Connect with us

Hi, what are you looking for?

Special Story

[Special Story] คอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมจะไม่แพร่หลายในเร็วๆ นี้ เว้นแต่คุณมีเงิน 360 ล้านบาท

ก่อนอื่นเลยถ้าพูดถึงคำว่า Quantum Annealing หรือ QA นั้นคืออะไรครับ เพราะมันเป็นคำศัพท์ที่ต้องเป็นคนในวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ระดับสูงจริงๆ ถึงจะรู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี

ก่อนอื่นเลยถ้าพูดถึงคำว่า Quantum Annealing หรือ QA นั้นคืออะไรครับ เพราะมันเป็นคำศัพท์ที่ต้องเป็นคนในวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ระดับสูงจริงๆ ถึงจะรู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี เอาเป็นว่าก่อนที่จะเข้าเรื่องนี้ผมขออธิบายให้ทุกท่านพอที่จะเข้ากันกันอย่างพอสังเขปนะครับว่าเจ้า Quantum Annealing นี้มันคืออะไรก่อนที่เราจะไปดูเนื้อหาล่าสุดที่ทาง Google ซึ่งได้ทำการวิจัยเรื่องนี้เผยข้อมูลออกมาครับ

Quantum annealing (QA) นั้นคือ Metaheuristic หรือวิธีการเมตาฮิวริสติกวิธีหนึ่ง โดยวิธีการเมตาฮิวริสติกนั้นคือวิธีการที่ถูกออกแบบมาเพื่อที่จะใช้ในการหาคำตอบที่ดีสำหรับปัญหาที่ต้องการหาค่าที่ดีที่สุด โดยปัญหานั้นๆ จะมีความยุ่งยากซับซ้อนในการแก้ปัญหามาก และคำตอบที่ได้นั้นมักจะอยู่ในรูปแบบของพื้นที่ของคำตอบที่สามารถเป็นไปได้(ไม่ใช่คำตอบที่ตรงตัว แต่เป็นคำตอบที่เป็นพื้นที่หนึ่งของปัญหานั้นๆ)

Advertisement

วิธีการเมตาฮิวริสติกนั้นถือเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งเป็นเรื่องของการค้นหาโดยการคำนวณเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary computation) วิธีการเมตาฮิวริสติกนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งโดยส่วนใหญ่นั้นจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิวัฒนาการทางชีววิทยาในการออกแบบวิธีการเมตาฮิวริสติก ส่วนใหญ่แล้วนั้นวิธีการเมตาฮิวริสติก มักจะถูกใช้ในขั้นตอนวิธีการค้นหา หรือ search algorithm ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่บริษัทที่ให้บริการทางด้านการค้นหาอย่าง Google จำเป็นต้องพัฒนาออกมาให้ดีที่สุดครับ

google research 600

วิธีการเมตาฮิวริสติกแบบ QA นั้นบอกตรงๆ เลยนะครับว่าผมเองก็ไม่เข้าใจแจ่มแจ้งมากนักเนื่องจากว่า Quantum annealing เป็นวิธีการเมตาฮิวริสติกชั้นสูงชนิดหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากกลศาสตร์ควอนตัม(ทฤษฎีที่ใช้ในการอธิบายวัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอม ซึ่งทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีสมัยใหม่สามารถอธิบายพฤติกรรมและใช้ในการคำนวณสำหรับวัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอมอย่างเช่นอิเล็กตรอนในอะตอมของไฮโดรเจนเป็นต้น)

ดังนั้นหากจะว่าไปแล้วก็คือ QA นั้นใช้วิธีการในการคำนวณในระดับที่เล็กมากๆ กว่าวิธีการคำนวณของวิธีการเมตาฮิวริสติกแบบอื่นๆ (เพราะจำลองมาจากกลุ่มของตัวอย่างที่เล็กกว่าอะตอมอย่างเช่นอิเล็กตรอน) และวิธีการ QA นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การวนซ้ำ(simulated annealing) เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดอีกต่อไปเนื่องจากมันสามารถที่จะคำนวณได้อย่างละเอียดแล้วในรอบเดียว

ผลที่ได้ก็คือหากเราใช้วิธี QA ในการหาคำตอบนั้นก็จะทำให้ได้พื้นที่คำตอบของปัญหาเล็กลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก(คำตอบที่เราต้องการค้นหานั้นถูกขึ้นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม) แต่ข้อเสียของวิธีการ QA ก็คือด้วยความที่มันใช้กลวิธีในการแยกย่อยของกลุ่มปัญหาที่เราต้องการคำตอบให้เล็กลงมากที่สุดดังนั้นแล้วมันจึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยกำลังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สูงมากในการคำนวณหาคำตอบนั้นๆ

เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถคำนวณหาคำตอบด้วยวิธี QA แบบไม่ต้องใช้เวลานานหลายๆ ปี(จริงๆ แล้วคือหลายร้อยปีครับ) นั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมซึ่งรองรับหน่วยที่สามารถคำนวณได้ที่เล็กกว่าคอมพิวเตอร์ระดับทั่วไปที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ หน่วยนี้เรียกว่า Qubit ณ ตรงนี้นั้นขออธิบายทุกท่านก่อนว่าคอมพิวเตอร์ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นมีหน่วยการคำนวณที่เล็กที่สุดเรียกว่า bit หรือทางไฟฟ้าจะแทนด้วยสถานะตัวเลข 1 กับ 0 ซึ่งค่าของ bit ที่ใช้ในการคำนวณในคอมพิวเตอร์ทั่วไปนั้นจะเป็นค่าคงที่แน่นอน

quantum computer 600

กลับกันแล้วนั้น Qubit จะสามารถที่แสดงสถานะได้เหนือกว่า bit คือมันจะสามารถแสดงสถานะได้ระหว่าง 0 ถึง 1 ได้ทุกค่า(นั่นหมายถึง 0.00000055….ไม่มีสิ้นสุดหรือจะบอกได้ว่าเล็กมากๆ) และสามารถสลับสถานะใน Qubit เดิมไปมาหรือมีค่า 0 และ 1 ไปพร้อมๆ กันได้ด้วย ทำให้การคำนวณบนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมนั้นประมวลผลการคำนวณแบบขนานได้ ซึ่งจากงานวิจัยต่างๆ นั้นได้บอกเอาไว้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมสามารถที่จะประมวลผลคำสั่งนับล้านๆ คำสั่งได้ในเวลาเดียวกัน(ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมนั้นๆ มี Qubit ในการประมวลผลทั้งหมดกี่หน่วย) แต่คอมพิวเตอร์ทั่วไปนั้นจะสามารถทำการประมวลผลได้ทีละคำสั่งเท่านั้น

หมายเหตุ – ด้วยเหตุที่ปกติแล้วหนึ่งแกนการประมวลผลของหน่วยประมวลผลบนคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันจะทำการประมวลผลได้ทีละ 1 คำสั่งเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นเราจึงได้เห็นหน่วยประมวลผลที่มีหลายแกนการประมวลผลออกมาครับ

อย่างไรก็ตามแนวคิดของเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมนั้นก็เป็นเรื่องที่ได้มีการพูดคุยกันมาอย่างเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ จนกระทั่งในช่วงกลางปี 2011 ที่ผ่านมานั้นบริษัท D-Wave ได้มีการวางจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมเชิงพาณิชย์ตัวเลขของโลกออกมาในชื่อ D-Wave One ซึ่งใช้หน่วยประมวลผลระดับ 128 Qubit ตัวเครื่องมีขนาดที่ค่อนข้างจะใหญ่มากๆ (ดังรูปทางด้านล่างนี้) พร้อมทั้งเวลาใช้งานนั้นจะต้องใช้งานในที่ๆ อุณหภูมิต่ำมากๆ เพื่อคงสภาพของ Qubit เอาไว้เนื่องจากต้องพยายามคงสภาพของอิเล็กตรอนที่ใช้ในการคำนวณอยู่ตลอดเวลา(ถ้าอุณหภูมิร้อนขึ้นจากการที่แกนหมุนหน่วยประมวลผลร้อนเกินไปแล้วไม่สามารถรักษาอุณหภูมิไว้ได้ต่ำๆ อิเล็กตรอนจะได้รับพลังงานจากความร้อนของแกนการหมุนแล้วมันก็จะเสียรูปซึ่งทำให้ค่าที่เก็บไว้เปลี่ยนไปได้ครับ)

D-wave one quantum computer 600

D-Wave One : เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมเชิงพาณิชย์เครื่องแรกของโลก

