
ระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังการประกาศแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า AgenticOS ซึ่งเป็นทิศทางที่ Microsoft บอกว่าจะผลักดันให้ Windows สามารถ “ลงมือทำแทนผู้ใช้” ได้มากขึ้น โดยใช้ AI เป็นแกนกลางในการออกคำสั่ง การจัดการงานต่างๆ และการตัดสินใจบางส่วนแทนผู้ใช้
อย่างไรก็ตาม กระแสจากผู้ใช้งานจริงกลับสวนทางอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่ม power user และนักพัฒนาที่รู้สึกว่า Microsoft มุ่งไปทาง AI มากเกินไป ทั้งที่ปัญหาพื้นฐานหลายอย่างของ Windows ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ประสิทธิภาพที่ไม่เสถียร การออกแบบ UX/UI ที่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน และตัวเลือกค่าเริ่มต้นที่ยากต่อการใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้ใช้ร้องเรียนมานานหลายปี
ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Pavan Davuluri หัวหน้าฝ่าย Windows ของ Microsoft ได้ตอบกลับโพสต์ของ Gergely Orosz วิศวกรและนักเขียนชื่อดังบน X (Twitter) เพื่ออธิบายมุมมองของ Microsoft ต่อปัญหาเหล่านี้ แต่เนื้อหากลับถูกมองว่า “ไม่ตอบโจทย์” และ “ขาดรายละเอียด” ทำให้สถานการณ์ยังคงเกิดข้อสงสัยมากขึ้น
ความเห็นของ Microsoft: ยอมรับปัญหา แต่ยังไม่ให้คำตอบชัดเจน
Davuluri ระบุว่า Microsoft “รับฟังฟีดแบ็กจำนวนมาก” ทั้งจากระบบเก็บข้อมูลภายในและจากคอมเมนต์ตรงของผู้ใช้ โดยบอกว่าประเด็นสำคัญที่เห็นซ้ำบ่อยคือเรื่อง:
- ความเสถียรของระบบ
- ประสิทธิภาพ
- ความง่ายในการใช้งาน
- ประสบการณ์ของ power user
เขายังย้ำว่า Microsoft “ให้ความสำคัญกับนักพัฒนา” และมีการพูดคุยเรื่อง “pain points” เหล่านี้ภายในอยู่เสมอ เพราะต้องการให้ Windows ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ developer เลือกใช้เป็นอันดับต้น ๆ
แม้จะดูเป็นท่าทีที่เปิดรับเสียงของผู้ใช้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากรู้สึกผิดหวังคือ Davuluri ไม่ได้ตอบคำถามหลัก เช่น:
- AgenticOS จะเข้ามาอย่างไรใน Windows เวอร์ชันถัดไป
- จะมีการแก้ไข UX ที่ไม่สอดคล้องกันหรือไม่
- Microsoft จะจัดการปัญหาความล่าช้าและความหน่วงของระบบอย่างไร
- ปัญหาเรื่อง Copilot และฟีเจอร์ AI ที่ดูมาก่อนความต้องการของผู้ใช้จะถูกปรับหรือไม่
การตอบแบบ “มองเห็นปัญหาแต่ยังไม่บอกวิธีแก้” ทำให้หลายคนรู้สึกว่า Microsoft เพียงยอมรับเสียงวิจารณ์ แต่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรต่อไป
AgenticOS คืออะไร และทำไมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงวิจารณ์
แนวคิด AgenticOS เป็นวิสัยทัศน์ใหม่ของ Microsoft ที่ต้องการเปลี่ยน Windows จากระบบที่รอรับคำสั่งผู้ใช้ ไปสู่ระบบที่ “จัดการงานได้เอง” ผ่าน AI
ตัวอย่างแนวคิดที่ Microsoft เคยนำเสนอ:
- ระบบสามารถจัดการตั้งค่าเครื่องตามสถานการณ์
- ตรวจสอบปัญหาหรือความต้องการของผู้ใช้โดยไม่ต้องสั่ง
- ทำงานแทนผู้ใช้ เช่น ปรับประสิทธิภาพหรือจัดระเบียบข้อมูลอัตโนมัติ
- เชื่อมต่อ Copilot เข้ากับฟังก์ชันพื้นฐานของ Windows มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้จำนวนมาก สิ่งที่กังวลไม่ใช่ AI แต่คือ:
1. ฟีเจอร์พื้นฐานยังไม่สมบูรณ์
Windows ยังคงมีปัญหาพื้นฐาน เช่น เมนูซ้ำซ้อน การตั้งค่ากระจายอยู่หลายจุด และหน้าต่างโต้ตอบ (dialog) ที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
2. Performance ยังไม่เสถียรในหลายกรณี
บางคนเจอปัญหา memory leak
บางคนรีเฟรช UI แล้วเครื่องช้าลง
บางคนเจอการโหลดโปรเซสที่ไม่จำเป็น
ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลายคนรู้สึกว่ามันถูกละเลยเพราะ Microsoft หันไปโฟกัส AI มากกว่า
3. ความกังวลเรื่อง bloatware และการบังคับใช้ AI
ผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามว่า:
- ทำไม Windows ต้องเพิ่มฟีเจอร์ที่กินทรัพยากรมากขึ้น
- ฟีเจอร์เหล่านี้ปิดได้จริงแค่ไหน
- Microsoft จะบังคับให้ฮาร์ดแวร์ใหม่ต้องรองรับฟีเจอร์ AI หรือไม่
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้กระแสวิจารณ์ AgenticOS รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
คำตอบของ Davuluri ถูกมองว่า “ว่างเปล่า” เพราะอะไร
ถึงแม้จะดูเหมือน Microsoft เปิดใจรับฟีดแบ็ก แต่โพสต์ของ Davuluri กลับไม่ได้ตอบความคาดหวังของผู้ใช้ในประเด็นสำคัญ เช่น:
- ยังไม่มีไทม์ไลน์ว่าฟีเจอร์ AgenticOS จะเข้ามาใน Windows เมื่อไหร่
- ไม่ได้ตอบว่าจะจัดการปัญหา power user อย่างไร
- ไม่มีรายละเอียดว่าปัญหาด้าน UX จะถูกแก้อย่างไร
- ไม่มีการพูดถึงปัญหาการบังคับใช้ Copilot
ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์จำนวนมากมองว่าคำตอบนี้ “ให้แต่ท่าทีแต่ไม่มีความคืบหน้า” และสะท้อนปัญหาหลักของ Microsoft ในช่วงปีที่ผ่านมา คือ “การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน” กับผู้ใช้จริง
ทำไมผู้ใช้จำนวนมากจึงรู้สึกไม่มั่นใจในทิศทางของ Windows
1. ช่องว่างระหว่างคำประกาศกับความเป็นจริง
Microsoft มักประกาศแนวคิดใหญ่ก่อน แต่ใช้เวลานานมากกว่าจะทำให้เป็นจริง เช่น Windows 11 ที่เปลี่ยน UX แต่ยังคงมีหน้าต่างแบบ Windows 7 ปะปนอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
2. หลายฟีเจอร์ของ Windows ถูกมองว่า “มาเร็วเกินไป”
Copilot ถูกใส่เข้ามาในระบบอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีความสามารถจำกัด และก่อให้เกิดความสับสนในหลายกรณี เช่น การแนะนำการตั้งค่าที่ใช้งานไม่ได้จริงในบางวิดีโอโปรโมชัน
3. ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของ AI
เมื่อระบบ “ทำแทนผู้ใช้” มากขึ้น ผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่า Microsoft จะจัดการกับข้อมูลส่วนตัวอย่างไร
4. ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการฮาร์ดแวร์
หาก AgenticOS ต้องใช้ความสามารถของ NPU หรือการประมวลผลแบบใหม่ ผู้ใช้จำนวนมากอาจต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์โดยไม่จำเป็น
สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการจาก Microsoft ในวันนี้
จากคอมเมนต์และบทวิเคราะห์จากหลายสำนัก สิ่งที่ผู้ใช้ Windows คาดหวังจริง ๆ ไม่ใช่ฟีเจอร์ AI ใหม่ แต่คือ:
- การแก้ปัญหาความเสถียรให้ดีขึ้น
- การจัดระเบียบ UX ให้เรียบร้อย
- ตัวเลือกการปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น
- ลด bloatware และกระบวนการที่กินทรัพยากร
- การสื่อสารที่โปร่งใสกว่าเดิม
จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศ roadmap เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AgenticOS และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า Windows จะปรับปรุงจุดอ่อนเหล่านี้เมื่อไหร่
สรุป: AgenticOS เป็นวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจ แต่ Microsoft ต้องแก้พื้นฐานก่อน
ในภาพรวม แนวคิด AgenticOS ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้ต่อต้านโดยตรง แต่ปัญหาคือ Microsoft ยังไม่แสดงให้เห็นว่าพร้อมแก้ไขเรื่องพื้นฐานก่อนจะก้าวไปสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว ผู้ใช้จำนวนมากจึงรู้สึกว่าการตอบแบบ “รับฟังอยู่” ยังไม่เพียงพอ
จนกว่า Microsoft จะมีคำอธิบายที่ชัดเจนกว่าเดิม และนำเสนอ roadmap ที่จับต้องได้ ประเด็นนี้ยังคงเป็นเรื่องที่คนใช้ Windows ทั่วโลกจับตามองอย่างหนัก
ที่มา: tomshardware





