ในช่วงที่ผ่านมานั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าต่างก็โฆษณากันครับว่ารถยนต์ EV พลังงานไฟฟ้านั้นสร้างมลพิษน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบอื่นๆ ทว่าเรื่องดังกล่าวนั้นอาจจะไม่เป็นจริงสักเท่าไรเมื่อทาง German automotive consultancy Berylls Strategy Advisors ออกมาให้ข้อมูลที่สวนกลับกันครับว่าจริงๆ แล้วนั้นในระยะยาวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจจะสร้างมลพิษมากกว่ารถยนต์ที่ใช้นำมันแบบดีเซลครับ
ทาง German automotive consultancy Berylls Strategy Advisors ได้บอกเอาไว้ครับว่าถึงแม้ว่าตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นจะไม่ได้ผลิตคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ออกมาโดยตรงแต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือในการเติมพลังงานไฟฟ้านั้น เจ้าพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์เหล่านั้นในปัจจุบันนี้ไปจนถึงในอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังคงต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ซึ่งแน่นอนครับว่าโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนั้นมีอัตราการสร้างคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่สูงมากๆ ครับ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือยิ่งหากว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไร การใช้พลังงานไฟฟ้าในการชาร์จก็จะมากขึ้นตามไปด้วยตัวอย่างเช่นหากใช้แบตเตอรี่ลิเทียมขนาด 500 kg การเติมพลังงานไฟฟ้าหนึ่งครั้งนั้นก็จะสร้างคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่เกิดขึ้นในโรงานผลิตไฟฟ้าแบบถ่านหินมากขึ้นถึง 74% โดยเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ดีเซลนั้นถึงแม้ว่ารถยนต์ดีเซลจะสร้างคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ตลอดเวลาที่เราใช้รถยนต์ทว่าปริมาณของคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ก็ไม่ได้มากเท่ากับการเติมพลังงานไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวครับ
ยังไม่เพียงแค่นั้นนะครับ แบตเตอรี่แบบลิเทียมนั้นเมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อย โดยถึงแม้ว่าเราจะสามารถเอารถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ แต่ตัวแบตเตอรี่เก่านั้นก็ยังคงไม่สามารถแปรรูปไปเป็นอย่างอื่นได้จนในที่สุดมันก็กลายเป็นขยะอันตรายขึ้นมาด้วยอีก งานนี้คงต้องคิดกันหนักหน่อยครับว่าในอนาคตจะทำอย่างไรกัน
ที่มา : interestingengineering