ในวันที่ 25 มกราคมนี้ น่าจะเป็นวันที่ชาวเกมซีรีส์ Resident Evil / Bio Hazard (ผมขอใช้ชื่อ Residen Evil นะครับ) ภาคเก่า ๆ รอคอยกัน นั่นคือเป็นวันที่เกม Resident Evil 2 Remake จะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการนั่นเอง โดยเกมเวอร์ชันดั้งเดิมนั้น ในครั้งแรกถูกสร้างมาสำหรับเครื่อง PlayStation 1 ในปี 1998 และกลายเป็นเกมขึ้นหิ้งสำหรับซีรีส์เกมสยองขวัญซีรีส์นี้ ด้วยเกมเพลย์ กราฟิก และเนื้อหาที่พัฒนาขึ้นมาจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ Resident Evil 2 Remake นี้ กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ
และที่ยิ่งดีขึ้นไปอีกก็คือทาง Capcom ได้ปล่อยเดโมเกมมาให้เล่นฟรี ๆ กันก่อนเกมเปิดขายจริงอีกต่างหาก โดยมีให้ลองทั้งบน Windows ผ่าน Steam รวมถึงใน PS4 และ Xbox One อีกด้วย ส่วนตัวผมก็เลยลองเล่นในพีซีก่อน เนื่องจากผมตั้งใจว่าจะเล่นเกมนี้บนพีซีเป็นหลักนั่นเอง แต่สิ่งที่เดโมทุกเวอร์ชันมีเหมือนกันก็คือ ตัวเกมจะอนุญาตให้เล่นได้รวมแค่ 30 นาทีเท่านั้น และจะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตขณะเล่นด้วย
ส่วนถ้าใครสามารถเล่นจบเนื้อเรื่องได้ก่อน 30 นาที ก็สามารถเริ่มต้นเล่นรอบใหม่ได้นะครับ โดยตัวเกมจะไปเริ่มที่จุดเริ่มต้นของเดโม (ไม่สามารถเซฟเกมได้) ส่วนพวกหน้าเมนูการปรับกราฟิกในเกม พวกนี้จะไม่ถูกจับเวลาจากระบบนะ สามารถลองกันไปได้เต็มที่ เสียดายที่ไม่มีชุด benchmark เครื่องมาให้ เลยอาจจะทำให้การเทสประสิทธิภาพเครื่องทำได้ไม่สะดวกนัก
สำหรับสเปคเครื่องที่ผมใช้เล่นเดโม 1-shot ของเกม Resident Evil 2 ก็ตามนี้ครับ
- CPU: AMD Ryzen 5 2600 (6/12) โอเวอร์คล็อกความเร็วไปที่ 4.0 GHz
- RAM: 16 GB DDR4-3133
- GPU: Gigabyte GTX1070 Gaming OC (VRAM 8 GB)
- SSD: Samsung 970 EVO 250 GB (ลงเกมไว้ใน SSD)
- จอ LG Ultrawide 21:9 (2560×1080) 75Hz
ส่วนโปรแกรมที่เปิดระหว่างเล่นเกม คร่าว ๆ ก็เช่น Google Chrome ที่กินแรมระบบรวมประมาณ 2 GB แล้วก็มี Firefox เล็กน้อย Line, HWMonitor และ MSI Afterburner + RivaTuner เพื่อใช้เป็นทั้งตัวแสดงสถานะตรงมุมจอ แล้วก็ใช้แคปภาพหน้าจอด้วย เพราะผมลองแคปด้วยปุ่ม Print Screen แล้วมันแคปภาพไม่ได้
