GeForce RTX 5060 และ RTX5060Ti เปิดตัวแรงกับพลัง AI ยุคใหม่ DLSS 4 เขย่าวงการเกม!

NVIDIA เปิดตัว GeForce RTX 5060 และ 5060 Ti ในเดือนเมษายน 2025 กับการ์ดจอซีรีส์นี้ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่เปลี่ยนประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงยิ่งขึ้น ด้วยพลังของ DLSS 4 และสถาปัตยกรรม Blackwell RTX ที่ล้ำสมัย บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจจุดเด่นและความน่าสนใจของ RTX 5060 Family ที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกสุดคุ้มสำหรับเกมเมอร์
หัวใจสำคัญ: DLSS 4 และพลัง AI Transformer

ฮาร์ดแวร์ที่ทาง NVIDIA ได้เสริมฟีเจอร์ซอฟต์แวร์, ชุดพัฒนา (SDK) สำหรับนักพัฒนา และที่สำคัญคือ โมเดล AI ใหม่ๆ ที่ดึงศักยภาพสูงสุดของฮาร์ดแวร์ออกมา หนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดที่น่าจับตามองคือ DLSS 4 ที่มาพร้อมโมเดล AI แบบ Transformer สำหรับเทคโนโลยี DLSS Super Resolution และ DLSS Ray Reconstruction
โดยโมเดล AI Transformer ของ DLSS 4 นี้ ถูกเทรนด้วยข้อมูลภาพเกมความละเอียดสูงมหาศาล ทำให้สามารถเร่งประสิทธิภาพการทำงาน (เพิ่มเฟรมเรต) พร้อมๆ กับการยกระดับคุณภาพของภาพให้คมชัด สวยงามยิ่งกว่าการเรนเดอร์แบบ Native (ความละเอียดดั้งเดิม) ลองดูจากตัวอย่างเปรียบเทียบในเกม Avowed หรือ Hogwarts Legacy จะเห็นได้ชัดว่า มีรายละเอียดที่คมชัดขึ้น ภาพโดยรวมถือว่าดี รวมถึงแสงเงาสะท้อน (โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว) แม่นยำและนิ่งกว่าเดิม ทำให้ภาพรวมของเกมมีความเสถียร ลดอาการภาพซ้อนหรือแตก (Artifacting) ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปิดใช้งาน DLSS เกมจะรันได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่า Input Latency (ความหน่วงในการตอบสนอง) ลดลง ทำให้การควบคุมในเกมลื่นไหล ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมไปอีกระดับ


Multi Frame Generation: รีดเฟรมเรตให้ทะลุขีดจำกัด
และ DLSS4 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Multi Frame Generation (MFG) ซึ่งเป็นเทคนิคการเรนเดอร์ด้วย AI สุดล้ำ ที่สามารถ “สร้าง” เฟรมภาพเสริมขึ้นมาได้สูงสุดถึง 3 เฟรม ต่อทุกๆ 1 เฟรมที่เรนเดอร์แบบปกติ เมื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยี DLSS อื่นๆ จะสามารถ เพิ่มเฟรมเรตได้สูงสุดถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับการเรนเดอร์แบบเดิมๆ! ปัจจุบันมีเกมและแอปพลิเคชันกว่า 100 รายการที่รองรับ MFG แล้ว และมีเกมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุกสัปดาห์ ทำให้เกมเมอร์ GeForce RTX ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในเกมยอดนิยม

โดยการเปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 5060 Series สำหรับเดสก์ท็อป จะประกอบด้วย RTX 5060 Ti ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 16 เมษายนนี้ ตามมาด้วย RTX 5060 ในเดือนพฤษภาคม โดยราคาเริ่มต้นหรือ MSRP จากผู้ผลิตอยู่ที่ประมาณ 299USD

ด้วยพลังประมวลผลดิบที่เพิ่มขึ้นของ RTX 5060 Series ผสานกับความสามารถของ DLSS 4 ทั้ง Multi Frame Generation, Super Resolution และ Ray Reconstruction ทำให้การ์ดจอรุ่นใหม่นี้ เร็วแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า ในเกมที่รองรับ!
อัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับเหล่าเกมเมอร์
ปัจจุบันมีเกมเมอร์ GeForce กว่า 50 ล้านคนที่ยังใช้การ์ดจอรุ่นก่อนหน้าในระดับ RTX 3060, 2060 และ GTX1650, GTX1050 การมาของ GeForce RTX 5060 Series ถือเป็นการ อัปเกรดครั้งสำคัญอย่างแท้จริง ที่เกมเมอร์จะได้สนุกกับการใช้งานเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ดูสมจริง และได้ประโยชน์ DLSS 4 สำหรับการเล่นเกมที่จริงจังมากขึ้น


เทคโนโลยีหลักที่เกมเมอร์จะได้สนุกกับเกมมากขึ้น ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักดังนี้
Image Quality: คุณภาพของภาพที่สวยงาม DLSS Super Resolution ที่ขับเคลื่อนด้วย AI Transformer ตัวใหม่ จะมอบภาพที่คมชัดและสวยงาม ผสานกับ Ray Tracing Cores อันทรงพลังในสถาปัตยกรรม Blackwell ทำให้เกมเมอร์ GeForce RTX 50 Series เต็มอิ่มไปกับแสงเงาที่สมจริง
High Frame Rate: เฟรมเรตที่สูงและลื่นไหล เทคโนโลยีเฉพาะของ GeForce RTX อย่าง DLSS Multi Frame Generation, Super Resolution, Ray Reconstruction และเทคโนโลยีเร่งประสิทธิภาพอื่นๆ จะช่วยดันเฟรมเรตให้สูงและลื่นไหลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Low Latency: ความหน่วงต่ำ NVIDIA Reflex ช่วยลดค่าความหน่วงของระบบในเกมกว่า 130 เกม (รวมถึงเกมแข่งขันชั้นนำอย่าง VALORANT) ทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรมที่ปรับมาอย่างดีและเฟรมเรตที่เร่งด้วย DLSS มอบการตอบสนองที่ฉับไวที่สุดให้กับเกมเมอร์
ตัวอย่างประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น
ในเกม Hogwarts Legacy บน GeForce RTX 5060 Ti ที่ความละเอียด 1440p ปรับสุด เมื่อเปิดใช้ DLSS 4 (MFG, Super Resolution, Ray Reconstruction) และ NVIDIA Reflex ผู้เล่นจะได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการเล่นแบบ Native ในทุกด้าน ทั้งภาพที่สวยขึ้น เฟรมเรตที่สูงและลื่นไหลกว่าเดิม และค่าความหน่วงที่ต่ำลง

เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti รุ่นก่อนหน้า เฟรมเรตในหลายๆ เกม เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และค่าความหน่วงก็ลดลง ทำให้เกมเพลย์ลื่นไหลและตอบสนองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ในเกมที่ไม่รองรับ MFG อย่าง A Plague Tale: Requiem หรือ Delta Force ก็ยังคงเห็นประสิทธิภาพที่ดีขึ้นราว 20% พร้อมค่าความหน่วงที่ต่ำลง

สำหรับ RTX 5060 (รุ่นไม่ Ti) ที่จะตามมาในเดือนพฤษภาคม ก็มาพร้อมฟีเจอร์เดียวกัน ตั้งเป้าที่การเล่นเกมระดับ 100+ FPS ที่ความละเอียด 1080p ในเกมกราฟิกสูงๆ และเฟรมเรตที่สูงลิ่วในเกม Multiplayer ยอดฮิตอย่าง Marvel Rivals
ในแง่ของราคา ดูจะคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม

GeForce RTX 5060 มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นประมาณ 299USD แต่ให้ประสิทธิภาพที่แรงกว่า RTX 4060 ถึงสองเท่า (ในเกมที่ใช้ DLSS 4 MFG) นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่สำหรับผู้ที่อัปเกรดจากการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง GeForce GTX 1660 หรือ GeForce RTX 2060 ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้เกมเมอร์ปรับกราฟิกได้สวยงามขึ้น เปิด Ray Tracing ได้เต็มที่ และควบคุมเกมได้ตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ครบครัน โดย GeForce RTX 5060 Series ยังคงศักยภาพในด้านการทำงานเช่นเดียวกับรุ่นพี่ในซีรีส์ 50 ทั้ง Shader Cores, Tensor Cores, Ray Tracing Cores รุ่นล่าสุด และหน่วยความจำ VRAM GDDR7 ความเร็วสูง รวมถึงตัว Encoder/Decoder วิดีโอรุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น และรองรับการแสดงผลบนจอภาพ DisplayPort 2.1 UHBR20 รุ่นใหม่ล่าสุด
ราคาและการวางจำหน่าย
- GeForce RTX 5060: เริ่มต้นที่ $299
- GeForce RTX 5060 Ti (วางจำหน่าย 16 เม.ย.)
- รุ่น 8GB: เริ่มต้นที่ $379
รุ่น 16GB: เริ่มต้นที่ $429
นอกจากนี้เหล่าการ์ดจอทั้งรุ่นปกติและรุ่น Factory-Overclocked จากแบรนด์ชั้นนำอย่างเช่น ASUS, Colorful, Gainward, GALAX, GIGABYTE, INNO3D, KFA2, MSI, Palit, PNY และ ZOTAC รวมถึงจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ประกอบชั้นนำ ก็เตรียมลงสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะมีรุ่นใด ซีรีย์ใดที่ออกมาโดนใจคุณบ้าง และราคาเป็นอย่างไร?
ส่วนคนที่ต้องการสัมผัสการ์ดจอ RTX 5060 รุ่นใหม่นี้บนโน๊ตบุ๊ค อดใจรออีกนิดเพราะทาง nVIDIA เตรียมเอาไว้ให้แล้ว แรงเหมือนกัน แรงมันส์สะใจแน่ในปี 2025 นี้
ที่มา: nVIDIA




