ในเดือนตุลาคมนี้คงไม่มีเกมออกใหม่เกมไหนที่โดดเด่นไปกว่า Assassin’s Creed: Origins แล้วล่ะครับเพราะเป็นเกมฟอร์มยักษ์จาก Ubisoft และยังเป็นธีมอียิปต์โบราณสุดอลังการอีกด้วยแต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของระบบเกมที่พัฒนามากกว่าเป็นแค่เกมแอ็คชั่นลอบเร้นที่ภาคล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นเกมแอ็คชั่นผสม RPG มากขึ้น
แต่การเพิ่มความเป็นเกม RPG แบบนี้มันจะทำให้ตัวเกมเสียบรรยากาศหรือทำลายความเป็นเกมนักฆ่าได้หรือไม่นั้นทาง PCGAMER ได้วิเคราะห์ให้ความเห็นว่า Assassin’s Creed: Origins มีสิ่งที่เพิ่มเติมหลายอย่างซึ่งช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเพลิดเพลินสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างมากขึ้นแต่มันก็อาจทำให้เกมแย่ลงไปด้วยครับ
เก็บเลเวลบนโลก Open-World
แต่สิ่งที่เป็น RPG ใน Assassin’s Creed: Origins จะมีอะไรบ้างนั้นหลังจากที่ได้ทดลองทดสอบตัวเกมฉบับเดโมไปก็พบว่าตัวเกมมีระบบเลเวลเก็บค่าประสบการณ์ให้ด้วยและก็ไม่ใช่แค่เก็บเลเวลให้สูงขึ้นธรรมดาแต่มันส่งผลต่อการปลดล็อคภารกิจด้วยครับเพราะในบางภารกิจจะบอกว่าต้องการเลเวลเท่าไหร่ถึงจะทำได้
นอกจากนี้เมื่อเก็บเลเวลแล้วการปลดล็อคทักษะสกิลก็มีส่วนสำคัญก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นแล้วว่าต้องการอัพสกิลบน Skill Tree ไปในทิศทางไหนโดยทักษะจะมีหลายรูปแบบให้เลือกทั้งจู่โจมระยะใกล้หรือใช้ธนูระยะไกลก็ยิ่งเพิ่มแนวทางการเล่นกว่าภาคก่อน ๆ มากขึ้น
มีกิจกรรมให้ทำมากกว่าผ่านภารกิจ
เมื่อมีระบบเก็บเลเวลก็ต้องมีเควสรางวัลเพิ่มค่าประสบการณ์ด้วยซึ่งในภาค Origins จะมีเควสมีกิจกรรมให้ทำเยอะมากและเข้ากับธีมอียิปต์ตั้งแต่ช่วยเหลือชาวบ้านตามท้องถนนจากเหล่าอันธพาลหรือล่าสัตว์ก็มีให้ทำเช่นจัดการจระเข้สังหารฮิปโปและการที่ตัวเกมเปิดกว้าง Open World ก็ยิ่งให้อิสระมากขึ้นจะจัดการมันบนบกหรือล่อลงในน้ำก็ยังได้
ระบบการต่อสู้
ในส่วนระบบการต่อสู้ในภาค Origins ก็มีส่วนที่แตกต่างโดยจะไม่มีแอนิเมชั่นเท่ ๆ พิฆาตศัตรูแต่เน้นที่ความคล่องตัวรวดเร็วมีอาวุธให้หยิบใช้หลายแบบจะเป็นดาบสั้นหรือหอกยาวหรือธนูตัวเกมก็จะมีช่อง Slot ให้ใส่อาวุธแต่ที่น่าสนใจก็คือจะมีเกจอะดรีนาลีนซึ่งถ้าหากเกจเต็มจะสามารถใช้ท่าพิเศษโจมตีแรงกว่าปกติได้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะผิดทาง
ถึงแม้จะมีสิ่งใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามากับการผสมความเป็นเกม RPG เข้าไปทำให้ตัวเกมดูมีอะไรน่าเล่นมีกิจกรรมย่อยให้ทำเยอะขึ้นแต่ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แก่นของตัวเกมเจือจางไปเช่นเป้าหมายที่ต้องการสังหารหรือการที่ตัวละครได้โลดแล่นบนหน้าประวัติศาสตร์อันโด่งดังแต่ตัวเกมได้ให้ผู้เล่นทำภารกิจย่อยมากมายอย่างการช่วยชาวบ้านหรือไปฆ่าฮิปโปแทนเสียอย่างนั้น
ดังนั้นแล้วเลยมีความกังวลว่าความเป็น RPG จะทำให้ตัวเกมเสียตัวตนที่แท้จริงไปซึ่งอาจจะกลายพันธ์เป็นเกมแฟนตาซีทั่วไปและถ้าหากเป็นอย่างนั้นคาดว่าทางผู้พัฒนาคงจะเดินหมากพลาดในระยะยาวแน่ ๆ
หรือมันอาจจะดีกว่าเดิม?
แต่อย่างไรก็ตามการทำเช่นนี้มันก็มีข้อดีเช่นกันดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าตัวเกมมีกิจกรรมให้ทำเยอะขึ้น ส่วนนี้ก็เปิดโอกาสให้ทีมพัฒนาได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ หรือได้เปิดโอกาสให้เล่าเรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งอย่างการที่ได้พบปะกับ คลีโอพัตรา และ จูเลียส ซีซาร์ รวมถึงผู้คนรอบแม่น้ำไนล์มันคงจะแปลกใหม่ไม่น้อยทีเดียวครับกับการได้ให้ผู้เล่นพบกับ 2 นักปกครองผู้ยิ่งใหญ่
ฉะนั้นแล้วอาจจะยังไม่มีการฟันธงแน่นอนเพราะตัวเกมที่ได้ลองเป็นฉบับเดโมสั้น ๆ แต่การเพิ่มแนว RPG เข้าไปด้วยก็ทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ มากขึ้นแต่ตัวเกมจะถูกลดทอนแก่นหลักของนักฆ่าไปหรือไม่ก็คงต้องมาติดตามกันต่อในเกมตัวเต็มที่จะวางขายวันที่ 28 ตุลาคมนี้ครับ
ที่มา: PCGAMER