เมนูของการปรับกราฟิกในเกมก็ถือว่าทำมาได้ดี และละเอียดระดับหนึ่ง ถ้าต้องการปรับแบบง่าย ๆ ก็สามารถเลือกจากหัวข้อ Presets ด้านบน ที่เลือกได้เลยว่าจะปรับกลาง ๆ ปรับแบบเน้นประสิทธิภาพ หรือเน้นคุณภาพของภาพในเกม ส่วนถ้าต้องการปรับแต่ละจุดอย่างละเอียด ก็ลงมาดูต่อด้านล่างได้เลย ซึ่งสามารถค่อย ๆ ปรับทีละจุดได้ เพราะในระหว่างการปรับค่า ตัวเกมจะไม่นับเวลาถอยหลัง
ตัวเกม Resident Evil 2 รองรับการใช้งานร่วมกับ DirectX 12 ด้วยนะครับ ถ้าการ์ดจอใครรองรับ ก็เปิดได้เลย โดยค่าเริ่มต้น ตัวเกมจะตั้งเป็น DirectX 11 มาให้ ต่อมาก็เป็นพวกความละเอียดจอ ความละเอียดของการเรนเดอร์ คุณภาพของภาพโดยรวม รีเฟรชเรต
ถ้าเลื่อนลงมาต่อด้านล่างของเมนูกราฟิก ก็จะมีตัวเลือกแต่ละจุดให้ปรับระดับได้ตามต้องการ โดยภาพตรงมุมขวาล่างก็จะแสดงตัวอย่างตามค่าที่ปรับด้วย ช่วยให้เห็นภาพได้ชัดว่าถ้าปรับแบบนี้ จะมีผลกับคุณภาพของภาพในแง่ไหนบ้าง ภาพจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงมีบอกด้วยว่าถ้ายึดตามการปรับภาพต่าง ๆ ที่เลือก แรมการ์ดจอจะถูกใช้ไปเท่าไหร่ สำหรับ GTX 1070 ที่ผมใช้อยู่ ผมก็ทดสอบด้วยการใช้งาน DirectX 12 พร้อมปรับสุดทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ยกเว้น Texture Quality ที่ผมเลือกแค่ระดับ High เพราะถ้าเลือกสูงกว่านี้ ตัวเกมจะมีป๊อปอัพขึ้นมาเตือนว่าการเรนเดอร์ภาพอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ (น่าจะเนื่องจากการใช้แรมการ์ดจอที่รวมแล้วเกือบเต็ม 8 GB) ผลคือ ได้เฟรมเรตของภาพระหว่างเล่นเกมอยู่ในช่วง 59 ไปจนถึง 70 กว่า ๆ
ด้านของการกินพลังกราฟิกนั้น บอกเลยว่าเต็มเหนี่ยวสำหรับ GTX 1070 อยู่เหมือนกัน เมื่อดูจากตัวเลขแสดงสถานะการทำงานตรงมุมซ้ายบนจากโปรแกรม RivaTunerStatisticsServer (RTSS) จะเห็นว่า GPU ทำงาน 99% ที่ความเร็ว 1911 MHz อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ส่วนแรมการ์ดจอนั้น ขนาดหน้าตั้งค่า ยังกินไปร่วม 4 GB กว่าแล้ว
แต่สำหรับ CPU นั้น Ryzen 5 2600 เอาอยู่สบาย ๆ ครับ เพราะเท่าที่ผมเล่นจนจบเดโม เปอร์เซ็นต์การใช้งาน CPU นั้นไม่ถึง 30% ด้วยซ้ำไป โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 70 องศา (ใช้ในห้องพัดลม อุณหภูมิประมาณ 30 องศา) ด้านของแรมระบบ ตัวเกมจะกินระหว่างเล่นประมาณ 2 GB
ดังนั้น ถ้าใครต้องการเล่นเกม Resident Evil 2 แบบเปิดกราฟิกขั้นสุดบนจอความละเอียดระดับ Full HD ขึ้นไป แนะนำว่าควรใช้การ์ดจอที่มีความแรงขั้นต่ำซัก GTX1070 พร้อมแรมการ์ดจอขั้นต่ำ 8 GB ส่วนถ้าเป็นการ์ดจอรุ่นรองลงมา อาจจะต้องปรับลดความละเอียด หรือกราฟิกต่าง ๆ ลงบ้าง ซึ่งเมนูการตั้งค่าของเกมจะช่วยได้มากทีเดียว
ส่วนถ้าเป็นสเปคเครื่องแนะนำของตัวเกม ก็ตามภาพด้านบนเลยครับ ถ้าใช้การ์ดจอระดับ GTX1060 หรือ RX480 ก็น่าจะรันได้ที่ระดับ 1080p 60FPS บน DirectX 11 พอไหวอยู่ แต่คงเปิดกราฟิกได้ไม่สุดเท่าไหร่
เมื่อเริ่มเดโมมา ก็จะมีสอนการควบคุมเบื้องต้นได้แก่การเดิน การหันมุมกล้อง และพอไปถึงจุดต่าง ๆ ที่สามารถโต้ตอบกับสิ่งนั้นได้ เช่น มีของให้เก็บหรือสำรวจ ก็จะมีไอคอนปุ่มมาให้กดในแต่ละจุดไป โดยในการควบคุมตัวละครนั้น ผู้เล่นสามารถใช้ได้ทั้งจอยคอนโทรลเลอร์ (ผมใช้จอย PS4 ต่อสายเข้ากับคอม) หรือจะใช้คีย์บอร์ดก็ได้เช่นกัน เท่าที่ผมทดสอบในช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยการตั้งค่าแบบเดิมจากระบบ ส่วนตัวผมรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของ Leon เช่นการหันซ้ายขวา การเปลี่ยนทิศทางการเล็งปืน จะค่อนข้างเร็วพอสมควร (มีระบบช่วยเล็งด้วย) ส่วนการเดิน การวิ่งนั้นไม่จัดว่าเร็วมาก ถ้าวิ่งไปซักพักจะมีเสียงหอบด้วย ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดีนะ ให้อารมณ์เหมือนเราเข้าไปเดินอยู่ในที่จริง ๆ ที่เราไม่คุ้นเคย แถมยังมีบรรยากาศมืด ๆ ทึม ๆ อีก ซึ่งถ้าเป็นผม ผมก็คงต้องค่อย ๆ เดินเหมือนกัน
ส่วนใครที่เคยเล่นภาคดั้งเดิมมา พื้นฐานการควบคุมตัวละครจะยึดโครงมาคล้าย ๆ กันเลย แต่มีการปรับเอาวิธีการควบคุมสมัยใหม่เข้าไป เช่น การวิ่งที่มีให้เลือกได้ทั้งวิ่งตลอด กับต้องกดปุ่มใดปุ่มหนึ่งเพื่อให้ตัวละครวิ่ง การยิงปืนก็ปรับไปใช้ L2 ค้าง แล้วกด R2 เพื่อยิง ส่วนมีดจะกลายเป็นอาวุธรองที่มีปุ่มควบคุมแยกมาอีกชุดนึง ทำให้สามารถใช้มีดได้สะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก การเปิดแผนที่ก็มีปุ่มลัดคือปุ่ม Share (จากที่ผมเล่นโดยใช้จอย PS4) ที่ขัดใจเล็กน้อยก็คือพวกไอคอนของปุ่ม จะเป็นเลย์เอาท์ของปุ่ม Xbox
ปล. ที่ภาพยาว ๆ เนื่องจากผมใช้จอ 21:9 แล้วก็ปรับความละเอียดในอัตราส่วน 21:9 เต็มจอ ซึ่งเกมนั้นรองรับจอ ultrawide มาตั้งแต่แรก แถมยังรองรับ HDR อีกด้วย (แต่ผมเล่นแบบปิด HDR นะ)
ถ้าใครที่เคยเล่น Resident Evil 2 ภาคดั้งเดิมจนสามารถจำระบบ จำแผนที่ จำปริศนาได้แล้ว Resident Evil 2 ภาครีเมคนี้ก็จะยังคงอิงฐานเดิมมาอยู่ครับ ไม่ว่าจะเป็น แผนที่ ของที่ให้เก็บในเกม การผสมสมุนไพร แต่จะมีการเสริมในหลายจุดเข้ามา เท่าที่ผมเจอในเวลา 30 นาทีก็ประมาณนี้
- แผนที่: ห้องและทางเดินต่าง ๆ จะยังคงยึดตามโครงสร้างของเดิมไว้ แต่เพิ่มเส้นทางใหม่ และเพิ่มบางห้องเข้ามาระหว่างทาง เช่น ห้องน้ำที่มีของให้เก็บได้ โดยสามารถเปิดประตูเข้าไปในแต่ละห้องได้โดยไม่ต้องมีฉากเปิดประตูเพื่อโหลดฉากอีกต่อไป และถ้าหากจำแผนที่จากภาคเก่าได้คร่าว ๆ ว่าทางไหนไปห้องไหน น่าจะช่วยให้เล่นภาครีเมคนี้ได้ง่ายขึ้นพอสมควร
- ของที่มีให้เก็บ: ก็ยังมีเหมือน ๆ เดิม เช่น กระสุน สมุนไพร สเปรย์ ผงดินปืน กุญแจ และก็มีแผ่นไม้ที่สามารถเอาไปปิดหน้าต่าง เพื่อกันซอมบี้ทะลุกระจกเข้ามาได้ด้วย รวมถึงยังมีตู้ล็อกเกอร์ที่ล็อกกุญแจแบบรหัส 3 ตัวที่ให้ปลดล็อกได้ถ้าหากทราบรหัส (คาดว่าน่าจะต้องเอารหัสมาจากไฟล์ที่เก็บได้ระหว่างทาง)
- กระเป๋าเก็บของ: เริ่มต้นจะมีให้มา 8 ช่อง และในเกมจะมีกระเป๋าให้เก็บเพื่อเพิ่มช่องเก็บของได้ ถ้ากดเก็บของขณะที่กระเป๋าเต็ม จะไม่สามารถเลือกทิ้งของเดิมเพื่อเก็บของใหม่ได้ ต้องเปิดช่องเก็บของเพื่อทิ้งของเดิมก่อนทุกครั้ง ส่วนหีบเก็บของก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมครับ นั่นคือมักจะอยู่ในห้องเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้เป็นจุดเซฟเกม
ด้านของบรรยากาศในเกม ยอมรับเลยว่า ทำออกมาได้ดี ทำให้รู้สึกถึงความกดดัน ด้วยการใช้ภาพที่มีความมืด ๆ ทึม ๆ มีแสงไฟสลัวจากในบางจุด เช่น แผงสวิตช์ไฟ โดยในการเดินในที่มืดนั้น สิ่งที่เป็นแสงนำทางก็คือไฟฉายในมือ Leon เป็นหลัก ตัวฉากและมุมกล้องไม่จัดว่าแคบเท่าไหร่ครับ เล่นแล้วรู้สึกสบายตากว่าตอน Resident Evil 6 อีก อาจจะเพราะผมเล่นที่อัตราส่วนภาพ 21:9 ด้วยก็เป็นได้ เลยมองเห็นฉากได้กว้างกว่า
อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือซอมบี้ในเกม ซึ่งเท่าที่ผมเจอในเดโมนี้ก็จะเป็นแค่ซอมบี้คนธรรมดา มีทั้งแบบที่ตัวอ้วนและตัวผอม การเคลื่อนไหวยังไม่เร็วมากนัก สภาพแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างกันไป รวมถึงยังมีความอึดที่ต่างกันด้วย บางตัวใช้ปืนสั้นยิง 5 นัดก็นิ่งแล้ว บางตัวใช้ 7 นัดแล้วยังขยับได้ก็มี แม้ว่ากระสุนที่มีให้เก็บในเดโมจะค่อนข้างเหลือเฟือก็ตาม แต่ผมมองว่าถ้าเล่นแบบเดินหน้าฆ่าทุกตัว น่าจะไม่เวิร์คแน่ ๆ ส่วนความสมจริงนั้นจัดว่าโอเคเลยครับ ยิงหัว หัวแหว่งหรือขาดไปเลย (แต่อาจจะไม่ตาย) ยิงขานัดสองนัดก็ขาขาดแล้วล้ม
ส่วนถ้าจะใช้สูตรยิงให้ซอมบี้ล้ม แล้วเอามีดฟันจนมันตายเพื่อเป็นการประหยัดกระสุน เกรงว่าจะไม่เวิร์คกับภาคนี้เช่นกันครับ เนื่องจากมีดมันดันมีสถานะความทนทานของตัวมันเองด้วย ยิ่งใช้ก็ยิ่งลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้น การเล่นภาคนี้อาจจะต้องอาศัยยิงแล้ววิ่งเพื่อเอาตัวรอดเป็นหลักซะมากกว่าการเดินหน้าฆ่ามันในสไตล์แรมโบ้ ด้านของอาวุธในเกม จากที่ผมใช้แต่ปืนสั้น ผมรู้สึกว่าเสียงมันไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่
ส่วนใครที่อยากเล่น Resident Evil 2 ภาคนี้ แต่ติดว่าเป็นคนกลัวเลือด กลัวภาพชิ้นส่วนอวัยวะละก็ อาจจะต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้ามาด้วยเลยครับ เพราะภาพในเกม โดยเฉพาะพวกฉากคัตซีน บอกเลยว่าจัดเต็มมาก ตับไตไส้พุง เลือดท่วม แหวกหน้าซอมบี้ให้เห็นแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ เลยทีเดียว (แต่คิดว่าคนที่อยากเล่นส่วนใหญ่น่าจะชินกันภาพแนวนี้กันนะ)
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าเดโม 1-Shot ของเกม Resident Evil 2 ภาครีเมคนี้ เปิดให้เล่นได้แค่ 30 นาทีต่อไอดีเท่านั้น ทำให้ถ้าหากผู้เล่นต้องการเห็นฉากต่าง ๆ เยอะ ก็อาจจะต้องรีบเล่นรีบเดินซักเล็กน้อย แต่อย่างผมเอง ผมดันใช้เวลาในห้องแรกสุดไปร่วม 10 กว่านาที จากการลองปุ่ม ลองการเคลื่อนที่ และก็สำรวจจุดต่าง ๆ ในห้อง ทำให้ผมต้องรีบเล่นส่วนต่อมา จนอาจมองข้ามบางอย่างไปบ้างเหมือนกัน ผลสุดท้ายคือเล่นจนจบเนื้อเรื่องของเดโมภายในเวลา 23 นาที เหลือเวลาให้ผมเล่นรอบใหม่ได้อีกแค่ 6 นาทีนิด ๆ เท่านั้นเอง
สิ่งที่ผมเจอแล้วรู้สึกผิดปกติก็คือการปรับระดับเสียงภายในเกม เพราะผมไม่สามารถปรับเสียง output จากการกดปุ่มเพิ่มเสียงบนคีย์บอร์ดได้เลย ต้องอาศัยกด Alt+Tab ออกมาที่หน้า Windows เพื่อปรับเสียง แล้วค่อยสลับเข้าเกมไปใหม่อีกครั้งแทน ส่วนการแสดงผล ก็ยังมีส่วนที่ผิดปกติอยู่บ้าง เช่น พวกแสงสะท้อนตามฝาผนังที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติในบางจุด แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าทำกราฟิกออกมาได้ดี สมกับเป็นเกมยุคปัจจุบัน ส่วนด้านเกมเพลย์ ระบบต่าง ๆ นั้น อาจจะต้องรอดูในเกมเวอร์ชันเต็มที่จะเปิดให้เล่นกันในวันที่ 25 มกราคมนี้อีกทีครับ