การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งชีวิต ยิ่งยุคนี้ที่ทุกคนต้องหมั่นหาความรู้เพิ่มความสามารถให้ตัวเองตลอดเวลาแต่จะไปเข้าคอร์สเรียนก็ไม่สะดวก การเรียนออนไลน์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเข้าห้องเรียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว แค่เปิดคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเข้าระบบให้เรียบร้อยแล้วกดดูสื่อการเรียนรู้ได้ทันที มีแบบฝึกหัดทดสอบความรู้หลังเรียนและสอบวัดความสามารถเพื่อจบการศึกษาและรับใบประกาศนียบัตรได้ นับว่าครบวงจรให้ผู้เรียนเอาไปใช้ประกอบอาชีพต่อได้ ไม่ว่าจะพัฒนาในสายงานของตัวเองหรือข้ามสายงานไปเลยก็ได้ทั้งนั้น
ข้อดีอีกอย่าง คือ มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยหลายแห่งก็สร้างเว็บไซต์รวมคอร์สการเรียนการสอนวิชาต่างๆ เอาไว้ให้เข้าไปเรียนได้ตามสะดวก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบุคลากรหรือนิสิตนักศึกษาปัจจุบัน จะเป็นใครก็ได้ที่อยากหาความรู้ให้กับตัวเองก็สมัครเข้าเรียนได้ทันที ตอบโจทย์ยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ว่าด้วยการเรียนออนไลน์ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
- อินเทอร์เน็ตสำหรับเรียนออนไลน์แค่มีความเร็ว 10 Mbps ขึ้นไปก็เข้าเรียนได้แล้ว
- ระบบการเรียนออนไลน์จะเปิดคอร์ให้เรียนผ่านหน้าเว็บไซต์เป็นหลัก บางแห่งจะมีแอปฯ ให้ใช้
- เว็บเรียนทางออนไลน์กับทางมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำจะมีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถส่งให้ผู้จบการศึกษา
7 เว็บเรียนออนไลน์ฟรี มีใบประกาศนียบัตร เติมความรู้สู่ยุคใหม่ให้พร้อมทุกงาน!
- Chula MOOC
- TU Next
- Mahidol University Extension (MUx)
- Chiang Mai University Lifelong Education
- Thai MOOC
- Canva Design School
- Grow with Google
1. Chula MOOC
- Attendees : บุคลากรของมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, บุคคลภายนอก
- Courses subjects : ภาษา, เทคโนโลยี, การจัดการ, ศิลปะและการพัฒนาตนเอง, สุขภาพ
- Platform : Facebook, CourseVille
- Expenses : ฟรี
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
มหวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง ก็มีเว็บไซต์รวมคอร์สเรียนออนไลน์ให้ผู้สนใจได้เปิดเข้าไปเรียนได้ตามต้องการไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นบุคลากรหรือผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเปิดเข้าไปหาคอร์สที่สนใจแล้วเข้าเรียนได้ฟรีตามชอบ เลือกหมวดหมู่เนื้อหาได้ไม่ว่าจะภาษา, เทคโนโลยี ไปจนเรื่องสุขภาพก็มีให้เลือกเรียน
แต่ละวิชาจะมีช่วงเวลาเปิดลงทะเบียนแยกรุ่นตามกำหนดเวลาและยังมีคอร์เปิดให้เรียนได้ทั้งปีให้เลือก เพียงล็อคอินด้วย Facebook หรือ CourseVille ก็สมัครเข้าเรียนวิชานั้นได้ทันที พอเรียนจนครบก็สามารถสอบขอรับประกาศนียบัตรจบคอร์ส (Certificate of Completion) เพื่อนำไปใช้ได้ในอนาคต หากใครสนใจหาคอร์สเรียนเพิ่มความรู้พร้อมใบรับรองความสามารถจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไทย สามารถเข้าไปเริ่มเรียนได้ฟรีๆ
2. TU Next
- Attendees : บุคลากรของมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, บุคคลภายนอก
- Courses subjects : Reskill & Upskill, Gen Next Academy, Pharmatopia TU, TUWIZ, Learning Sciences & Education, Human Capital Management
- Study platform : ระบบของเว็บไซต์
- Expenses : มีค่าใช้จ่าย เริ่มต้น 899 บาท
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีระบบเรียนออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์ TU Next ได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับคอร์สที่เลือกเรียนตั้งแต่หลักพันไปจนหมื่นบาทและได้รับใบประกาศนียบัตรเมื่อเรียนจบและสอบผ่าน วิธีการชำระเงินเพื่อเข้าเรียนจะมี 2 ทาง คือ ผ่าน Smart Bill Payment ของธนาคารกรุงเทพบนแพลตฟอร์ม TU Next หรือโอนเงินเข้าบัญชีที่กำหนดเอาไว้และต้องรอตรวจสอบการโอนเงินและรอรับอีเมล์เพื่อเข้าเรียนได้
หมวดหมู่เนื้อหาจะเน้นใช้งานในองค์กรหรือวิชาชีพได้จริง ไม่ว่าจะหมวดหมู่งานสายทรัพยากรบุคคล (Human Capital Management), วิทยาศาสตร์และศึกษาศาสตร์ด้านจิตวิทยาแบบต่างๆ (Learning Sciences & Education) ไปจนวิชาการวางแผนชีวิตหรือแม้แต่เริ่มต้นวางแผนกลยุทธ์การทำงานองค์กรแบบต่างๆ รวมถึงวิชาเฉพาะทางด้านการแพทย์ในหมวด Pharmatopia TU ซึ่งเหมาะกับแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งในหน้ารายละเอียดคอร์สเรียนจะลงรายละเอียดเอาไว้ครบถ้วนว่าวิชานั้นๆ เหมาะกับผู้เรียนประเภทไหน จึงเลือกเรียนวิชาได้ตรงกับโจทย์และการนำไปใช้งานได้สะดวกขึ้น
3. Mahidol University Extension (MUx)
- Attendees : บุคลากรของมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, บุคคลภายนอก
- Courses subjects : Activity Transcript, Communication Literacy, Finance and Management Literacy, Civic Literacy, Digital Literacy, Health Literacy, Inter Cultural & Global Awareness Literacy, Science and Environment Literacy, MU Literacy, Social and Humanity Literacy
- Study platform : ระบบของเว็บไซต์
- Expenses : ฟรี
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
มหาวิทยาลัยมหิดลเองก็ขึ้นชื่อเรื่องมีคอร์สเรียนออนไลน์ให้เลือกเรียนได้หลากหลายอย่างผ่านหน้าเว็บไซต์ Mahidol University Extension หรือ MUx ซึ่งเปิดให้บุคลากร, นักศึกษาไปจนบุคคลภายนอกได้สมัครแล้วเข้าเรียนคอร์สที่สนใจได้ฟรีบนหน้าเว็บไซต์ เพียงสมัครบัญชีให้เรียบร้อยก็เปิดเข้าเรียนได้และถ้าจบคอร์สสอบผ่านก็ขอรับใบประกาศนียบัตรไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ ได้เช่นกัน
จุดน่าสนใจของ MUx นอกจากคอร์สเรียนภาษาต่างๆ แล้ว ยังแยกหมวดวิชาไปตามคณะแถมยังมีวิชาใหม่ๆ ซึ่งไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอนมาก่อนให้เรียนได้ตามช่วงเวลาต่างๆ อีกด้วย เช่น เหยื่อวิทยา เพื่อทำความเข้าใจกับเหยื่อในคดีอาชญากรรม, Influencer 101 ปูพื้นฐานการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในสื่อต่างๆ, Philosophy of Love ปรัชญาความรัก ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากวิชาของมหาวิทยาลัยอื่นๆ อย่างมาก แต่คอร์สของ MUx จะมีระยะเปิดให้สมัครเรียนได้ค่อนข้างจำกัด ถ้าใครอยากหาเรียนวิชาที่ไม่มีสอนทั่วไปแล้วมีประกาศนียบัตรรับรองด้วยก็แนะนำให้เปิดดูหน้าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยเป็นระยะๆ เผื่อจะได้เรียนวิชาน่าสนใจเอาไว้ประกอบใช้ในชีวิตประจำวันได้
4. Chiang Mai University Lifelong Education
- Attendees : บุคลากรของมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, บุคคลภายนอก
- Courses subjects : หลักสูตรเพื่อสังคม, หลักสูตร Reskill/Upskill
- Study platform : ระบบของเว็บไซต์
- Expenses : ฟรีวิชาทั่วไป แต่ Reskill/Upskill มีค่าใช้จ่าย
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
หลักสูตรการเรียนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะมีทั้งคอร์สเรียนทั่วไปสำหรับ Reskill/Upskill ให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน ได้แก่ การเขียนแบบวิศวกรรม, เขียนโปรแกรม รวมไปถึงงานสาย Robotics ก็ชำระเงินลงเรียนแล้วรับใบประกาศนียบัตรได้ ส่วนหลักสูตรวิชาที่เปิดให้เรียนฟรีจะเป็นหลักสูตรเพื่อสังคมสมชื่อ Chiang Mai University Lifelong Education ให้ผู้สนใจสามารถเรียนวิชาเพื่อใช้งานในชีวิตจริงได้ทันที หรือจะลงเรียนทบทวนความรู้ด้านต่างๆ เช่นวิชาคณิตศาสตร์ทั่วไป, แคลคูลัส, การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับประชาชน ฯลฯ ก็ได้
นอกจากวิชาทั่วไป จุดเด่นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะมีวิชาท้องถิ่นต่างๆ เสริมเข้ามาให้ผู้สนใจและเกี่ยวข้องเข้าเรียนได้ เช่น การสื่อความหมายด้านการท่องเที่ยวช้างสำหรับมัคคุเทศก์, รู้ทันภัยแมงกะพรุนพิษ เฝ้าระวัง ป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การปลูกและผลิตกาแฟอย่างยั่งยืน ฯลฯ ให้ผู้สนใจเข้าเรียนและสอบเอาประกาศนียบัตรไปใช้งานตามเหมาะสมและเป็นคอร์สแบบ Self-Paced ยึดตามความสะดวกของผู้ใช้ว่าสะดวกเข้าเรียนเมื่อไหร่ก็ได้
นอกจากสมัครเรียนตามปกติได้แล้ว บนหน้าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยก็มีคลิปความรู้ด้านอื่นๆ อย่าง นักวิทย์ติด Cook ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่การทำอาหาร, วิชาความรู้เกี่ยวกับโลกยุคปัจจุบันเพื่อผู้สูงอายุ สอนการใช้งานแอปฯ ต่างๆ เช่น TikTok, E-mail แถมมีการสัมนาออนไลน์ (Webinar) ให้เข้าร่วมเพิ่มความรู้ความเข้าใจได้อีกมาก เหมาะกับคนอยากหาความรู้เพิ่มและปรับเปลี่ยนทักษะของตัวเองให้เหมาะกับโลกยุคปัจจุบัน
5. Thai MOOC
- Attendees : ผู้ที่สนใจ
- Courses subjects : การศึกษาและฝึกอบรม, อาหารและโภชนาการ, คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์, คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี, ทักษะชีวิตและการพัฒนาตนเอง, ธุรกิจและการบริหารจัดการ, ภาษาและการสื่อสาร, วิศวกรรมและสถาปัตยกรรม, ศิลปวัฒนธรรมและศาสนา, สังคมการเมืองและการปกครอง, สุขภาพและการแพทย์, เกษตรและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
- Study platform : ระบบของเว็บไซต์
- Expenses : ฟรี
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
Thai MOOC เป็นเว็บไซต์ของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอรน์ไทย (Thai Cyber University – TCU) ให้ประชาชนเข้าเรียนวิชาที่สนใจได้ฟรีและมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศไทยรวมไปถึงมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศร่วมพัฒนาหลักสูตรให้ผู้สนใจเข้าเรียนจนจบหลักสูตรคอร์สนั้นและรับใบประกาศนียบัตรได้เช่นกัน ในแต่ละคอร์สเรียนจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหา, อาจารย์ผู้สอน, จำนวนชั่วโมงเรียน, ภาษาที่ใช้สอนและเงื่อนไขการจบหลักสูตรไว้ให้พิจารณาเลือกเรียนได้สะดวก
ข้อดีของ Thai MOOC คือ คอร์สเรียนทั้งหมดจะถูกบันทึกเก็บเอาไว้เรียนได้ตลอดไม่ได้จำกัดเวลาว่าจะเปิดคอร์สเมื่อไหร่ สะดวกก็สมัครเข้าเรียนและกำหนดระยะเวลาการเรียนรู้ได้ตามสะดวกจัดเวลาทบทวนได้ตามชอบค่อยสอบเพื่อเอาใบประกาศนียบัตรก็ได้แถมมีหมวดหมู่วิชาให้เลือกค่อนข้างครอบคลุมหลายกลุ่มผู้เรียน ถือเป็นเว็บเรียนออนไลน์ที่มีคอร์สกับอาจารย์ผู้สอนจากหลากหลายมหาวิทยาลัยให้เลือก
6. Canva Design School
- Attendees : ผู้ที่สนใจ
- Courses subjects : วิธีการใช้งาน Canva ตั้งแต่เบื้องต้นจนขั้นสูง
- Study platform : ระบบของเว็บไซต์
- Expenses : ฟรี
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
เว็บไซต์ยอดนิยมสำหรับคนทำงานยุคใหม่อย่าง Canva เองก็มีระบบการเรียนรู้วิธีการใช้งานโดยละเอียดภายในแพลตฟอร์มของตัวเองให้เรียนรู้ได้ฟรีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะใช้ Canva ทำโลโก้, ปรับแต่งเลย์เอ้าท์, สร้างสไลด์นำเสนอให้ดูน่าประทับใจ, สร้าง Canva ไว้ใช้ในห้องเรียน ฯลฯ รวมไปถึงวิธีใช้เวอร์ชั่นแอปฯ สมาร์ทโฟนให้คล่องแคล่ว
นอกจากบทเรียนเกี่ยวกับการใช้แอปฯ แล้ว ก็เรียนรู้วิธีการสร้าง Branding ให้ธุรกิจ, Social media ไปจนการปริ้นท์ใบประกาศเพื่อโฆษณา (Print advertising) ให้เรียนรู้ได้ หน้าเว็บไซต์ดีไซน์ให้เปิดคอร์สเข้าเรียนรู้ได้สะดวก แยกเป็นคลิปสั้น 3~5 นาที ให้กดดูได้เป็นตอนต่อตอน ถ้าใครใช้เว็บไซต์และแอปฯ นี้ทำงานอยู่เป็นประจำก็แนะนำให้เข้ามาศึกษาวิธีการใช้งานก่อนได้แล้วจะสมัครใช้งานในภายหลังก็ได้
7. Grow with Google
- Attendees : ผู้ที่สนใจ
- Courses subjects : Cybersecurity, Data Analytics, Digital Marketing & E-commerce, IT Support, Project Management, UX Design
- Study platform : Coursera
- Expenses : ฟรี
- คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์
บริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google ก็มีเว็บไซต์สำหรับเรียนทางออนไลน์ให้ผู้สนใจด้านไอทีเข้าไปเรียนหาความรู้ต่างๆ พอเรียนจบก็ใบประกาศนียบัตรรับรองความสามารถไว้ใช้สมัครงานได้ เพียงล็อคอิน Google ID เลือกหมวดที่สนใจได้ตามระดับความยากตั้งแต่ระดับเบื้องต้น (Beginner level), ระดับสูง (Advanced) จนระดับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม (Industry specializations)
คอร์สระดับ specializations จะเป็นวิชาเรียนเพื่อเจาะจงสำหรับคนอยากประกอบอาชีพใดโดยเฉพาะ เช่น Healthcare IT support specialist, Healthcare customer support, Data analyst, Financial analyst ฯลฯ ซึ่งคอร์สเรียนของ Grow with Google ใน Coursera ได้ทางมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น Johns Hopkins University, University of Michigan, Gie College of Business เข้ามาช่วยปรับปรุงหลักสูตร ทำให้วิชาเรียนมีความเข้มข้น
ข้อดีของหน้าเว็บไซต์ Grow with Google จะลงรายละเอียดว่าผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องอะไร เมื่อจบแล้วใบประกาศนียบัตรจะครอบคลุมหมวดหมู่เกี่ยวกับหมวดหมู่ใดบ้าง ซึ่งวิชาในระดับ Beginner นั้นสามารถเรียนรู้ได้ทุกคนตามความสนใจ แต่ถ้าทำงานในสายไอทีเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่แล้วก็มีระดับ Advanced รองรับและระบุด้วยว่าคอร์สเรียนนี้ออกแบบมาเพื่อไปประกอบอาชีพใดต่อได้ ถ้าโปรแกรมเมอร์คนไหนจะเพิ่มความสามารถของตัวเอง
จะเห็นว่าในยุคนี้เพียงมีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็เปิดอินเทอร์เน็ตเข้าถึงความรู้ได้แล้ว ยิ่งยุคนี้ใครๆ ก็หาความรู้เพื่อเพิ่มความสามารถในวิชาชีพของตัวเองหรือเผื่อเอาไว้เปลี่ยนสายงานจากที่ทำอยู่แล้วไปหาโอกาสใหม่ได้ เรียนจบแล้วก็มีใบประกาศนียบัตรไว้ยืนยันกับทางบริษัทที่ไปสมัครงานได้ว่ามีความสามารถพร้อมทำงานให้แน่นอนและยังเรียนได้ฟรีไว้ต่อยอดชีวิตตัวเองได้ เหลือเพียงจัดเวลามาเพิ่มความสามารถของตัวเองให้พร้อมรับโลกยุคใหม่เท่านั้น
Photo Credits: Tim Mossholder via Unsplash, Susan Q Yin via Unsplash
FAQ
1. คอร์สเรียนออนไลน์เหมาะกับใครบ้าง?
ตอบ เหมาะกับผู้ที่สนใจอยากได้ความรู้ใหม่มาเพิ่มความสามารถของตน ในแต่ละรายวิชาจะมีรายละเอียดบอกว่าเหมาะกับผู้เรียนกลุ่มใดบ้าง?
2. เมื่อเรียนจบคอร์สแล้วต้องยื่นขอใบประกาศนียบัตรอย่างไร?
ตอบ ยื่นขอในหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ได้ทันที โดยทำตามวิธีการบนหน้าเว็บไซต์ได้เลย
3. หากไม่มีความรู้ในหมวดหมู่นั้นแต่ต้องการเรียนจะเข้าเรียนได้ไหม?
ตอบ เรียนได้ แต่แนะนำให้เริ่มจากคอร์สระดับเบื้องต้นเพื่อปูพื้นฐานไปสู่วิชาที่สนใจในภายหลังจะดีกว่า
4. ราคาของคอร์สเรียน Reskill & Upskill แพงหรือไม่?
ตอบ ขึ้นอยู่กับทางเว็บไซต์และมหาวิทยาลัยกำหนด เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนหมื่นบาท ถ้าเป็น Exclusive course จะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะเป็นวิชาเฉพาะทางชั้นสูงสำหรับผู้มีความสามารถในงานประเภทนั้นแล้ว
5. การสอบเพื่อรับใบประกาศนียบัตรจำเป็นต้องทำข้อสอบได้เท่าไหร่ถึงจะยื่นเรื่องขอรับได้?
ตอบ หลายๆ มหาวิทยาลัยกำหนดให้ผู้เรียนทำข้อสอบหลังการเรียนรู้ให้ได้ 60% ขึ้นไป บางเว็บอาจกำหนดให้ทำได้ 70% ขึ้นอยู่กับผู้ร่างและกำหนดคอร์สวิชานั้นๆ
6. ถ้าไปเรียนคอร์สของต่างประเทศได้หรือไม่?
ตอบ เรียนได้ บางแห่งให้เรียนฟรีหรืออาจมีค่าใช้จ่ายตามราคาของคอร์สนั้นๆ แต่การสอนจะเป็นภาษาอังกฤษ แนะนำให้มีทักษะทางภาษาดีระดับหนึ่งก่อน
7. นอกจาก Google แล้ว มีบริษัทใดบ้างทำระบบเรียนออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะอาชีพ?
ตอบ ในปัจจุบันมีหลายแห่ง ได้แก่ Udemy, edX, Havard University, Standford University, Linked In (In Learning) เป็นต้น
8. การเรียนแบบกำหนดระยะเวลาและความเร็วได้ด้วยตัวเอง (Self-Paced) คืออะไร?
ตอบ เป็นการเรียนโดยเอาตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนกำหนดความเร็วในการเรียนแต่ละบทได้ว่าจะเรียนทบทวนซ้ำก่อนเข้าสอบท้ายคอร์สเมื่อไหร่ เหมาะกับพนักงานออฟฟิศและคนทำงานที่มีเวลาจำกัด
9. หากต้องการเรียนวิชานอกเหนือจากความรู้ทั่วไปควรไปดูคอร์สของที่ไหนดี?
ตอบ แนะนำของมหาวิทยาลัยมหิดล (MUx) จะมีคอร์สน่าสนใจนอกเหนือจากความรู้ภายในห้องเรียนมาให้เรียนรู้เป็นระยะๆ หรือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็จะมีความรู้พิเศษเฉพาะภูมิภาคเสริมเข้ามาด้วย
10. หากไม่มีเวลาสอนผู้สูงอายุใช้งานแอปฯ ต่างๆ จะมีคอร์สเรียนของมหาวิทยาลัยใดให้เรียนไหม?
ตอบ แนะนำให้ดูหลักสูตรเพื่อสังคมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะมีหลักสูตรนอกห้องเรียนให้ศึกษาเพิ่มเยอะ ทั้งสอนการใช้งานแอปฯ ต่างๆ เช่น E-mail, TikTok ฯลฯ ให้เรียนรู้เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีคอร์สสัมนาออนไลน์ (Webinar) ให้เข้าร่วมได้ด้วย