Connect with us

Hi, what are you looking for?

Other News

Tech – ผลสำรวจเผยไทยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ของโลก ส่วนจีนและอินเดียกำลังก้าวมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัล

ในช่วงไม่นานมานี้นั้นได้มีผลการสำรวจเศรษฐกิจดิจิทัลเผยออกมาครับ โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการก้าวผ่านของเศรษฐกิจดิจิทัล

ในช่วงไม่นานมานี้นั้นได้มีผลการสำรวจเศรษฐกิจดิจิทัลเผยออกมาครับ โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการก้าวผ่านของเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกของเรานั้นกลายมาเป็นอยู่ในฝั่งเอเชียของบ้านเราแทนซึ่งตัวแปรสำคัญเลยนั้นก็คือประเทศจีนและอินดีที่มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น

อย่างประเทศจีนนั้นในการสำรวจล่าสุดพบว่ามีผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตจำนวนสูงถึง 800 ล้านรายสำหรับประเทศอินเดียวนั้นก็มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 500 ล้านรายรวมกันแล้วมากกว่า 37 ประเทศในกลุ่ม OECD ซะอีก แถมในทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวนั้นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ก็จะใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละถึง 5.9 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ

Advertisement

mobile apps phone2 ss 1920

ทาง World Economic Forum นั้นได้รวมเอาประเทศจีนและอินเดียเอาไว้ในกลุ่มที่เรียกว่า “digital south” ครับ ซึ่งคำดังกล่าวนี้หมายถึงว่าการใช้งานและการยอมรับระบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์ยังคงพัฒนาอยู่ โดยสำหรับการวิจัยของ Digital Evolution Index (DEI) ของทาง World Economic Forum เองนั้นก็ได้บอกเอาไว้ว่าทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวนี้นั้นอยู่ในส่วนของกลุ่มประเทศ “Break Out” ซึ่งหมายความว่าประเทศทั้ง 2 นั้นเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางดานดิจิทัลที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องครับ

uiOG6LldYEMPOg8h t9aS Z0gq4g v0aUkPzPVm0C0g

ตามข้อมูลของทาง World Economic Forum นั้นระบุเอาไว้ครับว่าในประเทศจีนนั้นมีผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนแล้วมากกว่า 783 ล้านราย(จากข้อมูลของทาง Cyberspace Administration of China) และในจำนวนดังกล่าวนั้นมีผู้ที่ใช้จ่ายผ่านทางสมาร์ทโฟนสูงถึง 469 ล้านราย(ข้อมูลล่าสุดของเดือนมกราคม 2017) ซึ่งนั่นทำให้จีนเป็นตลาดการใช้จ่ายผ่านทางดิจิทัลที่สูงเอามากๆ ส่วนทางประเทศอินเดียวเองนั้นก็ไม่แพ้กันครับเพราะได้มีการคาดการกันเอาไว้ว่าภายในปี 2020 ที่จะถึงนี้นั้นยอดการใช้จ่ายผ่านทางดิจิทัลจะสูงถึง $413 billion และสูงไปถึง $1 trillion ภายในปี 2025 ครับ

แน่นอนล่ะครับว่าด้วยยอดผู้ใช้งานและเม็ดเงินในตลาดดิจิทัลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้นั้นเลยทำให้ทั้งประเทศจีนและอินเดียกลายมาเป็นตลาดที่ประเทศผู้นำทางด้านตลาดดิจิทัลหันมาสนใจ 2 ประเทศดังกล่าวนี้เป็นอย่างมาก ทว่าการจะเจาะตลาดเข้าไปในทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยครับเพราะตลาดดิจิทัลของทั้ง 2 ประเทศนั้นเรียกกลายๆ ว่าเป็นตลาดปิดเฉพาะในประเทศของตัวเองเลยก็ว่าได้ โดยทาง World Economic Forum ได้ยกตัวอย่างของเหตุผลเรื่องดังกล่าวเอาไว้ดังต่อไปนี้ครับ

  • ภาษา – เรื่องของภาษานั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญครับเพราะถ้าสื่อสารกันได้ไม่เข้าใจล่ะก็นั่นหมายความว่าการจะเจาะตลาดได้นั้นเรียกได้ว่าแถบจะไม่มีทางเลย อย่างในประเทศอินเดียวนั้นจากประชากรที่มีมากถึง 700 ล้านคนนั้นมีเพียงแค่ 100 ล้านคนเท่านั้นที่สามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้และถ้าหากอยากจะเจาะตลาดอินเดียด้วยการใช้ภาษาที่มีการใช้งานอยู่ในอินเดียแล้วล่ะก็ยังคงต้องเจอกับกำแพงใหญ่อีกเนื่องจากว่าว่าในอินเดียนั้นมีการใช้ภาษาที่แตกต่างกันในแต่ละท้องที่มากถึง 32 ภาษาเลยทีเดียวครับ ถ้ายังอยากจะเจาะตลาดอินเดียจริงๆ แล้วล่ะก็อย่างน้อยต้องใช้ภาษาที่แตกต่างกันซึ่งเป็นภาษาราชการในแต่ละส่วนภาคของอินเดียให้ได้ 5 ภาษาซึ่งนั่นก็ยังมากอยู่ดีครับ
  • นโยบายการตั้งภาษีอากรที่สูงมาก – เรื่องดังกล่าวนี้นั้นสำหรับประเทศจีนนั้นไม่มีปัญหาครับเพราะเขามีนโยบายที่ชัดเจนอยู้แล้ว กลับกันแล้วนั้นในประเทศอินเดียนั้นจะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเพราะในประเทศอินเดียวนั้นเรื่องของภาษีนั้นจะดูที่สถานที่ต้องของคลังสินค้ามากกว่าโดยที่หากคลังสินค้าอยู่ภายในประเทศอินเดียเลยนั้นภาษีก็จะถูกกว่าการที่มีคลังสินค้าอยู่นอกประเทศมากๆ แถมด้วยการเก็บภาษีของธุรกิจดิจิทัลที่มีคลังสินค้าอยู่ที่ต่างประเทศนั้นก็ไม่เท่ากันอีกในแต่ละประเทศทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของธุรกิจดิจิทัลปวดหัวได้เป็นอย่างมากครับ

http 2F2Fi.huffpost.com2Fgen2F25699302Fimages2Fn INDIA SMARTPHONE

อย่างไรก็ตามแต่ครับ ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะสำคัญเลยก็คือรัฐบาลของทั้งประเทศจีนและอินเดียนั้นมีนโยบายที่ค่อนข้างจะปิดกั้นการเข้าไปดำเนินธุรกิจภายในประเทศที่โหดเอามากๆ เพราะทั้ง 2 ประเทศนี้นั้นทางรัฐบาลเขาจะค่อนข้างระวังในเรื่องของข้อมูลภายในประเทศมากเห็นได้ชัดจากเรื่องของการที่หลายๆ บริษัทไม่สามารถที่จะนำบริการของตัวเองเข้าไปเปิดตลาดในจีนและอินเดียได้ตัวอย่างเช่นทาง Google และ Facebook เป็นต้นครับ(หลายๆ คนที่เคยมีข้อสงสัยว่าทำไมสามารถโฟนที่จำหน่ายในประเทศจีนถึงไม่ได้มาพร้อมกับ Google Service ก็ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ล่ะครับ)

แน่นอนครับว่าบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้นั้นต่างก็มีความพยายามที่จะปรับการใช้งานบริการของตัวเองให้เข้ากันกับประเทศทั้ง 2 ดังกล่าวอย่างเช่นทาง Google เองก็ได้มีการลงทุนในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับแอปพลิเคชัน Translate ให้สามารถที่จะรองรับภาษาที่แตกต่างกันในประเทศจีนและอินเดียให้ได้มากที่สุดและทาง Amazon เองก็มีแผนที่จะเปิดตัวบริการซึ่งมาพร้อมกับการรองรับภาษาที่แตกต่างในประเทศอินเดียด้วยเช่นเดียวกันครับ

large J4wpQ83sVFThVyyoDMH 6djuMwDyPZQ4WmZG4zUamNA

ยังครับยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้นการปิดกั้นดังข้อมูลของประชากรดังกล่าวนี้นั้นยังดูเหมือนกับว่าจะมีรูปแบบการปิดกั้นยาวไปจนถึงอย่างน้อยก็ปี 2020 นี้ โดยอย่างประเทศจีนเองนั้นก็ได้มีการใช้บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ภายในของตัวเองในการดูแลเรื่องข้อมูลประชากรซึ่งนั่นทำให้ในประเทศจีนนั้นมีบริษัทหลายๆ บริษัทที่มีความสามารถในรูปแบบก้าวกระโดดเข้ามาทำงานในส่วนนี้ เช่นเดียวกันกับอินเดียครับที่ได้มีการขอความร่วมมือการใช้งานระบบดิจิทัลภายในประเทศมาจากประเทศจีนดังนั้นแล้วการที่จะสามารถเปิดบริการอะไรสักอย่างหนึ่งในประเทศจีนและอินเดียได้นั้นถือว่ายากเป็นอย่างยิ่งครับ

ข้อมูลดังกล่าวนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและสำคัญมากๆ ครับ ทั้งนี้ด้วยความที่ประเทศไทยเราเองนั้นก็พยายามที่จะก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งมีการสนับสนุนให้บริการดิจิทัลนั้นออกนอกประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ จากทางรัฐบาลซึ่งแน่นอนว่าประเทศที่น่าสนใจในการทำตลาดนั้นก็คงหนีไม่พ้นประเทศจีนและอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่มากๆ นั่นเอง ดังนั้นแล้วสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจดิจิทัลอยู่นั้นก็ควรจะต้องปรับตัวกันหน่อยเพื่อที่จะสามารถเจาะตลาดทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวนี้ได้แต่จากการที่เมืองไทยเราเองนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง 2 ประเทศอยู่แล้วดังนั้นหากมีแรงสนับสนุนจากทางรัฐบาลผมเองคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะยากเท่ากับประเทศสหรัฐอเมริกาครับ

ที่มา : weforum

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

กำแพงภาษาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพราะกลัวจะสื่อสารไม่ได้คุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่ในยุคนี้ก็มีแอพแปลภาษาให้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเอาไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็สามารถพูดสื่อสารกันได้ตั้งแต่ถามเส้นทางการเดินทางไปจนติดต่อคุยงานกันในยามจำเป็นก็ยังได้ แม้จะไม่ถึงระดับของล่ามที่ฝึกฝนภาษานั้นมาเป็นเวลานานจนเชี่ยวชาญแต่ในนาทีสำคัญมันก็ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้แน่นอนแถมส่วนใหญ่เป็นแอพฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือถ้าจ่ายค่าบริการเพิ่มก็ได้ฟีเจอร์มาเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกหลายอย่าง ถ้าพูดถึงแอพฯ เหล่านี้เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องคิดถึง Google Translate ก่อนเป็นชื่อแรกแน่นอนแ แต่บางประเทศ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ปลายทางยอดนิยมของชาวไทยตอนนี้หรือรัสเซียก็ไม่สามารถใช้ Google ได้ ยกเว้นจะ Roaming สัญญาณเน็ตเข้าไป ก็มีทางออกโดยหันมาใช้แอพฯ เฉพาะของที่นั่นแทน ซึ่งใช้งานได้ดีพอกันและออกแบบมาเพื่อภาษานั้นโดยเฉพาะด้วย ทำให้การแปลภาษาลื่นไหลสื่อสารกับผู้คนได้ต่อเนื่อง แถมแอพฯ เหล่านี้ก็พัฒนาตัวเองให้แปลเอกสารและไฟล์...

Tips & Tricks

การอัปเกรดความเร็วอินเทอร์เน็ตอาจไม่ใช่ทางออกของการเพิ่มความเร็วเน็ตในบ้านเสมอไป บางครั้งแค่เปลี่ยน Router ก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุด อุปกรณ์ควรใช้การเชื่อมต่ออีเทอร์เน็ตแบบมีสาย(พอร์ต LAN) สำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทุกครั้งที่เป็นไปได้ คอมพิวเตอร์, คอนโซลและแม้แต่อุปกรณ์สมาร์ทโฮมบางรุ่นก็สามารถเชื่อมต่อกับอีเทอร์เน็ตเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดได้ อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่จะมองข้ามความสำคัญของ Wi-Fi ในปี 2024 มีอุปกรณ์มากมายที่ต้องการ ตั้งแต่สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดไปจนถึงอุปกรณ์และหลอดไฟที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากความเร็ว Wi-Fi ของคุณรู้สึกช้า คุณสามารถโทรหาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ได้ทันทีเพื่ออัปเกรดเป็นแผนรายเดือนที่มีราคาแพงกว่าด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นและขีดจำกัดข้อมูลที่สูงขึ้น ก่อนที่คุณจะดำเนินการดังกล่าว ให้พิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องอัปเกรดเราเตอร์ของคุณหรือไม่...

IT NEWS

Samsung กลับมาจับมือกับ Google อีกครั้งในการใช้ Google เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการค้นหา หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะหันไปจับมือกับ Bing แอปเบราว์เซอร์ในการค้นหา Internet ของซัมซุง (Samsung) มีพันธสัญญาอย่างยาวนานกับ Google ในการตั้งให้ Google เป็น Search Engine แรกเริ่ม แต่เมื่อไม่นานมานี้สัญญาดังกล่าวได้หมดลงทางซัมซุงเลยมีการพิจารณาตัวเลือกใหม่อย่าง Bing ที่กำลังมาแรงในด้านของ AIAdvertisement...

Tips & Tricks

แนะนำเว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ต ทดสอบความเร็วเน็ต อัปเดต 2023 เชื่อว่าในปัจจุบันนั้น แทบทุกบ้านจะต้องติดตั้งอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง WiFi ที่สามารถปล่อยสัญญาณให้ใช้งานกันได้หลายอุปกรณ์ แถมยังมีโปรเน็ตบ้านจากผู้ให้บริการต่างๆ อีกมากมาย เพื่อให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ นั้นได้เลือกแพ็กเกจมาใช้งานกันตามความต้องการ แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าแพ็กเกจเน็ต หรือ WiFi ที่เราใช้อยู่นั้น เร็วอย่างที่ผู้ให้บริการได้แจ้งไว้หรือไม่ ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำเว็บไซต์สำหรับเช็ค WiFi Speed Test...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก