ASUS ZenBook 14 UX435 (EGL) เป็น Intel Notebook รุ่นใหม่ สเปก Core i Gen 11 + MX450 สายทำงานบางเบาประสิทธิภาพสูง มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ โดดเด่นด้วยความบางเฉียบสุดๆ เพียง 14.9 มม. และเบาสุดที่น้ำหนักเพียง 980 กรัมเท่านั้น (EAL) เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนทั้งหมด โดยมาพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อครบครัน โดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 4 ที่เป็นพอร์ตที่ดีที่สุด 2 พอร์ต
อีกทั้งนำเสนอนวัตกรรมขอบจอบาง 4 ด้าน ให้อัตราส่วนขนาดจอต่อตัวเครื่องที่ 90% พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง + พร้อมดีไซน์ใหม่ในสีเทา อย่าง Pine Grey ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ได้เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนขั้นสูง (AI Noise Cancelation) สำหรับการทำงานระยะไกลและการประชุมวีดีโอ โดยแยกเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการออกจากเสียงพูดซึ่งสามารถกรองและแยกเสียงรบกวนรอบข้าง ดีที่สุด
สเปกชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ซึ่งในตอนนี้มี 2 คือ Intel Core i5-1135G7 / Core i7-1165G7 ที่มี AI ช่วยประมวลผล พร้อมการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphics และการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX450 รุ่นใหม่ ได้หน่วยความจำแรมสูงสุดที่ 8GB / 16GB LPDDR4X Bus 3200 MHz ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB หน้าจอเป็นความละเอียด Full HD พาเนลเกรดสูง IPS สีสันสวยงามมุมมองกว้าง
ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ใช้งานได้ทันที และโปรแกรม Microsoft Office Home and Student 2019 ทำให้เราใช้งานเอกสาร Word / Excel / Power Point ได้ฟรีๆ ด้วย สนนราคาเพียง 30,900 / 38,900 บาท ได้การรับประกัน 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty ในปีแรกมาให้อีกด้วย เรียกได้ว่าใครกำลังมองหาโน้ตบุ๊คบางเบาแต่ประสิทธิภาพสูง รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแน่นอน
VDO Review
NBS Verdict
ASUS ZenBook 14 UX435 Ultralight เป็น Ultrabook โน๊ตบุ๊คสายบางเบาอย่างที่สุด โดยได้สเปก Intel Core i Gen 11 (Tiger Lake) พร้อมแฟลตฟอร์ม Intel EVO ที่การันตีถึงประสิทธิภาพโดยรวม ได้ความแรงที่มากขึ้นและพลัง AI ช่วยทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ อาทิ Word, Excel, Power Point หรือ Photoshop / Premiere Pro ที่ทำให้งานที่เราทำนั้นลื่นไหลและไวกว่าเดิม อีกทั้งมีการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphics ที่ประสิทธิภาพสูงกว่าที่เคยมีมา โดยทำงานร่วมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX450 ที่เน้นความแรงที่มากกว่า รองรับ 3 มิติที่ดีกว่า
ได้หน้าจอขนาด 14″ บนมิติตัวเครื่อง 13.3″ ทำให้เล็กกระทัดรักพกพาสะดวก ที่สำคัญเครื่องยังเบาเพียง 980 – 995 กิโลกรัม และตัวเครื่องบางสุดที่ 14.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ตัวเครื่องเองก็ผ่านการทดสอบเรื่องความทนทานระดับ US MIL-STD 810G ตอบโจทย์การใช้งานนอกสถานที่อย่างออฟฟิศ ร้านกาแฟ หรือ Co Working Space อย่างแท้จริง รวมไปถึงแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 13 – 17 ชั่วโมง ได้ความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้า 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello ที่สะดวกและง่ายกว่าการกรอกรหัสผ่านแบบเดิมๆ
ที่นอกจากได้เรื่องของสเปกฮาร์ดแวร์ที่ดีแล้ว ยังได้ตัวเครื่องที่พรีเมียมหรูหรา โดดเด่นด้วยความทนทาน พอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันเท่าที่ตัวเครื่องจะให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต พร้อมกันนั้นยังดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ได้ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรกลับมาแล้ว ทำให้เราสะดวกเหมือนเดิม สำหรับราคาก็คุ้มค่ามากๆ เริ่มเพียง 30,900 บาทเท่านั้น สำหรับสเปก Core i5 ส่วน i7 + MX450 จะอยู่ที่ 38,900 บาท เลือกได้ตามการใช้งานได้เลย แน่นอนว่าถ้าแนะนำควรเป็นรุ่นท็อปไปเลย
จุดเด่น ASUS ZenBook 14 UX435
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
- น้ำหนักเบากแค่ 980 – 995 กรัม บางสุด 14.9 มิลลิเมตร วัสดุเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลด้วย Intel Core i Gen 11 Tiger Lake การ์ดจอ Iris Xe Graphics
- ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก เล่นเกม 3 มิติ หรือตัดต่อวีดีโอได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อม 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน
- มาพร้อม ASUS NumberPad 2.0 ที่เปลี่ยนทัชแพดธรรมดาเป็นปุ่มกดตัวเลข LED
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 13 – 17 ชั่วโมง
- อแดปเตอร์เป็นมาตรฐาน USB-C แล้ว ใช้สะดวกพกพาง่าย