ลูกค้ารายแรกที่ซื้อ D-Wave One ไปใช้งานนั้นก็คือบริษัทผลิตอาวุธและเครื่องบิน Lockheed Martin ครับ หลังจากนั้นมา Google และ NASA ก็ได้เข้าซื้อ D-Wave รุ่นหลังจากนั้นเพื่อไปใช้งานด้วย สำหรับบริษัทอื่นๆ นอกเหนือไปจาก Google และ NASA นั้นเราจะไม่พูดถึงนะครับว่าพวกเขาซื้อ D-Wave ไปเพื่ออะไร(จริงๆ แล้วเพราะว่าทางบริษัทและองค์กรต่างๆ เหล่านั้นไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการเอาไว้ครับ) แต่สำหรับ Google แล้วนั้นแตกต่างกันครับ เนื่องจากว่าทาง Google นั้นเป็นบริษัทที่เน้นธุรกิจการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก ดังนั้นแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมนั้นจะช่วยเรื่องนี้กับ Google ได้เป็นอย่างมากครับ

ทางทีม Google Quantum AI(Quantum Artificial Intelligence) ได้มีการศึกษาพื้นฐานทางด้านฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ Quantum Annealing หรือ QA มาเป็นระยะเวลา 2 ปีได้ จนในที่สุดเมื่อทางทีมงานคิดว่าเข้าใจในส่วนของวิธีการ QA อย่างแน่นอนแล้วทางทีมงานจึงได้ทำการปรับปรุงแก้ไขส่วนของโปรแกรมเข้าไปยังเครื่อง D-Wave 2X quantum annealer ใหม่(ซึ่งมีหน่วยประมวลผลที่รองรับ Qubit มากกว่า 1000 Qubit) เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าหลักการ QA ที่ทำผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมนั้นจะเป็นเรื่องที่แท้จริงหรือไม่(เอาง่ายๆ ก็คือเป็นทั้งการพิสูจน์เรื่องของเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัม D-Wave ว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมจริงๆ หรือไม่และเป็นการพิสูจน์ความสามารถของวิธีการ QA ไปในตัวด้วยนั่นเองครับ)

หมายเหตุ – ในส่วนของการพัฒนา D-Wave 2X quantum annealer นี้นั้นทาง Google ได้ร่วมกันพัฒนากับทาง NASA ครับ

google-and-nasas-quantum-computer 600

ปัญหาที่ทาง Google ใช้เป็นตัวทดสอบนั้นพบว่ามีกรณีปัญหาที่เกี่ยวข้องสำหรับการหาคำตอบเกือบจะ 1000 ตัวแปรไบนารีเลยครับ ซึ่งนั่นก็พอๆ กับความสามารถของเครื่อง D-Wave 2X ด้วยพอดีที่รองรับ Qubit มากกว่า 1000 Qubit ขึ้นไป ด้วยการใช้วิธีการ QA ที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการวนซ้ำเพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุด(simulated annealing)  ทำให้การค้นหาคำตอบด้วยวิธี QA นั้นเร็วกว่าวิธีการ simulated annealing บนแกนการประมวลผลเดียวถึง 108 เท่า(บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป) นอกไปจากนั้นแล้วทาง Google ยังได้ใช้ขั้นตอนวิธีที่เรียกว่า Quantum Monte Carlo มาทำการเปรียบเทียบด้วย ซึ่งผลที่พบนั้น D-Wave 2X quantum annealer ก็ยังเร็วกว่าอยู่ดีดังกราฟครับ

compare Simulated Annealing (SA), Quantum Monte Carlo (QMC) and D-Wave 2X 600

โดยสรุปแล้วนั้นในการทดสอบและจากเอกสารทางวิชาการที่ทีมวิจัยเผยออกมามีดังต่อไปนี้ครับ

  • เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมของทาง D-Wave นั้นน่าจะเป็นของจริงเพราะผลการทดสอบพบว่าเมื่อใช้ขั้นตอนวิธี QA บนเครื่อง D-Wave 2X นั้นเร็วกว่าวิธีการอื่นๆ มากเป็น 100 ล้านเท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับหลักการวิธีอื่นที่นำมาทดสอบด้วยแล้วนั้นเร็วกว่ากันอย่างชัดเจน
  • ในกรณีที่ขนาดของปัญหามีจำนวนขนาด(bit size) ไม่มากเท่าไรนักเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมของทาง D-Wave สามารถที่จะประมวลผลคำตอบได้ที่เวลาเกือบจะเท่าๆ กัน แต่เมื่อมีขนาดของปัญหามากขึ้น เวลาที่ใช้ในการประมวลผลก็มากขึ้นตามไปด้วย
  • เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมยังคงเป็นเครื่องที่อยู่ในขั้นตอนแรกของการนำมาใช้จริงเท่านั้น เนื่องจากว่ามันค่อนข้างที่จะจำกัดกับปัญหาในรูปแบบหนึ่งๆ เฉพาะด้านไปตามปัญหาที่ตั้งขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมยังไม่เหมาะสมที่จะใช้งานทั่วไปที่สามารถทำการแก้ไขปัญหาหลายๆ แบบได้
  • จากกราฟจะเห็นได้ว่าถึงแม้วิธีการ simulated annealing จะใช้เวลาในการประมวลผลเพื่อให้ได้คำตอบนานกว่า D-Wave แต่หากสังเกตดีๆ แล้วจะเห็นได้ว่าตัวกราฟเกือบจะเป้นเส้นตรง แถมในการรันที่ 50, 75 และ 85 เปอร์เซนต์ภายใต้จำนวนปัญหาเท่าๆ กัน วิธีการ simulated annealing นั้นแถบจะใช้เวลาในการหาคำตอบไม่แตกต่างกันเลย

ทางทีมงานวิจัยของ Google นั้นบอกว่าคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกต่อไปสีกพักเลยครับเพื่อที่จะสามารถปรับแต่งประสิทธิภาพของวิธีการ QA ให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมได้มากกว่านี้ นอกไปจากนั้นแล้วในเรื่องของปัญหาที่นำมาใช้นั้นหากยากมากเกินไป(คือมีขนาดของปัญหามาก) เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมก็จอดใช้เวลาคิดนานมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน(แต่ก็ยังน้อยกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์แบบธรรมดาหลายเท่าตัว)

แต่ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมจะทำงานในการประมวลผลเพื่อหาคำตอบตามวิธีการ QA ได้เร็วกว่าวิธีการ simulated annealing บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป ทว่าทาง Google ก็ได้บอกเอาไว้ครับว่าด้วยความที่ในอนาคตนั้น annealers จะมีการเชื่อมต่อที่หนาแน่นมากว่าเดิมทำให้วิธีการ QA ที่ Google ใช้กับ D-Wave นั้นไม่สามารถที่จะคงประสิทธิภาพได้เช่นนี้อีกต่อไป เพราะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของโค้ดเพื่อการใช้งานเป็นอย่างมาก(อย่างที่บอกว่ามันเหมาะเฉพาะกับงานประเภทหนึ่งเท่านั้น)

ในขณะที่วิธีแบบเดิมๆ อย่าง simulated annealing นั้นถึงจะช้ากว่าแต่มันสามารถปรับแต่งได้ง่ายกว่าเพื่อให้รองรับกับปัญหาใหม่ๆ ดังนั้นหากรวมเวลาทั้งหมดที่ต้องใช้ตั้งแต่การปรับแต่งโค้ดให้เหมาะสมกับปัญหาไปจนกระทั่งเราได้คำตอบจากการประมวลผลที่ต้องการแล้ววิธีการ simulated annealing นั้นก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดอยู่ดีในปัจจุบันครับ เป้าหมายของ Google ก็คือหลังจากตอนนี้ที่พิสูจน์ได้แล้วว่า D-Wave คือเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมจริงที่สามารถใช้วิธีการ QA ได้ แต่ต่อไปจะทำอย่างไรให้วิธีการ QA นั้นกลายมาเป็นวิธีการหลักที่ง่ายกว่าการใช้ simulated annealing ครับ

ทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมคงไม่สามารถที่จะใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ใช้ในเร็วๆ นี้ได้ คงต้องรอกันไปอีกสักพักใหญ่ๆ หล่ะครับ(อย่างน้อยก็ 10 – 20 ปีขึ้นไป) เราๆ ท่านๆ ถึงจะได้มีโอกาสได้จับต้องเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมกัน

หมายเหตุ – ตอนนี้คุณจะเป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบควอนตัมก็ได้ครับเพียงคุณมีเงินเกิน $10 million หรือประมาณ 360 ล้านบาทไปสั่งซื้อจากทาง D-Wave

ที่มา : googleresearch.blogspot.com, 2, Wiki

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

กำแพงภาษาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพราะกลัวจะสื่อสารไม่ได้คุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่ในยุคนี้ก็มีแอพแปลภาษาให้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเอาไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็สามารถพูดสื่อสารกันได้ตั้งแต่ถามเส้นทางการเดินทางไปจนติดต่อคุยงานกันในยามจำเป็นก็ยังได้ แม้จะไม่ถึงระดับของล่ามที่ฝึกฝนภาษานั้นมาเป็นเวลานานจนเชี่ยวชาญแต่ในนาทีสำคัญมันก็ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้แน่นอนแถมส่วนใหญ่เป็นแอพฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือถ้าจ่ายค่าบริการเพิ่มก็ได้ฟีเจอร์มาเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกหลายอย่าง ถ้าพูดถึงแอพฯ เหล่านี้เมื่อไหร่ เป็นใครก็ต้องคิดถึง Google Translate ก่อนเป็นชื่อแรกแน่นอนแ แต่บางประเทศ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ปลายทางยอดนิยมของชาวไทยตอนนี้หรือรัสเซียก็ไม่สามารถใช้ Google ได้ ยกเว้นจะ Roaming สัญญาณเน็ตเข้าไป ก็มีทางออกโดยหันมาใช้แอพฯ เฉพาะของที่นั่นแทน ซึ่งใช้งานได้ดีพอกันและออกแบบมาเพื่อภาษานั้นโดยเฉพาะด้วย ทำให้การแปลภาษาลื่นไหลสื่อสารกับผู้คนได้ต่อเนื่อง แถมแอพฯ เหล่านี้ก็พัฒนาตัวเองให้แปลเอกสารและไฟล์...

CONTENT

Android TV 2024 จอใหญ่ ราคาดี ยังน่าใช้อยู่มั้ย เน้นเล่นเกม ดูหนัง แบบใดถึงเหมาะ? Android TV เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับทีวีที่พัฒนาโดย Google ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ความบันเทิงแบบครบวงจรบนหน้าจอใหญ่ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงแอปพลิเคชันมากมาย, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ และฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การรับชมทีวีให้ดียิ่งขึ้น แอนดรอยด์ทีวี ข้อดีของแอนดรอยด์ทีวี อุปกรณ์ที่ใช้แทนแอนดรอยด์ทีวี คุณสมบัติที่น่าสนใจของแอนดรอยด์ทีวี สิ่งที่ควรระวังในการใช้งาน แอนดรอยด์ทีวี...

Tips & Tricks

How To พิมพ์ด้วยเสียง ไม่ต้องใช้คีย์บอร์ด ทั้ง MS Word, Google Docs, iOS และ Android อัพเดท 2024 เมื่อเทคโนโลยีด้านการเขียนถูกพัฒนาขึ้น แต่เดิมที่อาศัยการเขียนมือก็เปลี่ยนเป็นการพิมพ์ดีด และนำไปสู่การพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์หรือ Keyboard เพื่อในการทำวงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และอื่นๆ ต่อมาก็เกิดการพิมพ์บนหน้าจอสัมผัสขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ในบางรุ่น ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีพัฒนาการและเติบโตขึ้นอย่างมาก...

Special Story

การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งชีวิต ยิ่งยุคนี้ที่ทุกคนต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มความสามารถให้ตัวเองตลอดเวลาแต่จะไปเข้าคอร์สเรียนก็ไม่สะดวก การเรียนออนไลน์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเข้าห้องเรียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว แค่เปิดคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเข้าระบบให้เรียบร้อยแล้วกดดูสื่อการเรียนรู้ได้ทันที มีแบบฝึกหัดทดสอบความรู้หลังเรียนและสอบวัดความสามารถเพื่อจบการศึกษาและรับใบประกาศนียบัตรได้ นับว่าครบวงจรให้ผู้เรียนเอาไปใช้ประกอบอาชีพต่อได้ ไม่ว่าจะพัฒนาในสายงานของตัวเองหรือข้ามสายงานไปเลยก็ได้ทั้งนั้น ข้อดีอีกอย่าง คือ มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยหลายแห่งก็สร้างเว็บไซต์รวมคอร์สการเรียนการสอนวิชาต่างๆ เอาไว้ให้เข้าไปเรียนได้ตามสะดวก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบุคลากรหรือนิสิตนักศึกษาปัจจุบัน จะเป็นใครก็ได้ที่อยากหาความรู้ให้กับตัวเองก็สมัครเข้าเรียนได้ทันที ตอบโจทย์ยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วAdvertisement ว่าด้วยการเรียนออนไลน์ต้องเตรียมอะไรบ้าง? อินเทอร์เน็ตสำหรับเรียนออนไลน์แค่มีความเร็ว 10 Mbps ขึ้นไปก็เข้าเรียนได้แล้ว ระบบการเรียนออนไลน์จะเปิดคอร์ให้เรียนผ่านหน้าเว็บไซต์เป็นหลัก บางแห่งจะมีแอปฯ ให้ใช้ เว็บเรียนทางออนไลน์กับทางมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำจะมีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถส่งให้ผู้จบการศึกษา 7...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก