ผู้ใช้พีซีมือใหม่หลายท่านน่าจะเคยได้ยินคำว่า OC หรือโอเวอร์คล็อกกันมาบ้างแล้ว หลายท่านรู้ว่าคืออะไร หลายท่านไม่รู้ว่ามันคืออะไร วันนี้ทีมงาน NBS จะขอแนะนำว่าการโอเวอร์คล็อก คืออะไร แล้วมันช่วยให้พีซีแรงจริงเหรอ มีปัจจัยอะไรยังไงบ้าง ไปหาคำตอบกัน
การ OC หรือการโอเวอร์คล็อกคือการปรับให้เครื่องของเราทำงานเร็วขึ้นกว่าสเปคที่ระบุมา โดยเพิ่มความเร็วซีพียู หรือความเร็วการจอ ไปจนถึงอุปกรณ์อื่นๆให้เร็วมากกว่าสเปคที่ระบุไว้ เช่นซีพียูตามสเปคจะวิ่งอยู่ที่ 4.0 GHz ก็เพิ่มความเร็วเป็น 4.2 4.3 GHz โดยการปรับแต่งผ่าน Bios หรือซอฟแวร์ต่างๆ ไปจนถึงการปรับแต่งระดับฮาร์ดแวร์
โอเวอร์คล็อก (OC) ไปเพื่อ
การโอเวอร์คล็อกจะทำให้เครื่องเราทำงานเกินสเปคที่ระบุมา แสดงว่าเราจะทำงานได้เร็วขึ้น เล่นเกมได้ลื่นขึ้น บางครั้งการโอเวอร์คล็อกคลีอคก็เพื่อทำสถิติโลก เพื่อการแข่งกัน ในโอเวอร์คล็อกได้มากกว่ากันชนะ บางคนอยากเล่นเกมลื่นขึ้นโดยที่ไม่มีงบประมาณอัพเกรทเครื่อง การโอเวอร์คล๊อคก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเหมือนกัน แต่
การโอเวอร์คล็อก ก็มีข้อเสียที่มองข้ามไปไม่ได้
เมื่ออุปกรณ์ต่างๆได้รับการโอเวอร์คล็อก ก็เหมือนการทำงานที่เกินสเปค ทำให้มีความร้อนสูงมากกว่า รวมไปถึงการเสื่อมของอุปกรณืที่รวดเร็วกว่าการใช้งานปรกติ นักโอเวอร์คล็อกจึงต้องมีพวกชุดระบายความร้อนพิเศษเพื่อให้เครื่องยังทำงานได้ปรกติ เช่น LN2 หรือชุดน้ำต่างๆ และบางแบรนด์ความเสียหายจากการโอเวอร์คล็อกเช่นไหม้ หรือเกิดความเสียหายอื่นๆ ไม่รับประกันด้วยนะครับ
แล้วผู้ใช้ทั่วไปควรโอเวอร์คล็อกไหม
ส่วนตัวถ้าโอเวอร์คล็อก แค่ลองวิชาชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้โอเวอรคลีอคทิ้งไว้เลย ผมว่าลองดูได้ เพราะเมนบอร์ดเกือบทุกตัวมีฟังค์ชั่นให้สามารถโอเวอร์คล็อกได้อย่างง่ายๆ ไม่ส่งผลต่อฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะพวกเมนบอร์ดระดับท๊อปเช่น Intel Z490 หรือ AMD X570 พวกนี้มีฟังค์ชั่นรองรับการโอเวอร์คล็อกที่จัดเต็มกว่าเมนบอร์ดรุ่นล่าง (เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีราคาแพงกว่าด้วย)
ปัจจัยที่ช่วยให้การโอเวอร์คล็อกได้ดี
1.ฮาร์ดแวร์
ฮาร์ดแวณ์ หรืออุปกรณ์ถือเป็นสิ่งแรกที่ต้องมองหาก่อนเลยถ้าต้องการให้โอเวอร์คล็อกได้ดี เพราะนอกจากเมนบอร์ดที่รองรับแล้ว ก็ยังมีในส่วนของซีพียูที่ควรจะเป็นรหัส K หรือ X ของแต่ละค่าย และอาจจะไปถึงการเลื่อนล๊อตผลิตกันเพราะบางล๊อคสามารถโอเวอร์คล็อกไปได้ไกลกว่าก็มี นอกจากนั้นก็ยังมีแรมที่ต้องเป็นบัสสูงๆรองรับการโอเวอร์คล็อกด้วย
2.ภาคจ่ายไฟ
การโอเวอร์คล็อกหลายครั้งต้องมีการปรับแรงดันไฟด้วย เพราะฉะนั้นภาคไฟจึงเข้ามามีบทบาท ตั้งแต่ภายใจ่ายไฟบนเมนบอรืดที่มักจะโฆษณากันว่ามี 10 เฟส 20 เฟส ที่มีประโยชน์นอกจากจ่ายไฟให้เสถียรแล้วยังออกแบบมาเพื่อรองรับการโอเวอร์คล็อกอีกด้วย ไปจนถึง Power Supply ที่ต้องมีคุณภาพดี จ่ายไฟนิ่ง และควรจำมีกำลังไฟหรือ W ที่สูงเพื่อรองรับการโอเวอร์คล็อกอีกด้วย
3.อุณหภูมิ
การโอเวอร์คล็อกที่ดี ต้องทำให้อุณหภูมิของซีพียู รวมไปถึงอุปกรณือื่นๆมีอุณหภูมิที่ตำ ระดับติดลบได้เลยยิ่งดี เพราะถ้าร้อนเกินไปจะทำให้ตัวเครื่องดับเพราะเมนบอรืดตัดการทำงานได้ ยิ่งเย็นก็จะยิ่งโอเวอร์คล็อกไปได้ไกลด้วย เราจึ้งเห็นนักโอเวอร์คล็อกใช้ไนโตรเจนเหลวระบายความร้อนให้ซีพียู เพราะเป็นสารที่เย็นมาก และใช้งานง่าย แต่ก็ระเหยไวจึงต้องหมั่นเติ่มเข้าไปเรื่อยๆ หรือถ้าพื้นฐานหน่อยก็จะใช้ชุดน้ำช่วยระบายความร้อนเพราะเย็นกว่า และยังแช่น้ำแข็งได้อีกด้วย
4.ฝีมือ
ปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้การโอเวอร์คล็อกมีประสิทธิภาพสูงสุดเลยคือฝีมือ เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอย่างเช่นผมมือใหม่ รู้ว่าต้องปรับอะไร แต่เอาเข้าจริงพอปรับแล้วก็ไม่ได้ตามสั่งดับเป็นประจำ แต่ถ้าเซียนๆหน่อย ปรับตรงนี้แล้วไม่ผ่าน ก็จะไปลดตรงนั้น ปรับตรงนี้ เพิ่ม FSB ลดตัวคูณ เพิ่มแรงดันไฟ อะไรแบบนี้ และการปรับในแต่ละเมนบอร์ด แต่ละซีพียุก็แตกต่างกัน บางตัวรับไฟได้เยอะ บางตัวรับไฟได้น้อย
วิธีการโอเวอร์คล็อก
ผมแนะนำเปิดคู่มือเมนบอร์ดของแต่ละท่านแล้วลองทำตามเลย เพราะหลายเมนบอร์ดจะมีโหมดโอเวอร์คล็อกให้มาเลย หรือลองดูจากเว๊บต่างๆเหล่านี้ได้เลยครับ
- โอเวอร์คล็อก CPU ของคุณด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® ที่ปลดล็อค
- วิธีการโอเวอร์คล็อกแรม
- สูตรสำเร็จ ของการโอเวอร์คล็อก เพื่อความสำเร็จในการโอซี
ตัวอย่างทีมงานลองโอเวอร์คล็อกแบบ auto ของเมนบอร์ด Gigabyte Z490 UD โดยเลือกโหมด advance ตัวเครื่องก็โอเวอร์คล็อกให้เลยอัตโนมัติ โดยทดสอบร่วมกับแรม 2 รุ่น 2 สเปค
โดย System ทีทีมงานทดสอบจะเป็น
- CPU : Intel® Core™ i9-10900K Processor
- M/B : Gigabyte Z490 UD
- PSU : THERMALTAKE 850W TOUGHPOWER GRAND RGB (80+ GOLD)
เซ็ตแรกที่ทีมงานทดสอบจะเป็นแรม KLEVV CRAS XR RGB 16GB (2x8GB) 4,000 MHz ที่สเปคแรง ออกแบบเพื่อการโอเวอร์คล็อก
ซ้ายก่อนโอเวอร์คล็อกความเร็วซีพียูอยู่ที่ 4.9 GHz ส่วนขวาโอเวอร์คล็อกในโหมด Advance เพิ่มความเร็วมาเป็น 5.2 GHz โดยเพิ่มตัวคูณซีพียู และเพิ่มไฟเข้ามา
สเปคแรม KLEVV CRAS XR RGB 16GB (2x8GB) 4,000 MHz
ก่อนโอเวอร์คล็อกสามารถอ่านได้ที่ 51,399 MB/s และเขียนที่ 55,694 MB/s
หลังโอเวอร์คล็อกสามารถเพิ่มความเร็วการอ่านได้ที่ 53,170 MB/s และเขียนที่ 55,510 MB/s ความเร็วการอ่านเพิ่มขึ้น โดยที่เขียนไม่ต่างกัน โดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย จะเห็นได้ว่าตัวคูณของซีพียูเพิ่มมาจาก 50 เป็น 51 และโอเวอร์คล็อกจาก 35% มาเป็น 37% แบบอัตโนมัติเน้นชัวร์ไม่มีปัญหา
ก่อนโอเวอร์คล็อกใช้เวลาคำนวนอยู่ที่ 14.48 วินาที
หลังโอเวอร์คล็อกลดเวลาคำนวนลงมาเหลือ 13.694 วินาที ลดลงมาเกือบวินาที
สเปคแรม KLEVV BOLT XR 16GB (2x8GB) 3,600 MHz
ก่อนโอเวอร์คล็อกสามารถอ่านได้ที่ 48,904 MB/s และเขียนที่ 51,157 MB/s
หลังโอเวอร์คล็อกสามารถเพิ่มความเร็วการอ่านได้ที่ 49,936 MB/s และเขียนที่ 51,868 MB/s ความเร็วการอ่านเพิ่มขึ้น โดยที่เขียนไม่ต่างกัน โดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
ก่อนโอเวอร์คล็อกใช้เวลาคำนวนอยู่ที่ 13.46 วินาที
หลังโอเวอร์คล็อกลดเวลาคำนวนกลับมาที่ 12.802 วินาที
สรุปส่งท้ายการโอเวอร์คล็อกนั้นมีข้อดีตรงที่เพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด และเมนบอรืดส่วนใหญ่ก็รองรับการโอเวอร์คล็อกแบบปลอดภัยโดยมีโหมดอัตโนมัติให้อยู่แล้ว หรือจะปรับเพิ่มไปกว่านั้นก็สามารถทำได้ แต่เอาเข้าจริงโอเวอร์คล็อกแบบอัตโนมัตินั้นอาจจะรีดประสิทธิภาพของการโอเวอร์คล็อกไม่ได้เต็มที่ บางส่วนคะแนนดีขึ้น บางส่วนอาจจะไม่ต่างจากเดิมเลย และยังต้องใช้ไฟมากขึ้น รวมไปถึงฮาร์ดแวร์ที่ทำงานหนักกว่าเดิมโดยไม่จำเป็น
เพราะฉะนั้นแม้จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมา (บ้าง) แต่ก็ทำให้อุปกรณ์ต้องรับภาระเกินไปอาจจะส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ในระยะยาวได้ ถ้าโอเวอร์คล็อก แค่ลองเล็น ลองวิชาไม่นาน ลองดูได้ครับถือว่าเป็นการเรียนรู้ตัวเครื่องของเรา แต่ถ้าโอเวอร์คล็อกเพื่อใช้งานระยะยาวผมไม่แนะนำเพราะอาจจะทำให้อุปกรณืเสียหาย และยังไม่สามารถเคลมได้ด้วยในบางแบรนด์ครับ
**โอเวอร์คล็อกมีความเสี่ยงลองได้ เล่นได้ แต่แค่ชั่วคราวไม่แนะนำให้ใช้งานระยะยาว**