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 3 ปี On-site Service พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- มีอุปกรณ์เสริมอย่างซองเคสใส่เครื่องและสายแปลง USB-A to LAN ให้ทันที
- ราคาคุ้มค่า ประสิทธิภาพดี เมื่อเทียบรุ่นก่อนๆ
ข้อสังเกต ASUS ZenBook 14 UX435
- หน่วยความจำเป็นแบบฝังบอร์ดมาเลย และไม่รองรับการอัพเกรด
- ความเร็วจากการทดสอบ SSD มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับกลางๆ
- ความสว่างหน้าจอไม่สม่ำเสมอแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ไม่มีปัญหา
Specification
ASUS ZenBook 14 UX435 Ultralightมีอยู่ 2 สเปกในตอนนี้ คือ Intel Core i5-1135G7 ราคา 30,900 บาท ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 11 nm SuperFin ที่แรงขึ้นมากพร้อมด้วย AI ช่วยทำงานบางอย่างในตัว เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีขึ้นมากอย่าง Intel Iris Xe Graphics ได้แรม 8GB LPDDR4X Bus 4266 MHz แบบฝังบอร์ด และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
ส่วนอีกสเปก คือ Intel Core i7-1165G7 ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.80 GHz – 4.70 GHz แน่นอนว่าแรงกว่ารุ่น Core i5 ประมาณนึง ส่วนการ์ดจอเป็น Intel Iris Xe Graphics เหมือนกัน อีกทั้งยังเหนือชั้นกว่า ตรงที่ติดตั้งการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce MX450 (2GB GDDR6) ได้แรมที่มากกว่าที่ 16GB LPDDR4X Bus 4266 MHz แบบฝังบอร์ด ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB เหมือนกัน โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักที่มากกว่า 100 กรัม
หน้าจอขนาด 14″ เป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD แบบจอด้านลดแสงสะท้อน พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว รองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมกล้อง 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ไว้สแกนใบหน้าเพื่อเข้าใช้งาน ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยตรงจุดนี้
มีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ครบทั้ง 2 x Thunderbolt 4 (USB 3.2 Type-C), USB 3.2 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก โดยได้ติดตั้งพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรกลับมาแล้ว ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด การรับประกัน 3 ปี On-site Service รวมถึงถ้าลงทะเบียนในเว็บไซต์ ปีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย (Perfect Warranty) หน้าสเปกเต็มๆ ของ ASUS ZenBook 14 UX435 ได้ตามนี้เลย
- Core i5-1135G7 / Iris Xe / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 30,900 บาท
- Core i7-1165G7 / Iris Xe + MX450 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 38,900 บาท
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คที่หรูหราบางเบา แต่ก็ยังมาพร้อมความคุ้มค่าทำให้ ASUS ZenBook 14 UX435 Ultralight มีความบางเบาที่สุด โดยบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 980 – 995 กรัม สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คระดับสูง หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ พร้อมผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ทนทานต่อการใช้งาน ที่สำคัญคือได้ภาพลักษณ์ด้วย
โดย ASUS ZenBook 14 UX435 วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมและแม็กนีเซียมอัลลอยด์แบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่างสีเทา อย่าง Pine Grey ให้ความหรูหราพรีเมียมไม่เหมือนใคร พร้อมรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบโค้งมน รวมไปถึงด้านในอย่างตัวอักษรคีย์บอร์ด มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น กับราคาก็ไม่แพงด้วยจากการที่สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5 + Iris Xe Graphics หรือ Core i7 + MX450 ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนๆ
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของ ASUS ZenBook 14 UX435 ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2.5 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 150 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง
ซึ่งมุม 3 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าด้วยฟีเจอร์บานพับเดียวนี้ ทำให้การใช้งานดีขึ้นทั้ง 3 ด้านเลย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ASUS ZenBook 14 UX435 ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียม พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐานที่มีรัศมี Zen ที่เป็น DNA สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลยในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของชุดบันเดิลที่ให้กับ ASUS ZenBook 14 UX435 มีทั้งในส่วนของซอฟต์เคสที่ดูดีลงตัวกับเครื่อง อีกทั้งได้ตัวแปลง USB-A to LAN RJ45 มาให้ใช้งานได้ทันที ตอบโจทย์คนที่ต้องการหรือจำเป็นใช้งานเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบสาย LAN อยู่เช่นตามที่ทำงานรวมไปถึงองค์กรต่างๆ โดดเด่นด้วยอแดปเตอร์ชาร์จไฟ ที่เป็นมาตรฐาน USB-C แบบ USB PD
ทำให้ในการใช้งานร่วมกับตัวเครื่องได้สะดวกสบาย เพราะเราสามารถนำอแดปเตอร์นี้ไปชาร์จมือถือรุ่นใหม่ๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้แทบทั้งหมด อาทิ กล้องดิจิตอล หรือ Power Bank นับได้ว่า ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นการมาของ Intel Notebook หน้าจอ 14″ สายทำงานบางเบาที่ครบเครื่อง มีดีที่สเปกแรงลื่น ราคาคุ้มค่า ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ยืนยันได้เลยว่า ASUS ใส่ใจในการออกแบบ รายละเอียด เพื่อการรองรับใช้งานจริงของคนรุ่นใหม่จริงๆ
Keyboard / Touchpad
ปุ่มคีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook 14 UX435 มีขนาดใหญ่เป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง จัดว่าอยู่ในขนาดพอตัวเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 14″ ทำให้พอมีพื้นที่เว้นว่างบ้าง โดยมีระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งให้สัมผัสในการกด การเด้งของปุ่มที่ดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
ส่วนไฟ LED ที่คีย์บอร์ดก็จะเป็นสีขาวตัวอักษรเป็นสีขาวเข้ากัน พร้อมไฟส่องสว่างทำให้เราใช้งานในที่แสงน้อยหรือมืดๆ ซึ่งสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ส่วนปุ่ม Fn ที่เป็นทางลัดต่างๆ ติดตั้งอยู่ชุดคีย์บอร์ดแถวบนเป็นมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ มาก เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องโดยรวมที่มีเล็กกระทัดรัดถือว่าจัดเต็มเรื่องของการใช้งานจริง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกโดยเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ซึ่งขอบรอบๆ มีการเล่นสีสันเป็นสีมันวาวสะดุดตา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเมาส์มาต่อเพิ่มเลยก็ว่าได้
ส่วนที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ASUS ZenBook 14 UX435 มีแผงปุ่มตัวเลขที่ซ่อนอยู่ในทัชแพดครับ โดยใช้ชื่อเรียกว่า NumberPad 2.0 ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะไอคอนตรงมุมขวาบนของทัชแพดค้างไว้ 1 วินาที เส้นไฟสำหรับแบ่งพื้นที่ของแต่ละปุ่มก็จะปรากฏขึ้นมาให้ใช้งานเป็น Numpad ได้ทันที ซึ่งแม้ว่าจะมีปุ่มขึ้นมาแล้ว ผู้ใช้ก็ยังสามารถใช้ทัชแพดในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้อยู่ แต่หากมีการจิ้มลงบนพื้นที่ของแต่ละปุ่มเพื่อคลิกซ้าย ก็จะเปรียบเสมือนการกดปุ่มตัวเลขด้วย
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นจอด้าน แบบขอบบางทั้ง 4 ด้าน ให้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดระดับสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามสมจริงทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบ ตามสไตล์ NanoEdge Display โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 92% เป็นหน้าจอแสดงผล มาพร้อมกับ TÜV Rheinland certified eye care ได้รับการยอมรับจาก TÜV Rheinland ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในการตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณท์ต่างๆ ช่ายถนอมสายตา และป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่ เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบคู่มาปกติที่ขอบด้านบน
พร้อมด้วย 3D IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแข็งแรงทนทานได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook 14 UX435 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีที่สูง รองรับการทำงานที่เน้นกราฟิก หรืองานด้านการถ่ายได้ระดับมืออาชีพ
ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในที่ต่างๆ ได้แบบสบายๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 3.5 คะแนน ซึ่งปกติแล้วควรได้ 4.0 คาดว่าน่าจะเป็นเพราะความสม่ำเสมอของความสว่างทำได้ระดับกลางๆ นั่นเอง
ตัวลำโพง ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ
พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า เมื่อกางบานพับจอแบบ ErgoLift ออกมา ฐานเครื่องก็จะยกขึ้นเพื่อให้เสียงจากลำโพงสะท้อนกับพื้นเพิ่มมิติของทิศทางเสียง ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
Connector / Thin And Weight
ASUS ZenBook 14 UX435 ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คบางเบา ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Type-A จำนวน 1 พอร์ต ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับเมาส์หรือแฟลชไดร์ฟไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้สะดวก โดดเด่นด้วยการติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 พอร์ต แน่นอนว่ารองรับการชาร์ไฟเข้าเครื่องทั้ง 2 พอร์ต ทั้งอแดปเตอร์อื่นๆ ที่เป็น PD หรือ Power Bank รวมถึงต่อหน้าจอแยก 4K / 8K อีกด้วย
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมี HDMI มาให้ ส่วนช่องอ่าน micro-SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง อย่างไรก็ตามจากรุ่นก่อนหน้าที่ตัดออกไป ในรุ่นนี้ช่องเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรได้กลับมาแล้ว ถือว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเป็น คนที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เยอะๆ ต้องหาซื้อ USB-C Hub มาเพิ่มเติมก็จะดีมากๆ เพราะพอร์ตโดยรวมแล้วก็น้อยตามลักษณะของตัวเครื่องเป็นปกติ
ขนาดของตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 995 กรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 1.2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 14″ รุ่นก่อนๆ แค่ตัวเครื่องก็จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.5 กิโลกรัมขึ้นไปแน่นอน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UX435 ตอบสนองในเรื่องของการพกพาใส่กระเป๋าไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ
Performance / Software
ASUS ZenBook 14 UX435 สเปก Core i Gen 11 เมื่อตรวจสอบข้อมูลของชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i7-1165G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 2.40 – 4.70 GHz มีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W – 28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i7 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin Willow Cove
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบฝังบอร์ด เป็นมาตรฐาน LPDDR4X 4266 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
อีกทั้งมีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX450 มาพร้อมกับสถาปัตยกรรฐานอย่าง TU117 โดยตัวชิปจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาฐานอยู่ที่ 540 MHz จุดที่น่าสนใจนั้นก็คือตัวหน่วยความจำสำหรับชิปกราฟิกรุ่นดังกล่าวนี้นั้นจะมาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ GDDR6 ขนาด 2 GB ซึ่งนั่นทำให้ตัวชิปดังกล่าวจะมีแบนด์วิดธ์ในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 10 Gb/s เลยทีเดียว โดยใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 12nm เช่นเดียวกันกับชิปกราฟิกสถาปัตยกรรม Turing รุ่นอื่นๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอที่อัพเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1748 MB/s และเขียนที่ 965 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe ระดับมาตรฐานที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,109 คะแนน (ใกล้เคียง Gaming Notebook ยิ่งขึ้นไปอีก) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ซึ่งก็พอได้ แต่คงตอบสนองได้ไม่เท่าพวก Gaming Notebook หรือโน๊ตบุ๊คแรงๆ ที่ใช้ Core i ตระกูล H และการ์ดจอ GTX
ทดสอบเกมสำหรับ ASUS ZenBook 14 UX435 สเปก Intel Core i Gen 11 + NVIDIA GeForce MX450 ได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในที่จัดเต็ม
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 83 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 27 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม Overwatch / PUBG ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 139/85 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 109/50 เฟรมเรท ก็ทำออกมาได้ลื่นไหลกว่าที่คาดไว้พอตัว อย่างไรก็ตามด้วยตัวเครื่องที่บางเบาสุดๆ ทำให้เป็นข้อจำกัดอยู่บ้าง
ASUS ZenBook 14 UX435 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผลอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook 14 UX435 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 4000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 13 – 17 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ด้วยการทดสอบปรับเป็น Power Saver Mode แล้วดู Youtube ยาวๆ
ซึ่งคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome นั่นเอง อีกทั้งมีฟังก์ชั่นชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จไฟกลับคืนให้กับแบตเตอรี่ 0 ไปจนถึง 60% ในเวลาเพียง 49 นาที ทำให้เครื่องกลับมาพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วย
อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ล่าสุดได้ทดสอบดูผ่านทางโปรแกรม Hardware Monitor โดยมีความร้อนสูงสุดคือ 95 องศาเซลเซียส และการ์ดจอแยก MX450 ร้อนที่สุดที่ 63 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการเล่นเกมและประมวลผลงานต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 – 27 องศาเซลเซียส
เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook 14 UX435 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่ไม่ถึงกับเย็นมาก เพราะจากการที่ตัวเครื่องเน้นความบางสุดๆ อย่างไรก็ตามไม่ได้ส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายแต่อย่างใด แต่ก็อาจจะมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกบ้างเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็น Intel Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้ดีในระดับที่เราไม่ต้องกังวลแล้ว
โดยตัวเครื่องมีความรู้สึกว่าร้อนอยู่บ้างเวลาใช้งานหนักๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวลมากนัก เพราะเวลาใช้งานจริงๆ เราคงไม่ได้เอาไปเล่นเกมหรือประมวลผลงานหนักๆ หรือต่อเนื่องยาวนานอยู่แล้ว จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คพกพาบางเบา ไม่ใช่ Gaming Notebook โดยตรงนั่นเอง
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS ZenBook 14 UX435 Ultralight ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล ZenBook ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ โดดเด่นด้วยการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ระดับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีความทนทานมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพจากการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake โดยมี Intel Iris Xe Graphics ที่ทั้งแรงขึ้นพร้อมมี AI ช่วยทำงานส่งเสริมประสบการณ์ใช้งานโปรแกรมต่างๆ ที่สนับสนุน ซึ่งในสเปกที่เราทดสอบเป็น Core i7 ก็มีในส่วนของการ์ดแยก MX450 มาเสริมความแรงด้วย (แต่ก็หนักขึ้นเล็กน้อยที่ 100 กรัม) สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาระดับสูงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ
ทางด้านราคา ASUS ZenBook 14 UX435 ถือว่าเป็นที่สุดของความคุ้มค่า สนนราคาที่ 30,900 – 38,900 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องฟีเจอร์ที่ครบเครื่องมากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง NumberPad 2.0 และ 3D IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello อีกทั้งด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเทียบและมีหน้าจอขนาด 14″ แต่มิติรูปทรง น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 14″ ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 980 – 995 กรัมและบางเพียง 14.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
เอาเป็นว่า ASUS ZenBook 14 UX435 สมแล้วที่จะเป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คบางเบาในราคาคุ้มค่า แต่ก็จัดเต็มทุกๆ อย่าง ที่โดดเด่นเลยก็คือ มาตรฐาน Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ตที่ดีที่สุด จากการที่สเปกเป็น Intel Core i Gen 11 พร้อมชูนวัตกรรม ErgoLift นอกจากนี้ยังได้หน่วยความจำแรม พร้อม SSD ที่เร็วแรง และโปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,299 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย ส่วนข้อสังเกตอาจมีบ้างอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้อยู่
สรุปแล้ว ASUS ZenBook 14 UX435 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ดีลื่นไหล ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา พร้อมการรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่อัพเกรดเป็นมาตรฐานประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ้อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้วด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UX435 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา ก็คือขนาดที่กะทัดรัด เบาสุดๆ ที่ 980 – 995 กรัมเท่านั้น ซึ่ง ASUS ZenBook 14 UX435 ตอบโจทย์การใช้งานสาย Mobility ได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเฉียบ ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานระดับกองทัพ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 13 – 17 ชั่วโมงอีกด้วย เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องพกอแดปเตอร์ไปด้วยเลย หรือจะพกไปก็เล็กมากๆ
Best Ultrabook
ฟีเจอร์โดยรวมของ ASUS ZenBook 14 UX435 เป็น Ultrabook ที่ได้ Intel EVO มีความโดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานขั้นสูงจากการใช้งานชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งความเร็วเร็วในทุกๆ การทำงาน แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า โดยมีฟีเจอร์สแกนใบหน้า 3D IR Camera และฟีเจอร์อื่นๆ จัดเต็ม เสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี รายละเอียดรอบนอกเครื่องดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ วัสดุหลักเป็นอลูมิเมียมเกรดสูงแบบ Unibody ที่ไร้รอยต่อ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีสันอย่างสีเทา (Pine Grey) ที่หรูหราพรีเมียม
Best Value
แม้ ASUS ZenBook 14 UX435 จะเป็นโน๊ตบุ๊คสายบางเบาพกพาสะดวก แต่ราคาก็จัดว่าไม่แพงเลยประมาณสองหมื่นบาทกลางๆ เท่านั้น บอกว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยราคาขาย 30,900 – 38,900 บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง Intel Core i Gen 11 + MX450 รวมถึงมีแรม 8GB – 16GB LPDDR4x 4266 MHz และSSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม แถมได้ Office แท้ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 3 ปี On-site + Perfect Warranty ในปีแรก เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย