
ในช่วงปลายปี 2025 ต่อเนื่องเข้าสู่ปี 2026 ผู้ใช้พีซีจำนวนมากน่าจะสังเกตเห็นตรงกันว่า ราคา RAM DDR5 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นชุดความจุ 32GB หรือ 64GB ที่เคยอยู่ในระดับจับต้องได้ กลับขยับขึ้นหลายพันบาทในเวลาไม่นาน
ล่าสุด G.SKILL หนึ่งในผู้ผลิตหน่วยความจำสำหรับตลาดพีซีระดับโลก ได้ออกแถลงการณ์สั้น ๆ เพื่ออธิบายสาเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่าการปรับราคาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเฉพาะราย แต่เป็นผลจาก วิกฤตอุปทาน DRAM ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ควบคู่กับความต้องการที่พุ่งสูงจากภาค AI อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
G.SKILL อธิบายตรงไปตรงมา ทำไม DDR5 ถึงแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว
G.SKILL ระบุว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2025 เป็นต้นมา ตลาด DRAM โลกอยู่ในภาวะผันผวนอย่างรุนแรง โดยมี ปัญหาขาดแคลนชิปหน่วยความจำในทุกระดับของซัพพลายเชน ตั้งแต่ผู้ผลิตชิปต้นน้ำ ไปจนถึงแบรนด์ที่นำ DRAM IC มาประกอบเป็น RAM สำหรับผู้บริโภค
หนึ่งในสาเหตุหลักคือ ความต้องการหน่วยความจำจาก AI data center และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นระบบฝึกโมเดล AI, inference, cloud AI หรือระบบประมวลผลขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาล
ผลที่ตามมาคือ ปริมาณ DRAM ที่เคยถูกจัดสรรให้ตลาดผู้ใช้ทั่วไปลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ต้นทุนของ DRAM IC จากผู้ผลิตต้นน้ำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อราคา RAM DDR5
G.SKILL ยอมรับอย่างชัดเจนว่า ต้นทุนการจัดหา DRAM IC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ราคาสินค้าของบริษัทจำเป็นต้องปรับตามต้นทุนจริง โดยบริษัทระบุว่าราคาขายที่ออกสู่ตลาดในปัจจุบัน สะท้อนต้นทุน DRAM จากซัพพลายเออร์โดยตรง และยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก หากสภาวะตลาดยังไม่คลี่คลาย
อุตสาหกรรม DRAM เปลี่ยนทิศ ผู้ผลิตหันโฟกัส AI มากกว่าตลาดผู้ใช้ทั่วไป
คำอธิบายของ G.SKILL สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมหน่วยความจำในภาพรวมอย่างชัดเจน ปัจจุบันผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก เช่น Samsung, SK hynix และ Micron กำลังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ระดับองค์กรเป็นหลัก โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้ในระบบ AI accelerator และ GPU สำหรับ data center
การเร่งผลิต HBM ส่งผลให้ กำลังการผลิต DRAM สำหรับตลาด consumer เช่น DDR5 ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหน่วยความจำสำหรับพีซีปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Micron ที่เพิ่งประกาศถอนตัวจากธุรกิจ Crucial ซึ่งเป็นแบรนด์หน่วยความจำสำหรับผู้บริโภค โดยให้เหตุผลว่าความต้องการจาก AI data center เพิ่มขึ้นสูงจนต้องจัดสรรทรัพยากรไปยังตลาดองค์กรเป็นหลัก
ผลกระทบเริ่มลามไปยังสมาร์ตโฟนและผู้ผลิตพีซี
ผลกระทบจากวิกฤต DRAM ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดพีซีประกอบหรือกลุ่มผู้ใช้สายฮาร์ดแวร์เท่านั้น รายงานจากฝั่งอุตสาหกรรมระบุว่า ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนกำลังพิจารณาลดสเปก RAM ในรุ่นปี 2026 เพื่อลดต้นทุนต่อเครื่อง
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตพีซีและโน้ตบุ๊กหลายรายเริ่มออกมาเตือนว่า ต้นทุน DRAM กำลังกลายเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นของต้นทุนระบบโดยรวม ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลต่อราคาขายปลีกในระยะถัดไป โดยเฉพาะในกลุ่มโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5 เป็นมาตรฐาน
สิ่งที่ G.SKILL “ไม่ได้บอก” และคำถามที่ยังไร้คำตอบ
แม้แถลงการณ์ของ G.SKILL จะช่วยอธิบายภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น แต่ก็มีประเด็นสำคัญหลายจุดที่ยังไม่มีคำตอบ ได้แก่
- ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนว่าเมื่อไรราคาจะเริ่มทรงตัวหรือปรับลง
- ไม่มีการยืนยันว่าบริษัทมีสต็อก DRAM เพียงพอสำหรับช่วงถัดไปหรือไม่
- ไม่ได้อธิบายระดับการควบคุมราคาปลีกจริง โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าอาจปรับมาร์กอัปสูงกว่าปกติ
ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้บริโภคยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไป
สรุปสถานการณ์ DDR5 ณ ปลายปี 2025 ต่อเนื่องปี 2026
ในภาพรวม แถลงการณ์ของ G.SKILL สะท้อนความจริงของตลาดหน่วยความจำในยุค AI ได้อย่างตรงไปตรงมา นั่นคือ DDR5 ไม่ได้แพงขึ้นเพราะดีมานด์พีซีเพิ่ม แต่เพราะทรัพยากรถูกดึงไปใช้ในตลาด AI เป็นหลัก
จนกว่ากำลังการผลิต DRAM จะขยายตัวได้ทัน หรือกระแส AI ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ราคาหน่วยความจำสำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็มีแนวโน้ม ทรงตัวในระดับสูง ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนอัปเกรดระบบ การติดตามราคาตลาดอย่างใกล้ชิด และประเมินความจำเป็นในการอัปเกรดจริง อาจเป็นทางเลือกที่รอบคอบที่สุดในช่วงเวลานี้
ที่มา: Neowin





