เมื่อไม่นานมานี้ทาง Washingtonpost ได้เข้าสัมภาษณ์ Tim Cook ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของทาง Apple ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่ทาง Cook ได้บอกกับทาง Washingtonpost ไว้ว่างานของเขานั้นเป็นงานที่ต้องทำอย่างโดดเดี่ยวไม่สามารถจะจะร้องขอความเห็นใจจากใครๆ ได้ …
ด้วยการดำรงตำแหน่ง CEO นั้นถึงแม้ว่าเขาจะร้องขอความเห็นใจจากใครก็คงจะไม่มีใครสามารถให้ได้และถ้าหากว่าเขาทำเช่นนั้นนั่นเป็นการที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของทั้งองกรณ์ Apple ดูแล้วไม่เข้มแข็งครับ
Cook ได้พูดอะไรหลายๆ อย่างครับ เขากว่าไว้ว่าการขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ของ Apple นั้นเป็นอะไรที่ีท้าทายและต้องใช้ความสามารถเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการขึ้นมารับตำแหน่งต่อจาก Steve Jobs ที่ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้ Apple ก้าวมาเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่นั้น เขามีอะไรหลายๆ อย่างที่จะต้องทำเพื่อสานต่อให้ Apple ดียิ่งขึ้นไปมากมายเลยทีเดียว ตอนที่เขาขั้นมารับตำแหน่ง CEO เมื่อ 5 ปีที่แล้วนั้นเขาเคยคิดเอาไว้ว่าเขาจะพยายามทำให้ Apple เดินไปในเส้นทางเดิมแต่ทว่าสิ่งที่เขาพบตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้นทำให้ทาง Apple ไม่สามารถจะเดินทางเดิมได้เนื่องจากตลาดเปลี่ยนไปครับ
เขาได้เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างใน Apple ซึ่งนั่นเราก็ได้เห็นกันแล้วในหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการให้บริการของ Apple ซึ่งนั่นรวมไปถึง iTunes, iCloud และบริการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นต้น ทาง Cook ยังได้นำพาบริษัทก้าวไปสู่บริษัทสำหรับองค์กรมากขึ้นด้วยโปเจคใหญ่ๆ หลายโครงการ ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความพยายามบุดตลาดประเทศจีนของเขาที่มีความก้าวหน้าจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วมีร้าน Apple Store ในประเทศจีนอยู่ที่ 5 ร้าน แต่ปัจจุบันนั้นมีมากถึง 41 ร้านแล้วครับ
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้นรายได้ของทาง Apple นั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และรายได้ส่วนใหญ่ของ Apple นั้นก็มาจาก iPhone ทำให้ Cook นั้นให้ความสำคัญกับตลาดสมาร์ทโฟนมากเลยทีเดียวครับ อย่างไรก็ตามแต่ในปี 2016 นี้นั้น Cook ยอมรับว่ายอดจำหน่ายของ iPhone นั้นตกลงซึ่งมีผลให้ยอดรายได้รวมทั้งหมดของทาง Apple ที่ประเมิณเอาไว้นั้นน่าจะลดลงด้วยพอสมควรซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ Cook และทีมงาน iPhone จะต้องแก้ไขกันต่อไป(จากข้อมูลนั้นพบว่ายอดจำหน่ายของ iPhone ประจำปีนี้จะลดลงมากถึง 23% ทำให้รายได้ของ Apple ลดลงถึง 14.6% โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมานั้นลดลงต่ำสุดในรอบ 13 ปีของการจำหน่าย iPhone ครับ)
หมายเหตุ – อีกเหตุผลหนึ่งที่ Cook ให้ไว้เกี่ยวกับ iPhone ก็คือ ณ ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ iPhone เท่านั้นที่ยอดขายตกสมาร์ทโฟนทุกยี่ห้อกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ตลาดสมาร์ทโฟนโลกกำลังหดตัวครับ อย่างไรก็ตามยังคงมีบางตลาดที่น่าจะมีการเติบโตได้อีกตามความเห็นของ Cook ซึ่งนั่นก็คือตลาดประเทศอินเดียเป็นต้นครับ
อย่างไรก็ตามเรื่องของยอดจำหน่ายที่ทาง Cook ยอมรับว่าลดลงนั้น Cook ได้ให้สาเหตุเพิ่มเติมเอาไว้ด้วยครับว่าการที่ยอดจำหน่ายของ iPhone ลดลงนั้นก็เนื่องมาจากว่าในตลาดสมาร์ทโฟนหลายๆ ตลาดทั่วโลกอย่างเช่นตลาดประเทศจีนนั้นมีสมาร์ทโฟนราคาถูกเข้ามาตีตลาด iPhone แย่งพื้นที่ไปแบบเต็มๆ แถมปัจจุบันนั้นผู้ใช้ก็เริ่มจะอัพเกรดสมาร์ทโฟนกันช้ามากขึ้นทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ยอดขายไม่ค่อยดีนัก Cook ยังได้เพิ่มอีกด้วยว่ายอดจำหน่ายของ Apple Watch เองนั้นก็ยังไม่ตรงตามเป้าหมายที่บริษัทต้องการเท่าไร(และไม่ฮิตมากพออย่างที่เคยคิดเอาไว้ครับ)
หมายเหตุ – Cook ได้พูดถึงโครงการเกี่ยวกับรถยนต์ของทาง Apple เอาไว้ด้วยว่ามันยังต้องใช้เวลาอีกเป็นปีถึงจะสามารถเปิดตัวได้ครับ(อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ที่จะเปิดตัวแต่ว่าถ้า Cook พูดแบบนี้แสดงว่า Apple มีโครงการเกี่ยวกับรถยนต์แน่ครับ)
การพิจารณาและวิศัยทัศน์หลายๆ อย่างของ Cook นั้นเอาบอกตามตรงเลยครับว่าเขาได้ใช้วิธีการพิจารณาและวิศัยทัศน์ของ Jobs เป็นต้นแบบเพราะเขาคิดว่าการติดสิ้นใจของ Jobs นั้นสามารถที่จะ “ช๊อคโลก” ได้อย่างที่เราเคยเห็นกันมาแล้วไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว iPhone หรือ iPad ซึ่งเป็นการทำให้โลกของเรานั้นรู้จักกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตครับ อย่างไรก็ตามแต่ Cook ได้บอกตรงๆ ครับว่ามีอะไรหลายแย่างที่ Cook เองนั้นก็เคยทำผิดพลาดมาเหมือนกันตั้งแต่ที่เขาได้มีโอกาสเข้ามาทำงานกับ Apple โดยเขายกตัวอย่างว่าในครั้งแรกที่เขาได้รับการขัดเลือกมาให้เป็นผู้จัดการร้าน Apple Store สาขาหนึ่งนั้นเขาเคยทำพลาดมาก่อนแล้วครับ
สิ่งหนึ่งที่ Cook บอกไว้ก็คือเขาไม่ต้องการที่จะเป็น CEO ดาดๆ ทั่วไปครับ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ CEO ทั่วไปนั้นจะต้องคิดถึงผลกำไรชาดทุนของบริษัทเป็นสำคัญ(หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงินการทำกำไรให้บริษัทให้สูงที่สุด) ซึ่งทาง Cook ไม่ต้องการที่จะคิดอย่างนั้นและคิดว่าเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ CEO จะต้องทำด้วย การเป็น CEO ในความหมายของ Cook นั้นคือการบริหารบริษัทซึ่งนั่นหมายรวมถึงทุกๆ อย่างในบริษัทไม่ว่าจะเป็นพนักงาน, บริการของบริษัท, ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่ง CEO ในความหมายของ Cook นั้นจะต้องทำให้ทุกๆ ส่วนของบริษัทสามารถที่จะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กันได้ครับ
หมายเหตุ – อย่างไรก็ตามแต่ Cook ยังคงบอกเอาไว้ว่าเขายังใส่ใจความต้องการของผู้ถือหุ้นเป็นพิเศษเหมือนเดิมครับ
สิ่งหนึ่งที่ Cook ไม่ให้ความสนใจก็คือคำพูดของนักเวิเคราะห์ตลาดครับ เขาให้เหตุผลเอาไว้ว่าบางอย่างที่นักวิเคราะห์ตลาดพูดเอาไว้นั้นมันก็ไม่เป็นจริงเสมอไป ตัวอย่างเช่นเคยมีนักวิเคราะห์ตลาดพูดเอาไว้ว่า Apple นั้นจะถึงจุดสูงสุดในปี 2010 แต่ทว่าทาง Apple ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในปีต่อๆ มานั้น Apple ก็สามารถที่จะก้าวข้ามจุดเดิมไปได้ตลอดทุกครั้งไป ถึงแม้ว่าปีนี้นั้นจะมีการประเมินว่าจะเป็นขาลงของทาง Apple แต่ Cook เองก็บอกเอาไว้ว่านี่ยังคงไม่จบปีเลยดังนั้นแล้วอย่าพึ่งตัดสินอะไรไปตามการประเมิณของนักวิเคราะห์การตลาดมากนักครับ
สำหรับในอนาคตของ Apple นั้นทาง Cook ได้บอกเอาไว้ครับว่าตัวเขาเองนั้นจะนำพา Apple ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นบริการต่างๆ ที่ Applr มีอยู่(iCloud, App Store, Apple Pay และอื่นๆ) ซึ่งในช่วงตลอดเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานั้นบริการเหล่านี้สามารถทำเงินได้มากกว่าเดิมถึงเกือบ 6 เท่าตัว ส่วนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple นั้นเราก็จะนำเสนอนวัตกรรมออกมาให้มากที่สุด ในที่นี้ Cook ได้ยกตัวอย่างถึง iPad Pro ที่ในไตรมาสที่ผ่านมานั้นสามารถที่จะจำหน่ายได้มากมายแถม iPad Pro ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลายๆองค์กรอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่ทาง Apple จะทำเพิ่มเติมก็คือร่วมงานกับองค์กรต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตัวอย่างเช่นที่ผ่านมาทาง Apple ก็ได้ร่วมงานกับ IBM ในการพัฒนาแอปพลิเคชันออกมาหลายๆ แอปแล้วเป็นต้น สำหรับในส่วนเรื่องของตลาดนั้นทาง Cook ก็จะพยายามทำการนำพา Apple เจาะตลาดประเทศจีนและอินเดียซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีช่องว่างอยู่ให้สำเร็จ ที่สำคัญที่สุดที่ลืมไม่ได้เลยก็คือทาง Apple ภายใต้การนำของ Cook นั้นจะใส่ใจกับความต้องการและบริการหลังการขายไม่ว่าจะสำหรับลูกค้ารายบุคคลหรือรายองค์กรเป็นอย่างดีครับ(เพื่อที่จะให้ลูกค้ารัก Apple จากใจไม่ใช่รักแค่ตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้นครับ)
หมายเหตุ – ทาง Apple ภายใต้การนำของ Cook นั้นยังคงเปิดกว้างให้กับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนกับทาง Apple อีกด้วยครับ
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้มีการถามถึงความรู้สึกของ Cook ที่สื่อเคยเล่นงานเรื่องของเพศของ Cook ที่ออกมาประกาศว่าเป็นเกย์ โดยเรื่องนี้นั้นเขาให้เหตุผลว่าที่เขาเปิดเผยต่อสาธารณะนั้นก็เพราะเขาคิดถึงเด็กๆ มากกว่า โดยเขาได้รับจดหมายจากเด็กๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นเกย์(หรือคิดว่าเขาเป็นเพราะอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ) ว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่โดนครอบครัวบังคับรวมไปถึงไม่สามารถที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองได้และคาดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาเองจึงตัดสินใจเปิดตัวผ่านสื่อว่าเป็นเกย์เพื่ออย่างน้อยเด็กๆ เหล่านั้นจะได้รับแรงบันดาลใจจากเขาในเรื่องของความสำเร็จและความกล้าหาญครับ
สุดท้ายกับประเด็นที่น่าสนใจอย่างเรื่องของการต่อสู้กับ FBI ที่ทาง Apple ถูกเรียกร้องให้ปลดล๊อค(สร้าง Firmware พิเศษ) ให้กับทาง FBI สำหรับเครื่อง iPhone ของผู้ก่อการร้าย ตรงนี้นั้นทาง Cook ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวและในบริษัทเองก็เคยมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวด้วยความเครียด(โดยเฉพาะกับฝ่ายเทคนิคอย่าง Craig Federighi ที่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Apple) สุดท้ายแล้วทาง Apple คิดว่าหาก Apple ทำตามความต้องการของ FBI นั่นอาจจะเกิดผลกระทบตามมาหลายๆ อย่างโดยเฉพาะความปลอดภัยที่ทาง Apple ต้องทำให้ผู้ใช้เชื่อใจให้ได้ดังนั้นทาง Apple เองจึงเลือกที่จะไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของ FBI ครับ
Tim Cook นั้นถือว่าเป็น CEO ที่มีความสามารถหลายๆ อย่างมากครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับช่วงต่อจาก Steve Jobs นั้นทำให้เขาเองโดนนำไปเปรียบเทียบอย่างเสียมิได้กับทาง Jobs อย่างไรก็ตามเราก็ได้เห็นกันแล้วครับว่า Apple ภายใต้การนำของ Cook นั้นเป็นเช่นไร รวมถึงในอนาคตนั้นทาง Cook มีวิศัยทัศน์อย่างไร หลายๆ อย่างที่ Cook พูดนั้นเราสามารถที่จะนำไปปรับใช้กับการทำงานของเราได้อย่างไรแล้ว Tim Cook เองนั้นก็ถือว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่น่านับถือและในอนาคตไม่แน่ว่า Tim Cook อาจจะมีชื่อขึ้นหิ้งต่อจาก Steve Jobs และมีการสร้างภาพยนตร์ของ Cook เองบ้างก็เป็นได้ครับ
ที่มา : washingtonpost