Connect with us

Hi, what are you looking for?

Special Story

รวมวิธีและแอพฯ จ่ายภาษีด้วยตัวเองฉบับปี 2025 จ่ายอย่างไร จ่ายที่ไหน ขอคืนได้เปล่า? รายได้เท่าไหร่ถึงต้องจ่าย?

จ่ายภาษี

การจ่ายภาษีเงินได้เป็นหน้าที่หนึ่งของประชาชนชาวไทยผู้มีรายได้จากทุกช่องทางต้องจัดการเป็นกิจวัตรรายปีอยู่แล้วในช่วงเดือนมกราคม~มีนาคม ไม่ว่าจะยื่นเป็นเอกสารแบบดั้งเดิมหรือคำนวณและยื่นชำระบนหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากรก็สะดวกมากไม่ว่าจะผ่านแอพฯ ธนาคารหรือนำเป็นเอกสารไปชำระ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ได้แทบทุกแห่งของประเทศไทย ไม่ต้องเดินทางไปยังหน่วยสรรพากรใกล้บ้านเหมือนในอดีตอีกแล้วจึงสะดวกมาก

กลับกัน เรื่องใกล้ตัวอย่างการจัดการและจ่ายภาษีเป็นเรื่องต้องเรียนรู้เองไม่มีในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับแม้จะเป็นหลักสูตรสำคัญต้องใช้งานทั้งชีวิตก็ต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือไม่ก็ต้องพึ่งระบบคำนวณในแอพฯ ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบปฏิบัติการ ก็ช่วยย่นระยะเวลาและช่วยวางแผนภาษีเพิ่มได้ว่าจะนำเงินไปลงทุนหรือซื้อประกันชีวิตเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นส่วนหักลดหย่อนเพิ่มได้หรือไม่ ถ้าใครกำลังจะเป็นหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนไปแล้วก็ควรใส่ใจเรื่องนี้ให้มากเป็นพิเศษเพื่อปกป้องสิทธิ์และไม่ให้โดนค่าปรับในอนาคตด้วย

Advertisement

ร้อยแปดเรื่องว่าด้วยการจ่ายภาษี

  • เวลายื่นภาษีเงินได้ทุกประเภท (ภ.ง.ด. 90) ชำระได้ตั้งแต่เดือนมกราคม~มีนาคมของปีภาษีถัดไป
  • แม้รายได้สุทธิต่อปีไม่ถึงอัตราชำระภาษี แต่ประชาชนชาวไทยที่มีงานและรายได้ก็ต้องยื่นเอกสารให้ครบถ้วนทุกปี
  • ถ้าชำระภาษีและทำเอกสารจนครบ สามารถยื่นเรื่องขอเงินภาษีคืนได้หากชำระเกิน โดยจะได้รับเงินคืนภายใน 3 เดือนผ่านทาง PromptPay หรือบัญชีธนาคารกรุงไทยและ ธ.ก.ส.
  • ปัจจุบันสามารถยื่นและจ่ายภาษีผ่านทางออนไลน์ได้หน้าเว็บไซต์กรมสรรพากร ไม่ต้องทำเอกสารเหมือนในอดีตก็ได้
  • หากไม่ได้จัดการเรื่องภาษีให้เรียบร้อยจะต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถขอลดค่าปรับได้
  • แอพฯ จ่ายภาษีเป็นตัวช่วยคำนวณโดยคร่าวๆ ว่าในปีนั้นจะต้องชำระภาษีเท่าไหร่เพื่อให้วางแผนภาษีได้เหมาะสม
จ่ายภาษี

4 เรื่องต้องรู้เมื่อต้องจ่ายภาษี มีเรื่องไหนต้องรู้บ้าง?

  1. ภาษีคืออะไร เงินเดือนเท่าไหร่ถึงต้องจ่าย?
  2. ภาษีส่วนบุคคลสามารถลดหย่อนได้อย่างไร ขอคืนภาษีได้ช่องทางใดบ้าง?
  3. ทำประกันประเภทต่างๆ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?
  4. แอพฯ และระบบคำนวณและช่องทางการยื่นจ่ายภาษีออนไลน์ด้วยตัวเอง!

1. ภาษีคืออะไร เงินเดือนเท่าไหร่ถึงต้องจ่าย?

จ่ายภาษี

ในเมื่อทำงานมีรายได้เอาไว้จับจ่ายใช้สอยและตั้งใจทำงานเต็มกำลังเพื่อให้มีรายรับมากขึ้น กลับกันภาษีซึ่งเป็นเงินที่รัฐเรียกเก็บจากประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อนำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมก็จะมีอัตราเพิ่มขึ้นตามรายได้ส่วนบุคคลเป็นขั้นบันได การเสียภาษีทำเพื่อให้รัฐมีเงินได้ไปพัฒนากิจการส่วนรวมภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่สาธารณสุขผ่านการผลักดันนโยบายต่างๆ ไปจนกิจการป้องกันประเทศ เป็นต้น เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยและคนต่างด้าวผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานจากสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคต้องจ่ายเป็นประจำทุกปี

การเก็บภาษีเงินได้เป็นงานของกรมสรรพากรในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยเรียกเก็บกับประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ ซึ่งรูปแบบของภาษีจะมา 2 แบบ ได้แก่

  1. ภาษีทางตรง: เป็นภาษีของผู้มีเงินได้ต้องจัดการชำระภาษีด้วยตัวเอง แยกเป็นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลกับภาษีเงินได้นิติบุคคล
  2. ภาษีทางอ้อม: ภาษีที่ผู้มีเงินได้ไม่ต้องชำระเองแต่จะมากับสินค้าและบริการต่างๆ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, อากรสแตมป์ ฯลฯ

ระดับรายได้และอัตราภาษีที่กรมสรรพากรเรียกเก็บ

อัตราภาษีเงินได้ของประเทศไทยจะเรียกเก็บเป็นขั้นบันไดเพิ่มขึ้นไปทีละขั้นตามเงินได้สุทธิต่อปี โดยดูได้จากหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งพนักงานบริษัททุกคนจะได้รับเมื่อทำงานจนถึงสิ้นปี แต่สำหรับคนทำธุรกิจส่วนตัวก็ต้องพึ่งการทำบัญชีจดรายรับรายจ่ายทั้งหมดเอาไว้ยื่นกับทางกรมสรรพากรแทน เมื่อทราบเงินได้แล้วก็นำมาคำนวณเพื่อชำระภาษีได้ตามสูตร 2 ขั้นตอนดังนี้

เงินได้-ค่าใช้จ่าย-ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ขั้นตอนต่อไปให้นำมาคำนวณตามสูตรดังนี้

เงินได้สุทธิ*อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

พอได้ผลลัพธ์จึงนำมาเทียบกับตารางอัตราภาษีด้านล่างนี้ว่ารายได้ของเราหลังหักลดหย่อนแล้วเข้าเกณฑ์จ่ายภาษีขั้นบันไดระดับใดและต้องจ่ายภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ซึ่งระดับเงินเดือนอิงกับระดับขั้นบันไดที่กรมสรรพากรกำหนดไว้จะเป็นดังนี้

เงินได้สุทธิต่อปีเงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้นอัตราภาษี (เปอร์เซ็นต์)ภาษีสูงสุดในแต่ละระดับเงินได้ภาษีสะสมของขั้น
0~150,000 บาท150,0005ยกเว้น*0
เกิน 150,000 ไม่ถึง 300,000 บาท150,00057,5007,500
เกิน 300,000 ไม่ถึง 500,000 บาท200,0001020,00027,500
เกิน 500,000 ไม่ถึง 750,000 บาท250,0001537,50065,000
เกิน 750,000 ไม่ถึง 1,000,000 บาท250,0002050,000115,000
เกิน 1,000,000 ไม่ถึง 2,000,000 บาท1,000,00025250,000365,000
เกิน 2,000,000 ไม่ถึง 5,000,000 บาท3,000,00030900,0001,265,000
เกิน 5,000,000 บาทขึ้นไป35
อ้างอิง : https://www.rd.go.th/59670.html

จุดกาดอกจันในส่วนข้อยกเว้นของผู้มีเงินได้สุทธิต่อปี 0~150,000 บาท จะยกเว้นตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 470) พ.ศ. 2551 สำหรับเงินได้สุทธิที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 เป็นต้นไป ประกอบกับมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. 2560 เป็นต้น

ประเภทของแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ชื่อแบบภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.) สุดคุ้นหูแต่ใครหลายคนก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้ฉบับไหนและยื่นเวลาใดบ้าง ถ้าอิงกับทางกรมสรรพากรแล้วในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 5 แบบ โดยมีจุดประสงค์ใช้งานแตกต่างกันดังนี้

ชื่อแบบใช้ยื่นกรณีกำหนดเวลายื่นแบบ
ภ.ง.ด. 90มีเงินได้พึงประเมินทุกประเภทมกราคม~มีนาคม ของปีภาษีถัดไป
ภ.ง.ด. 91มีเฉพาะเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1
ม.40(1) ประเภทเดียว
มกราคม~มีนาคม ของปีภาษีถัดไป
ภ.ง.ด. 93มีเงินได้ขอชำระภาษีล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดเวลาการยื่นแบบตามปกติ
ภ.ง.ด. 94ยื่นครึ่งปีสำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินเฉพาะประเภทที่ 5, 6, 7 และ 8กรกฎาคม~กันยายนของปีภาษีนั้น
ภ.ง.ด. 95คนต่างด้าวผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานจากสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคมกราคม~มีนาคม ของปีภาษีถัดไป
อ้างอิง : https://www.rd.go.th/558.html

ส่วนการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีทั้งหมด 2 ระยะเวลา ได้แก่

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี : เป็นการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้เฉพาะเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 5, 6, 7 และ 8 ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคม~มิถุนายน ไม่ว่าจะมีเงินได้ประเภทอื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม โดยยื่นภายในเดือนกันยายนของปีภาษีนั้นและยอดภาษีที่เสียไปจะเป็นเครดิตหักออกจากยอดภาษีสิ้นปีได้
  2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี : เป็นการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้พึงประเมินที่ได้รับแล้วในระหว่างปีภาษี โดยยื่นตั้งแต่เดือนมกราคม~มีนาคมของปีถัดไป กล่าวคือเงินได้ตอนสิ้นปี พ.ศ. 2567 ต้องนำไปคำนวณเพื่อชำระในเดือนมกราคม~มีนาคม ปี พ.ศ. 2568

ลำดับขั้นตอนการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 กับ ภ.ง.ด. 91 ผ่านอินเทอร์เน็ตมีขั้นตอนดังนี้

จ่ายภาษี
  1. ล็อคอินเข้าหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เลือกเข้าระบบ e-FILING
  2. กรณีเข้าใช้งานครั้งแรกให้สมัครใช้งานก่อน หรือเข้าใช้งานด้วย Digital ID ของแอพฯ ThaID, เป๋าตังหรือแอพพลิเคชันธนาคารก็ได้
  3. เมื่อสมัครเสร็จครบทุกขั้นตอนให้เข้าระบบเพื่อยื่นภาษี เลือกเมนู “ยื่นแบบ”
  4. เลือกแบบภาษีที่ต้องการยื่นภาษีให้เรียบร้อย สำหรับพนักงานบริษัททั่วไปให้ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90/91 โดย ภ.ง.ด. 90 ใช้ยื่นภาษีเงินได้พึงประเมินตามปกติและ ภ.ง.ด. 91 ใช้สำหรับขอคืนภาษี
  5. หลังจากกรอกข้อมูลจนครบให้กดบันทึกข้อมูลแบบ หรือถ้ากรอกเป็นเอกสารตามปกติให้เลือกอัพโหลดไฟล์ข้อมูลแบบ
  6. กดยืนยันการยื่นแบบและแสดงผลการยื่นแบบ โดยระบบจะส่งผลการยื่นแบบไปยังอีเมลล์ที่ลงทะเบียนเอาไว้ด้วย
  7. หลังจากระบบคำนวณและประเมินภาษีเสร็จแล้วสามารถชำระภาษีผ่านช่องทางที่กำหนดได้ทั้งแบบปกติและ e-payment

ในขั้นตอนชำระเงินผ่าน e-payment ผ่านแอพฯ ธนาคาร ให้ทำตามขั้นตอนไปได้จนจบกระบวนการ แล้วข้อมูลรายละเอียดการชำระภาษีของเรา ทางกรมสรรพากรจะส่งไปยังธนาคารโดยตรง ถ้าชำระผ่านทางเคาเตอร์ไปรษณีย์ก็ได้โดยระบบจะแจ้งรายการข้อมูลเพื่อนำไปชำระภาษีได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง (ยกเว้น ปณ. โสกเชือก จ. ร้อยเอ็ด และ ปณ. ชุมแสงสงคราม จ.พิษณุโลก)

วิธีการชำระภาษีจะมีทั้งหมด 5 วิธี ได้แก่

  1. ชำระด้วยเงินสดหรือบัตรอีเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิตหรือเดบิต)
  2. ธนาณัติ
  3. เช็คหรือดราฟท์
  4. e-Payment, ATM on internet, Internet Credit Card
  5. ชุดชำระเงิน Pay in slip ของธนาคาร

2. ภาษีส่วนบุคคลสามารถลดหย่อนได้อย่างไร ขอคืนภาษีได้ช่องทางใดบ้าง?

จ่ายภาษี
ยังดีนะซื้อ LTF/RMF เผื่อเอาไว้ ไม่งั้นภาษีอานแน่…

แม้จะเก็บภาษีเป็นแบบขั้นบันไดก็จริง แต่ทางรัฐบาลก็ยังมีกลไกช่วยเหลือประชาชนอย่าง “การหักลดหย่อน” เอาไว้ช่วยแบ่งเบาให้ประชาชนชำระภาษีน้อยลงจนเหลือแค่หลักร้อยหรือพันบาทเท่านั้น ซึ่งข้อยกเว้นนำมาลดหย่อนภาษีได้จะมีหลายรายการ ได้แก่

รายการลดหย่อนได้อัตราลดหย่อน (บาท)
ผู้มีเงินได้60,000
คู่สมรส (ไม่มีเงินได้)60,000
ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000
บุตรชอบด้วยกฏหมายและบุตรบุญธรรมคนละ 30,000
มีเงื่อนไขว่าถ้าเป็นบุตรชอบด้วยกฏหมายหักได้ไม่จำกัดจำนวน ถ้านำบุตรบุญธรรมมาหักรวมกันกับบุตรชอบด้วยกฏหมายห้ามเกิน 3 คน
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปผู้มีเงินได้ต้องอุปการะบิดามารดาด้วยตัวเอง โดยบิดามารดาต้องมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท

หักลดหย่อนได้คนละ 30,000 และหักลดหย่อนบิดามารดาของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000
ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/ทุพพลภาพคนละ 60,000
ค่าเบี้ยประกันชีวิต โดยกรมธรรม์มีอายุ 10 ปีขึ้นไปของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท หากคู่สมรสมีการประกันชีวิตและความเป็นสามีภริยา
ได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับ
เบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

แต่หากสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้
(ก) ถ้าความเป็นสามีภริยาไม่ได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับ
ยกเว้นภาษี ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับ
ยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 10,000 บาท
แต่ไม่เกิน 90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของ
แต่ละคนหลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46
แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว

(ข) ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้น
ภาษีและภริยาไม่ใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหาก
จากสามีตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้สามี
และภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษี
ตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน
90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของแต่ละคน
หลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แห่ง
ประมวลรัษฎากรแล้ว

(ค) ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้น
ภาษีและภริยาใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหาก
จากสามี ตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร
ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้น
ภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท
แต่ไม่เกิน 90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของแต่ละคน
หลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46
แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสหักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 มีเงื่อนไขว่าบิดามารดาของผู้มีเงินได้ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้ยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000
เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่ได้จ่ายไปจริงในปีภาษี
แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000บาท
แต่ไม่เกิน 490,000 บาท ซึ่งไม่เกินร้อยละ 15
ของค่าจ้างให้หักจากเงินได้
ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินซึ่งต้องเสียภาษีในปีนั้น แต่ไม่เกิน 500,000
เงินที่ใช้ซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)ได้รับยกเว้นเท่าที่จ่ายเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน ต้องไม่เกิน 500,000
ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญหักลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติตามจำนวนจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 500,000 และเมื่อรวมเบี้ยประกันบำนาญ, เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญ ฯลฯ และเงินใน RMF ต้องไม่เกิน 500,000
ดอกเบี้ยกู้ยืมที่จ่ายให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นบริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้าง สำหรับการกู้ยืมเงิน
เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย โดยจำนองอาคาร
ที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืม หักค่าลดหย่อน
ตามจำนวนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
เงินสมทบกองทุนประกันสังคมหักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพหักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000
เงินบริจาคแยกเป็น 2 กรณี
1. เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา, กีฬาและอื่นๆ หักได้ 2 เท่าของที่จ่าย แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลักหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนอื่นๆ
2. เงินบริจาค หักได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อน
ค่าลดหย่อน Easy E-Receipt (2567)ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000
ค่าลดหย่อนเที่ยวเมืองรอง 2567 (รอประกาศเป็นกฏหมาย)ตามจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000
ค่าสร้างบ้านใหม่ปี 2567~256810,000 บาท ต่อจำนวนค่าก่อสร้างที่จ่ายจริงทุก 1 ล้านบาท มากสุดไม่เกิน 100,000 บาท

กรณีใครถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายระหว่างปีมากกว่ามูลค่าภาษีที่ตนต้องจ่ายภาษีประจำปีจริง ก็สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีกับกรมสรรพากรเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน และวิธีการขอคืนเงินภาษีในปัจจุบันก็ง่ายกว่าเดิมมาก ไม่ต้องทำเอกสารส่งเข้ากรมเหมือนในอดีตอีกแล้วและยังรับเงินคืนได้ง่ายด้วย โดยวิธีการจะมีดังนี้

วิธีตรวจสอบสถานะหรือสอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี

ผ่านหน้าเว็บไซต์กรมสรรพากร

  1. เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากรในเมนู My Tax Account ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี
  2. เข้าระบบด้วย RD ID ระบุหมายเลขผู้ใช้, รหัสผ่าน Laser ID หลังบัตรประจำตัวประชาชนหรือใช้ Digital ID ก็ได้
  3. เลือกเบอร์โทรศัพท์เพื่อรับ OTP แล้วกรอกรหัส
  4. เลือกหัวข้อ “ติดตามสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร”

ส่งเอกสารขอคืนภาษีตามปกติ จะมีขั้นตอนการส่งเอกสาร ภ.ง.ด. 90/91 เพื่อประกอบการขอคืนภาษีได้หลากหลายช่องทางโดยทำดังนี้

  1. ส่งเอกสารด้วยตัวเอง
  2. ส่งโทรสาร (FAX) ตามหมายเลขใน “ใบนำส่งเอกสาร”
  3. ส่งเอกสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตผ่านระบบ My Tax Account เลือกหัวข้อ “ติดตามสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร” แล้วเลือกเอกสารเพื่อนำส่ง
  4. อัปโหลดไฟล์เอกสารนำส่งได้ โดยเป็นไฟล์ภาพ JPG, BMP, PNG, TIF, PDF ได้ โดยขนาดแต่ละไฟล์ไม่เกิน 3MB รวมไม่เกิน 20MB ไฟล์ PDF ห้ามล็อครหัสผ่านหรือ Secured

หลังจากยื่นแบบและเอกสารถูกอัปโหลดเข้าไปในระบบของกรมสรรพากรแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจสอบเอกสารยื่นแบบฯ ได้หลังจากนั้น 1 วัน ถ้าต้องการเพิ่มเอกสารเข้าไปอีกก็มีเครื่องหมายบวก (+) ให้กดเพิ่มเอกสารยื่นพิจารณาในภายหลังได้อีกด้วย ส่วนช่องทางการรับเงินคืนจะมี 2 วิธีด้วยกัน คือ

  1. รับเงินคืนผ่านทางรหัส PromptPay ที่ผูกเข้ากับบัญชีธนาคารเอาไว้
  2. คืนเงินผ่านทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือธนาคารเพื่การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยเลือกรับได้ 2 วิธี คือ
    • ไปรับเงินคืนที่ธนาคารด้วยตัวเอง ดำเนินการได้หลังได้รับหนังสือ ค.21 แล้วไปติดต่อธนาคารก็จะได้รับเงินกลับเข้าบัญชีของธนาคารกรุงไทยหรือ ธ.ก.ส.
    • ผู้ขอคืนภาษีมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปดำเนินการที่ธนาคารด้วยตัวเอง พอเดินเรื่องเสร็จแล้วจะได้รับเงินคืนกลับเข้าบัญชีของผู้ขอคืนภาษี

3. ทำประกันประเภทต่างๆ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?

จ่ายภาษี

หนึ่งในวิธีวางแผนลดหย่อนภาษียอดนิยมของคนไทย นอกจากซื้อกองทุน LTF/RMF ก็มีประกันภัยและประกันชีวิตเป็นวิธีลดหย่อนภาษียอดนิยม โดยใช้ลดหย่อนได้ทั้งหมด 4 แบบหลัก ได้แก่

  1. ประกันชีวิตแบบทั่วไป ใช้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี
    • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life)
    • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term)
    • ประกันชีวิตเพื่อการสะสมทรัพย์ (Endowment)
    • ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-Linked)
  2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของเงินเดือนต่อปี ไม่เกิน 200,000 บาท
  3. ประกันสุขภาพตนเอง จะใช้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 25,000 บาท/ปี เมื่อรวมประกันชีวิตทั่วไปจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท/ปี
  4. ประกันสุขภาพของพ่อแม่ ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท/ปี สามารถแบ่งจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ร่วมกับพี่น้องได้ ลดหย่อนได้สูงสุดตามยอดเงินที่หารเฉลี่ยด้วยจำนวนพี่น้องก่อนนำไปหักลดหย่อน เช่น ถ้ามีพี่น้อง 3 คน จะต้องนำ 15,000 หาร 3 = 5,000 บาท/คน

หากครอบครัวไหนทำประกันแบบต่างๆ เอาไว้อยู่แล้วก็ใช้ประโยชน์จากการหักลดหย่อนภาษีได้ตามกฏหมาย แถมครอบคลุมทุกแบบไม่ว่าจะใช้เพื่อรักษาตัวเองหรือลงทุนก็ใช้ลดหย่อนได้ ขอแค่ศึกษาข้อมูลให้ครอบคลุมก็ใช้เป็นส่วนหักลดหย่อนตอนจ่ายภาษีได้เลย


4. แอพฯ และระบบคำนวณและช่องทางการยื่นจ่ายภาษีออนไลน์ด้วยตัวเอง!

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้แนะนำแอพคำนวณภาษีให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเพื่อวางแผนการเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว กลับกันธนาคารชั้นนำของประเทศไทยก็มีระบบหน้าเว็บไซต์ให้ใช้และเช็คผลได้ทันทีว่าจะต้องจ่ายภาษีหรือไม่ โดยแนะนำทั้งหมด 4 เว็บไซต์ ได้แก่

1. โปรแกรมคำนวณภาษี ธนาคารกรุงศรี

จ่ายภาษี

เริ่มต้นจากระบบคำนวณจ่ายภาษีในเว็บไซต์ของธนาคารกรุงศรีนอกจากใช้ง่าย กรอกข้อมูลเพียง 3 ขั้นตอนแล้วระบบก็จะคิดยอดออกมาให้ทันทีว่าปลายปีจะต้องชำระภาษีเป็นเงินจำนวนกี่บาท เริ่มจากกรอกเงินเดือนต่อเดือนเข้าไปในขั้นตอนแรก ตามด้วยเช็คค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัวว่านำส่วนไหนมาคิดเพื่อลดภาษีได้บ้าง ปิดท้ายด้วยการเช็คค่าลดหย่อนภาษีว่าได้ลงทุน, จ่ายเบี้ยประกันชีวิต, สินเชื่อบ้าน ฯลฯ ไปกี่บาท

พอกรอกข้อมูลครบทั้ง 3 หน้าแล้ว ระบบจะคำนวณภาษีต้องชำระรวมทั้งแสดงขั้นของภาษีต้องชำระให้เราเตรียมตัว แต่อย่างไรก็ตามระบบนี้ก็จะผูกพันกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างการลงทุนและประกันภัยของทางธนาคารด้วย แต่ข้อดีคือระบบนี้ไม่ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับชื่อและเบอร์โทรของผู้ใช้แต่เปลี่ยนเป็นให้เบอร์โทรศัพท์เพื่อปรึกษาการลดหย่อนภาษีแทน


2. โปรแกรมคำนวณภาษี ธนาคารกสิกรไทย

จ่ายภาษี

เทียบกันแล้วระบบของธนาคารกสิกรไทยจะเก็บรายละเอียดเยอะกว่า ทั้งเงินโบนัส, รายการลดหย่อนโดยละเอียดทั้งบิดามารดาและผู้พิการที่รับอุปถัมภ์ ไปจนถึงเงินกองทุนกับประกันสังคม เบี้ยประกันชีวิตแยกละเอียดทั้งของส่วนตัวและบิดามารดากับกองทุนต่างๆ เพื่อนำมาคำนวณภาษีแจ้งเราในขั้นตอนสุดท้ายว่ามีเงินได้สุทธิเท่าไหร่ ต้องจ่ายภาษีกี่บาท

กลับกันระบบของธนาคารกสิกรไทยจะเน้นทางการลงทุนและวางแผนกับเงินบริจาคเป็นหลัก ในหน้าสุดท้ายพอแจ้งยอดภาษีต้องชำระแล้วจะมีหน้าต่างแนะนำการลดหย่อนภาษีกับกองทุน SSF / RMF / ThaiESG และเงินบริจาคเพิ่มเข้ามาให้วางแผนจัดการภาษีได้ด้วย นับว่ามีประโยชน์ไม่แพ้กัน


3. โปรแกรมคำนวณภาษี ธนาคารกรุงไทย

จ่ายภาษี

หน้าคำนวณภาษีของธนาคารกรุงไทยจะคล้ายกับหน้าระบบของกรมสรรพากรมาก มีการระบุเงินเดือนเงินได้แบบต่างๆ ไว้ละเอียดจนกระทั่งเงินปันผลให้ลงข้อมูลได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนของวิชาชีพอิสระให้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีช่องให้ข้อมูลประกันชีวิตและดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านให้ใช้ ถ้าใครทำงานฟรีแลนซ์หรือเป็นเจ้าของกิจการน่าจะได้ประโยชน์จากระบบคำนวณนี้แน่นอนและระบบก็คิดภาษีให้รวดเร็วระดับ real-time อีกด้วย

ถ้าเลื่อนหน้าจอลงมาด้านล่างจะเห็นว่าระบบของธนาคารกรุงไทยก็จะมีระบบช่วยแนะนำลดหย่อนภาษีผ่านการลงทุนกับกองทุนแบบเดียวกับธนาคารกสิกรไทยและแสดงตารางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ดูพร้อมให้ผู้ใช้ทดลองกรอกว่าถ้าเฉลี่ยเงินไปลงกับการบริจาคแบบต่างๆ กับการลงทุนแล้วจะต้องจ่ายภาษีช่วงสิ้นปีอีกกี่บาท ทำให้วางแผนการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้นมาก


4. โปรแกรมคำนวณภาษี ธนาคาร UOB

จ่ายภาษี

ระบบของธนาคาร UOB นอกจากใช้งานง่าย เริ่มต้นจากกรอกเงินได้เงินเดือนทั้งหมดเข้าไปแล้วใส่รายละเอียดค่าลดหย่อนทั้งหมดให้ครบถ้วน สุดท้ายก็จะโชว์ยอดชำระภาษีปลายปีให้เรารับรู้ล่วงหน้าและมีระบบวางแผนลงทุนกับบริจาคเพื่อลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน แต่ระบบของ UOB มีข้อดีเรื่องใช้งานง่ายไม่กี่ขั้นตอนและแสดงผลแบบ real-time เช่นกัน แถมจำลองการกระจายเงินลงทุนหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย จึงวางแผนได้ว่าในแต่ละปีหลังหักลดหย่อนแล้วจะเหลือเงินเท่าไหร่

แม้ระบบคำนวณยอดภาษีของธนาคารแต่ละแห่งจะคล้ายกันก็ตาม นั่นเพื่อให้ลูกค้าดั้งเดิมและว่าที่ลูกค้าใหม่ได้ใช้บริการระบบเพื่อวางแผนการเงินของตัวเองและเผื่อให้ลูกค้าได้พิจารณาผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารเพิ่มเติมได้ด้วย


จ่ายภาษี

เรื่องการจ่ายภาษีแม้ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากในสายตาของใครๆ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตไม่แพ้กับการหาและตั้งใจทำงานเลย ในตอนแรกอาจจะดูยุ่งยากรวมทั้งเจอภาษากฏหมายอ่านไม่เข้าใจอยู่พอควร แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีทั้งแอพฯ และเว็บไซต์สำหรับช่วยคำนวณและวางแผนการเงินให้ใช้งานได้ฟรีให้เราไปใช้ได้ทันที จะได้วางแผนถูกว่าต้องลงทุนเพิ่มหรือซื้อประกันภัยตัวไหนอีกไหมเพื่อประหยัดเงินภาษีในแต่ละปีได้มากขึ้นและยังคิดต่อไปในปีหน้าได้อีกด้วย

Photo Credits: Iryna Tysiak via Unsplash, Giorgio Trovato via Unsplash, Kelly Sikkema via Unsplash (1), Kelly Sikkema via Unsplash (2), Scott Graham via Unsplash


บทความที่เกี่ยวข้อง

VOLTME Revo 140
MSI Prestige 16
รีเซ็ตสัญญาณเน็ต
Click to comment
Advertisement

Trending Post

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

แนะนำวิธีเปิดบัญชีออนไลน์ ไม่ต้องไปธนาคาร ทำเองได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน อัพเดท 2024 ปัจจุบัน นอกจากการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านทางแอพพลิเคชันธนาคารจะเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นแล้ว การเปิดบัญชีกับธนาคารต่างๆ ก็สามารถทำแบบออนไลน์ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน แถมไม่ยุ่งยากเลยด้วย ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำวิธีเปิดบัญชีออนไลน์ ไม่ต้องไปธนาคาร ฟรีค่าธรรมเนียม สมัครง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน สะดวก แถมยังรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง หรือรอคิวให้เสียเวลาเลย สอนเปิดบัญชีออนไลน์...

Tips & Tricks

ทำความรู้จัก Easy E-Receipt รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ในการลดหย่อนภาษี 2567 ที่ทุกคนควรรู้ การยื่นภาษีไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็เป็นเรื่องที่บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำอย่างเราๆ จะต้องยื่นในทุกปี หรือใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจเองก็ตาม โดยเฉพาะการยื่นภาษีรายได้บุคคลธรรมดานั้น ทางรัฐบาลเองก็ได้มีนโยบายการลดหย่อนภาษีออกมาอย่างเป็นประจำ และการยื่นภาษี 2567 หรือที่เราจะต้องยื่นในช่วงเดือน มกราคม – เมษายน ปี 2568 นั้น ก็มีนโยบายอย่าง Easy...

SOFTWARE

มีโปรแกรมคำนวณภาษีเอาไว้ คำนวณง่ายๆ จะได้เตรียมตัวยื่นแบบได้ถูกต้องไม่โดนปรับ หน้าที่สำคัญหนึ่งของประชาชนคงหนีไม่พ้นเรื่องการยื่นภาษีเงินได้ของตัวเองทุกปี แต่ปัญหาร่วมของใครหลายๆ คนคือเรื่องการคำนวณภาษีที่หลายๆ คนตามหาโปรแกรมคำนวณภาษีมาใช้คิดคำนวนกัน ว่าปีนี้จะต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ลดหย่อนอะไรได้และจะได้เงินคืนเท่าไหร่? ซึ่งคนที่ถนัดและเข้าใจวิธีการเรื่องยื่นภาษีก็สามารถทำได้ง่ายๆ ในเวลาไม่นาน แต่คนที่ไม่ถนัดเรื่องนี้ก็คงจะหัวปั่นเพราะไม่รู้ไม่แน่ใจว่าต้องกรอกข้อมูลอะไรทำอะไรตรงไหนบ้าง ยิ่งเจอภาษาราชการเข้าไปหลายๆ คนก็อาจจะไปไม่เป็นเลยทีเดียว Advertisement อย่างไรก็ตาม ในยุคนี้ก็มีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคำนวณภาษีได้แบบคร่าวๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนยื่นภาษีจริงผ่านหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากรในภายหลังก็ดี จะได้เตรียมตัวและได้รู้ล่วงหน้าก่อนว่าภาษีที่เราจะต้องจ่ายอยู่ที่กี่บาท ได้เงินคืนเท่าไหร่จะได้วางแผนการเงินส่วนบุคคลได้สะดวกยิ่งขึ้นและเตรียมตัวจ่ายภาษีได้ง่ายขึ้นด้วย 7 โปรแกรมคำนวณภาษีออนไลน์ ใช้ง่ายไม่กี่ขั้นตอนก็พร้อมเตรียมตัวจ่ายภาษี ถ้าใครต้องการเริ่มคำนวณภาษีเอาไว้เพื่อวางแผนการเงิน...

COMMART

มาแล้วกับโปรโมชั่นทุกธนาคาร ที่ไม่ควรพลาดในงาน Commart 2012 บอกได้เลยว่า ธนาคารกรุงเทพ นั้นจัดหนักจริงๆ ส่วน ไทยพาณิชย์?กสิกร และ Citi bank ก็ใช่ย่อย ตามกันมาติด งานนี้เรียกได้ว่าผ่อนกันยาวข้าม Commart ปีหน้าอีกทีเลยละครับ ใครมีบัตรอะไรอยู่ดูได้เลยครับ Advertisement ยี่ห้อ Notebook ตามบูทที่รับบัตรต่างๆ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก