Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

CONTENT

ทำความรู้จักกับ ROCm จาก AMD ที่จะมาท้าชน CUDA บน Windows 11

ในงาน Computex 2025 ที่จบไป นอกจากจะมีการเปิดตัวชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่แล้ว ยังมีการประกาศเกี่ยวกับความพร้อมด้านเทคโนโลยีอีกหนึ่งหัวข้อที่จัดว่าสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะกับวงการนักพัฒนาอุตสาหกรรม AI และงานที่ต้องมีการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) นั่นก็คือการนำเสนอว่าเทคโนโลยี ROCm

rocm

ในงาน Computex 2025 ที่จบไป นอกจากจะมีการเปิดตัวชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่แล้ว ยังมีการประกาศเกี่ยวกับความพร้อมด้านเทคโนโลยีอีกหนึ่งหัวข้อที่จัดว่าสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะกับวงการนักพัฒนาอุตสาหกรรม AI และงานที่ต้องมีการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) นั่นก็คือการนำเสนอว่าเทคโนโลยี ROCm จะเปิดให้ใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก จากที่ก่อนหน้านี้จะมีให้ใช้งานบนระบบปฏิบัติการสาย Linux เป็นหลัก ก็เรียกได้ว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักพัฒนาได้ไม่น้อยทีเดียว สำหรับการใช้งานบางประเภทที่เหมาะกับบน Windows มากกว่า

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ROCm กันแบบคร่าว ๆ ว่าคืออะไร และจะส่งผลกับการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไรบ้างในอนาคต โดยเฉพาะกับวงการที่ต้องทำงานร่วมกับข้อมูลขนาดใหญ่ และต้องใช้งาน CUDA จาก NVIDIA อยู่

Advertisement

ROCm คืออะไร?

ถ้าให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ROCm ก็คือชุดของซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับเป็นตัวกลางระหว่างกราฟิกการ์ดที่ใช้ในการประมวลผล และชุดคำสั่ง โมเดล AI เพื่อให้สามารถนำหน่วยประมวลผลที่อยู่บนการ์ดจอมาใช้ในการคำนวณได้ ซึ่งถ้าให้เทียบง่าย ๆ ก็เปรียบได้กับเทคโนโลยี CUDA ของค่ายเขียวนั่นเอง โดยในชุดซอฟต์แวร์จะประกอบด้วย ไดรเวอร์เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสำหรับการพัฒนา ที่จะประกอบด้วยคอมไพเลอร์ ดีบักเกอร์ โปรไฟเลอร์ และชุดคำสั่ง API สำหรับใช้ในการเขียนโปรแกรมเพื่อเรียกใช้งานแพลตฟอร์ม

จุดเด่นของแพลตฟอร์ม

rocm software stack 6 4 0 scaled

ในแง่ของความสามารถในการทำงานร่วมกับเฟรมเวิร์คต่าง ๆ ก็ต้องบอกว่าสามารถใช้งานร่วมกับเฟรมเวิร์คยอดนิยมอย่าง JAX, ONNX-RT, PyTorch และ TensorFlow ได้ทั้งหมด รวมถึงยังมีไลบรารี่และเครื่องมือมากมายตามในภาพข้างต้น จึงน่าจะทำให้นักพัฒนาสามารถมาลองเริ่มใช้งาน ROCm ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับในยุคนี้ที่ต้องบอกว่าการ์ดจอ AMD ดูจะน่าใช้งานกว่า ทั้งในแง่ของราคาและ VRAM ที่มีมาให้แบบจัดเต็ม

ซึ่งในประเด็นที่ระบุว่าน่าจะสามารถลองเริ่มใช้งานได้ง่ายกว่า อีกปัจจัยก็เนื่องมาจากตัวของ ROCm เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด (open-source) ที่ทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงซอร์สโค้ดและแก้ไข ปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้ดีกว่าแพลตฟอร์มแบบปิด ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า และมีกลุ่มชุมชนที่จะช่วยตรวจสอบ ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแพลตฟอร์มได้ด้วย ตรงจุดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่นักพัฒนาหลายคนต้องการ เพราะจะทำให้ตัวแพลตฟอร์มไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ซึ่งอาจจะมีการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มได้ไม่เร็วเท่ากับการเป็น open-source

rocm code

และจุดเด่นอีกอย่างก็คือความสามารถในการพอร์ตโค้ด (portability) ด้วย HIP ที่ทำให้นักพัฒนาสามารถนำโค้ดที่เขียนมาเพื่อใช้งานร่วมกับ CUDA ให้มาทำงานบน ROCm ได้ทันทีโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่ทั้งหมด ทำให้นักพัฒนาสามารถลองพอร์ตโค้ดมาใช้งานบนเครื่อง AMD ได้ง่าย ไม่ว่าจะเพื่อลองศึกษาแพลตฟอร์ม หรือจะต้องการย้ายมาใช้งานแบบจริงจัง ซึ่งในรอบนี้ก็จะยิ่งเปิดให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก เพราะ AMD ได้ออกแบบให้สามารถใช้งานแพลตฟอร์มร่วมกับฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป (consumer) ได้ด้วย จึงทำให้ทีมพัฒนาสามารถเลือกโน้ตบุ๊ก หรือประกอบคอมมาเพื่อลองใช้งานแพลตฟอร์มนี้บนระบบปฏิบัติการที่คุ้นเคยได้โดยใช้ต้นทุนไม่สูงมากเท่ากับก่อนหน้านี้ ที่จะต้องใช้บน Linux เท่านั้น และต้องใช้ฮาร์ดแวร์รุ่น Pro เป็นหลัก

ฮาร์ดแวร์ที่สามารถใช้งานได้ และข้อจำกัดที่มี

อย่างที่ระบุไปในข้างต้นว่าก่อนหน้านี้ ROCm จะสามารถใช้งานได้เฉพาะบน Linux และการ์ดจอรุ่นโปรเป็นหลัก แต่ในรอบนี้ที่มีการประกาศสนับสนุนการใช้งานบน Windows แบบเต็มตัว ก็มีการเพิ่มรุ่นของฮาร์ดแวร์ให้กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย สำหรับด้านของระบบปฏิบัติการนั้นก็จะรองรับ Windows สำหรับฮาร์ดแวร์ระบบ x86-64 เท่านั้น โดยจะใช้งานได้ทั้งกับ Windows 10, Windows 11 และ Windows Server 2022 แพตช์ 22H2 ขึ้นไป ส่วนฮาร์ดแวร์กราฟิกก็จะเริ่มรองรับตั้งแต่กลุ่มของ APU ที่มี iGPU ในตัวซีรีส์ AMD Ryzen AI Max ตามที่ในเว็บ document ของ AMD ระบุไว้ดังนี้

ScreenShot 6 14 2025 45714

จะเห็นว่าเป็นกลุ่มของชิปรุ่นใหม่ ๆ โดยถ้าหากให้จำง่าย ๆ คือต้องเป็นตั้งแต่รุ่นเลขรหัส 380 ขึ้นไปทั้งหมด ซึ่งในขณะนี้จะมีรุ่นที่วางขายแล้วในไทยก็คือ AMD Ryzen AI Max+ 395 ในโน้ตบุ๊ก ASUS ROG Flow Z13 (GZ302EA-RU087WA) ที่เป็นสเปคใหม่ล่าสุดของ AMD ทั้งในด้าน APU และ iGPU เลย ซึ่งตัวของ iGPU ก็จะเป็น AMD Radeon RX 8060S สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 ทำให้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ทั้งตัว Runtime และชุด SDK ของ HIP เลย ทำให้นักพัฒนาจะสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มนี้บน Windows ได้แบบเต็มตัว

ScreenShot 6 14 2025 45737

หากดูที่กลุ่มของการ์ดจอ consumer ที่รองรับ แน่นอนว่าทั้งหมดก็จะเป็นกลุ่มของการ์ดจอสำหรับเครื่องเดสก์ท็อป โดยจะเริ่มใช้งานได้แบบเต็มที่ตั้งแต่ AMD Radeon RX 6800 ขึ้นมา ส่วนถ้าเป็นรุ่นต่ำกว่าลงมาจะใช้ได้แค่ Runtime เพื่อเรียกใช้แพลตฟอร์มในการทำงานเท่านั้น ในขณะที่ซีรีส์ 7000 ก็จะใช้แบบเต็มรูปแบบได้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง RX 7600 ขึ้นมาเลย ส่วน CPU ที่รองรับ อันนี้จะไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ไว้มากนัก ขอแค่เป็น CPU รุ่นที่รองรับ PCIe atomics เท่านั้น ซึ่งก็จะรองรับตั้งแต่ AMD สถาปัตยกรรม Zen 1 (Ryzen 1000 series) และ Intel Haswell (Intel Core i รหัส 4xxx) ขึ้นมาเลย จึงทำให้สามารถเซ็ตระบบได้ง่าย ขอแค่ใช้งานกราฟิกชิปที่รองรับแพลตฟอร์มเท่านั้น ซึ่งสำหรับฝั่งของการประกอบเครื่องเดสก์ท็อปจะทำได้ง่ายกว่ามาก เพราะการ์ดจอซีรีส์ RX 7000 สามารถหาได้ไม่ยากนัก ทั้งมือหนึ่งและมือสอง

ส่วนฝั่งของ Linux จะไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้นะครับ แต่ถ้าหากต้องการเข้าไปตรวจสอบว่าสามารถใช้งานร่วมกับดิสโทรใด เวอร์ชันไหน รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใดบ้าง สามารถเข้าไปเช็คได้จากหน้า document ของโปรเจ็กต์นี้ได้เลย

ScreenShot 6 14 2025 48611

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปิดให้ใช้งานบน Windows แล้วก็ตาม แต่ก็จะยังมีความสามารถบางจุดที่ยังเป็นรอง Linux อยู่ เช่น ยังไม่มีดีบักเกอร์มาช่วยตรวจสอบโค้ด ยังขาดไลบรารี่บางส่วนอยู่ แต่ก็จะมีจุดเด่นตรงที่สามารถทำงานร่วมกับ Visual Studio ได้ด้วย น่าจะถูกใจ dev ที่ทำงานบน Visual Studio เป็นหลักไม่น้อยทีเดียว

rocm medicine

งานที่จะได้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้

โดยหลักแล้วจะเป็นกลุ่มงานที่ต้องอาศัยพลังประมวลผลที่สูงกว่าการใช้ CPU อย่างเดียว ซึ่งถ้าจะให้ได้สมรรถนะที่สูงพอก็อาจจะต้องอาศัยการต่อพ่วงกันเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ที่ก่อนหน้านี้เราก็มีวิธีแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว นั่นคือการย้ายงานไปให้ GPU ที่มีความถนัดในงานเฉพาะทางซึ่งเหมาะกับการประมวลผลคำสั่งในลักษณะนี้มากกว่า อีกทั้งยังมีจำนวนของคอร์ย่อยที่ AMD จะใช้ชื่อว่า stream processor ส่วน NVIDIA จะใช้ชื่อว่า CUDA นับพันนับหมื่นคอร์มาใช้ประมวลผลแทน ทำให้ได้ประสิทธิภาพที่สูง โดยมีค่าใช้จ่ายในการเซ็ตระบบและทำงานที่ต่ำกว่า

ทำให้เราได้เห็นการนำ GPU ไปใช้เทรนโมเดล AI ใช้ประมวลผลงานเฉพาะทางบางประเภท ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะพบกับการใช้เทคโนโลยี CUDA ของค่ายเขียวเป็นหลัก แต่เมื่อ AMD เปิดแพลตฟอร์มนี้ให้ใช้งานได้บน Windows แล้ว เราจึงน่าจะได้เห็นการออกแบบเครื่องที่ใช้ฮาร์ดแวร์ของ AMD ในการทำงานลักษณะเดียวกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มนักพัฒนาที่จำเป็นต้องทำงานบน Windows ซึ่งงานที่จะได้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้โดยตรงก็คืองานด้าน AI ไม่ว่าจะในการเทรนโมเดล การออกแบบระบบ AI เพื่อให้เครื่องอื่นเข้ามาใช้งาน

อีกกลุ่มงานก็คือด้านการประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อน และต้องอาศัยพลังในการคำนวณที่มากระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่าเป็นโซลูชันด้าน High-Performance Computing (HPC) เช่น การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ การจำลองผลการทำงานของตัวยา การจำลองการไหลของอากาศ เป็นต้น ที่แพลตฟอร์มนี้ก็อาจจะมาช่วยสร้างความหลากหลายในการออกแบบระบบให้มากขึ้นกว่าเดิม และอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในบางองค์กรได้ด้วย เช่น อาจจะมีงานอื่นที่ทำงานบนเครื่อง AMD ได้ดีกว่าอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เวลาจะใช้งาน HPC ก็จะต้องออกแบบอีกระบบขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ต่อไปก็อาจจะสามารถใช้งานในเครื่องเดียวกันได้เลย ขึ้นอยู่กับความต้องการของระบบ

สรุปสั้น ๆ

AMD ROCm จะเรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มคู่แข่งของ CUDA จากค่ายเขียวก็ว่าได้ จุดเด่นคือการเป็น open-source และตอนนี้สามารถใช้งานบน Windows ได้แล้ว ทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และน่าจะได้เห็นการนำมาประยุกต์ใช้กับงานต่าง ๆ ได้มากขึ้น สำหรับข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียด สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์ของ AMD ที่นี่เลย

Click to comment

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

ซีพียู 3D V-Cache รุ่นใหม่ที่ถูกจับตาแรงที่สุดของปี ข้อมูลหลุดล่าสุดระบุว่า AMD Ryzen 7 9850X3D ซีพียูเกมมิ่งตัวท็อป 8 คอร์ของ AMD ได้ถูกพบกำลังรันอยู่บนเมนบอร์ด ASUS B850M AYW Gaming OC WIFI7 W พร้อมแรม DDR5 ความเร็วสูงถึง...

IT NEWS

ในเวลาที่ RAM กลายเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ราคาขยับสูงขึ้นแทบทุกเดือน ผู้ใช้ Windows 11 กลับต้องเจอกับอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ควรเกิดขึ้น นั่นคือ แอปยอดนิยมหลายตัวใช้ RAM มากผิดปกติ แม้จะเปิดทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ตาม สาเหตุสำคัญมาจากการที่นักพัฒนาจำนวนมากหันไปใช้เทคโนโลยีเว็บ เช่น Electron และ WebView2 ในการสร้างแอปเดสก์ท็อป แทนการสร้างแอป native ที่ทั้งเบาและมีประสิทธิภาพมากกว่า แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้บริษัทต่าง...

IT NEWS

วงการ GPU และซอฟต์แวร์ด้าน AI กำลังจับตามอง NVIDIA หลังจากเปิดตัวอัปเดตครั้งใหญ่ของ CUDA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แกนกลางที่ทำให้บริษัทครองความได้เปรียบในตลาด AI มายาวนาน โดยอัปเดตล่าสุดที่เรียกว่า CUDA Tile ถือเป็นการเปลี่ยนแนวคิดด้านโปรแกรมมิงบน GPU ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง และผู้เชี่ยวชาญด้านชิปชื่อดังอย่าง Jim Keller ถึงขั้นมองว่า “นี่อาจเป็นจุดจบของกำแพงผูกขาด CUDA” เลยทีเดียว...

IT NEWS

Microsoft เดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Windows 11 อย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ Smart App Control ซึ่งแต่เดิมจำเป็นต้องติดตั้ง Windows แบบ Clean Install เท่านั้นถึงจะเปิดใช้งานได้ แต่หลังอัปเดต Insider Build ล่าสุด ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้ทันทีจาก Windows Security โดยไม่ต้องล้างเครื่องใหม่อีกต่อไป ความเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มปรากฏใน...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก