10 สมาร์ทวอทช์ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายใส่ก็ดูดี ฟีเจอร์น่าสนใจ ในราคาเป็นมิตร เริ่มต้นแค่ 1,xxx บาท อัพเดท 2024
นาฬิกาออกกำลังกายที่วางขายในท้องตลาดนั้นมีให้เราเลือกเยอะแยะมากมาย มีทั้งรุ่นเล็ก ราคาประหยัด ไปจนถึงรุ่นท็อปๆ ที่จัดเต็มทุกฟังก์ชัน แต่มีราคาสูง ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากมาแนะนำ สมาร์ทวอทช์ น่าสนใจ ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์น่าใช้งาน ในราคาน่าจับจองอีกด้วย โดยจะเน้นไปที่ราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้งานนาฬิกาออกกำลังกาย วัดชีพจร หรือสวมใส่ในชีวิตประจำวัน มีฟีเจอร์น่าสนใจ แต่ราคาไม่แรงจนเกินไป
ตารางเปรียบเทียบสมาร์ทวอทช์
นาฬิกา Smart Watch | ราคา | การเชื่อมต่อ | สิ่งที่น่าสนใจ | ข้อสังเกต |
---|---|---|---|---|
Xiaomi Watch 2 | 6,690 บาท | Wi-Fi 2.4GHz/5GHz Bluetooth 5.2 | หน้าจอมีความสว่าง ระบบปฏิบัติการ Google Wear OS รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชันจาก Third-party รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ การตรวจวัดค่าต่างๆ ได้ดี | ด้วยความที่เป็น Google Wear OS จึงทำให้การใช้งานกับระบบปฏิบัติการ iOS ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ |
Amazfit Active Edge | 4,680 บาท | Bluetooth 5 .0 | แข็งแรงทนทาน มาตรฐาน MIL-STD-810 แบตเตอรี่ทนทาน ใช้งานได้นาน รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ดี มีโหมดออกกำลังกายหลายแบบ | สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ |
Xiaomi Mi Band 8 | 1,190 บาท | Bluetooth 5.1 | ราคาถูก ฟีเจอร์ครบครัน ปรับแต่ง Watch Faces ได้กว่า 200+ แบบ โหมดออกกำลังกายกว่า 150 แบบ มาพร้อม Always on Display | แม้จะมีฟีเจอร์แสดงการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smartwatch ได้ |
SUUNTO 9 PEAK | 9,216 – 11,078 บาท | Bluetooth | ใช้งานได้ยาวนาน 7-14 วัน รองรับการแจ้งเตือนเสียงเรียกเข้า และ ข้อความ (ภาษาไทย) รองรับระบบ GPS Navigation แข็งแรงทนทาน มาตรฐาน US Military Standards โหมดออกกำลังกายหลายแบบ | สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ |
Samsung Galaxy Watch6 40mm. | 8,299 บาท | Bluetooth 5.3 | รองรับการออกกำลังกายกว่า 90 แบบ ส่งข้อความ, โทร, สตรีมเพลง และสิ่งอื่นๆ ได้ รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชันต่างๆ ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Samsung ได้ดี รองรับการกำหนด HR Zone ได้ตามต้องการ | สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ |
Amazfit Balance | 7,790 บาท | Bluetooth 5.0 | ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มีไมโครโฟนในตัว สามารถพูดคุยโทรศัพท์ได้ มีฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ 8 รูปแบบ รองรับการออกกำลังกายหลายแบบ รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ดี | การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัพเดทปรับปรุงระบบต่อไป รวมถึงฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ ของสมาร์ทโฟนด้วย |
Garmin Forerunner 55 Sport Watch | 6,790 บาท | Bluetooth | แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 14 วัน มี GPS ในตัว รองรับการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ Daily Suggested Workouts แนะนำการออกกำลังกาย รองรับ Connect IQ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ | เหมาะกับการออกกำลังกาย ในส่วนของฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์อย่างการโทรหรือมีเดียอื่นๆ นั้นอาจไม่ได้มีมาให้ |
Oppo Watch X | 9,490 บาท | Bluetooth 5.0 | ผ่านการทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ MIL-STD-810H มีไมโครโฟนในตัว รองรับการพูดคุยโทรศัพท์ รองรับการพิมพ์ข้อความตอบกลับ รองรับการใช้งาน Google Maps รองรับการคุยโทรศัพท์, ติดตามการออกกำลังกาย, การติดตามสุขภาพ | เป็น Google Wear OS จึงทำให้การใช้งานกับระบบปฏิบัติการ iOS ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ |
Garmin Instinct 2 Series | 9,891 – 13,221 บาท | Bluetooth | ตอบโจทย์การออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี แข็งแรง ทนทานต่อความร้อนและความเย็น, แรงกระแทก, การกัดกร่อน, การใช้งานบนพื้นที่สูง ฯลฯ ในรุ่น Solar รองรับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแบตเตอรี่ รองรับการออกกำลังกายหลายแบบ รองรับ Garmin Pay รองรับ Connect IQ | เหมาะกับการออกกำลังกาย ในส่วนของฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์อย่างการโทรหรือมีเดียอื่นๆ นั้นอาจไม่ได้มีมาให้ |
Apple Watch Series 8 | 11,800 บาท | Bluetooth 5.3 | ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้ดี มี GPS ในตัว รองรับการชาร์จไว รองรับการตรวจวัดอุณหภูมิ, ออกซิเจนในเลือด, ติดตามการนอนหลับ, การติดตามรอบเดือน รองรับโทรออก ส่งข้อความ และสตรีมเพลงได้ | อกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งเป็นทางฝั่งของระบบปฏิบัติการ iOS เป็นหลัก การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android นั้นจึงมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร ตัวเครื่องเป็นรอยง่าย |
สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี ?
1. Xiaomi Watch 2
เริ่มต้นกันกับ Smartwatch จาก Xiaomi อย่าง Xiaomi Watch 2 Pro ที่มีฟีเจอร์เพียบ ดีไซน์ดูเรียบง่าย เพรียวบาง แต่สวยงาม ดูดี ตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมอัลลอย จึงมีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว มาพร้อม WearOS จาก Google รองรับการใช้งานแอพพลิเคชันกว่า 200 แอพ มีพื้นที่จัดเก็บในตัว พร้อมโหมดออกกำลังกายครอบคลุม
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ AMOLED 1.43″
- วัสดุเป็น Aluminum Alloy
- ชิปประมวลผล Snapdragon W5+ Gen1
- ระบบปฏิบัติการ Google WearOS
- ความสว่างหน้าจอ 600 nits
- รองรับการกันน้ำ 5ATM
- แบตเตอรี่ 495 mAh ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 65 ชั่วโมง
- เซนเซอร์วัดหัวใจแบบ Optical, เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนที่ (Accelerometer), Gyroscope, Ambient light sensor, Electronic compass sensor, Barometer sensor
- รองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ, วัดออกซิเจนในเลือด, การติดตามการนอนหลับ ฯลฯ
- รองรับโหมดการออกกำลังกายกว่า 160+ โหมด
- มีระบบ L1+L5 GNSS 5 ที่ทำให้ GPS แม่นยำยิ่งขึ้น
- หน่วยความจำ RAM 2GB + ROM 32GB สามารถใส่เพลงได้กว่าพันเพลง
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5.2
- รองรับการใช้งาน Google Wallet (ตอนนี้ในไทยรองรับ คือ True Money, ธนาคารกรุงเทพ, TTB และ ธนาคารกรุงไทย – 19/03/2024)
- การรับประกัน 1 ปี
สิ่งที่น่าสนใจ
Xiaomi Watch 2 Pro เป็น Smartwatch ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย หน้าจอ AMOLED มาพร้อมความสว่างถึง 600 nits ทำให้มองเห็นได้ชัดแม้อยู่กลางแจ้ง อีกทั้งด้วยระบบปฏิบัติการ Google Wear OS จึงรองรับการติดตั้งแอพพลิเคชันจาก Third-party ได้มากยิ่งขึ้น แถมยังมี GPS ในตัว ช่วยให้การตรวจวัดการออกกำลังกายเป็นได้ไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ข้อสังเกต
Xiaomi Watch 2 Pro นั้น ด้วยความที่เป็น Google Wear OS จึงทำให้การใช้งานกับระบบปฏิบัติการ iOS ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
ราคา: 6,690 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Xiaomi Watch 2
2. Amazfit Active Edge
สมาร์ทวอทช์ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายใส่ดี อย่าง Amazfit Active Edge นาฬิกา Smartwatch รุ่นใหม่จากทาง Amazfit ที่ดีไซน์ออกมาให้ดูทันสมัย สวยงาม ตอบโจทย์การสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น แถมยังมีมาให้เราเลือกถึง 3 สี ด้วยกัน คือ Lava Black, Midnight Pulse และ Mint Green แถมยังมาพร้อมกับความทนทานที่ผ่านใบรับรองทางการทหาร มาตรฐาน MIL-STD-810 ด้วย
สเปคคร่าวๆ
- จอแสดงผล TFT ความละเอียด 360 x 360, 277 PPI, กระจกเคลือบป้องกันลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ 370 mAh สามารถใช้งานต่อเนื่องนาน 16 วัน และสูงสุดถึง 24 วัน
- ระบบปฏิบัติการ Zepp OS 2.0
- รองรับการกันน้ำ 10ATM
- BioTracker™ PPG biometric sensor, Acceleration sensor
- เซนเซอร์ Gyroscope
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- รองรับการตรวจวัดความเครียด, อัตราการเต้นหัวใจ, วัดคุณภาพการนอน, ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด, ระบบประเมินสุขภาพ PAI18, การติดตามรอบเดือน ฯลฯ
- รองรับระบบดาวเทียมนำทาง ด้วยดาวเทียมถึง 5 ดวง
- มี Zepp Coach ช่วยในเรื่องการออกกำลังกาย
- ใช้งานร่วมกับ Zepp App
- รองรับโหมดการออกกำลังกายกว่า 130+ โหมด
- ปรับแต่ง Watch Faces ได้กว่า 100+ แบบ
- รองรับ Auto-detection การออกกำลังกาย 7 รูปแบบ
สิ่งที่น่าสนใจ
Amazfit Active Edge เป็น Smartwatch ใหม่จากทาง Amazfit ที่ออกแบบมาเพื่อจอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ทั้งยังทนทานต่อแรงกระแทก ไม่เป็นรอยง่าย สามารถตรวจจับการออกกำลังกายต่างๆ ได้ดี รองรับการแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ด้วย รองรับโหมดการออกกำลังกายมากมาย แถมแบตเตอรี่ยังอยู่ได้นานหลายวันด้วย ทำให้ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ
ข้อสังเกต
สมาร์ทวอทช์สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ
ราคา: 4,680 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Amazfit Active Edge
3. Xiaomi Mi Band 8
สมาร์ทวอทช์ Xiaomi ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ด้วยราคาที่ค่อยข้างถูก แต่ฟีเจอร์การใช้งานนั้น ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว และนี่ก็เป็นรุ่นที่ 8 แล้ว กับ Mi Band 8 ที่ยังคงมาในดีไซน์คล้ายๆ เดิม แต่เพิ่มเติมคือหน้าจอที่มีความสวยงาม คมชัด และมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การแสดงผล อ่านค่าต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีขึ้นตามไปด้วย
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.62 นิ้ว 60Hz 326 PPI, ฝาครอบกระจกนิรภัย 2.5D
- หน้าจอความสว่าง 600 nits รองรับการปรับความสว่างอัตโนมัติ
- รองรับการกันน้ำ 5ATM
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ 190mAh สามารถใช้งานได้นาน 16 วัน
- มาพร้อม Always on Display
- รองรับการดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดหัวใจ, ตรวจข้อมูลสุขภาพ, การแจ้งเเตือนออกซิเจนในเลือดไม่ปกติ เป็นต้น
- รองรับการวัดการเต้นของหัวใจ, การวัดออกซิเจนในเลือด, วัดการนอนหลับ, ตรวจวัดความเครียด, การฝึกหายใจ, นับรอบเดือน ฯลฯ
- สามารถดูข้อมูลและปรับแต่งข้อมูลได้แบบ Real-time
- ปรับแต่ง Watch Faces ได้กว่า 200+ แบบ
- รองรับโหมดกีฬากว่า 150 โหมด
- รองรับการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน Mi Fitness
สิ่งที่น่าสนใจ
สิ่งที่ยังเป็นจุดเด่นมากๆ ของรุ่นนี้เลยก็คือ น้ำหนักที่เบา ให้อารมณ์เหมือนใส่ wristband อีกทั้งยังมีราคาถูก แต่มีฟีเจอร์การทำงานต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการวัดค่าต่างๆ โหมดออกกำลังกาย ไปจนถึงการแจ้งเตือนจากการโทรหรือแอพพลิเคชัน
ข้อสังเกต
Mi Band 8 นั้นถึงแม้จะมีฟีเจอร์แสดงการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smartwatch ได้
ราคา: 1,190 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Xiaomi Mi Band 8
4. SUUNTO 9 PEAK
SUUNTO 9 PEAK นาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการออกกำลังกายและไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ดูทันสมัย ออกแบบโดยยึดหลัก Minimalistic Nordic design บาง เบา แต่แข็งแรง มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ชัดเจน มีให้เลือก ทั้งแบบไทเทเนียม คือ Granite Blue, Moss Greyและ สแตนเลส คือ All Black, Birch White
สเปคคร่าวๆ
- วัสดุมีทั้ง Stainless Steel และ Titanium Grade 5
- หน้าจอขนาด 1.2″ วัสดุเป็น Sapphire crystal ความละเอียดหน้าจอ 240 x 240px
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 7-14 วัน
- รองรับการกันน้ำ 100 เมตร
- รองรับการนับก้าว นับแคลอรี่
- รองรับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด, การตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ, ตรวจจับการนอน, การตรวจวัดความเครียด
- รองรับการตรวจวัดอุณหภูมิ, สภาพอากาศ
- มี Barometer ในตัว
- รองรับระบบ GPS Navigation
- รองรับการกระแทกได้ดี ด้วยมาตรฐาน US Military Standards
- รองรับโหมดการออกกำลังกายกว่า 80 โหมด
- FusedTrack ติดตามระยะทางได้ยาวนาน
- Smart Reminders แจ้งเตือนแบตเตอรี่ก่อนใช้งาน พร้อมเลือกโหมดแบตเตอรี่ได้ก่อนและหลังกิจกรรม
- รองรับการแจ้งเตือนเสียงเรียกเข้า และ ข้อความ (ภาษาไทย)
สิ่งที่น่าสนใจ
SUUNTO Core ออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวันและการออกกำลังกาย มีฟีเจอร์ครบครัน ดีไซน์เรียบง่าย ดูดี แต่แข็งแรงทนาน สวมใส่ได้ในทุกโอกาส
ข้อสังเกต
สำหรับ SUUNTO 9 Peak รุ่นนี้ สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ เช่น การตอบกลับข้อความตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ก็จะสามารถใช้งานได้เฉพาะใน Android เท่านั้น เป็นต้น
ราคา: 9,216 – 11,078 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SUUNTO 9 PEAK
5. Samsung Galaxy Watch6 40mm.
สมาร์ทวอทช์ ซัมซุง อย่าง Samsung Galaxy Watch6 รุ่นนี้ มีดีไซน์สวยงาม สามารถสวมใส่ได้ทั้งการออกกำลังกาย และในชีวิตประจำวัน มาในหน้าจอขนาด 40 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สีด้วยกันคือ Graphite และ Gold สามารถอ่านค่าต่างๆ ที่แสดงผลได้อย่างชัดเจน พร้อมชิปประมวลผลที่ทำให้ประสิทธิภาพต่างๆ ในการทำงานนั้นเป็นได้ไปดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถถอดเปลี่ยนสายได้หลากหลายอีกด้วย
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ ขนาด 40 มิลลิเมตร วัสดุเป็น Sapphire crystal glass
- วัสดุตัวเรือนเป็น Amor Aluminum
- ชิปประมวลผล Exynos W930 มาพร้อม ROM 16 GB, RAM 2 GB
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3, Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, GPS, NFC
- แบตเตอรี่ 300 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนาน 40 ชั่วโมง
- รองรับการกันน้ำ 5ATM
- มีเซนเซอร์ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA)
- มีเซนเซอร์ อุณหภูมิ อินฟราเรด
- รองรับการติดตามการนอนหลับ, การเตือนรอบเดือน ฯลฯ
- รองรับการออกกำลังกายกว่า 90 แบบ
- รองรับการกำหนด HR Zone ได้ตามต้องการ
- รองรับการเป็นรีโมทถ่ายภาพสำหรับ Galaxy Z Flip5
- สามารถส่งข้อความ, โทร, สตรีมเพลง และสิ่งอื่นๆ ได้
- รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชันต่างๆ เช่น Audible, WhatsApp, Spotify เป็นต้น
- สามารถถอดเปลี่ยนสายได้หลากหลายตามต้องการ
สิ่งที่น่าสนใจ
Samsung Galaxy Watch6 40mm. เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์ที่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือใส่ใช้งานทั่วไป ทั้งยังรองรับการแจ้งเตือน การตอบกลับข้อความ ไปจนถึงการโทรด้วย ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นอีกหนึ่ง Smartwatch ที่รองรับการใช้งานอย่างครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน Samsung
ข้อสังเกต
สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ
ราคา: 8,299 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Samsung Galaxy Watch6 40mm.
6. Amazfit Balance
Smartwatch อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจจาก Amazfit ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ดีไซน์เรียบหรูดูดี ดูพรีเมียม มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถเปลี่ยน Watch Face ได้กว่าร้อยแบบ แถมยังมีตัวช่วยคำนวณการออกกำลังกายและวัดผลออกกำลังกายด้วย
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ HD AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว ความละเอียด 480 x 480px
- ระบบปฏิบัติการ Zepp OS 3.0
- รองรับโหมดการออกกำลังกายกว่า 150+ โหมด
- รองรับ Zepp Coach ช่วยในการวัดผลการออกกำลังกายที่ดีมากยิ่งขึ้น
- มีฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ 8 รูปแบบ
- รองรับวัดอัตราการเต้นหัวใจ, วัดการหมุนและการทรงตัวม วัดความเร่ง, วัดอุณหภูมิ, วัดระดับออกซิเจนในเลือด, วัดระดับความเครียด, ตรวจวัดการนอนหลับ เป็นต้น
- รองรับการกันน้ำ 5ATM
- มีลำโพงและไมโครโฟนในตัว รองรับการโทรออก – รับสายเรียกเข้า
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi (802.11b/g/n) และ Bluetooth 5.0
สิ่งที่น่าสนใจ
Amazfit Balance เป็นอีกหนึ่ง Smartwatch ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน แถมยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์ผ่านตัวนาฬิกาได้อีกด้วย ในส่วนของการออกกำลังกายก็รองรับหลายรูปแบบ เหมาะทั้งกับคนที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงคนที่ชอบออกกำลังกาย
ข้อสังเกต
การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัพเดทปรับปรุงระบบต่อไป รวมถึงฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ ของสมาร์ทโฟนด้วย
ราคา: 7,790 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Amazfit Balance
7. Garmin Forerunner 55 Sport Watch
นาฬิกา Smartwatch ตอบโจทย์สายออกกำลังกายอย่าง Garmin ที่ในรุ่น Forerunner 55 Sport Watch ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ลงตัว แถมยังมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องออกกำลังกาย โดยเฉพาะในเรื่องของการวิ่งได้เป็นอย่างดี รุ่นนี้มีให้เลือก 4 สี ด้วยกัน ได้แก่ Black, White, Aqua และ Monterra Gray
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ Sunlight-visible, Transflective memory-in-pixel (MIP)
- ขนาดหน้าจอประมาณ 1.04″ ความละเอียด 208 x 208px
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 14 วัน (โหมด GPS นานสูงสุด 20 ชั่วโมง)
- รองรับการกันน้ำ 5ATM
- Sensor: GLONASS, GALILEO, GARMIN ELEVATE, มาตรวัดความเร่ง
- มี GPS ในตัว รองรับการติดตามดูการก้าว ระยะทางและอื่นๆ อีกมากมาย
- รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, ANT+
- รองรับ Connect IQ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้
- รองรับการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ
- มี Daily Suggested Workouts แนะนำการออกกำลังกาย
- รองรับการตรวจวัดต่างๆ เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, การเดิน, แคลอรี่, การนอน, การนับรอบเดือน เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจ
Garmin Forerunner 55 Sport Watch เป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อการสวมใส่สำหรับสายออกกำลังกายโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับสายสุขภาพ หรือหากจะใส่ในชีวิตประจำวัน ตัวนาฬิกาก็มีฟีเจอร์ที่สามารถตรวจวัดค่าต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ข้อสังเกต
สำหรับ Smartwatch รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ในส่วนของฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์อย่างการโทรหรือมีเดียอื่นๆ นั้น ตัว Garmin Forerunner 55 Sport Watch อาจไม่ได้มีมาให้ และนาฬิการุ่นนี้สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ
ราคา: 6,790 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Garmin Forerunner 55 Sport Watch
8. Oppo Watch X
นาฬิกา Smartwatch จาก OPPO ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Wear OS รองรับการใช้งานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่ออกแบบมาได้ดูดี เหมาะแก่การสวมใส่ในทุกโอกาสเลยด้วย รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี ด้วยกัน คือ Mars Brown และ Platinum Black
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ วัสดุเป็น Sapphire crystal glass ความแข็งแรงสูง 2.5D
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความสว่าง 1000 nits
- ผ่านการทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ MIL-STD-810H
- สถาปัตยกรรม Dual-Engine ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon W5 Gen1
- ระบบปฏิบัติการ Wear OS 4 + RTOS จาก Google รองรับแอพพลิเคชันและการเชื่อมต่อบัญชี Google
- แบตเตอรี่ 500mAh สามารถใช้งานได้นาน 12 วัน
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 2GB RAM + 32GB ROM
- รองรับ Wi-Fi 5GHz/2.4GHz รองรับ 802.11 a/b/g/n
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- รองรับ NFC
- รองรับการกันน้ำ 5ATM, มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
- รองรับการคุยโทรศัพท์, ติดตามการออกกำลังกาย, การติดตามสุขภาพ
- รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชันภายนอก
- รองรับการชาร์จไว
- มี GPS ในตัว
- ติดตามข้อมูลได้แบบ Real-time
- รองรับโหมดกีฬาเฉพาะทาง 11 แบบ, รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 100 แบบ
- รองรับการพิมพ์ข้อความตอบกลับ
สิ่งที่น่าสนใจ
Oppo Watch X เป็นอีกหนึ่ง Smartwatch ที่มีฟีเจอร์การทำงานครบครัน แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนาน จอแสดงผลให้ความสว่างที่สว่างมากๆ ทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้ชัด แม้จะอยู่กลางแจ้งในที่แสงเยอะ ที่สำคัญมีการรองรับการออกกำลังกายที่หลากหลายด้วย
ข้อสังเกต
Oppo Watch X นั้น ด้วยความที่เป็น Google Wear OS จึงทำให้การใช้งานกับระบบปฏิบัติการ iOS ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
ราคา: 9,490 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Oppo Watch X
9. Garmin Instinct 2 Series
Garmin Instinct 2 Series นาฬิกา Smartwatch อีกหนึ่งรุ่นที่ออกแบบมาได้ตอบโจทย์การออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี ดีไซน์ดูแข็งแรงทนทาน มีทั้ง Instinct 2 ที่มาพร้อมขนาด 45mm. และ Instinct 2S ที่มีขนาดตัวเรือน 40 mm. ตอบโจทย์การสวมใส่ทุกเพศทุกวัย แบ่งออกเป็นรุ่นย่อยที่มีราคาแต่งต่างกันด้วย คือ รุ่นปกติ และ รุ่น Solar อีกทั้งยังแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น รุ่น Standard, CAMO ที่มีการเพิ่มดีไซน์ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น, TACTICAL ที่เพิ่มฟังก์ชันทางการทหารเข้ามา, SURF ที่เพิ่มฟังก์ชันสำหรับกิจกรรมทางน้ำ การโต้คลื่น และ DEZL ที่มีฟังก์ชันสำหรับคนขับรถบันทุกโดยเฉพาะเพิ่มเข้ามาด้วย
สเปคคร่าวๆ
- มาตรฐาน MIL-STD-810
- ทนทานต่อความร้อนและความเย็น, แรงกระแทก, การกัดกร่อน, การใช้งานบนพื้นที่สูง ฯลฯ
- รองรับโหมดการออกกำลังกายกว่า 30 แบบ
- แบตเตอรี่รองรับการใช้งานยาวนาน 65 วัน
- ในรุ่น Solar รองรับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแบตเตอรี่
- รองรับ Garmin Pay
- รองรับ Connect IQ
- มีเซนเซอร์วัดการดูดซึมออกซิเจน VO2 Max, รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การติดตามการนอน, Body Battery, การตรวจจับความเครียด เป็นต้น
- รองรับการติดตามสุขภาพของผู้หญิง, การเตือนการดื่มน้ำ
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, ANT+
สิ่งที่น่าสนใจ
Garmin Instinct 2 Series เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดีไซน์ออกแบบมาได้เน้นความทนทาน มีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการแสดงผลด้านเวลา, ปฏิทิน, ข้อมูลข้างขึ้น – ข้างแรม, พระอาทิตย์ขึ้น – ตก ฯลฯ และที่สำคัญเลยก็คือฟีเจอร์การติดตามเรื่องสุขภาพ รวมถึงการฝึกซ้อม การออกกำลังกายต่างๆ ด้วย
ข้อสังเกต
สำหรับ Smartwatch รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ในส่วนของฟีเจอร์ไลฟ์สไตล์อย่างการโทรหรือมีเดียอื่นๆ นั้น ตัวนาฬิกาอาจไม่ได้มีมาให้ และนาฬิการุ่นนี้สามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ทัง iOS และ Android แต่ฟีเจอร์การใช้งานก็อาจรองรับแตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการนั้นๆ
ราคา: 9,891 – 13,221 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Garmin Instinct 2 Series
10. Apple Watch Series 8
สมาร์ทวอทช์ จาก Apple ที่ถือว่าเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่าง Apple Watch Series 8 ที่ถึงแม้ว่าจะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว แต่รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมาใช้งานเป็นอย่างมาก
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ Always-On Retina LTPO OLED display
- มี GPS ในตัว
- รองรับการกันน้ำ 50 เมตร, กันน้ำกันฝุ่น ผ่านการรับรอง IP6X
- รองรับการชาร์จไว
- มาพร้อมระบบปฏิบ้ติการ watchOS 9
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- รองรับการตรวจวัดอุณหภูมิ, ออกซิเจนในเลือด, ติดตามการนอนหลับ, การติดตามรอบเดือน
- รองรับคุณสมบัติการตรวจจับการชนกันและการตรวจจับการล้มสามารถติดต่อบริการฉุกเฉินให้โดยอัตโนมัติ
- รองรับโทรออก ส่งข้อความ และสตรีมเพลงได้
- รองรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันจาก App Store
- เซนเซอร์ Gyroscope, การติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ, การตรวจจับการชน, การตรวจจับการล้ม, การตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง
สิ่งที่น่าสนใจ
Apple Watch Series 8 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนาฬิกา Smartwatch ที่ตอบโจทย์ทั้งการออกกำลังกายและใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้งาน iPhone หรือผลิตภัณฑ์จาก Apple อยู่แล้ว ก็จะยิ่งสามารถใช้งานนาฬิกาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข้อสังเกต
ด้วยความที่ Apple Watch นั้น ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งเป็นทางฝั่งของระบบปฏิบัติการ iOS เป็นหลัก ถือเป็นสมาร์ทวอทช์ ไอโฟน เลยก็ว่าได้ การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android นั้นจึงมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร ตัวเครื่องค่อนข้างเป็นรอยได้ง่าย ผู้ที่สวมใส่จึงต้องระมัดระวังการตกหรือกระแทก อีกทั้งแบตเตอรี่ของ Apple Watch นั้น อยู่ได้ไม่นาน จึงจำเป็นจะต้องชาร์จบ่อยครั้ง
ราคา: 11,800 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: APPLE Watch Series 8
และทั้งหมดนี้ก็คือสมาร์ทวอทช์น่าสนใจ น่าซื้อมาใช้งาน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท เหมาะทั้งกับคนที่ใส่ไปออกกำลังกาย ไปจนถึงสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch มาสวมใส่ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือหาซื้อมาใส่กันได้เลย
FAQ / คำถามที่พบบ่อย
1. Smart Watch ข้อดี ข้อเสีย
ข้อดี
- ติดตามข้อมูลสุขภาพได้
- รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ การโทรออก (ในบางรุ่น)
- รองรับการชำระเงินผ่านระบบ NFC หรือ Wallet (ในบางรุ่น)
- ติดตามการออกกำลังกาย ตรวจวัดค่าต่างๆ
- การตั้งเวลา ดูสภาพอากาศ อุณหภูมิต่างๆ
ข้อเสีย
- ราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับนาฬิกาทั่วไป
- แบตเตอรี่ที่ต้องชาร์จบ่อยมากกว่านาฬิกาทั่วไป
- การใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนที่ไม่ครอบคลุม
2. นาฬิกา Smart Watch อันตรายไหม ?
อันตรายที่เกิดจาก Smartwatch นั้น อาจเป็นเรื่องของการสวมใส่มากกว่าการใช้งาน เพราะนาฬิกาจะมีน้ำหนักที่เยอะกว่า เมื่อเทียบกับนาฬิกาทั่วไป รวมถึงการสวมใส่เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ส่วนในแง่ของสุขภาพนั้น ก็มีงานวิจัยที่ชี้ว่าผู้ที่สวมใส่ หากมีภาวะของหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือมีการติดเครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใส่ Smartwatch
3. นาฬิกา Smart Watch ดีไหม ?
นาฬิกาสมาร์ทวอทช์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และการใช้งาน หากต้องการนาฬิกาที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดค่าต่างๆ ทั้งการนอน ไปจนถึงการออกกำลังกาย หรือฟีเจอร์อีกๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเพลง, การติดตาม GPS, การแสดงข้อความแจ้งเตือนต่าง ฯลฯ Smartwatch ก็ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก แต่หากต้องการเพียงแค่การดูเวลาทั่วไป การเลือกซื้อนาฬิกาธรรมดาทั่วไปก็อาจตอบโจทย์มากกว่า
4. สมาร์ทวอทช์ มีประโยชน์อย่างไร ?
สมาร์ทวอทช์นั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแจ้งเตือนแบบ Real-time, การควบคุมเพลง, การแสดงแผนที่ขนาดเล็ก, ฟีเจอร์ SOS สำหรับโทรออกฉุกเฉิน, การติดตามข้อมูลต่างๆ ในด้านสุขภาพ, การระบุตำแหน่งของผู้ที่สวมใส่, การเก็บข้อมูลและตรวจวัดค่าต่างๆ ขณะออกกำลังกาย เป็นต้น Smartwatch จึงถือเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกมายิ่งขึ้น รวมถึงในกรณีฉุนเฉินด้านสุขภาพ การสวมใส่สมาร์ทวอทช์ก็จะช่วยให้เราติดตามความผิดปกติดด้านสุขภาพ และสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงทีอีกด้วย
5. สมาร์ทวอทช์ ต้องใส่ตลอดเวลาไหม ?
Smartwatch ไม่จำเป็นต้องสวมใส่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วเราอาจสวมใส่ในชีวิตประจำวัน แต่ถอดในตอนอาบน้ำและก่อนนอน แต่ถ้าหากใครต้องการใช้การติดตามการนอนหลับก็อาจสวมใส่ในตอนนอน เพื่อให้ Smartwatch ตรวจจับและติดตามการนอนของเรา แต่สิ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือการใส่สมาร์ทวอทช์ในตอนอาบน้ำ เพราะถึงแม้ว่านาฬิกาจะกันน้ำ แต่ก็มีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าได้ หรือแม้กระทั่งน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อวัสดุของนาฬิกาได้
6. นาฬิกา Smart Watch กับนาฬิกาข้อมือธรรมดา ซื้ออะไรดีกว่า ?
ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน หากต้องการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีใน Smartwatch ไม่ว่าจะเป็น การติดตามการออกกำลังกาย, การติดตามการนอน, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ไปจนถึงการแจ้งเตือนต่างๆ สมาร์ทวอทช์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่หากเราต้องการเพียงแค่ดูเวลา วันที่ การเลือกซื้อนาฬิกาข้อมือทั่วไปก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เพียงพอแล้ว