “ยอมรับ”
  • จากนั้นจะปรากฏข้อแนะนำการสแกนบัตรประชาชนขึ้นมา >> จากนั้นเลือก “เริ่มสแกนหน้าบัตร”
  • ให้เราทำการสแกนหน้าบัตรประชาชน และ ด้านหลังของบัตรประชาชน เพื่อทำการลงทะเบียน >> จากนั้นระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูล >> กดเลือก “ไปขั้นตอนถัดไป”
  • จากนั้นจะมีคำแนะนำการแสกนใบหน้าขึ้นมา เลือก “เริ่มยืนยันตัวตน” >> สแกนใบหน้าตามขั้นตอนและคำแนะนำ
  • ใส่ข้อมูลชื่อบัญชี, รหัสผ่าน >> จากนั้นกด “ยืนยัน”
  • ใส่รหัสและยืนยัน Pin Code จำนวน 6 หลัก เพื่อใช้ในการใช้งานแอพพลิเคชัน
  • เราสามารถเปิดใช้งานสแกนใบหน้า เพื่อเข้าใช้งานแอพพลิเคชันโดยไม่ต้องกรอกรหัส Pin Code ได้ด้วย >> เพียงแค่นี้ก็สามารถใช้งานแอพทางรัฐได้แล้ว

เงินดิจิทัล 10,000 บาทซื้ออะไรได้บ้าง

มาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆ คนก็คงเกิดคำถามว่า แล้วเงินดิจิทัล 10,000 บาท จำนำไปซื้ออะไรได้บ้าง การใช้งานดิจิทัลในการซื้อของนั้น ก็คือ

สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการเงินดิจิทัล 10000 บาท

ส่วนสินค้าที่ “ไม่ร่วม” กับเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีดังนี้

  • สลากกินแบ่งรัฐบาล
  • ยาสูบ
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • กัญชา
  • กระท่อม
  • ผลิตภัณฑ์กัญชา-กระท่อม
  • บัตรกำนัล
  • บัตรเงินสด
  • ทองคำ, เพชร, พลอย, อัญมณี
  • น้ำมันเชื้อเพลิง, ก๊าซธรรมชาติ
  • บริการต่างๆ
  • สินค้าออนไลน์
  • สินค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม โดยกระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณากำหนด Negative List เพิ่มเติมได้ โดยการใช้จ่ายตามโครงการฯ ไม่รวมถึงบริการ

การใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีเงื่อนไขอะไรบ้าง

สำหรับการอัพเดทของโครงงานเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น มีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น

  • เกณฑ์ของประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ ได้แก่
    • อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน
    • ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี
    • มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงื่อนไขระหว่างประชาชน กับ ร้านค้า
    • การใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) กำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด คือ ร้านค้าทั่วไปในชุมชน, ร้านของชำ, ก๋วยเตี๋ยว, มินิมาร์ทชุมชน, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านฟาสต์ฟู้ดต่างๆ ไม่รวมซูเปอร์มาร์เก็ต, ห้างสรรพสินค้า, ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ส่วน 7-Eleven, Lawson 108, CJ Express, Mini Big C, Lotus’s Go Fresh ก็นับเป็นร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนที่สามารถเข้าร่วมได้ ทั้งนี้ การชำระเงินต้องเป็นแบบพบหน้า (Face to Face) กำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก
  • เงื่อนไขระหว่างร้านค้า กับ ร้านค้า
    • ร้านค้าที่จะรับการใช้จ่ายจากประชาชนต้องเป็นร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กโดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ส่วนร้านค้าที่สามารถรับการใช้จ่ายจากร้านค้า ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเชิงพื้นที่และขนาดร้านค้า

ร้านค้าเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่สามารถกดเงินสดได้

  • ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
  • ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
  • ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax CIT)

การใช้จ่ายเงินดิจิทัล สามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ โดยรอบที่ 1 จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป


และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของนโยบายเงินดิจิทัล 10000 บาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายชูโรงของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นโยบายนี้ก็ยังไม่ได้มีการบังคับใช้ และยังคงถูกพูดถึงอยู่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักการที่มีข้อถกเถียงในเรื่องของความเสี่ยง ความปลอดภัย ไปจนถึงรายละเอียดและเงื่อนไขในการใช้จ่ายเงินดิจิทัล

ล่าสุดนั้นก็ได้มีการอัพเดทความคืบหน้าของโครงการเพิ่มเติมแล้ว ทั้งยังมีกำหนดระยะเวลาในการเริ่มเข้าโครงการและการใช้จ่าย ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเคาะกำหนดวันที่ที่แน่ชัดก็ตาม เราก็ต้องติดตามข่าวสาร การอัพเดทอื่นๆ ของโครงการเพิ่มเติมต่อไป

สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดการดำเนินการต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยได้ที่: พรรคเพื่อไทย


อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มุกเสี่ยวจีบสาว ภาษาอังกฤษ, มุขเสี่ยวๆ
แอพแต่งรูปการ์ตูน ฟรี
แปลงไฟล์ PDF เป็น Word
เช็คเลขพัสดุ
หัวชาร์จไอโฟน
WiFi USB
แอพจองตั๋วเครื่องบิน ราคาถูก, แอพจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก
หัวชาร์จ Type c, หัวชาร์จ Type-c
หัวชาร์จไอแพด
แอพหาเพื่อนคุย, แอพหาคู่
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเป็นเรื่องอาการขี้ลืม ซึ่งถ้าแค่ลืมทานข้าวทานยา ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าลืมโทรศัพท์หรือกระเป๋าเงินนี่ อาจทำให้คุณเฟลไปทั้งวันได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก