
วงการ GPU และซอฟต์แวร์ด้าน AI กำลังจับตามอง NVIDIA หลังจากเปิดตัวอัปเดตครั้งใหญ่ของ CUDA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แกนกลางที่ทำให้บริษัทครองความได้เปรียบในตลาด AI มายาวนาน โดยอัปเดตล่าสุดที่เรียกว่า CUDA Tile ถือเป็นการเปลี่ยนแนวคิดด้านโปรแกรมมิงบน GPU ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง และผู้เชี่ยวชาญด้านชิปชื่อดังอย่าง Jim Keller ถึงขั้นมองว่า “นี่อาจเป็นจุดจบของกำแพงผูกขาด CUDA” เลยทีเดียว
CUDA คืออะไรและทำไมถึงสำคัญมาก
หากพูดถึงการพัฒนา AI ในยุคปัจจุบัน แทบทุกเครื่องมือ ไลบรารี และแพลตฟอร์มสำคัญต่างพึ่งพาระบบของ NVIDIA ด้วยเหตุผลสำคัญคือ CUDA ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างงานด้านประมวลผลหนัก เช่น AI training หรือ machine learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและรองรับ GPU ของ NVIDIA ได้แบบละเอียดถึงระดับฮาร์ดแวร์
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คู่แข่งอย่าง AMD หรือ Intel ยังไม่สามารถไล่ทันระบบนิเวศด้านซอฟต์แวร์ของ NVIDIA ได้ แม้ฮาร์ดแวร์จะพัฒนาเร็วเพียงใดก็ตาม
CUDA Tile การเปลี่ยนผ่านจาก SIMT สู่สถาปัตยกรรมแบบ Tile-Based
อัปเดตใหม่ที่ชื่อว่า CUDA Tile ไม่ใช่เพียงฟีเจอร์เสริม แต่เป็น “การออกแบบใหม่ทั้งระบบ” เพราะแทนที่โปรแกรมเมอร์จะต้องจัดการรายละเอียดปลีกย่อย เช่น
- ขนาด tile
- ปริมาณข้อมูลที่ต้องโหลดเข้า shared memory
- การจองทรัพยากรของ GPU
ระบบใหม่นี้จะใช้ Tile IR ซึ่งเป็น virtual machine ระดับล่าง ที่มอง GPU เป็น tile processor แบบเป็นระเบียบมากขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาเน้นเฉพาะ “ตรรกะของอัลกอริทึม” โดยไม่ต้องลงลึกถึงกลไกสถาปัตยกรรมของ GPU มากเหมือนเดิม

ผลลัพธ์คือ
- การเขียนโค้ดง่ายขึ้นมาก
- ลดภาระการ optimize ด้วยมือ
- ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง GPU programming ได้สะดวกกว่าเดิม
- รองรับงานที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น convolution และ matrix operations ได้ดีขึ้น
แม้ประสิทธิภาพสูงสุดอาจยังเทียบกับการเขียนโค้ดแบบ low-level ไม่ได้ แต่ CUDA Tile ช่วยให้การเริ่มต้นพัฒนา AI “ง่ายกว่าหลายเท่า”
ทำไม Jim Keller ถึงบอกว่า CUDA เริ่มหมดกำแพงผูกขาด
Jim Keller มองว่าโมเดลใหม่ของ NVIDIA ทำให้การพอร์ตโค้ดข้ามแพลตฟอร์ม “ง่ายขึ้น” จากสองเหตุผลหลัก
- สถาปัตยกรรมแบบ Tile-Based เป็นแนวคิดที่วงการใช้มานานแล้ว
เครื่องมืออย่าง Triton ก็ใช้แนวคิดคล้ายกัน ดังนั้นโค้ดที่เขียนด้วย CUDA Tile อาจแปลงไป Triton แล้วพอร์ตต่อไปยังชิปของ AMD ได้ง่ายกว่าเดิม - ระดับ abstraction สูงขึ้น
เมื่อโปรแกรมเมอร์ไม่ต้องเขียนโค้ดอิงสถาปัตยกรรมเฉพาะของ NVIDIA การนำโค้ดไปใช้บนเครื่องอื่นก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่า
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Keller มองว่า “CUDA moat” หรือกำแพงผูกขาดของ NVIDIA อาจเริ่มสั่นคลอน
แต่มุมมองอีกด้านคือ CUDA แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แม้จะฟังดูเหมือนเปิดทางให้คู่แข่ง แต่ตรงกันข้าม การเคลื่อนครั้งนี้อาจทำให้ NVIDIA แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เพราะ
- Tile IR ยังเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ NVIDIA
แม้ abstraction จะสูงขึ้น แต่เบื้องหลังยังอิงกับฮาร์ดแวร์และ semantics ของ NVIDIA อยู่ดี - ยิ่งใช้ง่าย คนยิ่งเข้ามาใน ecosystem มากขึ้น
ยิ่งนักพัฒนาเริ่มต้นด้วย CUDA มากเท่าไร การย้ายออกก็ยิ่งยากขึ้น
หรือพูดง่าย ๆ คือ
“ทางออกที่ง่ายสุดยังคงเป็น NVIDIA”
นี่คือเหตุผลที่หลายคนมองว่า CUDA Tile อาจไม่ใช่การลดกำแพงผูกขาด แต่เป็น “การสร้างกำแพงให้ใหญ่ขึ้นและเข้าถึงง่ายกว่าเดิม”
บทสรุป: NVIDIA กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ GPU Programming
การเปิดตัว CUDA Tile ในวันนี้ไม่ได้เป็นแค่การอัปเดต แต่คือการรีเซตแนวคิดการพัฒนา GPU ยุคใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้ง
- วงการ AI
- นักพัฒนา
- คู่แข่งด้านฮาร์ดแวร์
- อุตสาหกรรม HPC ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการสิ้นสุดของ “CUDA moat” หรือการเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศของ NVIDIA ก็ล้วนเป็นสัญญาณชัดเจนว่า การแข่งขันด้านซอฟต์แวร์ AI จะดุเดือดกว่าเดิมในปี 2026 เป็นต้นไป
ที่มา: wccftech




