คุณคิดว่าสิ่งแรกที่เราทำเวลาเปิดเกมขึ้นมาคืออะไร ?เล่น? ไม่เลย เพราะว่ามันจะมี พวก ?กดปุ่มสตาร์ทเพื่ออัพเดท เพื่อ setup เพื่อบลาๆๆ ซึ่งก็มาในแนวเดียวๆ กัน แต่ ยังไงก็ตาม ถ้าก็คุณจะลองมองหาปุ่มสตาร์ทจากแพลทฟอร์มล่าสุดของทางโซนี่กับไมโครซอร์ฟล่ะก็ คุณจะไมเจอมันอีกต่อไป
การที่ปุ่มสตาร์ทหายไป ไม่ได้หมายความว่าการมีอะไรมาให้กดเอสตาร์ทเริ่มเกมมันจะหายไปด้วย (เสียใจด้วยนะ ฮ่าๆ) แต่เก่าก่อนปุ่มสตาร์ทก็มีไว้เพื่อ กดเริ่มเกมและก็กดหยุดเกม ซึ่งที่จริงจะกำหนดให้ใช้ปุ่มไหนทำหน้าที่นั่นก็ได้ ดังนั้น ผู้คนก็เลยพากันวิจารณ์การที่ PS4 เปลี่ยนจากปุ่มสตาร์ทเป็นออฟชั่น และ Xbox One เปลี่ยนจากปุ่มสตาร์ทเป็นเมนู ว่ามันก็แค่การเปลี่ยนชื่อ ที่จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลย
แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า แล้วทำไมเราต้องมีปุ่มสตาร์ท (ถึงเดี๋ยวนี้มันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้วก็เหอะ) แล้วก็การสตารท์? เราลองมาสืบเสาะจากประวัติศาสตร์แห่งเกมกันดีกว่า
ความสำคัญของหน้าจอสตาร์ทแบบแรกเริ่มเดิมทีเลยนี่เราสามารถพบมันได้ในตู้เกมกด ซึ่งมันจะต้องมีหน้าจอมารันภาพต่างๆ นาๆ รอคนเอาเงินมาหยอด แล้วก็กดเล่นเกม
จริงๆ แล้วการที่เกมมีหน้าจอสตาร์ทแล้วก็มีปุ๋มสตาร์ทบางทีมันก็มีจุดประสงค์อยู่ เช่น เพื่อให้โปรแกรมเกมได้มีเวลาเซ็ตอัพค่าต่างๆ ก่อนที่เราจะเริ่ม หรือพอเวลาเรากดปุ่มไป มันก็จะทำให้เกมได้รู้ว่า จะมีผู้เล่นกี่คนที่เข้ามาในเกม (ในเกมที่เล่นได้สองคน)
อย่างไรก็ดีในแพลทฟอร์มใหม่ๆ อย่าง Xbox One การประมวณผลเหล่านั้นมันไม่ได้จำเป็นอีกต่อไป เพราะระบบสามารถที่จะเตรียมความพร้อมโดยอัตโนมัติไม่ว่าคุณจะเล่นกี่คน
ในระบบเกมรุ่นใหม่ๆ นั้น คุณยังสามารถที่จะหยุดเกม แล้วจากนั้นก็พักหน้าจอลง ออกไปดูหนังสักเรื่องแล้วก็กลับมาใหม่ พร้อมกับพบว่า แจ๋ว ตัวละครและทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม ความสามารถแบบนี้เป็นตัวยืนได้ดีทีเดียวว่า เกมใหม่ๆ นั้น ต้องการที่จะถูกสตาร์ทแค่ครั้งเดียว
ถ้าให้อธิบายถึงเรื่องนี้ในเชิงลึก เราจะพบว่าในสมัยก่อน ถ้าคุณต้องการที่จะออกจากเกมไปทำอย่างอื่น แล้วก็เข้ามาใหม่ คุณจำเป็นที่จะต้องเซฟเกมไว้ แล้วก็ออกไป ตอนกลับเข้ามาก็ต้องใส่รหัสสักอย่าง (ถ้ามีอ่ะนะ) แล้วก็โหลดเซฟเกมมาเล่น ซึ่งก็ออกจะยุ่งยากพอสมควร แต่ในเกมใหม่ๆ อย่าง Titanfall คุณไม่จำเป็นที่ต้องทำแบบนั้นเลย เพราะว่าในระบบของการเซฟแบบใหม่ มันก็แค่จะจดจำโปรไฟล์ของคุณไว้ในที่เก็บแยกต่างหาก แล้วพอคุณจะเข้ามาเล่นใหม่มันจะเอาข้อมูลนั้นไปเชื่อมกับข้อมูลถาวรอื่นๆ ของเกม (ข้อมูลที่เหมือนเดิมทุกครั้งไม่ว่าใครจะเล่นก็ตาม) แล้วก็ บูม คุณก็อยู่ที่ที่คุณเคยอยู่เป๊ะ
เกมหลายๆ เกมเริ่มมีระบบแบบนี้แล้ว (ที่คุณสามารถหยุดแล้วก็พับหน้าจอไว้และออกไปทำอย่างอื่นแล้วกลับมาเล่นใหม่ได้อ่ะ) ซึ่ง มันทำให้เกิดความจริงที่ว่า งั้นการ ?สตาร์ท? เกม ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้คนเราทำกันบ่อยๆ เสมอไป เพราะในเกมยุคปัจจุบันนี้ เมื่อเราเริ่มสตาร์ทเกม มันก็จะถูกสตาร์ทอย่างงั้นไปตลอด
ดังนั้น ความเป็นเกมที่สามารถสตาร์ทได้ตลอด ของเกมในปัจจุบันก็เลยทำให้ความสำคัญของปุ่มสตาร์ทในฐานะการเป็นตัวเริ่มเกมลดลง เท่านั้นยังไม่พอนะครับ หน้าที่ที่สองของมันอย่างเกมหยุด (pause) เกมยังคงจะลงไปด้วย เนื่องมาจาก หนึ่งมันสามรถถูกแทนที่ได้ด้วยปุ่มเมนู หรืออปชั่น ดังที่ได้กล่าวมาและ สอง ในปัจจุบันเกมที่คุณสามารถหยุดได้ทุกที่ตามใจนั้นมันค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ แล้ว
ด้วยเหตุผลทางด้านการเงินและความเก๋ เราจะพบว่าเกมใหม่ในปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ที่ถึงแม้จะเป็นเกมผู้เล่นเดี่ยวออฟไลน์ เริ่มที่ระบบคล้ายๆ เกมออนไลน์มัลติเพลเยอร์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั่นก็คือการที่ผู้เล่นดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์กำหนดว่า เกมเคยจะเริ่มหรือหยุดตรงไหน ตัวอย่างเช่น Titanfall หรือ Need for Speed ที่คุณจำเป็นต้องหาล็อบบี้ หรือโรงรถ ในการที่จะเริ่มหรือหยุดเกม
ดังนั้น โดยสรุปแล้วก็คือ บ๊ายบายปุ่มสตาร์ท เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ได้หายไปแค่ชื่อเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหน้าที่และความสำคัญของมันทั้งหมด ก็หายไปด้วย
ที่มา: IGN