Connect with us

Hi, what are you looking for?

Special Story

ซ่อนไฟล์ ภาพลับ จับรูปสุดหวงใส่ไว้หลังรูปภาพ

ก่อนจะเข้าไปสู่เรื่องราวที่เปิดจั่วหัวเอาไว้เสียน่ากลัว ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่กำลังนำเสนอนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อนำเสนอในแง่ของความรุนแรงหรือก้าวร้าวแต่อย่างใด

ก่อนจะเข้าไปสู่เรื่องราวที่เปิดจั่วหัวเอาไว้เสียน่ากลัว ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่กำลังนำเสนอนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อนำเสนอในแง่ของความรุนแรงหรือก้าวร้าวแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้นำไปสู่เรื่องสองแง่สองง่าม แต่กำลังจะพูดถึงเรื่องราวของความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของหลายๆ คน ในด้านของไฟล์งานไฟล์อะไรต่างๆ ที่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือกรจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว

ในปัจจุบันก็คงทราบกันดีอยู่ว่า บางคนพยายามที่จะทำการป้องกันไฟล์ข้อมูล ด้วยการ Hidden file หรือการบีบอัดไฟล์ แต่บางทีก็ไม่พ้นความสามารถของบุคคลอื่น ที่พยายามค้นหาไฟล์เหล่านั้นมาดูให้ได้ ดังนั้นกลวิธีที่แยบยลยิ่งขึ้น อย่างเช่น การซ่อนไฟล์เหล่านั้นให้อยู่ในรูปแบบอื่น ที่คาดเดาได้ยาก ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มการป้องกันได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเอาไว้เองหรือจะส่งให้กับผู้อื่นผ่านทางเมล์หรือแฟลชไดรฟ์ก็ตาม เช่นเดียวกับวิธีการซ่อนไฟล์ไว้ภายใต้รูปภาพแบบที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ ด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า Jpg+FileBinder ที่สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

Advertisement

file in pic 1

1
ในขั้นแรกให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรมที่เรียกว่า Jpg+FileBinder จากเว็บไซต์ www.softpedia.com ซึ่งไฟล์ที่ได้จะเป็น WinRAR เมื่อแตกไฟล์ออกมา จะได้เป็นไฟล์ Jpg+FileBinder.exe ที่ดับเบิลคลิกแล้วใช้ได้ทันที

file in pic 2

2
จากนั้นให้เตรียมไฟล์ภาพที่ใช้สำหรับการซ่อนไฟล์ข้อมูลเอาไว้ในนั้น จะเป็นไฟล์ขนาดใดหรือนามสกุลใดก็ได้ เพราะไม่ได้มีผลต่อการทำงาน

file in pic 3

3
เตรียมไฟล์ข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บหรือซ่อนเอาไว้ ด้วยการทำให้อยู่ในรูปของไฟล์บีบอัด วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการจากนั้นคลิก Add to? แล้วนำไฟล์ที่ได้จากการบีบอัดนั้นมาใช้

file in pic 4

4
แต่ถ้าให้มีการป้องกันอีกระดับ ก็อาจจะใช้วิธีใส่พาสส์เวิร์ดเข้าไปในไฟล์บีบอัดด้วย โดยใช้วิธีคลิกขวาที่ไฟล์ เช่นเดียวกับการ Add to? ปกติ แต่ให้คลิกเลือกที่ Add to Archive? แทน จากนั้นคลิกไปที่แท็บ Advance จากนั้นเลือกที่ Set Password

file in pic 5

5
เมื่อได้ไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดและจัดเก็บมาเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เรียกโปรแกรม Jpg+FileBinder ขึ้นมา ด้วยการดับเบิลคลิกที่ไอคอน

file in pic 6

6
เมื่อหน้าต่างโปรแกรมปรากฏขึ้น ในหน้าโปรแกรม จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ Picture, Compress file และ Output picture file

file in pic 7

7
ในขั้นแรกให้เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการนำมาใช้เป็นตัวหลอกหรือนำมาครอบไฟล์สำคัญที่บีบอัดเอาไว้ โดยคลิกไปที่ปุ่ม Picture จากนั้นเลือกภาพที่ต้องการ

file in pic 8

8
ต่อมาให้เลือกไฟล์สำคัญที่ต้องการนำมาเก็บซ่อน ซึ่งเป็นไฟล์บีบอัดที่ทำเอาไว้ตั้งแต่ต้น ด้วยการคลิกที่ปุ่ม Compress file แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการ

file in pic 9jpg

9
ขั้นสุดท้ายให้คลิกที่ Output Picture file ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่ต้องการให้ไฟล์ที่สร้างเสร็จแล้วนำไปจัดเก็บ ซึ่งในที่นี้อาจจะเลือกพื้นที่ชั่วคราว อย่างเช่น My Document หรือ Desktop แต่ถ้าให้มั่นใจก็อาจจะเลือกเป็นอุปกรณ์ต่อภายนอกอย่างแฟลชไดรฟ์หรือ External HDD ก็ได้เช่นกัน เมื่อได้พื้นที่แล้วให้คลิก Save

file in pic 10jpg

10
จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Ok เพื่อเริ่มขั้นตอนในการสร้างไฟล์สำคัญที่จะมาอยู่ในรูปภาพตามที่กำหนดไว้

file in pic 11jpg

11
เมื่อคลิกปุ่ม Ok แล้ว ให้เข้าไปดูโฟลเดอร์ที่ตั้งไว้สำหรับ File output จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ได้จะเป็นรูปภาพตามปกติอย่างที่เราเห็นกันโดยทั่วไป

file in pic 12jpg

12
แม้แต่การดับเบิลคลิก ก็ไม่อาจทราบได้เลยว่ามีไฟล์ซ่อนอยู่ด้านใน เพราะโปรแกรมก็จะตรวจสอบว่าเป็นรูปภาพและเปิดบนโปรแกรมพรีวิวรูปภาพตามปกติ

file in pic 13jpg

13
แต่ถ้าต้องการจะเปิดไฟล์ใช้งาน ก็ต้องคลิกขวาที่ไฟล์ภาพนั้น แล้วเลือก Open with?แล้วเลือกโปรแกรม WinRAR

file in pic 14jpg

14
จากนั้นไฟล์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ ก็จะปรากฏขึ้น แต่ถ้าตั้งค่า Password ก็ต้องใส่ให้เรียบร้อยเสียก่อน

เป็นรูปแบบการป้องกันที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่มีความลับเยอะหรือต้องการความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นในการที่จะจัดส่งไฟล์หรือเก็บไฟล์ให้รอดพ้นจากการค้นหา จากบุคคลไม่พึงประสงค์นั่นเอง ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่ต้องมีการจัดเก็บให้เป็นระเบียบ ไม่อย่างนั้นผู้ใช้อาจจะเผลอลบไฟล์เหล่านั้นเองก็เป็นได้ คงต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Mac Corner

ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ไม่ว่าจะ Windows หรือ MacBook ทุกคนย่อมกดคีย์ลัดสั่งการให้คอมของตัวเองทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแน่นอน ถ้าใช้คอมมานานแล้ว คีย์ลัด Mac ก็ยังใช้วิธีกดปุ่มคำสั่ง 2-3 ปุ่มรวมกัน แค่เปลี่ยนชื่อกับภาพไอคอนปุ่มคำสั่ง (Modifier) บางปุ่มให้เป็นตามแบบฉบับของ Apple เอง คนที่ย้ายจาก Windows มาใช้ macOS ก็ใช้เวลาปรับตัวเรียนรู้คีย์ลัดสักระยะก็ใช้งานได้ถนัดอย่างแน่นอน ก่อนจะเริ่มใช้งานคีย์ลัด Mac...

How to

โลกในตอนนี้ไม่สามารถตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตได้เลยไม่ว่าจะเรื่องงานหรือความบันเทิงก็ต้องใช้มันทั้งนั้น แต่อุปกรณ์ไอทีทุกชิ้นต่างต้องรีเซ็ตสัญญาณเน็ตบ้างให้อุปกรณ์ได้โหลดการตั้งค่ากลับมาใหม่อีกครั้งเป็นระยะๆ เพื่อให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการรีเซ็ตสัญญาณจะคล้ายกับวิธีการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ต่อ Wi-Fi ไม่ได้ แต่ในบทความนี้จะเน้นเรื่องลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาเน็ตบ้านหรือเน็ตออฟฟิศใช้งานไม่ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นก่อนติดต่อช่างให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในภายหลัง เมื่อไหร่ต้องรีเซ็ตสัญญาณเน็ต? ทำแล้วดีอย่างไร? การรีเซ็ตสัญญาณอินเทอร์เน็ตนอกจากการปิดเปิดเราเตอร์ ก็รวมถึงการรีเซ็ตในระบบปฏิบัติการด้วย ถ้าไดรเวอร์มีปัญหาสามารถกด Roll Back driver หรือโหลดมาติดตั้งใหม่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ถ้ารีเซ็ตสัญญาณแล้วใช้งานไม่ได้ อาจเกิดปัญหาจาก Node กระจายสัญญาณของผู้ให้บริการก็ได้ เมื่อติดตั้งเน็ตบ้านเอาไว้แล้ว แนะนำให้ขอบัญชีและรหัสผ่านเอาไว้เข้าไปตั้งค่าเราเตอร์เผื่อไว้ด้วย 6 วิธีรีเซ็ตสัญญาณเน็ตด้วยตัวเอง...

รีวิว Asus

ASUS Vivobook S 15 S5507QA ความหวังใหม่ของคนทำงานด้วยพลัง Snapdragon X Elite และฟีเจอร์ครบเครื่อง! ถ้าพูดถึง Qualcomm ทุกคนย่อมคิดถึงชิปเซ็ตในสมาร์ทโฟนก่อน จนกระทั่งยักษ์แห่งวงการสมาร์ทโฟนจับมือกับเหล่ายักษ์แห่งวงการคอม ก็ได้เป็น ASUS Vivobook S 15 S5507QA โน๊ตบุ๊ค Copilot+ PC รุ่นแรกรับยุคแห่ง...

How to

พอใช้คอมพิวเตอร์มาสักพักแล้ว เป็นใครก็อยากล้างเครื่องรีเซ็ตคอมให้กลับไปเหมือนวันแรกที่ซื้อเครื่องมาทั้งนั้น จะได้จัดการปัญหาร้อยแปดที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุได้แบบหมดจดในทีเดียว ถ้าเป็นในอดีตก็คงจะหาแฟลชไดรฟ์โหลดระบบปฏิบัติการ Windows มาลบลงใหม่กัน แต่เหมือน Microsoft ก็เข้าใจว่าจะมาคอยลบลงใหม่แบบนี้ก็จะเสียเวลานาน ตั้งแต่เริ่มติดตั้งระบบปฏิบัติการกันใหม่แล้วไหนจะโปรแกรมและเซ็ตอัพการตั้งค่าใดๆ อีกมากมาย กว่างานจะกลับมาเดินได้ดังเดิมก็เป็นอันชะงักไปหมด ดังนั้นจึงมีวิธีการล้างเครื่องรีเซ็ตคอมใหม่โดยไม่ต้องลบข้อมูลทิ้งให้เลือกทำได้ แถมไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานมากนักแล้วงานก็ไม่ชะงักเกินไป อันที่จริง Microsoft ก็ทำวิธีรีเซ็ตคอมให้ใช้งานตั้งแต่ Windows 7 เป็นต้นมาแล้วอย่าง Restore Point แต่ซ่อนอยู่ใน Control...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก