ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวต่างชาติในความคิดของหลาย ๆ คนก็คงจะคิดว่าพอเรียนจบออกมาก็ได้ทำงานมีหน้าที่การงานที่ดีโดยเฉพาะสังคมในเมืองที่คงจะเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเร่งรีบไปทำงานเป็นแน่ แต่ทว่าสิ่งที่คาดหวังกับความจริงมักจะสวนทางกันเสมอและเหตุการณ์ที่จะนำเสนอนี้ก็เช่นกันกับเรื่องราวของชายหนุ่มชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่มีชีวิตอันแสนยากลำบากด้วยการเป็นโฮมเลสหรือคนไร้บ้านเป็นระยะเวลากว่า 1 ปีเต็มและสิ่งที่เขาทำเพื่อให้มีชีวิตรอดนอกจากหาอาหารประทังชีวิตแล้วนั่นก็คือการเล่นเกมนั่นเองซึ่งสิ่งนี้มันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
การเป็นคนไร้บ้านในสายตาของชาวต่างชาติแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับขอทานในประเทศไทยนักพร้อมกับมีจำนวนมากซึ่งมีการสำรวจมาแล้วว่าคนออสเตรเลีย 200 คนจะมีโฮมเลสอยู่ 1 คนและสาเหตุของการเป็นก็มีตั้งแต่ตกงาน , ปัญหาครอบครัว , ยาเสพติดและถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกอาจจะดูดีกว่าของไทยเราแต่ความรู้สึกของคนทั่วไปแล้วก็แทบจะไม่ต่างกันเพราะผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ย่านคนเมืองในออสเตรเลียแทบจะไม่มีใครสนใจใยดีพวกโฮมเลสเลยแม้แต่น้อยเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นแค่อากาศธาตุไร้ตัวตนอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งความรู้สึกถูกเมินเฉยแบบนี้พอนานวันเข้าสภาพจิตใจย่อมต้องแย่ลงอย่างแน่นอนไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็เริ่มรู้สึกจิตตกเศร้าหมองลงเรื่อย ๆ อีกทั้งวิถีชีวิตที่แต่ละวันเขาจะต้องหาที่พักไม่ว่าจะเป็นตามบ้านเพื่อนหรือม้านั่งในสวนสาธารณะและยังต้องคอยหลบพวกตำรวจอีกก็ยิ่งทำให้สภาพจิตใจตกต่ำลงทุกที นอกจากนี้การเป็นโฮมเลสนานวันเข้าก็มีแนวโน้มที่จะตำหนิตัวเองจมอยู่กับความผิดหวังซ้ำซากจนไม่เป็นอันทำอะไรหรือในกรณีร้ายแรงก็อาจจะต้องพึ่งเหล้าหรือยาเสพติดไปเลย แต่ถึงอย่างนั้นแสงสว่างก็ไม่ได้มอดดับไปซะทีเดียวเพราะมีสิ่งของบางอย่างที่พอจะฟื้นฟูสภาพจิตใจของเขาได้นั่นก็คือโทรศัพท์มือถือที่มีเกมให้เล่นอยู่นั่นเอง
ซึ่งชายหนุ่มคนนี้ได้ใช้โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียวด้วยการเล่นเกมที่มีอยู่อย่าง Tap Tap Revenge ซึ่งเป็นเกมแนวดนตรีที่มีลักษณะการเล่นคล้ายคลึงกับ Guitar Hero โดยเขาได้ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเล่นมันไปเรื่อย ๆ เพื่อหลีกหนีความหดหู่ทางจิตใจที่ต้องเจอและบางทีเขาอาจจะหลบหนีความเป็นจริงของชีวิตเลยก็เป็นได้ แม้ว่าฟังดูแล้วการเล่นเกมของเขาอาจจะดูเป็นพวกติดเกมแต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่เขารู้สึกดีจนทำให้เขาอยากจะใช้ชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ
นอกจากนี้การเล่นเกมของเขาก็ถือว่าเป็นข้อดีและได้พัฒนาตนเองมากขึ้นเมื่อวันหนึ่งเขาได้มีโอกาสได้พักในโฮเทลของชาวแคนาดาที่ได้เอื้อเฟื้อที่พักและอาหารการกินให้แก่เขาและดูเหมือนจะเป็นความบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้เพราะในที่พักนั้นมีเครื่องเล่นเกมคอนโซลอยู่ด้วยและแน่นอนว่าผู้ให้พักพิงก็ให้เขาเล่นเกมอีกด้วยโดยไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อยและเกมที่เขาเล่นก็คือ Geometry Wars ซึ่งเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้หมดและมันก็น่าแต่มันน่าแปลกใจมากที่พวกเขาไม่รู้สึกรังเกียจชายหนุ่มคนนี้เลยแถมยังไม่สนด้วยซ้ำว่าเป็นใครมาจากไหนทั้งที่เป็นคนไรบ้านที่ต้องพึ่งพาเรื่องที่พักกับอาหารโดยความสนใจเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือคะแนน High Score ที่ชายหนุ่มไร้บ้านคนนี้ทำได้และนั่นก็ทำให้พวกเขามีบทสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเทคนิคการเล่นมากมายจนรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็มหรือถูกให้ความสำคัญมากและด้วยเหตุนี้ก็ทำให้ความรู้สึกหดหู่หมดอาลัยตายอยากของชายไร้บ้านคนนี้ค่อย ๆ หายไปในที่สุดพร้อมกับมีความคิดที่ว่าอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
แม้ว่าทางภาครัฐจะมีมาตรการหรือองค์กรช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้มากมายแต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นการช่วยเหลือเพียงเปลือกนอกเท่านั้นอย่างการจัดสร้างที่พักหรืออาหารการกินแต่พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือทางด้านสภาพจิตใจของคนกลุ่มนี้มากเท่าที่ควรและสุดท้ายถึงจะมีการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยพวกเขาก็ลงเอยกับสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์อยู่ดีแต่มันจะดีกว่าไหมถ้าหากมีการมุ่งเน้นในเรื่องสภาพจิตใจมากกว่าอย่างในกรณีของชายหนุ่มไร้บ้านคนนี้ที่เขาใช้เกมบนโทรศัพท์เป็นตัวฉุดดึงชีวิตอันมืดมนออกมาสู่แสงสว่างได้อีกทั้งยังเป็นการบ่งบอกด้วยว่าวีดีโอเกมมันไม่ใช่สิ่งมอมเมาเยาวชนไปเสียทั้งหมด
จากชายหนุ่มไร้บ้านในวันนั้นล่าสุดในวันนี้เขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำงานในบริษัทชื่อดังในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็นับว่าเป็นความสำเร็จในชีวิตเรียบร้อยแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ลืมสังคมคนไร้บ้านซึ่งทุก ๆ เช้าก่อนทำงานเขามักจะไปพบปะพูดคุยหรือรับประทานอาหารเช้ากับคนไร้บ้านในบริเวณที่ทำงานเป็นประจำจนได้เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อว่า David ซึ่งการพบกับ David ในครั้งนี้มันก็ทำให้เขาเหมือนได้เห็นตัวเองในอดีตที่จมอยู่กับความมืนหม่นไร้หนทางแต่ในตอนนี้สิ่งที่พอจะทำได้คือการพูดคุยให้คำปรึกษาและเขาก็หวังว่าบางทีนาย David คนนี้อาจจะเล่นเกมเหมือนที่เขาเคยเล่นอยู่ก็เป็นได้
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็พอจะเห็นว่าวีดีโอเกมหรือการเล่นเกมก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยไปทั้งหมดแต่มันอาจจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจสิ่งสุดท้ายของใครหลาย ๆ คนก็ได้ครับ
ที่มา: Kotaku