Connect with us

Hi, what are you looking for?

Smartphone News

ปัญหาทางด้านวัฒนธรรมองค์กรของ Samsung ที่ส่งผลให้ฮาร์ดแวร์สุดแจ๋งมีปัญหาเยอะแยะบนสมาร์ทโฟน

ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะยอมรับกันเป็นอย่างดีครับว่าเมื่อเราพูดถึงฮาร์ดแวร์ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของทาง Samsung แล้ว

 

ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะยอมรับกันเป็นอย่างดีครับว่าเมื่อเราพูดถึงฮาร์ดแวร์ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของทาง Samsung แล้ว เรื่องความแรงของมัน, ความทันสมัย ฯลฯ นั้นทาง Samsung ใสมาเต็มที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟนระดับบนที่ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าทาง Samsung ไม่เคยกั๊กเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ไว้เลย แต่ถึงฮาร์ดแวร์จะเร็วและแรงแค่ไหน ทว่าในการใช้งานจริงนั้นเรากลับพบปัญหาบนสมาร์ทโฟนของ Samsung อย่างมากมายซึ่งนั่นเป็นผลทำให้ยอดจำหน่ายสมาทร์ทโฟนของทาง Samsung นั้นลดลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัดเลยหล่ะครับ

Advertisement
A Samsung logo is seen at Samsung Electronics' headquarters in Seoul, South Korea, December 18, 2015. Picture taken on December 18, 2015. REUTERS/Kim Hong-Ji

A Samsung logo is seen at Samsung Electronics’ headquarters in Seoul, South Korea, December 18, 2015. Picture taken on December 18, 2015. REUTERS/Kim Hong-Ji

หากจะว่าไปแล้วสมาร์ทโฟนของทาง Samsung นั่นรุ่งเรืองสุดๆ ในสมัย Galaxy S4 ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายออกมาในปี 2013 ครับ ทว่าพอ 1 ปีผ่านไป Galaxy S5 วางจำหน่ายออกมาดูเหมือนกับว่ายอดขายจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาก ถึงแม้จะมีความพยายามทำให้ Galaxy S6 ดูดีขึ้นด้วยการเพิ่มความหรูหราและหรีเมียมแถมมีการแยกออกเป็น 2 รุ่นแต่ยอดขายก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเหมือนในสมัย Galaxy S4 เท่าไรนัก ปัญหาของ Samsung นั้นไม่ได้อยู่ที่ฮาร์ดแวร์ครับ แต่มันเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นสักทีจนกระทั่งผู้ใช้เริ่มจะเบื่อหน่ายครับ(เพราะซอฟต์แวร์ที่ทาง Samsung พยายามยัดเยียดมาให้ผู้ใช้นี่แหละครับที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ของ Samsung แรงได้ไม่เต็มที่)

ทาง Samsung ได้มีความพยายามในการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดในช่วงปี 2014 – 2015 ที่ผ่านมา แต่จากรายงานยอดจำหน่ายที่สื่อหลายๆ สำนักได้เผยออกมานั้นก็ดูไม่ดีเท่าไรครับ ทาง Reuters ได้เข้าสัมภาษณ์อดีตผู้บริหารของทาง Samsung รายหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้และทางอดีตผู้บริหารรายนี้ก็ได้พูดเรื่องที่น่าสนใจเอาไว้ครับว่าถ้าทาง Samsung ไม่ทำการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรทางด้านวิศวกรรมแล้วหล่ะก็มีหวังเราอาจจะได้เห็น Samsung ต้องออกจากตลาดสมาร์ทโฟนตามที่นักวิเคราะห์ชื่อดังหลายๆ คนทำนายเอาไว้เป็นอย่างแน่ครับ

galaxy-note-5-launcher-apk-696x392

วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นตัวฉุดรั้งความก้าวหน้าและทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของทาง Samsung กำลังจะล่มจมก็คือวัฒนธรรมองค์กรทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือเรื่องของซอฟต์แวร์ของทาง Samsung เองนั่นแหละครับที่เป็นตัวฉุดให้ยอดจำหน่ายของสมาร์ทโฟน Samsung ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าเราจะได้เห็น Samsung พยายามที่จะเพิ่มบริการต่างๆ เข้ามาสำหรับใช้บนสมาร์ทโฟนของตัวเองอย่างต่อเนื่องก็ตามแต่ทว่าหากสังเกตดูแล้วจริงๆ นั้นบริการบางอย่างที่เพิ่มเข้ามานั้นอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดไปแบบเงียบๆ เลยหล่ะครับ

พนักงานภายในของ Samsung คนหนึ่งได้พูดกับทาง Reuters ว่าจริงๆ แล้วได้มีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นจากผู้บริหารระดับสูงที่สามารถจะวางแผนการให้มีการใช้งานซอฟต์แวร์และบริการต่างๆ ให้กับสมาร์ทโฟนของทาง Samsung มากกว่านี้ แต่ทว่าในความจริงที่เคยผ่านมานั้นทาง Samsung ก็ยังคงไปเน้นในเรื่องของฮาร์ดแวร์ดมากกว่าแทน แทนที่จะเจาะลึกด้านซอฟต์แวร์ให้เทียบเท่าไปกับด้านฮาร์ดแวร์ที่ตัวเองมีความสามารถสูงอยู่แล้ว(หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือใช้ทรัพยากรภายในให้เท่าๆ กันไม่ใช่ไปเน้นทางด้านฮาร์ดแวร์แล้วนำเอามันเป็นจุดขาย แต่พอมาในฝั่งซอฟต์แวร์กับบริการแล้วก็ทำให้มันมีไปงั้นแต่ทิ้งๆ ขว้างๆ ครับ)

Samsung Galaxy 600

การที่ยอดจำหน่ายของสมาร์ทโฟนจากทาง Samsung ลดลงนั้นไม่ใช่แค่ปัญหาภายในเพียงอย่างเดียวที่วัฒนธรรมองค์กรของ Samsung ดันไปเน้นฮาร์ดแวร์มากกว่าซอฟต์แวร์และบริการครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นจากการหดตัวของตลาดสมาร์ทโฟนโลกด้วยที่ยิ่งทำให้ฉุดยอดขายสมาร์ทโฟนของ Samsung เข้าไปอีก ปัจจัยหนึ่งที่ทาง Samsung โดนกระหน่ำไปเต็มๆ เลยก็คือสมาร์ทโฟนจากประเทศจีนที่นับวันนั้นยิ่งโจมาตีแรงขึ้นไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ในระดับสูงและราคาถูก แถมที่สำคัญแล้วนั้นสมาร์ทโฟนจากทางประเทศจีนหลายๆ เจ้า(ที่เป็นเจ้าใหญ่ๆ) ก็ไม่มีปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์ของระบบเหมือนกับทาง Samsung ครับ

อย่างที่บอกไปว่า Samsung เคยมีความพยายามในการเพิ่มบริการเสริมเข้ามาเพื่อที่จะเรียกผู้ใช้งานเพิ่มเติมให้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Samsung Pay หรือบริการจ่ายเงินออนไลน์ผ่านทางสมาร์ทโฟนของทาง Samsung ที่ร่วมทำกับคู่ค้ารายใหญ่อย่าง PayPal ไหนจะมีการพยายามเพิ่มสมาร์ทโฟนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม “internet of things”(ที่ทาง Samsung เรียกว่า SmartThings) เพื่อที่ผู้ใช้จะสามารถทำการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน Samsung แต่ ณ เวลาปัจจุบันนี้บริการดังกล่าวก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันดีแถมยังมีท่าว่าอาจจะไปไม่รอดอีกต่างหาก(ถ้าไม่ได้รับการปรับปรุงให้ดี) สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่มากพอครับที่จะช่วยกู้สถานการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนของทาง Samsung ที่ตกลงอย่างต่อเนื่องได้

samsung-galaxy-note-5-keyboard-cover 600

หนึ่งในอุปกรณ์เสริมของ Samsung Galaxy Note 5 ที่ตอนแรกดูเหมือนจะดีแต่ท้ายที่สุดก็หายเข้ากลีบเมฆ

จากการสัมภาษณ์ที่ทาง Reuters ได้มาจากอดีตผู้บริการและพนักงานของทาง Samsung นั้นทำให้เห็นในเรื่องของความสับสนและทับซ้อนกันระหว่างหน่วยงานซึ่งมีการแข่งขันกันเองภายในบริษัท Samsung ครับ รูปแบบเก่าที่ทาง Samsung ใช้มานั้นก็คือการพยายามสร้างความสนใจในระยะสั้นให้กับลูกค้าด้วยการโปรโมทฮาร์ดแวร์ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วพยายามที่ใช้ความทรงพลังทางด้านฮาร์ดแวร์นี่แหละครับในการสร้างแพลตฟอร์มที่จะทำให้ผู้ใช้ติดหนึบอยู่กับ Samsung พร้อมกับมีความภักดีกับทาง Samsung

จะเห็นได้ว่า Samsung นั้นเน้นแต่ด้านฮาร์ดแวร์อย่างเดียวครับ กลับกันแล้วซอฟต์แวค์ที่ควรจะเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้เกิดความภักดีและติดอยู่กับ Samsung เป็นระยะเวลานานๆ นั้นกลับไม่ได้รับความสนใจเลย ผู้ให้สัมภาษณ์คนหนึ่ง(ซึ่งอยู่ในระดับผู้จัดการ) ได้บอกเอาไว้ว่ามีตอนที่จะมีการเปิดตัว Samsung Galaxy S4 ออกมานั้นได้มีบุคคลภายนอกบริษัทต่อสายตรงเข้ามาบอกว่า Galaxy S4 นั้นมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน Hand-free ภายในบริษัทถึง 2 ทีมด้วยกันซึ่งนั่นก็คือทีมของผู้ที่ให้สัมภาษณ์รายนี้กับอีกทีมหนึ่ง

หมายเหตุ – ผู้ให้สัมภาษณ์รายนี้ขอที่จะไม่ให้เผยชื่อเนื่องจากว่าเขาได้ออกมาจาก Samsung แล้วแต่ลูกน้องเก่าๆ ของเขายังทำงานกับทางบริษัทอยู่

ตรงนี้แหละครับที่มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกเป็นอย่างมาก เพราะทั้งๆ ที่เป็นบริษัทเดียวกันแท้ๆ ทว่าภายในบริษัทกลับไม่ได้รู้เรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทับซ้อนกันเองด้วยเลย ต้องให้พนักงานรายอื่นที่ออกจากบริษัทไปแล้วเป็นคนโทรเข้ามาแจ้งให้อีกต่างหาก และนี่ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรเกี่ยวกับทางด้านซอฟต์แวร์ที่แปลกๆ ใน Samsung นะครับ ยังมีหลักฐานอีกหลายอย่าง(ซึ่งผู้ใช้อุปกรณ์ของ Samsung น่าจะพอเข้าใจได้เป็นอย่างดี) ที่ชี้ให้เห็นว่า Samsung ที่ผ่านมานั้นเน้นความสำคัญไปแต่ทางด้านฮาร์ดแวร์ แต่ไม่สนใจซอฟต์แวร์เลย(แถมหน่วยงานซอฟต์แวร์ภายในบริษัทยังถูกกระทำเหมือนกับเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ด้อยค่าของทาง Samsung ครับ)

bgr-samsung-galaxy-note-4-600 01

อดีตพนักงานที่เป็นคนให้สัมภาษณ์กับทาง Reuters นั้นได้กล่าวถึงผู้บริหารระดับสูงไว้ค่อนข้างที่จะรุนแรงเลยทีเดียวครับว่า “ผู้บริหารระดับบนๆ ของทาง Samsung นั้นไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ทางด้านซอฟต์แวร์เลย ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขา(หมายถึงทีมผู้บริหารระดับสูงของทาง Samsung ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ) ได้ฮาร์ดแวร์ที่ดีกว่าใครๆ อีกมากมาย ทว่าเมื่อมองกลับมาทางฝั่งซอฟต์แวร์แล้วมันกลายเป็นหนังคนละม้วนกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความสนใจอย่างสิ้นเชิง”

“ผลที่ตามมาก็คือนวัตกรรมอะไรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์หรือบริการของทาง Samsung นั้นมักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า”

ลองมาดูตัวอย่างของซอฟต์แวร์ที่ล้มเหลวและปิดบริการไปแล้วของทาง Samsung กันครับ

  • ChatOn แอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งมาตั้งแต่ต้นบนสมาร์ทโฟนของ Samsung ในช่วง 3 – 4 ปีก่อน ซึ่ง ChatOn นี้เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการทางด้าน messaging service หรือโปรแกรมแช็ทนี่แหละครับ ด้วยฐานลูกค้าของทาง Samsung ที่มีเยอะเป็นอย่างมาก(ตัวเครื่องจำหน่ายได้มาก) ทำให้ในช่วงแรกๆ นั้นก็มีผู้ใช้ ChatOn เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่คู่แข่งในตลาด messaging service เยอะมากและทาง Samsung เองก็แทบจะไม่มีการพัฒนาลูกเล่นอะไรที่ทำให้ ChatOn สามารถสู้กับคู่แข่งได้เลย ทำให้ในที่สุดก็ปิดบริการไปเป็นที่เรียบร้อยครับ(ปิดบริการเงียบๆ ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาครับ)
  • Milk Video แอปพลิเคชันทางด้านวีดีโอที่ในตอนแรกนั้นถือว่าเป็นโครงการที่ใหญ่พอควรเพราะได้เกิดขึ้นจากผู้บริการไฟแรงคนหนึ่งที่จ้างมาจากทางสหรัฐอเมริกา แล้วก็ตั้งใจจะนำมาเป็นตัวชูโรงของสมาร์ทโฟน Samsung ทว่าผ่านไปได้แค่ปีกว่าๆ เท่านั้นก็ปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาครับ
  • Samsung Hub เชื่อได้ว่าหลายๆ ท่านที่ใช้สมาร์ทโฟน Samsung ช่วง Galaxy S3 หรือ Galaxy Note 2(พร้อมกับอัพเดทรุ่นเก่ากว่าหน่อย) จะเห็นว่าเครื่องสมาร์ทโฟนของตัวเองนั้นมีแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Samsung Hub ซึ่งเป็นการรวบรวมเอาบริการหลายๆ อย่างของทาง Samsung เข้าไว้ด้วยกัน(ซึ่งหลายๆ บริการนั้นก็ไปซ้ำกับของทาง Google) และก็ตามคาดครับคนใช้แอปพลิเคชัน Samsung Hub น้อยมากแถมผู้ใช้ระดับสูงบางรายก็เลือกที่จะถอนการติดตั้ง Samsung Hub ออกไปจากเครื่องของตัวเองไม่ให้มากินเนื้อที่ในหน่วยความจำเล่นๆ และในที่สุดก็ปิดไปเป็นที่เรียบร้อยครับ

samsung Exynos

เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ก่อนอื่นบอกเลยครับว่าการต่อสู้กับสถานการณ์กำไรที่กำลังหดตัวลงเรื่อยๆ ของทาง Samsung นั้นแตกต่างออกไปจากบริษัทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น HTC Corp, Nokia และ BlackBerry ซึ่งบริษัทที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นต่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าในการที่จะพยายามสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมาครับ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Samsung แตกต่างไปจากบริษัทอื่นๆ นั้นก็คือทาง Samsung นั้นเป็นบริษัทที่มาทีหลังชาวบ้านเขาแต่ก็ยังคงสามารถที่จะเอาชนะบริษัทอื่นๆ และก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดแถมยังคงครองตำแหน่งได้อยู่ในปัจจุบัน ทางบริษัทวิเคราะห์ตลาดอย่าง TrendForce ยังคงวิเคราะห์เอาไว้ว่าในปี 2015 นี้นั้น Samsung จะยังคงสามารถส่งออกสมาร์ทโฟนได้มากกว่า 100 ล้านเครื่องซึ่งมากกว่าบริษัทที่อยู่ในอันดับที่ 2 อย่าง Apple อยู่ครับ

อย่างไรก็ตามแต่อดีตผู้บริหารระดับสูงและอดีตพนักงานของทาง Samsung เองนั้นบอกว่า Samsung ได้ล้มเหลวในเรื่องของการสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ภายในบริษัทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การหดตัวของอัตรากำไรขั้นต้นนั้นถึงแม้ว่าดูแล้วจะยังคงสามารถที่จะแข่งขันในตลาดและครองอันดับที่ 1 ต่อไปได้อยู่แต่ทว่าในขณะเดียวกัน Samsung เองก็เริ่มเสียตลาดบางประเทศอย่างเช่นในประเทศจีนให้กับคู่แข่งอย่าง Huawei Technologies Co Ltd. ไปแล้วครับ

bgr-samsung-galaxy-note-edge-600

Samsung Galaxy Note Edge อีกหนึ่งความพยายามที่นวัตกรรมทางด้านฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ไปด้วยกันไม่ได้

ส่วนธุรกิจอุปกรณ์เคลื่อนที่ของทาง Samsung นั้นมีส่วนแบ่งกำไรหดตัวลงถึง 39% ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2015 ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้จากการดำเนินงานทั้งหมด ผลกำไรในกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เคลื่อนที่ของทาง Samsung นั้นได้ลดติดต่อกันต่อเนื่องตั้งแต่ในปี 2010 ครับ จนพอมาปี 2013 นั้นกำไรก็หดตัวลงแบบน่าใจหายเพราะหดตัวลงถึง 68% เลยทีเดียว อ้างอิงจากทางบริษัทวิเคราะห์การตลาดอย่าง Trefis นั้นพบว่าในปี 2015 นี้นั้นส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนของ Samsung จะอยู่ที่ต่ำกว่า 20% ลดลงจากปี 2013 ที่อยู่ที่ 24.6% ดังนั้นแล้วสถานการณ์ของ Sasmung นั้นจึงไม่ค่อยดีครับ

ด้วยการลดลงดังกล่าวนั้นจึงช่วยอธิบายให้เราเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยครับว่าทำไมหัวหน้าผู้ควบคุม Samsung Mobile รุ่นเก่าอย่าง J.K. Shin ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนานถึงได้ยอมออกจากตำแหน่งแล้วยกหน้าที่ให้ Dongjin Koh ขึ้นมาดูแลแทน ทั้งนี้ทางบริษัทเชื่อใจ Koh เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับว่าจะสามารถที่เข้ามาแก้สถานการณ์นี้ให้กับ Samsung ได้ เนื่องจากผลงานเก่าๆ ของ Koh ที่ผ่านมานั้นก็คือ Samsung Pay และ Knox security platform ที่ยังคงเป็นบริการที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และบริษัทอื่นๆ อยู่ครับ

นอกเหนือไปจากที่จะให้ผู้ที่สามารถจัดทำบริการที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางอย่าง Koh ขึ้นมากุมบังเหียนแทนแล้ว ทาง Samsung ยังบอกอีกด้วยครับว่าทางบริษัทมั่นใจกับระบบปฎิบัติการ Tizen ที่ทางบริษัทใช้งานบน TVs และอุปกรณ์สวมใส่ของตัวเองเป็นอย่างมาก แถมในช่วงที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Tizen ก็เริ่มออกวางจำหน่ายแล้วอีกด้วย ทั้งนี้นอกจากที่ทางบริษัทจะรับผิดชอบฮาร์ดแวร์เฉพาะภายในบริษัทเองแล้ว ทางบริษัทจะได้มีการค้นหาบริษัททางด้านซอฟต์แวร์ชื่อดังอื่นๆ มาช่วยทำการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับทางบริษัทด้วย ซึ่งนี่ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่ Samsung มองเห็นจุดอ่อนตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปครับ

หมายเหตุ – ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือออกมาว่าทาง Samsung ได้ให้ Google เข้ามาช่วยเหลือในการขัดเกลาซอฟต์แวร์ TouchWiz UI ที่เป็นปัญหาของ Samsung มาอย่างเนิ่นนานครับ

samsung-galaxy-s5-generic 600

Samsung Galaxy S5 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ยอดขายรุ่งริ่งสุดๆ

อ้างอิงจากทาง Chang Sea-jin ศาสตรจารย์ทางด้านวิชาธุรกิจจาก Korea Advanced Institute of Science and Technology ได้บอกเอาไว้ครับว่าทายาทผู้สืบทอดของ Samsung Group อย่าง Jay Y. Lee มีการแสดงออกที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะทำการผลักดันในเรื่องของซอฟต์แวร์และบริการของทาง Samsung ให้ดีกว่านี้ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ดีของทางบริษัท Samsung ที่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด โดย ณ เวลานี้นั้น Chang เห็นว่าบริษัท Samsung ได้เดินไปในทิศทางที่ถูกแล้วเพียงแต่ว่ากว่าจะเดินมาให้ถูกได้นี่ก็น่าเป็นห่วงเหลือเกินครับว่ามันอาจจะสายไปสักหน่อย

ที่มา : reuters

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

PR-News

ซัมซุงตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเกมมิ่งมอนิเตอร์ โดย Samsung Odyssey Neo G7 คว้ารางวัล The Most Popular Game Device and Gadget สาขา Gaming Monitor กลุ่มรางวัลเกมประเภทอุปกรณ์และเกมมิ่งเกียร์ ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียในปี 2023 ที่งาน Thailand Social AIS...

CONTENT

จัดเต็มพร้อมเจาะลึกไลน์อัป Neo QLED 8K, OLED และ Lifestyle TV ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จากซัมซุง Samsung ผู้นำตลาดทีวีระดับโลก 18 ปีซ้อน จัดงาน Samsung VD Tech Seminar งานระดับโลกจากกลุ่มธุรกิจภาพและเสียงที่ประเทศไทยถูกเลือกเป็นสถานที่จัดงานสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจัดแสดงไลน์อัป Samsung AI...

PR-News

เปิดตัวทีวีซัมซุงแบบว้าวขั้นสุดกับ AI​ จัดเต็มไลน์อัปด้วย Neo QLED 8K, Neo QLED 4K, Samsung OLED, Micro LED, Lifestyle TV และ Sound Device ซัมซุงยังคงสร้างนิยามใหม่ของความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มทีวีได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยทีวียุคใหม่ “Samsung AI TV” พาอุตสาหกรรมทีวีของโลกก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง AI...

Buyer's Guide

10 สมาร์ทวอทช์ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายใส่ก็ดูดี ฟีเจอร์น่าสนใจ ในราคาเป็นมิตร เริ่มต้นแค่ 1,xxx บาท อัพเดท 2024 นาฬิกาออกกำลังกายที่วางขายในท้องตลาดนั้นมีให้เราเลือกเยอะแยะมากมาย มีทั้งรุ่นเล็ก ราคาประหยัด ไปจนถึงรุ่นท็อปๆ ที่จัดเต็มทุกฟังก์ชัน แต่มีราคาสูง ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากมาแนะนำ สมาร์ทวอทช์ น่าสนใจ ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์น่าใช้งาน...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก