Gigabyte AORUS 15 XE4 ที่สุดของ Gaming Notebook 2022 ที่เน้นประสิทธิภาพสูง จากทาง Gigabyte สเปกสุดแรงรุ่นใหม่ หน้าจอขนาด 15.6″ พาเนล IPS ความละเอียด QHD ที่ 165Hz กับสเปกที่จัดเต็มด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-11270H ซึ่งเป็น Core i Gen 12H ตัวแรง ส่วนการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti โดยมีน้ำหนักแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ได้ระบบระบายความร้อน WINDFORCE อีกทั้งได้ดีไซน์สุดล้ำไม่ซ้ำใคร แน่นอนว่าแบรนด์ Gigabyte เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ Gaming ในฝั่งของ PC Desktop อยู่แล้ว ทำให้เรามั่นใจได้เลย ว่าของดีน่าใช้งานสุดๆ
ส่วนสเปกและฟีเจอร์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB โดดเด่นด้วยคีย์บอร์ดเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อม RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม พร้อมได้ระบบเสียง DTS:X Ultra รวมถึง AORUS Control Center ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ส่วนการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Wi-Fi 6E และ Thunderbolt 4 พร้อมใช้งานทันทีด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home จากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีระบบสแกนใบหน้าเพื่อความปลอดภัยในการ Login สนนราคาขายอยู่ที่ 79,990 บาท ประกัน 2 ปี ที่มั่นใจได้
VDO Review
NBS Verdict
Gigabyte AORUS 15 เป็น Gaming Notebook ระดับบน เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ตอบโจทย์ในการเล่นเกมระดับที่จริงจัง หรือคาดหวังกราฟิกระดับ AAA ที่สวยงามสมจริง รวมไปถึงจะเอาไปทำงานก็ลื่นไหลอย่างที่สุด ด้วยสเปกชิปประมวลผลที่ใหม่ล่าสุดและเหนือชั้นกว่าที่เคยมีมาด้วย Intel Core i7-12700H ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อน พร้อมรองรับงานที่ซับซ้อนหรือหลากหลาย ส่วนการ์ดจอแยกก็เป็น NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti รุ่นอัปเกรดใหม่ที่แรงขึ้นไปอีกขั้นแต่ก็ยังร้อนน้อย ซึ่งแม้จะได้แรมขนาด 16GB ที่ยังเป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz ก็สามารถใช้งานได้ดี แม้ในความรู้สึกถ้าได้มาตรฐานใหม่ DDR5 ไปเลยก็น่าจะดีกว่า ส่วน SSD M.2 ความจุ 1TB ทำได้ดีอยู่แล้ว
Gigabyte AORUS 15 ได้ดีไซน์งานประกอบที่เยี่ยมยอดให้ความแตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเราสามารถนำไปทำงานก็ได้ โดยปรับไฟเป็นสีขาว ก็จะดูเรียบหรูแล้ว กับน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook หลายๆ รุ่น เชื่อว่าโดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงที่สุด และได้ฟีเจอร์พิเศษรอบด้านซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะในราคาที่ได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน ก็อาจจะมีตัวเลือกที่สูกว่านี้ แต่ด้วยฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้
อีกทั้ง Gigabyte AORUS 15 รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายไร้สาย ด้วย Wi-Fi 6E ที่ดีกว่า 6 AX ในรุ่นปีก่อนๆ พร้อมด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบมีสายที่ดีที่สุด ที่ชอบมากๆ คือ ได้คีย์บอร์ดไฟ RGB แบบ Per-key ซึ่งรองรับการทำงานหนักๆ และเล่นเกมตอบโจทย์ได้ลงตัวที่สุด ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook ที่ครบเครื่องรอบด้าน สเปกใหม่ล่าสุด และได้แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 8 ชั่วโมง เน้นความเป็นไฮเอนด์และความต่างจากหลายๆ รุ่น ซึ่งได้ฟีเจอร์ครบครับ Gigabyte AORUS 15 คือคำตอบ ในราคาที่ต้องยอมรับว่าอยู่มีเกณฑ์ที่สูงกว่า Gaming Notebook ที่เน้นความคุ้มค่าพอสมควร
อีกอย่างที่ชอบมากๆ ก็คือ ที่สามารถจัดการอุณหภูมิได้เย็นมากๆ ด้วยระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลมจำนวน 2 ตัว ใช้ 5 Heatpipes พร้อม 4 ช่องระบายความร้อน เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ 100% จากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 12H และการ์ดจอแยกตัวแรง GeForce RTX 30 Series ที่เป็น Ti โดยมี TGP 130W รวมถึงซอฟต์แวร์ AORUS Control Center ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย อย่างที่หาได้ยากในหลายๆ แบรนด์ และที่สำคัญที่สุดในการมาของ Gigabyte AORUS 15 รุ่นใหม่ครั้งนี้ ได้คีย์บอร์ดมาเป็นแป้นภาษาไทยแล้ว (2 ปีก่อนในทุกรุ่นทีแต่ eng เท่านั้น) ทำให้หลายๆ คนที่อยาก Gigabyte AORUS ก็ตามไปจัดกันได้เลย
ข้อดี Gigabyte AORUS 15
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุพรีเมียม แนวเรียบหรูดูดี
- ตัวเครื่องเล็กกระชับกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ได้สเปกแรงโดยเบาเพียง 2.3 กิโลกรัม
- สเปกใหม่ล่าสุดตัวท็อปทั้ง Core i7-12700H และ GeForce RTX 3070 Ti (TGP 130W)
- ประสิทธิภาพในการใช้งานดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ทั้งในส่วนการเล่นเกมและการทำงานมืออาชีพ
- หน้าจอ QHD รองรับ Refresh Rate 165Hz ได้พาเนล IPS ที่ sRGB ใกล้เคียง 100%
- พร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4 ที่เป็นฟอร์ม USB-C ใช้งานเป็น DisplayPort / PD ได้
- มาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง 2W x 2 พร้อมระบบเสียง DTS:X Ultra ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
- ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง ความจุ 1TB
- ระบบระบายความร้อน WINDFORCE มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม จัดการอุณหภูมิได้ดีไว้ใจได้
- มีซอฟต์แวร์ติดเครื่อง AORUS Control Center ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- คีย์บอร์ดไฟ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ความรู้สึกในการใช้งานดีเยี่ยม
- มีระบบใช้งาน Windows Hello ผ่านทางการสแกนใบหน้าด้วย IR Camera
- ระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Killer Wi-Fi 6E AX210 Gig+ ที่เยี่ยมยอด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดราวๆ 8 ชั่วโมง ถือว่ายาวนาน
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที
- ประกัน 2 ปี มาตรฐาน Gigabyte Thailand ที่เรามั่นใจได้
ข้อสังเกต Gigabyte AORUS 15
- หน่วยความจำแรมยังเป็นมาตรฐาน DDR4 ถ้าได้ DDR5 น่าจะดีกว่านี้
Specification
Gigabyte AORUS 15 รุ่นที่ได้รับมารีวิวในบทความนี้เป็นเครื่องขายจริง โดยมีอยู่สเปกเดียว ณ ตอนนี้ ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงรองท็อปอย่าง Core i7-12700H รูปแบบการทำงานใหม่ด้วยไฮบริด ความเร็ว Efficient-core Max Turbo ที่ 3.50 และ Performance-core Max Turbo ที่ 4.70 ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงไว้ใจได้แน่นอน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Alder Lake (Intel 7) เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่บรรจุไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายล้ำหน้า ในการทำงานขั้นสูงแบบมืออาชีพ
พร้อมการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ที่แรงลื่นและร้อนน้อยสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti มีแรมการ์ดจออยู่ที่ 8GB GDDR6 (130W Maximum Graphics Power with Dynamic Boost) สถาปัตยกรรม Ampere ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop หรือทำงานสายไฮเอนด์แล้ว มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 จำนวน 2 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB (8GB x 2) แบบ DDR4 Bus 3200 MHz มาตรฐาน SO-DIM RAM รองรับ Dual Channel
ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว พร้อม IR Camera ที่ขอบหน้าจอด้านบน ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, LAN RJ45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 E AX210 ที่สำคัญยังโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัย Firmware-based TPM และรองรับ Intel Platform Trust Technology ด้วย
Gigabyte AORUS 15 XE4-73THB14G ราคา 79,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i7-12700H (14C/20T & 1.7 – 3.5GHz + 2.3 – 4.7 GHz)
-
GPU : NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti (8GB GDDR6)
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Quad HD @ 165Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 11 Home
-
Warranty : 2 Years
ทุกเครื่องจะผลิตและประกอบที่โรงงานในไต้หวัน จึงมั่นใจในคุณภาพได้ โดยในบันเดิลเรายังได้ในส่วนของกระเป๋าเป้ที่ดีไซน์พรีเมียมอีกด้วย สำหรับใครคนไหนที่สนใจก็สามารถหาซื้อร้านคอมพิวเตอร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายหรือสอบถามข้อมูลได้ที่เพจ GigabyteNotebookThailand
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบจะเห็นว่า Gigabyte AORUS 15 มีสไตล์แบบไม่ซ้ำใคร AORUS คือซับแบรนด์ของทาง Gigabyte ที่จะเป็นกลุ่มสินค้าระดับ Hi End ที่ตอบโจทย์กลุ่มเกมเมอร์ หรือผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ ออปชั่นอื่นๆที่มากกว่าพื้นฐาน เช่นระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า ไฟ RGB ที่สวยงามกว่า รวมถึงการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวโดดเด่นมากกว่า ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในการ์ดจอ เมนบอร์ด และวันนี้ก็ได้มาเป็นซับแบรนด์ให้ตลาดโน๊ตบุ๊คอีกด้วย และแน่นอนว่าทุกรุ่นยังคงผลิตในไต้หวัน จึงมั่นใจในคุณภาพของสินค้าได้ เชื่อว่าโดนใจใครหลายๆ คนแน่นอน ในเรื่องของความพรีเมียมแตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ แบบชัดเจน
เรียกได้ว่าเอาไปใช้งานที่ไหนก็โดดเด่นสุดๆ สำหรับฝาหลังมีโลโก้นกเหยี่ยวพร้อมไฟ LED สีขาวส่องสว่างเมื่อเปิดใช้งาน ที่เป็นโลโก้ใช้ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ AORUS ให้ความเป็น Gaming อย่างที่สุด ซึ่งได้วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นพลาสติกเกรดสูงที่ให้ความคล้ายกับโลหะ ซึ่งขึ้นรูปมาได้ดีให้ทั้งความแข็งแรงทนทาน และความสวยงาม แน่นอนว่ามีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงจากการที่ขอบจอบางเฉียบ เล็กกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความบางสุดๆ ของตัวเครื่องเพียง 25 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ อีกรุ่นในตลาดที่ทั้งบางและเบาไปด้วยพร้อมๆ กัน
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดต่างๆ ที่สวยงามตามสไตล์ AORUS ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยี ระบบระบายความร้อน WINDFORCE พัดลม 12V 2 ตัว 5 Heatpipes ,4 ช่องระบายความร้อน ดูดอากาศเย็นจากใต้ตัวเครื่องพร้อมเปล่าออกผ่านทางฮีทไปป์และฟินขนาดใหญ่ไปทางด้านหลังและด้านข้างออกตัวเครื่อง เชื่อได้เลยว่า Gigabyte AORUS 15 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน มาพร้อมกับคีย์บอร์ดไฟ RGB Fusion 2.0 แบบ Per-key ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ที่เราสามารถปรับแต่งได้ดั่งใจ ทั้งส่วนของคีย์บอร์ดที่ดูแล้วสวยงาม
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องมียางรองกันลื่นขนาดใหญ่ ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นให้อากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเล่นดีไซน์แบบพิเศษ ติดตั้งเอาไว้ที่เราสามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจนทั้งสวยงามลงตัวและใช้ได้จริง ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัว รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง Gigabyte AORUS 15G นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ ซึ่งนอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย
เป็นข้อดีที่หาได้ยากในหลายๆ แบรนด์ สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gigabyte ซึ่ง Gigabyte AORUS 15 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อเล่นเกมระดับสูง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าอาจจะไม่คุ้นเคยเท่ากับแบรนด์คู่แข่งที่ทำตลาดมานานกว่า แต่จากโดยรวมแล้วก็เชื่อใจได้เลยว่ารุ่นนี้ของเค้าดีจริงๆ ทั้งในส่วนของดีไซน์และฟีเจอร์ อีกทั้งเชื่อได้ว่าคนที่ประกอบ PC DIY มาต้องมั่นใจในแบรนด์ Gigabyte แน่นอน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของคนที่ต้อง Gaming Notebook ปี 2022 ที่แตกต่าง ให้อารมณ์ที่เป็นอาวุธในการเล่นแบบมืออาชีพระดับ Pro Player หรือ eSport กันเลยทีเดียว
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ Gigabyte AORUS 15 มีการสกรีนภาษาไทยแล้ว ซึ่งมีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่โดยโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดี ด้านการใช้งานในการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี Fully Anti-Ghosting และ N-Key Rollover ให้ความรู้สึกที่ตอบสนองได้แม่นยำทันใจ รองรับการกดได้ถึง 10 ล้านครั้ง ขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างทำให้มีความแม่นยำในการกด เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดีด้วยความลึก 2 มิลลิเมตร โดยมีการติดตั้งแบบ Full Size ทำให้ได้แป้นตัวเลข Numpad มาเพื่อใช้งานด้วย อีกทั้งเมื่อกด Fn แล้ว พวก Hot Key ต่างๆ ก็จะติดไฟไฮไลท์สีขาวเพื่อให้เรากดได้ง่ายอีกด้วย
ในส่วนของไฟ RGB ก็สามารถแสดงสีสันได้ถึง 16.8 ล้านสี แบบ RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีไฟแยกอิสระทุกปุ่ม ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่บริเวณเหนือคีย์บอร์ดตรงกลางพร้อมโลโก้ AORUS ที่ดูลงตัว สำหรับทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง พื้นผิวแบบคล้ายกระจกสัมผัสแล้วติดนิ้ว ไม่ลื่นหรือหนืดนิ้วจนเกินไป ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สำหรับการใช้งานพื้นฐานแทบไม่ต้องเชื่อมต่อกับเมาส์ภายนอกเลย และ Multi Gesture ก็ดีเยี่ยมเมื่อร่วมกับ Windows 11 Home
Screen / Speaker
หน้าจอของ Gigabyte AORUS 15 มีขนาดที่ 15.6″ ขอบหน้าจอบางเฉียบมากๆ ทั้งด้านบนข้างข้างซ้ายขวา แบบผิวจอด้านลดแสงสะท้อน โดยมีความละเอียด QHD (Quad HD) ที่ 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง ที่สำคัญยังรองรับการแสดงผล 165Hz เทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า Gigabyte AORUS 15 มีความเหนือชั้นกว่าแบบเห็นครั้งแรกก็รู้เลย พร้อมให้ความคมชัดที่มากกว่า Full HD แบบเดิมๆ เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ ทั้งความลื่นไหลและสีสัน
อีกทั้งใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้ และที่ถึงแม้ขอบจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้งเว็บแคมพร้อมไมโครโฟนแบบรับเสียงคู่มาได้ด้วย กับดีไซน์ที่ยื่นออกไปเล็กน้อย ที่สำคัญยังมาพร้อม IR Camera ทำให้เรามั่นใจเรื่องของความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ Windows Hello ในการเข้าใช้งาน Login ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home แบบที่ไม่ต้องมาคอยกรอกรหัสเดิมๆ อีกต่อไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยทดสอบออกมาแล้วเผยให้เห็นขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 99%, AbodeRGB ที่ 87%, DCI-P3 ที่ 90 เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันอยู่ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 nit ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน หรือถ้าเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากก็เหมาะสมเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่ถึงกับดีที่สุดเมื่อเทียบกับจอ OLED
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าหลายช่องเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับบางช่องจะมีแสงสว่างที่ลดลงไประดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ รวมไปถึงมีค่า Delta-E การคลาดสีเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1.26 เท่านั้น (ต่ำกว่า 2 นับว่าดีเยี่ยมแล้ว) ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว เหมาะสำหรับคนเอามาทำงานมืออาชีพสาย Creator หรือเล่นเกมแบบจริงจัง
ตัวเครื่องมีช่องลำโพงอยู่ใต้ตัวเครื่องด้านล่าง 2 x 2W อยู่ข้างใต้ตัวเครื่องทางซ้ายและขวาแบบสเตอริโอในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว รวมไปถึงยังมีระบบเสียง DTS:X Ultra เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้นกรณีที่เชื่อมต่อกับหูฟังและลำโพงแยก ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก รวมไปถึงสามารถจำลองเสียง 3 มิติได้ด้วย
Connector / Thin And Weight
Gigabyte AORUS 15 ติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบถ้วนในการใช้งาน ประกอบไปด้วย ช่องชาร์จไฟ Power/DC-in Port 1 / LAN RJ-45 / 1 x Type-A USB 3.2 / 1 x Type-C USB 3.2 (รองรับ DisplayPort) / 1 x Thunderbolt 4 (USB Type-C with support 40Gbps และ DisplayPort) / 1 x HDMI 2.1 (4K @ 120Hz) / 1 x Audio Out (Compatible with inline mic headset) / Wedge-shaped lock slot (cable and lock sold separately) ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Killer Wi-Fi 6E AX210 Gig+ (Powered by Intel) + Bluetooth 5.2 จัดเต็มกันไปเลย
สำหรับ Gigabyte AORUS 15 นับได้ว่าเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook หลายรุ่น ในส่วนของความบางเบาของตัวเครื่อง ตอบสนองการพกพาได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับสเปกที่ได้ที่ 2.3 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกแรงๆ จัดว่าเบากว่า แถมมิติตัวเครื่องยังเล็กกระทัดรัด ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้ารวมอแดปเตอร์ที่มีกำลังจ่ายไฟที่ 240W แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัมนิดๆ ไม่ลำบากในการพกพามากนัก แม้ตัวอแดปเตอร์เองจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ทีเดียว
Inside / Upgrade
การแกะงัดเพื่อทำความสะดาดหรืออัปเกรดเครื่อง Gigabyte AORUS 15 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย ใช้ไขควงหัวดาวขันน็อตออกมาประมาณ 10 ตัว เมื่อแกะฝาล่างออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางอย่างลงตัว งานประกอบก็เรียบร้อยมากๆ โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 6500 mAh ซึ่งภายในเกือบทุกชิ้นส่วนจะมีการติดตั้งแผ่นโลหะเอาไว้เพื่อเสริมความแข็งแรงด้วย สำหรับในส่วนของแรมจะมีแผ่นพลาสติกปิดอยู่ โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB x 2 แถว มาตรฐาน DDR4 Bus 3200MHz ซึ่งทำงานแบบ Dual Channel เพื่อได้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด (รองรับการใส่สูงสุดที่ 64GB)
โดยในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB พร้อมรองรับการอัปเกรด SSD M.2 อีก 1 ตัวทันที ระบบระบายความร้อนของตัวเครื่องนั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และผ่านใบพัดแบบพิเศษที่ทำงานได้ค่อนข้างเงียบ พร้อมด้วยโลหะปกคลุมทั้งหมด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู แต่บอกได้เลยว่า Gaming Notebook ที่งานประกอบภายในเนี๊ยบจริงๆ
Performance / Software
สำหรับ Gigabyte AORUS 15 ได้ฮาร์ดแวร์ภายในมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 12H (Alder Lake) เน้นนำไปใช้งานหนักๆ อัปเกรดมาใช้สถาปัตยกรรมไฮบริด คอร์ใหญ่ผสมกับคอร์เล็ก เพื่อรองรับโหลดงานที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น Performance Core (P-core) เน้นงานเธรดเดี่ยว ที่ต้องการประสิทธิภาพในงานประมวลผลขั้นสูงอย่างทำงานที่ซับซ้อนหรือเล่นเกม และ Efficient Core (E-core) ที่ใช้กับงานทั่วไป รวมไปถึงงานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในการจัดการก็ชาญฉลาดแบ่งตามความเหมาะสมแบบเวลาจริงด้วยเทคโนโลยี Intel Thread Director
ซึ่งติดตั้งมาเป็นรุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-12700H ที่เป็นรุ่นรองท็อป โดยมีความเร็วในการประมวลผล E-Core อยู่ที่ 1.7 – 3.5 GHz ส่วน P-Core อยู่ที่ 2.3 – 4.7 GHz เป็นซีพียูแบบ 14 Core (P6 + E8) / 20 Threads ซึ่งถ้าดูจากคะแนนผลการทดสอบด้านต่างๆ คือเหนือชั้นกว่า Core i7-11800H ขึ้นไปอีก การ์ดจอออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics คล้ายกับรุ่น Core i Gen 11H ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีแบบพื้นฐาน รองรับการทำงานได้ในระดับทั่วไปเป็นหลัก มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ที่มีมาให้ในเครื่องขายจริงนี้แบบสบายๆ
การ์ดจออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti (8GB GDDR6) กับค่า TGP 130W ความแรงสูงสุด 1485 MHz ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า RTX 30 Series อย่าง RTX 3070 ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน
แน่นอนว่ามี Ray-Tracing รุ่นใหม่ ซึ่งก็คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง Geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี Ray-Tracing นี้ด้วย โดยส่งผลให้ภาพมีความสวยสมจริงขึ้น แต่เฟรมเรทก็ยังสามารถทำได้ลื่นไหล
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3070Ti เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องแน่นอนว่าเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook รุ่นใหม่ๆ ไปแล้ว ซึ่งทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB (พร้อมรองรับการอัปเกรด 1 ช่อง และเลือกโหมด Raid 0 / Raid 1 ด้วย) ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 7082 MB/s และเขียนที่ 3614 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน Gen 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6970 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i7-12700H มีการ์ดจอแยกอย่าง GeForce RTX 3070 Ti แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่เป็น Core i Gen 12H ปกตินั่นเอง แต่จริงๆ แล้วคะแนนน่าจะไปได้ไกลกว่านี้อีกหน่อยถ้าอัปเกรดแรมเป็น 32GB
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 9321 เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งถ้าเทียบกับ Gaming Notebook ปีก่อน ต้องยอมรับว่าคะแนนโดยรวมนั้นดีขึ้นไปได้อีก
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 150 – 200 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Far Cry 6 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / SCUM บนความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (ตาม Native ของหน้าจอ) โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสบายตา กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ถ้าอยากได้ลื่นกว่านี้จะปรับกราฟิกลงมากลางๆ หรือปรับความละเอียดเป็น 1920 x 1080 พิกเซลก็ได้
นอกเหนือจากนี้ทาง Gigabyte AORUS 15 ยังมีซอฟต์แวร์ Utility อย่าง AORUS Control Center โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น โหมดการใช้งานต่างๆ โปรไฟล์การตั้งค่า ไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพ รอบพัดลมแบบละเอียด รวมไปถึงหน้าตาก็ใช้งานได้ง่ายและสะดวกเรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook ระดับสูงของทาง Gigabyte ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก AORUS เท่านั้น เชื่อได้ว่าต้องถูกอกถูกใจเกมเมอร์แน่นอน แบ่งออกเป็น Smart Dashboard / App Shortcus / Manager / Fusion / Device Setting / Smart Ultility
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Gigabyte AORUS 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 6500 mAh ซึ่งนับว่าให้มาเยอะกว่า Gaming Notebook ทั่วไปพอสมควร ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ววัดผลจากการเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ เกือบ 8 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ สเปกแรงขนาดนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานระดับที่เหนือชั้นกว่า
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลและการ์ดจอแยกจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าในการใช้งานทั่วไปด้วยการใช้โหมด Windows แทบจะไม่รู้ว่าพัดลมหมุนเลย เพราะร้อนไม่เกิน 60 องศา จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Hardware Monitor เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU / GPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับชิปประมวลผล CPU ส่วนของ P-Core อยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างสูงแต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งาน ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอแยกจะอยู่ที่ 76.8 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นพอตัว ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์เร่งความแรง Sport + Boots พร้อมเพิ่มรอบพัดลมและแรงดันไฟฟ้า จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ส่วนแล้วถือว่าอีกรุ่นที่แรงจริงและเย็นจริงๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้
Conclusion / Award
สรุปรีวิวจากการทดสอบใช้งานจริงของ Gigabyte AORUS 15 สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องนับว่ามีความก้าวล้ำกว่ารุ่นก่อนๆ ไปมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ พร้อมวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา พรีเมียมแบบสุดๆ อย่างที่หาไม่ได้ในแบรนด์อื่นๆ ที่สำคัญด้วยสเปกใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 12H + NVIDIA GeForce RTX 30 Ti Series ส่งผลให้เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมรุ่นใหม่ที่ทรงพลังและน่าซื้อในราคาที่สูงหน่อย แต่ก็น่าสนใจ
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด ตัวเครื่องแม้จะเป็นพลาสติกแต่ก็แข็งแรงและดูคล้ายกับโลหะ เน้นความเรียบง่ายที่เชื่อว่าหลายคนต้องชื่นชอบ สไตล์ของ AORUS ซึ่งเป็นแบรนด์ Gaming จาก Gigabyte แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบชัดเจน โดย Gigabyte AORUS 15 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ พาเนล IPS เกรดสูง ที่ความละเอียดคมชัดสมกับเป็น Gaming Notebook ยุคใหม่ รองรับที่ 165 Hz ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานแล้ว อีกทั้งเมื่อทดสอบยังได้ขอบเขตสี 99% sRGB แบบขอบหน้าจอบางเฉียบที่ติดตั้งเว็บแคมและ IR Camera มาได้ รวมไปถึงแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวกว่า 8 ชั่วโมง
การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ WINDFORCE หมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน เพราะจากการทดสอบเย็นมากๆ แม้ทำงานหนักๆ ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็มที่ขนาด 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe ตัวแรง ความจุ 1TB อีกทั้งตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่อง (มี M.2 2 ช่องนั่นเอง) นอกจากนี้ตัวเครื่องยัง มาพร้อมกับ Windows 11 Home พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 4 ได้ระบบความปลอดภัย Firmware-based TPM และรองรับ Intel Platform Trust Technology
โดยราคาของ Gigabyte AORUS 15 สนนราคาอยู่ที่ 79,990 บาท ขึ้นอยู่กับสเปกตามที่แจ้งเอาไว้แล้ว พร้อมประกัน 2 ปี เอาเป็นว่าใครมีงบถึงและต้องการ Gaming Notebook ที่แรงลื่นทรงพลังสเปกใหม่ล่าสุด ได้ความแตกต่างจากแบรนด์เจ้าตลาด ขอแนะนำเป็น Gigabyte AORUS 15 รุ่นนี้เลย เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ระดับท็อปที่สมบูรณ์รอบด้านจริงๆ อีก 1 รุ่นตลาดประเทศไทย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Gigabyte AORUS 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-12700H ความเร็วสูงสุด 4.7 GHz ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ทั้ง P-Core และ E-Core ประสิทธิภาพไว้ใจได้ในทุกๆ การทำงาน พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 Ti (8GB GDDR6) รุ่นใหม่ล่าสุด ค่า TGP 130W มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งได้หน้าจอ IPS 165Hz ด้วย
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ AORUS มาอย่างยาวนานแล้ว ทั้งเมนบอร์ด การ์ดจอ หรือโน๊ตบุ๊ครุ่นก่อนๆ ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Gigabyte AORUS 15 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่า Gaming Notebook ทั่วไป รวมไปถึงขอบหน้าจอบางเฉียบ แต่ยังติดตั้งเว็บแคม + IR Camera มาให้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วปลอดภัย แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำสนิทตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมไฟคีย์บอร์ด RGB Fusion 2.0 ตั้งค่าสีแยกอิสระทุกปุ่ม เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาคือน้ำหนักที่เบาโดยอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม จัดเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่งานประกอบแน่นๆ วัสดุดีๆ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าปกติเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแลกมากับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเกือบ 8 ชั่วโมงถือว่าเยี่ยมยอด รวมถึงได้การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง Gigabyte AORUS 15 ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่เหมาะสมกับเกมเมอร์อย่าง Killer Wi-Fi 6E AX201 Gig+ รวมถึง Bluetooth 5.2 หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับทุกๆ การใช้งานอย่าง Thunderbolt 4 และอื่นๆ อีกมากมาย