Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

Special Story

คีย์บอร์ด Mechanical ทำเอง จะทำต้องรู้อะไรบ้าง ฉบับปี 2021

คีย์บอร์ด Mechanical ยุคนี้นอกจากสำเร็จรูป แบบทำเองก็มีแบบประกอบเอง ซึ่งสนุกไม่แพ้กัน

kbcover

คีย์บอร์ด Mechanical แบบทำเองหรือ Custom Mechanical Keyboard เริ่มได้รับความนิยมในวงผู้ใช้กลุ่มหนึ่งแล้วค่อย ๆ ขยายออกเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความที่ผู้ใช้เองก็อยากมีคีย์บอร์ดที่ทั้งดีไซน์, สวิตช์และฟังก์ชั่นที่ใช้งานถูกใจและตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองมากกว่าคีย์บอร์ดจากโรงงาน เมื่อความชอบความสนใจที่ตรงกันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ เกิดเป็นกลุ่มคอมมิวนิตี้รวมคนที่ชอบคีย์บอร์ดประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งชุมชนคนที่ชอบ Mechanical Keyboard ประเภทนี้ในประเทศไทยก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

ซึ่งนอกจากการเลือกดีไซน์, สวิตช์และฟังก์ชั่นที่ปรับแต่งเองได้อย่างอิสระแล้ว สิ่งที่ผู้ใช้หลายคนสนใจและเลือกทำคีย์บอร์ดประเภทนี้ก็เพราะสัมผัสการพิมพ์กับเสียงตอนกดปุ่มพิมพ์งานที่ให้สัมผัสที่โดดเด่นกว่าคีย์บอร์ดสำเร็จรูปในระดับที่ดีกว่าอย่างรู้สึกได้ ซึ่งต้องผ่านการ Lube หรือการทาสารหล่อลื่นภายในตัวสวิตช์เพื่อให้สัมผัสการพิมพ์และเสียงนุ่มนวลยิ่งขึ้น ซึ่งมีทั้งวิธีการพ่นสเปรย์เข้าไปในตัวสวิตช์หรือจะใช้น้ำยาหล่อลื่นเนื้อครีมทาก็ได้

คีย์บอร์ด Mechanical

อย่างไรก็ตามการ วงการคีย์บอร์ด Mechanical แบบทำเองจะมีต้นทุนสูงกว่าคีย์บอร์ดสำเร็จรูปจากโรงงานมาก ซึ่งแค่โครงอย่างเดียวก็แพงเท่าคีย์บอร์ดสำเร็จรูปทั้งตัว ยังไม่นับรวมสวิตช์และคีย์แคปและปุ่มคีย์บอร์ดทำพิเศษ (Artisan) ด้วย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคีย์บอร์ดที่เราดีไซน์เองทั้งหมดจนได้ใช้งาน

แต่สิ่งที่ต้องทำใจรับก่อนเริ่มทำ คือ ชิ้นส่วนคีย์บอร์ดแต่ละชิ้นจะต้องใช้เวลานานและต้องรอทางผู้ผลิตเปิดไลน์ผลิตเป็นรอบต่อรอบ, รอเวลาจัดส่งสินค้าและถ้ามีคนสั่งจองหมดแล้วก็คือหมดเลยอาจจะไม่มีผลิตอีก เมื่อสินค้าเข้าประเทศก็จะมีการเคลียร์ค่าภาษีนำเข้าของใช้เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นค่าใช้จ่ายแบบเบี้ยหัวแตกที่เลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นใครอยากจะทำคีย์บอร์ดประเภทนี้ก็ต้องมีใจรักอยากจะทำกันจริง ๆ ถือเป็นโปรเจคระยะยาวที่อาจจะต้องรอกันข้ามปีไปเลยก็ได้

เสน่ห์ของ Custom Mechanical Keyboard ก็คือเรื่องเสียงกับดีไซน์ที่เลือกได้ด้วยตัวเอง (เครดิตคลิปจากช่อง :3ildcat)

นอกจากนี้ยังมีเรื่องศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้กันก่อนจะเข้ามาวงการคีย์บอร์ด Mechanical แบบทำเองอีกเล็กน้อย ได้แก่

  1. IC (Interest Check) – เป็นขั้นตอนเริ่มต้นของผู้ผลิตที่จะสร้างคีย์บอร์ด Mechanical ซึ่งเป็นการเช็คความสนใจของลูกค้าว่าถ้าผู้ผลิตทำสินค้าเช่นโครงคีย์บอร์ด (Case), คีย์แคปหรือสวิตช์ออกแบบเอง (Artisan) แล้วจะมีใครสนใจซื้อหรือเปล่า ซึ่งใครที่สนใจยากรู้สามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ geekhack.org ได้
  2. GB (Group Buy), Preorders – การสั่งซื้อแบบเป็นกลุ่มเมื่อ IC ผ่านเกณฑ์ที่ผู้ผลิตพอใจและตัดสินใจสร้าง จะเป็นการสั่งผลิตแบบเป็นกลุ่มโดยรวมปริมาณคนที่ต้องการซื้อมาลงขันจ่ายเงินค่าสินค้าเอาไว้ก่อนเพื่อระดมทุนทำ จากนั้นผู้ผลิตจะดำเนินการอัพเดทว่าสินค้าจะผลิตเสร็จเมื่อไหร่และพร้อมส่งตอนไหน ซึ่งช่วง GB นี้จะกินเวลารวมส่งตั้งแต่ครึ่งถึง 1 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น แต่ก็จะได้สินค้าที่มีเพียงหลักร้อยชิ้นในโลก แต่ถ้าใครไม่อยากรอ จะข้ามไปซื้อแบบที่ผ่าน GB ไปแล้วพร้อมผลิตทันทีก็ได้ แต่ก็ต้องรอขั้นต่ำ 1 เดือนรวมกับระยะเวลาส่งด้วย
  3. Hot swap (Hot swappable) – เป็นคำเรียกประเภทของคีย์บอร์ดที่ใช้ตัวดึงสวิตช์คีย์บอร์ดคีบแล้วดึงออกมาได้โดยตรง ไม่ต้องใช้หัวแรงบัดกรีตะกั่วที่ขาสวิตช์
  4. Stab (Stabilizer) – ตัวบาลานซ์ปุ่มบนคีย์บอร์ดที่มีขนาดยาวกว่า 1U (1 คีย์แคปความยาวพื้นฐานเช่นปุ่ม W, A, S, D) มักติดอยู่กับปุ่ม Backspace, Enter, Spacebar, Shift, Cap Lock, Tab เป็นต้น ช่วยทำให้ปุ่มไม่โยกคลอนเวลาพิมพ์งาน
  5. Artisan – ปุ่มคีย์แคปออกแบบพิเศษเป็นลวดลายต่าง ๆ ทำให้คีย์บอร์ดดูสวยงามและแตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป มีตั้งแต่ปุ่มขนาดปกติหรือจะเป็นแบบปุ่มยาวก็มีให้เลือกด้วย ส่วนดีไซน์ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าทำออกมาเป็นแบบไหน
  6. Custom Firmware – เฟิร์มแวร์ปรับแต่งเองที่ใช้เปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงานของปุ่มบนคีย์บอร์ดจากที่ตั้งค่าจากโรงงานให้เป็นอีกอย่างหนึ่ง สามารถสร้างเองได้ที่หน้าเว็บไซต์ QMK Configurator และนำมาแฟลชเข้าตัวคีย์บอร์ดอีกครั้งหนึ่ง

กว่าจะเป็นคีย์บอร์ด Mechanical สักอัน มีชิ้นส่วนอะไรบ้าง?

เพราะเป็นคีย์บอร์ดทำเอง รายละเอียดชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็จะมีให้ทำความเข้าใจมากมาย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเริ่มสร้าง Custom Mechaincal Keyboard จะมีดังนี้

หาโครง (Case) กับเลย์เอ้าท์ที่ตัวเองชอบก่อน

41BF13ADEA1EF2AEE934923AF6FDA8A0

Mechanical Keyboard แบบที่ทำเองถ้าจะเริ่มจากจุดแรกสุดก็ต้องเริ่มหาจากขนาดและเลย์เอ้าท์ของตัวคีย์บอร์ดเลยว่าต้องการไซซ์ใหญ่ขนาดไหน ซึ่งขนาดโดยคร่าว ๆ นั้นผู้เขียนเคยกล่าวถึงไปในบทความ “แนะนำ 5 คีย์บอร์ด Mechanical ทางเลือก งบพันเดียวเอาอยู่!” ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ผู้ผลิตเองก็มีไซซ์ใหม่ ๆ เปิดตัวออกมาเรื่อย ๆ โดยขนาดของเคสคีย์บอร์ดที่มีให้เลือกในปัจจุบันจะมีดังนี้

  • 90% – เป็นแบบ Full-size ที่ตัดเนื้อคีย์บอร์ดออก มีคีย์บอร์ดครบทุกปุ่มแต่วางตัวชิดกัน มี Numpad เหมาะกับคนที่ทำงานกับตัวเลขเยอะ ๆ
  • 80% – เหมือน 90% แต่ว่าตัด Numpad ทิ้งไป เหมาะกับคนที่ต้องใช้ปุ่ม Function ทำงานหลายปุ่ม
  • 75% – หรือที่นิยมเรียกว่า TKL (Tenkeyless) มีปุ่มฟังก์ชั่นที่จำเป็นอยู่แต่น้อยกว่า 80%
  • 65% – คล้าย 75% แต่เฉือนตัวเนื้อคีย์บอร์ดให้น้อยที่สุด ใช้พื้นที่น้อย มีปุ่ม Function หลัก ๆ อยู่ แต่น้อยกว่า 75-80% ขึ้นอยู่กับดีไซน์ของคีย์บอร์ด
  • 60% – คล้าย 60% แต่กระชับพื้นที่ให้เล็กลงไปอีก มีแต่ปุ่มบนคีย์บอร์ด

ซึ่งขนาดของคีย์บอร์ด Mechanical จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต ดังนั้นก่อนจะซื้อก็ไล่ดูก่อนว่าดีไซน์ไหนที่เราถูกใจและมีปุ่ม Function แยกเฉพาะให้ใช้เพียงพอหรือเปล่า จะได้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้บางรุ่นยังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ด้วย Bluetooth ทำให้เราไม่ต้องต่อสาย USB-C เข้ากับตัวคีย์บอร์ดตลอดเวลาที่จะใช้งานก็ได้

tweezers being used to test mechanical keyboard PCB

และเมื่อได้โครงคีย์บอร์ดมาแล้ว ผู้เขียนแนะนำให้เช็คปุ่มแต่ละปุ่มบนคีย์บอร์ดก่อนว่าสามารถใช้งานได้ครบหรือไม่ โดยไขโครงฝาหลังออก เปิดเว็บไซต์ Keyboard Tester แล้วเอาแหนบเหล็กมาจิ้มที่จุดขาเสียบปุ่มสวิตช์สองฝั่งเป็นการจำลองว่าเรากดปุ่มบนคีย์บอร์ดแล้วมันทำงานหรือเปล่า ซึ่งถ้าทำงานตามปกติก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าไม่ทำงานก็ทำเรื่องเคลมสินค้ากับทางผู้ผลิตเพื่อเปลี่ยนเอาแผ่น PCB ใหม่มาเปลี่ยนเพื่อใช้งานด้วย

ส่วนเคล็ดลับการทำ Mechanical Keyboard ให้ได้สัมผัสการพิมพ์ที่ดีสุดคือ ให้หาโฟม EVA กันกระแทกตัดแบ่งขนาดให้พอดีแล้วรองในตัวเคสก่อนขันแผ่น PCB กับกรอบบนให้เข้าที่เพื่อลดเสียงดังจากช่องว่างด้านในคีย์บอร์ด ทำให้สัมผัสตอนพิมพ์แน่นยิ่งขึ้น

1280px Physical keyboard layouts comparison ANSI ISO

ส่วนของคนที่กำลังจะกดสั่งเลย์เอ้าท์คีย์บอร์ดที่ต้องการแล้วแต่ยังสงสัยกันอยู่ว่าคีย์บอร์ดแบบ ANSI และ ISO นั้นแตกต่างกันตรงไหน หลัก ๆ แล้วคือตัวปุ่ม Enter ของ ANSI จะเป็นแบบปุ่มทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีปุ่ม “\” อยู่เหนือปุ่ม Enter ส่วน ISO จะเป็นปุ่ม Enter ขนาดใหญ่และมีปุ่ม “\” อยู่สองจุดคือฝั่งซ้ายของตัว Z และทางซ้ายของปุ่ม Enter (จุดที่มาร์กสีแดงในภาพ)

สวิตช์คีย์บอร์ดที่ตัวเองชอบทั้ง 3 แบบ, Stabilizer และการ Lube สวิตช์ให้สัมผัสการพิมพ์ดีขึ้น

switch

สวิตช์ของ Mechanical Keyboard ในปัจจุบันนั้นจะแยกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ 

  • Clicky – สวิตช์ที่เป็นภาพจำของ Mechanical Keyboard ซึ่งตอนกดปุ่มแล้วจะมีเสียง “กริ๊ง” จากเสียงกระเดื่องกระทบกันจนมีเสียงดัง ผู้ใช้หลายคนนิยมใช้งานสวิตช์ประเภทนี้แต่ไม่แนะนำให้นำไปใช้ในออฟฟิศเพราะว่าเสียงค่อนข้างดังและรบกวนคนอื่น และถึงจะทำการทาสารหล่อลื่น (Lube) แล้วก็ยังมีเสียงดังพอควร
  • Tactile – สวิตช์ที่คล้ายกับ Clicky ให้สัมผัสการพิมพ์ที่เหมือนกันแต่ไม่มีเสียงกริ๊งดังตอนกดปุ่ม เหมาะกับคนที่ชอบสัมผัสแบบ Clicky แต่อยากเอาไปใช้งานในออฟฟิศได้ การตอบสนองปุ่มค่อนข้างเร็วและสวิตช์ยอดนิยมหลายรุ่นมักทำเป็นสวิตช์ประเภทนี้
  • Linear – สวิตช์ที่เสียงเบาสุดในกลุ่มและสัมผัสตอนกดค่อนข้างลื่น ตอบสนองเร็วแถมเสียงตอนกดไม่ดังรบกวนเพื่อนร่วมงานมากนัก ซึ่งคีย์บอร์ด Mechanical หลายแบรนด์ก็นิยมทำสวิตช์แบบนี้เหมือนกัน เหมาะทั้งพิมพ์งานและเอาไว้เล่นเกมด้วย

ด้านของการทาสารหล่อลื่นหรือที่เรียกว่า Lube นั้น จะเป็นการแกะปุ่มสวิตช์แล้วใช้พู่กันทาสารหล่อลื่นเข้าไปในตัวคีย์บอร์ด ซึ่งน้ำยาเนื้อน้ำมันที่นิยมใช้ทาหล่อลื่นสวิตช์จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือแบบเนื้อครีมที่ผลิตโดย Krytox ซึ่งมี 2 ตัวด้วยกันคือ

  • Krytox 205g0 – น้ำยาเนื้อครีมสีขาวข้นในภาพตัวอย่าง นิยมเอามาทาในตัวสวิตช์ที่ส่วนของตัวก้านปุ่มกด (Stem), ฐานปุ่ม (Buttom Housing) และบางคนอาจจะใช้เคลือบปลายเหล็กของ Stabilizer หรือตัวบาลานซ์ปุ่มด้วย เพื่อให้ตัวก้านทำงานได้ลื่นไหลไม่ติดขัด แต่บางคนอาจจะใช้ครีมหลอดของ Super Lube ก็ได้เช่นกัน
  • Krytox 105g0 – น้ำยาเนื้อใสที่มักใช้ทาตัวสปริงของสวิตช์ ให้สปริงทำงานได้ลื่นไม่ติดขัด แต่เวลาทาแนะนำให้ใส่ถุงพลาสติกแล้วเขย่าเพื่อประหยัดเวลากว่านั่งทาทีละอัน
  • สเปรย์ Super Lube – ใช้สเปรย์พ่นเข้าไปในตัวสวิตช์ ซึ่งประหยัดเวลามากแต่ตอนพ่นเสร็จแล้ว ต้องเช็ดทำความสะอาดรอบนอกปุ่มและรอให้เนื้อน้ำยาแห้งไม่อย่างนั้นสวิตช์อาจจะมีปัญหา แนะนำให้ปล่อยทิ้งเอาไว้ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป

tkc tangerine linear switch diagram

และเมื่อแยกชิ้นส่วนของสวิตช์ออกมาทั้งหมดแล้วจะเริ่ม Lube จากส่วนไหนก่อนดี ให้เริ่มจากแกะสวิตช์แล้วแยกชิ้นส่วนเป็นชุด ๆ เอาสปริงใส่ถุงแล้วใส่น้ำยา Krytox 105g0 ราว 2-3 หยดก่อนเขย่าสัก 2 นาทีให้น้ำยาเคลือบทั่วสปริงแล้วนำมาใส่ ส่วน Buttom Housing ให้ใช้พู่กันหัวเล็กทารอบฐานเป็นวงกลม ส่วน Stem ให้ใช้ที่หนีบกระดาษจับหัวแฉกแล้วทาให้รอบ 4 ด้านก่อนจะครอบปิดสวิตช์ ถ้ามีฟิล์มสำหรับใส่กับสวิตช์ของ Mechanical Keyboard ให้ใส่ก่อนครอบปิดสวิตช์จะทำงานได้ง่ายกว่า

d2caM1YYQuuf3EOETKIe PC

สุดท้ายตัวบาลานซ์ปุ่มหรือ Stabilizer (บางคนเรียกย่อว่า Stab) จะเป็นก้านเหล็กกับฐานรับที่ปลายทั้งสองข้าง มีหลากหลายขนาดให้เข้ากับปุ่มยาวแต่ละปุ่มบนคีย์บอร์ด ซึ่งตัว Stabilizer เอง คนที่ประกอบ Custom Mechanical Keyboard ก็นิยม Lube ในตัวฐานที่จับปลายก้านเหล็กเพื่อให้เสียงดีขึ้นด้วย ปัจจุบันนี้จะมีแบรนด์ที่นิยมใช้อยู่หลัก ๆ คือ Everglide กับ Durock ซึ่งคีย์บอร์ดทั่วไปจะมีติดตั้งมาให้แล้ว แต่ถ้าไม่ชอบบาลานซ์ปุ่มตอนพิมพ์ก็สั่งซื้อมาเปลี่ยนได้

คีย์แคปดีไซน์ที่ชอบมีหลายทรงนะ

VJIjp7ETHW1RLwSBnAu8 CB5A1502 copy page

คีย์แคปเองนั้นนับเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้คีย์บอร์ด Mechanical ของเราดูมีเอกลักษณ์ ซึ่งมีหลากหลายแบบไปตามรสนิยมของเรา แต่พอเข้าไปหน้าเลือกซื้อคีย์แคปก็จะมีเรื่องโปรไฟล์หรือรูปทรงของคีย์แคปนั้น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยรูปทรงยอดนิยมในปัจจุบันนี้จะมีดังนี้

 

0 3H0dBhN9YTV5GVSz

ซึ่งแต่ละรูปทรงก็จะมีผลกับสัมผัสการง้างนิ้วตอนพิมพ์หรือแม้แต่เสียงที่ได้ตอนกดปุ่มด้วย โดยโปรไฟล์ยอดนิยมที่ผู้ผลิตเลือกใส่คีย์บอร์ดจากโรงงานจะมี OEM กับ Cherry เป็นหลัก โดยดูจากด้านข้างของตัวปุ่มว่ารูปทรงการโค้งของตัวปุ่มเป็นอย่างไร

สำหรับทรงของคีย์แคปที่เป็นกลางเหมาะทั้งการพิมพ์งานหรือจะเล่นเกม ทางสื่อต่างประเทศจะยกให้ Cherry Profile เหมาะที่สุด ส่วน OEM ก็ถือว่าใกล้เคียงกัน แต่โดยสำหรับคนที่พิมพ์งานเป็นประจำแล้วอยากได้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์และแน่น แนะนำให้ดู SA Profile กับ DSA จะได้เสียงที่แน่นกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าเพราะเนื้อพลาสติกในปุ่มจะแน่นกว่าตัว Cherry และ OEM

ส่วนผู้ที่สนใจว่าเสียงของคีย์แคปแต่ละแบบแตกต่างกันแบบไหนบ้าง แนะนำให้ดูคลิปทดสอบเสียงตั้งแต่นาทีที่ 1:15-2:27 ว่าโปรไฟล์ไหนได้เสียงที่ถูกใจเราที่สุด ค่อยสั่งซื้อมาประกอบเข้ากับคีย์บอร์ดของเรา

Artisan Keycaps ของเล่นเพิ่มลูกเล่นบนคีย์บอร์ด

i65f2KVSjGewZKzJcjzQ 1500x1000 MD 92228 21

เมื่อมีคีย์แคปทรงมาตรฐานแล้ว ใครที่เห็นว่าหน้าตาเดิม ๆ ดูน่าเบื่อเกินไปก็มีตัวเลือกอย่าง Artisan Keycap หรือคีย์แคปรูปร่างพิเศษให้เลือกซื้อเช่นกัน โดยคีย์แคปนี้จะเป็นดีไซน์พิเศษหลากหลายแบบตามจินตนาการและความชอบของคนทำว่าอยากได้ดีไซน์ไหน ซึ่งมีตั้งแต่อุ้งเท้าแมว, กล่องสมบัติแล้วใช้อลูมิเนียมทำเป็นตัวแคปไปจนถึงอะคริลิคที่ใส่ภาพจำลองสามมิติเข้าไปด้วยก็มีให้เลือกเหมือนกัน

xmcmvxs5y9g41ใครอยากให้คีย์บอร์ดดูสวยไม่จำเจ แนะนำ Artisan Keycap แต่ราคาก็จะจุก ๆ หน่อย

อย่างไรก็ตาม ปุ่ม Artisan แค่ปุ่มเดียวอาจจะราคาสูงถึงปุ่มละ 30 ดอลลาร์ หรือราว 1,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าใครอยากให้คีย์บอร์ดของตัวเองมีสีสันแตกต่างสักหน่อย จะหามาใส่สัก 1-2 ปุ่ม ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกันและทำให้คีย์บอร์ดของเรามีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นด้วย

ปรับแต่งแต่ละปุ่มด้วย QMK Configurator

qmk

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เมื่อเราประกอบคีย์บอร์ดเป็นรูปร่างแล้วไม่อยากใช้การตั้งค่าจากผู้ผลิตก็สามารถปรับแต่งการทำงานแต่ละปุ่มได้โดยอิสระที่หน้าเว็บไซต์ QMK Configurator ได้ และสามารถเลือกเปลี่ยนทุกปุ่มได้อย่างอิสระว่าอยากให้ปุ่มนั้นบนคีย์บอร์ดทำงานเป็นปุ่มอะไรได้ตามความชอบของเราเลย โดยวิธีการใช้งานจะเป็นการลากปุ่มที่ต้องการมาวางที่รูปแป้นคีย์บอร์ดจนครบ สร้างเลเยอร์ของคีย์บอร์ดได้กว่า 15 แบบว่าต้องการให้ปุ่มนั้น ๆ ทำงานอย่างไร

แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการใช้เว็บไซต์นี้และวิธีการแฟลชคีย์บอร์ดนั้นจะค่อนข้างละเอียดและใช้ความเข้าใจระดับหนึ่ง ดังนั้นผู้เขียนแนะนำให้ใช้แบบเดิม ๆ แล้วศึกษาวิธีการทำให้เข้าใจเสียก่อนแล้วค่อยเริ่มทำก็ไม่สาย พอเข้าใจแล้วค่อยเริ่มทำก็ได้เช่นกัน

ช่องทางเลือกซื้อที่เชื่อถือได้ สั่งแล้วได้ของชัวร์

Screenshot 2021 08 06 153238

สำหรับเว็บไซต์สั่งซื้อชิ้นส่วนมาประกอบทำ Mechanical Keyboard ด้วยตัวเองจะมีหลากหลายแบบ แต่สำหรับมือใหม่เริ่มทำอาจจะเริ่มหาข้อมูลและเลือกซื้อจากเว็บไซต์ 3 แห่งนี้ก่อนก็ได้ โดยที่ผู้เขียนศึกษาข้อมูลแล้วว่ามั่นใจได้ ซื้อแล้วได้ของแน่นอนคือ

  1. iLumkb – เว็บไซต์รวมทุกอย่างเกี่ยวกับคีย์บอร์ด Mechanical ตั้งแต่สวิตช์, คีย์แคป, แผ่นรองเมาส์ขนาด Deskmat และอื่น ๆ โดยเว็บไซต์นี้เป็นเว็บกลางสัญชาติสิงคโปร์ เน้นที่ Group Buy (GB) ว่ามีโปรเจคใหม่อันไหนน่าสนใจเปิดให้ร่วมซื้อได้บ้าง และมีสินค้าขายด้วย
  2. zFrontier – เหมือนกับ iLumkb มีสินค้าน่าสนใจหลากหลายแบบและถ้าใครชอบหาคีย์แคปสวย ๆ เว็บไซต์นี้ก็แนะนำเช่นกันและมักมี Group Buy อยู่เป็นประจำ
  3. Drop – เว็บไซต์ยอดนิยมที่คนอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical ทำเองสักตัวจะต้องแวะเข้ามาดูของกันอย่างแน่นอน มีชิ้นส่วนทุกแบบสำหรับ Mechanical Keyboard แม้แต่ Artisan หรือเรื่องเครื่องเสียงอย่างหูฟังหรือ DAC ก็มีขาย ถ้าต้องการเริ่มต้นแบบง่าย ๆ จะมาช็อปจากที่นี่ก็ได้
  4. geekhack.org – เว็บบอร์ดรวมคนที่ชอบคีย์บอร์ด Mechanical ทั้งคนที่อยากทำสินค้าและคนที่อยากได้สินค้ามาเจอกัน มี IC, GB และ Artisan ให้เลือกดูมากมาย และสินค้าจากบอร์ดนี้ก็กลายเป็นของ Limited Edition หรือของขายแบบสั่งซื้อได้ตามหน้าเว็บไซต์ขายของของ Mechanical Keyboard โดยเฉพาะได้ รวมทั้งมีผู้ใช้เว็บบอร์ดมาแชร์ความรู้และเคล็ดลับกันอย่างอบอุ่น

4 คีย์บอร์ด Mechanical ทั้งแบบโครงและสำเร็จรูป ทำต่อได้ตามใจชอบ

ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าอยากเริ่มทำ Mechanical Keyboard ของตัวเองเอาไว้ใช้งานสักตัวหนึ่งแล้วจะเริ่มหาจากตัวคีย์บอร์ดก่อนล่ะก็ ผู้เขียนมีคีย์บอร์ดแนะนำทั้งหมด 4 รุ่นให้เลือกซื้อมาประกอบแล้วอัพเกรดได้เองแบบง่าย ๆ ซึ่งบางตัวก็เป็นคีย์บอร์ดสำเร็จรูปมาแล้วและช่วยลัดขั้นตอนข้างบนทั้งหมดไปได้หลายส่วนด้วย อย่างมากอาจจะเปลี่ยนสวิตช์และคีย์แคปบ้างให้เข้ากับรสนิยมของแต่ละคน โดยทั้ง 4 รุ่นที่แนะนำมีดังนี้

  1. Keychron K4 V.2 (4,390 บาท)
  2. DROP CTRL BAREBONES (150 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาท)
  3. Glorious GMMK Pro (169.99 ดอลลาร์ หรือราว 5,700 บาท)
  4. IDOBAO ID80V2 75% (199 ดอลลาร์ หรือราว 6,640 บาท)
1. Keychron K4 V.2 (4,390 บาท)

คีย์บอร์ด Mechanical

เริ่มต้นด้วย Keychron แบรนด์ยอดนิยมของคนไทยเมื่อคิดถึง Mechanical Keyboard ที่ถอดสวิตช์เปลี่ยนได้เอง โดยรุ่นแนะนำสำหรับคนที่อยากได้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแบบครบ ๆ จะไปเริ่มจาก Keychron K4 V.2 ตัวนี้ที่เป็นดีไซน์ 96% หรือแบบ Full-size ที่ตัดเนื้อคีย์บอร์ดทิ้งก็ได้ ซึ่งตัวคีย์บอร์ดเป็นแบบ Hot Swappable ที่ถอดสวิตช์เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องบัดกรี, ยกคีย์แคปเปลี่ยนได้ตามรสนิยม ตัวคีย์บอร์ดมีทั้งหมด 100 ปุ่ม เป็นสวิตช์ Gateron เลือกได้ทั้ง Red, Blue และ Brown ตามการใช้งาน

จุดเด่นคือตัวคีย์บอร์ดเชื่อมต่อผ่านทาง USB-C หรือไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 แล้วต่ออุปกรณ์ได้ 3 ชิ้นพร้อมกัน ใช้งานได้ทั้ง Windows, macOS, Linux และ Android มีไฟ RGB มีแบตเตอรี่ในตัวจุ 4,000 mAh ใช้งานได้นานสุด 72 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าคีย์บอร์ดจนเต็มภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครอยากเริ่มแบบง่าย ๆ จะซื้อ Keychron ไปแล้วเปลี่ยนสวิตช์กับคีย์แคปเอาก็ถือว่าดีเช่นกัน แต่ในระยะนี้ที่ยังหาซื้อคีย์บอร์ดจากแบรนด์นี้ได้ค่อนข้างลำบาก แนะนำให้ตามข่าวที่หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเป็นระยะ ๆ จะได้ไม่พลาดจังหวะแล้วซื้อได้เลย

สเปคของ Keychron K4 V.2
  • ดีไซน์ 96% Full-size มี 100 ปุ่ม สวิตช์ Gateron เลือกได้ทั้ง Red, Blue และ Brown
  • เชื่อมต่อผ่าน USB-C หรือ Bluetooth 5.1 ก็ได้ เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากสุด 3 ชิ้น
  • แบตเตอรี่ในตัวจุ 4,000 mAh ใช้ได้นานสุด 72 ชั่วโมง ชาร์จแบตฯ เต็มใน 3 ชั่วโมง
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux และ Android
  • ราคา 4,390 บาท (Keychron Thailand)
2. DROP CTRL BAREBONES (150 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาท)

WQksV56JRgyTffu3GuS9 checkout barebones ctrl

ถัดมาเป็นคีย์บอร์ดแบบตัวเคสอย่างเดียว แล้วต้องหาสวิตช์กับปุ่มเองรุ่นแรกที่แนะนำเป็น Drop CTRL Barebone ตัวเฟรมทำจากอลูมิเนียม CNC ดีไซน์แบบ 80% มี 87 ปุ่ม  ตัดชุดปุ่ม Numpad ทิ้งแต่ยังมีปุ่ม Function หลัก ๆ อยู่ครบครันและเป็น Hot Swappable เปลี่ยนปุ่มบนคีย์บอร์ดได้ง่าย เปลี่ยนคำสั่งปุ่มต่าง ๆ บนคีย์บอร์ดด้วย QMK Configurator ที่หน้าเว็บไซต์ Drop ก็ได้ มีไฟ RGB ส่วนการเชื่อมต่อเป็นสาย USB-C 2.0 อย่างเดียว

สเปคของ Drop CTRL Barebone
  • ดีไซน์ 80% มี 87 ปุ่ม เป็นโครงอย่างเดียวไม่มีสวิตช์และคีย์แคป
  • เชื่อมต่อผ่าน USB-C 2.0 เท่านั้น
  • ปรับแต่งปุ่มทั้งหมดบนคีย์บอร์ดได้ด้วย QMK Configurator
  • ใช้ได้ทั้ง macOS และ Windows ขึ้นอยู่กับไฟล์จาก QMK Configurator
  • ราคา 150 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่ง (Drop)
3. Glorious GMMK Pro (169.99 ดอลลาร์ หรือราว 5,700 บาท)

gmmk

ชื่อของ Glorious นั้นถ้าใครเล่นคีย์บอร์ด Mechanical ทำเองอยู่อาจจะได้ข่าวกันมาว่ามีผู้นำเข้าเปิดสั่งจอง Glorious GMMK Pro ได้ แต่ถ้าใครสั่งจองไม่ทันจะมาซื้อที่หน้าเว็บไซต์ของ Glorious ก็ได้เช่นกัน โดยตัวคีย์บอร์ดจะเป็นเคสอย่างเดียวทำจากอลูมิเนียม CNC เป็นคีย์บอร์ดแบบ Hot swappable ดีไซน์ตัวคีย์บอร์ดเป็นขนาด 75% จำนวน 83 ปุ่ม มีลูกบิด (Rotary Encoder) ที่มุมบนซ้าย เชื่อมต่อผ่านทาง USB-C 2.0 สามารถปรับแต่งปุ่มบนคีย์บอร์ดด้วย QMK Configurator ได้และมีไฟ RGB ด้วย

สเปคของ Glorious GMMK Pro
  • ดีไซน์ 75% มี 83 ปุ่ม เป็นโครงอย่างเดียวไม่มีสวิตช์และคีย์แคป
  • เชื่อมต่อผ่าน USB-C 2.0 เท่านั้น
  • ปรับแต่งปุ่มทั้งหมดบนคีย์บอร์ดได้ด้วย QMK Configurator
  • ใช้ได้ทั้ง macOS และ Windows ขึ้นอยู่กับไฟล์จาก QMK Configurator
  • ราคา 169.99 ดอลลาร์ หรือราว 5,700 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่ง (Glorious)
4. IDOBAO ID80V2 75% (199 ดอลลาร์ หรือราว 6,640 บาท)

41BF13ADEA1EF2AEE934923AF6FDA8A0 e1628243785142

ส่วน IDOBAO จะเป็นโครงคีย์บอร์ดแบรนด์จีนที่คุณภาพสินค้าถือว่าดีทีเดียวและผู้เขียนเลือกใช้โครงแบรนด์นี้ในรุ่น IDOBAO ID80V2 ที่ทำจากโลหะอลูมิเนียม CNC และรองท้ายตัวเคสด้านหลังด้วยทองเหลืองกับเพลทอะคริลิคให้ไฟ RGB ลอดท้ายตัวเคส ดีไซน์แบบ 75% แบบ Hot Swappable มี 80 ปุ่ม เชื่อมต่อด้วย USB-C 2.0 และรองรับการปรับแต่งปุ่มด้วย QMK Configurator ได้และมีไฟ RGB ด้วย ข้อดีคือ IDOBAO จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วมากและค่าจัดส่งไม่แพง ซึ่งผู้เขียนได้สั่งตัวเคสนี้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ IDOBAO โดยตรงก็ได้รับสินค้าภายในเวลา 3-5 วันเท่านั้น ซึ่งถ้าใครอยากได้ของไว ๆ จะมาสั่งซื้อจากแบรนด์นี้ก็ดีเช่นกัน

สเปคของ IDOBAO ID80V2
  • ดีไซน์ 75% มี 80 ปุ่ม เป็นโครงอย่างเดียวไม่มีสวิตช์และคีย์แคป
  • เชื่อมต่อผ่าน USB-C 2.0 เท่านั้น
  • ปรับแต่งปุ่มทั้งหมดบนคีย์บอร์ดได้ด้วย QMK Configurator
  • ใช้ได้ทั้ง macOS และ Windows ขึ้นอยู่กับไฟล์จาก QMK Configurator
  • ราคา 199 ดอลลาร์ หรือราว 6,640 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่ง (IDOBAO)

สรุปสเปคของคีย์บอร์ด Mechaincal ทั้ง 4 รุ่น ตัวไหนเด่น ตัวไหนโดน

สำหรับคนที่อยากลองเริ่มประกอบ Mechanical Keyboard ดูสักตัวแล้วไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนหรือตัวไหนดี อาจจะลองเริ่มต้นจาก 4 ตัวนี้ก่อนแล้วจะขยับขยายขายเก่าซื้อใหม่มาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ก็ได้ ซึ่งอาจจะเริ่มจาก 4 ตัวหลักนี้ก็ดีและถ้าสรุปสเปคจะเป็นดังนี้

สเปคของคีย์บอร์ด Mechanical ดีไซน์และจำนวนปุ่ม การเชื่อมต่อและระบบปฏิบัติการที่ใช้ได้ ราคา
Keychron K4 V.2 ดีไซน์ 96% มี 100 ปุ่ม เชื่อมต่อผ่าน USB-C หรือ Bluetooth 5.1 ได้ 3 ชิ้น

รองรับ Windows, macOS, Android, Linux
4,390 บาท
Drop CTRL Barebone ดีไซน์ 80% มี 87 ปุ่ม เชื่อมต่อผ่าน USB-C

รองรับ Windows, macOS
150 ดอลลาร์
หรือราว 5,000 บาท
(ไม่รวมค่าส่ง)
Glorious GMMK Pro ดีไซน์ 75% มี 83 ปุ่ม เชื่อมต่อผ่าน USB-C

รองรับ Windows, macOS
169.99 ดอลลาร์
หรือราว 5,700 บาท
(ไม่รวมค่าส่ง)
IDOBAO ID80V2 ดีไซน์ 75% มี 80 ปุ่ม เชื่อมต่อผ่าน USB-C

รองรับ Windows, macOS
199 ดอลลาร์
หรือราว 6,640 บาท
(ไม่รวมค่าส่ง)

อย่างไรก็ตามคีย์บอร์ด Mechanical ทำเองนั้นนับเป็นงานอดิเรกประเภทหนึ่งที่ใช้เงินมาก แต่ก็แลกกับการได้คีย์บอร์ดที่อยากได้หนึ่งอันและสามารถเอาไปขายต่อให้คนที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดประเภทนี้ได้ด้วย ซึ่งถ้าใครทำเพราะความชื่นชอบและไม่มีปัญหาทางการเงินมาก ก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจ แต่ถ้าใครมองว่าจะใช้คีย์บอร์ดเพื่อทำงานเป็นหลักก็อาจจะใช้คีย์บอร์ด Mechanical แบบธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้คนที่เล่นคีย์บอร์ดประเภทนี้แล้วมีความสามารถเรื่องงานสร้างสรรค์ด้วย ก็อาจจะลองเข้ามาวงการนี้แล้วพลิกบทบาทจากลูกค้าเป็นผู้สร้างสรรค์แทนก็ได้ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็เห็น Mechanical Keyboard และ Artisan Keycaps ฝีมือคนไทยผ่านตามาเป็นระยะ ๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าใครชื่นชอบแล้วอยากลองจริงจังกับงานประเภทนี้ดูก็จัดว่าเวิร์คเหมือนกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

neolution esport cover

keyboard cover

Click to comment

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เหตุผลว่าทำไมต้องซื้อเมาส์เล่นเกมในงาน TGS มาใช้ ถ้าเป็นเกมเมอร์จะรู้กันว่าถ้าเลือกเมาส์ที่ใช้เซนเซอร์ดี ตั้งค่าได้เยอะจะช่วยให้เล่นเกมได้ดีเพิ่มโอกาสชนะได้มากขึ้น โดยเฉพาะเกม FPS ซึ่งผู้เล่นต้องกวาดเมาส์ไปมาแทบจะตลอดเวลาและ MOBA, RPG ที่ต้องกดใช้ท่าโจมตีบ่อยๆ ก็ต้องการปุ่มมาโครเยอะเป็นพิเศษ เป็นต้น ดังนั้นเวลาจะซื้อเมาส์เล่นเกมสักตัวไม่ใช่แค่รุ่นไหนก็ได้แต่ต้องเลือกให้เข้ากับเกมที่เล่นประจำด้วย นอกจากความแม่นยำ เมาส์เกมมิ่งก็ถูกดีไซน์ให้จับใช้งานได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกปวดหรือเมื่อยมือ ด้วยการดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ให้เข้ากับการจับเมาส์มือขวาโดยเฉพาะจึงไม่ปวดล้าและเล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนเอฟเฟคแสงไฟ RGB บนตัวเมาส์ได้ให้เข้ากับความชอบส่วนตัวด้วยโปรแกรมตั้งค่าของเมาส์รุ่นนั้นๆ ได้ไม่ยากมาก Advertisement จุดน่าสนใจเวลาซื้อเมาส์เล่นเกมในงาน TGS...

IT NEWS

Keychron Q12 HE: คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Hall Effect รุ่นใหม่ Keychron เปิดตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ Keychron Q12 HE ที่มาพร้อมดีไซน์ Southpaw หรือก็คือมีปุ่ม Numpad อยู่ด้านซ้าย ซึ่งช่วยให้เหลือพื้นที่ด้านขวาสำหรับการขยับเมาส์ได้สะดวกขึ้น ตอบโจทย์ทั้งสายเกมเมอร์และผู้ที่ทำงานด้าน Productivity Advertisement นอกจากดีไซน์ที่แปลกตาแล้ว Q12 HE...

Gaming Gear

หลังจาก Mechanical Keyboard กลายเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดยอดนิยมของเกมเมอร์ส่วนใหญ่ไปแล้ว ในตอนนี้ Magnetic Switch คีย์บอร์ดก็เริ่มได้รับความนิยมในหมู่เกมเมอร์สาย FPS มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะควบคุมตัวละครได้รวดเร็ว ขยับตัวละครหลบไปมาได้ว่องไวด้วยฟีเจอร์ใหม่อย่าง Snap Tap โดยเฉพาะจังหวะหลบอยู่มุมตึกแล้วขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อยิงฉวยจังหวะ ทำให้ผู้พัฒนาเกมบางเกมต้องแบนฟีเจอร์ทิ้งเพื่อความยุติธรรมของเกมเมอร์ทุกคนไปโดยปริยาย หลักการทำงานของสวิตช์แม่เหล็กจะต่างจากสวิตช์ทั่วไปตรงที่ไม่ต้องปล่อยให้ปุ่มคีย์บอร์ดถอยกลับไปจนสุดให้เข้าระยะ Reset การทำงานของปุ่ม แต่ปล่อยออกมาส่วนเดียวแล้วกดปุ่มสวนกลับไปให้ทำงานได้ทันที ปรับระยะกดแล้วทำงาน (Actuation Point) ให้ตื้นขึ้นหรือลึกลงไปได้ตามแต่ถนัด...

Buyer's Guide

ในตอนนี้คีย์บอร์ดแมคคานิคอลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของใครๆ ไม่ว่าจะใช้เป็นอุปกรณ์ทำงานหรือเล่นเกมก็ต้องมีติดโต๊ะเอาไว้ใช้ทั้งนั้น แถมราคาก็ถูกลงอย่างต่อเนื่องจากแต่ก่อนต้องมีเงินหลักหลายพันบาทก็ลดลงมาจนมีเพียงหนึ่งพันบาทต้นๆ ก็ซื้อมาใช้ได้แล้วแถมยังตอบรับกระแส Custom Keyboard แถมตัวถอดสวิตช์กับคีย์แคปมาให้ถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ตามใจ จะปรับแต่งต่อก็ว่าไปตามใจ เรียกว่าใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินก็ได้หรือจะทำเป็นงานอดิเรกของสะสมก็ดี โดยเฉพาะคนต้องพิมพ์งานทั้งวันน่าจะถูกใจ คีย์บอร์ดแมคคานิคอลน่าใช้ไหม มีข้อดีอย่างไร? คีย์บอร์ดแมคคานิคอลจะมีทั้งรุ่นถอดสวิตช์ไม่ได้และถอดได้แบบ Hot-swappable หลายคนนิยมแบบ Hot-swappable เพราะสามารถถอดเปลี่ยนสวิตช์ได้ตามชอบ ซึ่งปัจจุบันมีทั้ง 3, 5 ปุ่ม ดังนั้นก่อนซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนต้องดูช่องบนแผ่นปริ้นท์ให้ดีก่อน บางรุ่นนอกจากต่อสายแล้ว ยังมีสวิตช์เปลี่ยนโหมดเชื่อมต่อด้วย...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก