Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

วิธีดูข้อมูลใน CPU-Z แบบละเอียด แต่ละหัวข้อบอกอะไรบ้าง

ถ้าพูดถึงโปรแกรมที่สายเทสต์ความแรงเครื่อง รวมถึงใช้เช็คสเปคคอมต้องรู้จัก ต้องเคยใช้ หรือกำลังใช้งานอยู่ ต้องมีชื่อของ CPU-Z ขึ้นมาแน่นอน ด้วยฟังก์ชันพื้นฐานที่ตอบโจทย์มาก คือสามารถดูข้อมูลเบื้องต้นของ CPU แรม เมนบอร์ดได้ง่าย รวมถึงยังใช้ได้ฟรีด้วย แต่สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย เวลาเปิดโปรแกรมขึ้นมาครั้งแรกก็อาจจะเกิดอาการงงได้ ว่าหัวข้อไหนคืออะไร และต้องดูอะไรบ้างเวลาจะเช็คเครื่อง ในบทความนี้จะมาดูรายละเอียดของแต่ละหัวข้อกัน

วิธีดู cpu-z

Advertisement

ก่อนอื่น โปรแกรม CPU-Z มีให้ใช้งานบน Windows และใน Android โดยในบทความนี้จะเน้นที่โปรแกรมบน Windows เป็นหลัก สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเลย

Screenshot 2566 08 25 at 10.46.17 AM

เมื่อเข้ามา เลื่อนจอลงมาด้านล่างก็จะพบกับแถบปุ่มให้เข้าไปโหลด CPU-Z อีกเพียบ โดยฝั่งซ้ายที่พื้นหลังสีขาว จะเป็นโปรแกรมหน้าตาปกติ พื้นหลังเทาแบบที่คุ้นเคย ถ้าจะดาวน์โหลดมาใช้ก็ให้ดูที่หัวข้อ Classic Versions ได้เลย ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน และแต่ละภาษาก็จะแบ่งย่อยอีกว่าเป็นแบบ SETUP ที่เมื่อโหลดไปแล้วจะต้องติดตั้งโปรแกรมลงเครื่องก่อนถึงจะใช้งานได้ ส่วนแบบ ZIP คือจะได้เป็นไฟล์ .zip ที่เมื่อแตกไฟล์แล้วจะได้โฟลเดอร์โปรแกรมมา สามารถเปิดใช้งานโปรแกรมได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งลงเครื่อง ทั้งสองเวอร์ชันไม่มีความแตกต่างกัน สามารถเลือกรูปแบบที่ต้องการได้เลย

 

5

ส่วนฝั่งขวาที่มีพื้นหลังสีดำก็จะเป็น CPU-Z เหมือนกันเลย แค่มีการปรับธีมสีของโปรแกรมเป็นโทนเข้มสไตล์เกมมิ่ง พร้อมมีการปรับภาพพื้นหลัง โลโก้โปรแกรม และโลโก้ CPU เป็นโลโก้ของผู้ผลิตแต่ละรายตามที่เลือกดาวน์โหลดไปด้วย ซึ่งสามารถโหลดไปใช้ได้ไม่แตกต่างจากตัวปกติ แม้จะไม่ได้ใช้เครื่องหรือเมนบอร์ดในกลุ่ม ROG, MSI Gaming, AORUS, Gigabyte, Asrock Phantom, Taichi หรือ OC Formula ก็สามารถโหลดตัวไหนมาใช้ก็ได้

เมื่อโหลดแล้ว เปิดโปรแกรมได้แล้ว ทีนี้เรามาดูรายละเอียดกันในแต่ละหน้าของโปรแกรมกันได้เลย

 

หน้า CPU ของ CPU-Z

1 2 1

เริ่มด้วยหน้าแรกที่หลายท่านคุ้นเคยนั่นคือหน้าของแท็บ CPU ซึ่งเป็นหน้าจอที่แสดงรายละเอียดของ CPU ที่ใช้งานอยู่แบบค่อนข้างละเอียด สามารถใช้เช็คสเปค CPU ทั่วไปได้ดี โดยรายละเอียดแต่ละจุดของหัวข้อ Processor ที่น่าสนใจจะมีดังนี้

Name: ชื่อรุ่น CPU

Code Name: ชื่อรหัสโค้ดเนมแบ่งรุ่นที่ใช้ในการพัฒนา ตัวอย่างชื่อที่คุ้นหูคุ้นตาก็เช่น Raptor Lake ที่ใช้ใน Intel Gen 13 เป็นต้น

Max TDP: ค่า TDP สูงสุดของตัวชิป (ค่า TDP คืออะไร อ่านต่อได้ที่นี่)

Package: ใช้บอกซ็อกเก็ตที่ CPU ใช้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มผู้ใช้เครื่องเดสก์ท็อป ไว้เช็คว่าตอนนี้ใช้เมนบอร์ดซ็อกเก็ตใดอยู่

Technology: บอกระดับเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมการผลิตชิป ที่เรามักเห็นการโฆษณาว่าเป็นชิป 4 นาโนเมตร เป็นต้น โดยสามารถมาเช็คได้จากจุดนี้

Core Voltage: บอกแรงดันไฟที่ CPU ใช้งานอยู่ในขณะนั้น โดยเลขอาจจะมีวิ่งขึ้นลงบ้างตามการใช้งานจริง ช่วงที่ใช้งานเต็มที่ก็มักจะอยู่ราว 1.1 ถึง 1.4V ส่วนช่วงที่ใช้งานน้อย ถ้า CPU มีระบบลดแรงดันไฟ ตัวเลขนี้ก็อาจจะลดลงมาตามลำดับ

Specification: บอกชื่อเต็มของชิปที่มีระบุไว้ ซึ่งจะต้องมีเลขรุ่นตรงกับหัวข้อ Name ข้างบน แต่อาจมีรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เช่นบอกรุ่น GPU ในตัวมาด้วย หรือบอกจำนวนคอร์ แล้วแต่ที่ทางผู้ผลิตกำหนดไว้

ถัดมาคือกลุ่มของพวก Family, Model ไล่ไปจนถึง Revision ตรงนี้จะเป็นค่าที่ผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่จำเป็นต้องสนใจมากนัก แต่สำหรับกลุ่มนักโอเวอร์คล็อกที่ต้องการ CPU แบบเจาะจงรุ่น เจาะจงล็อตที่ผลิต นอกเหนือจากการอ่านชุดตัวเลขที่ยิงไว้บนหน้ากระดอง CPU แล้ว อาจจะต้องมาดูค่าตรงนี้ด้วย เช่นพวกค่า Stepping กับ Revision เนื่องจากอาจจะเจอผลทดสอบความแรงว่ามีชิปบางล็อตที่รองรับการโอเวอร์คล็อกได้ดี รับโหลดการจ่ายไฟได้สูง หรือเป็นล็อตที่กินไฟน้อยกว่ารุ่นอื่น แต่ได้ความแรงที่เท่ากันหรือแรงกว่า เป็นต้น

family จะเป็นรหัสกลุ่มรุ่นของชิปประมวลผลที่ทางผู้ผลิตแบ่งหมวดหมู่เอาไว้ เช่นถ้าเป็นชิป Intel Core ส่วนใหญ่จะใช้ family 6 ส่วน model ก็เป็นการบอกซีรีส์ย่อยของชิปนั้นใน family ซึ่งปกติแล้วชิปใน gen เดียวกัน มักจะมีชุดตัวเลขกลุ่มนี้เหมือนกัน

Instructions: รายชื่อชุดคำสั่งเพิ่มเติมที่มีอยู่ใน CPU ซึ่งทั้ง Intel และ AMD จะมีเหมือนกันแทบทั้งหมด แต่อาจจะมีตัวที่ใช้ชื่อต่างกันนิดหน่อยเช่น x86-64 ของ AMD และ EM64T ใน Intel ซึ่งเป็นชุดคำสั่งสำหรับการประมวลผลแบบ 64 บิต ที่เคยได้รับความสำคัญมากในยุคเปลี่ยนผ่านจาก 32 เป็น 64 บิต แต่ในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องพื้นฐานไปแล้ว เป็นต้น ส่วนชุดคำสั่งอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้งานทั่วไปแทบไม่ต้องพิจารณาก็ได้ แต่ถ้าเป็นการทำงานสายลึกหน่อย เช่น งาน dev งานที่ต้องใช้โปรแกรมที่มีความซับซ้อน และระบุว่าต้องใช้บางชุดคำสั่งในการทำงานด้วย ก็สามารถมาเช็คข้อมูลเบื้องต้นจากตรงนี้ได้เลย

แต่ในบางครั้งข้อมูลอาจจะมีการตกหล่นไปบ้าง ตัวอย่างก็ตามภาพบน ที่ภาพของชิป AMD Ryzen 7 7840HS ดันไม่ระบุว่ามีชุดคำสั่ง AMD-V ที่ใช้สำหรับงาน virtualization มาด้วย (ให้เห็นภาพคือใช้สำหรับรันพวก emulator Android) แต่ถ้าไปเช็คข้อมูลจากหน้าสเปคของ AMD จริง ๆ จะมี AMD-V มาด้วย

1 3

ต่อมาคือกลุ่มหัวข้อ Clocks ที่จะเป็นการแสดงความเร็วของชิปในขณะนั้นแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะออกแบบให้แสดงเฉพาะความเร็วจากคอร์หลัก อย่างถ้าเป็นสถาปัตยกรรมคอร์ปกติทั่วไป ก็จะแสดงความเร็วของ Core #0 ซึ่งเป็นคอร์ที่ 1 ของชิป เป็นคอร์หลักที่มักจะถูกใช้งานมากที่สุด ส่วนถ้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบแบ่งคอร์เล็ก+คอร์ใหญ่ เช่น Intel Gen 12 และ 13 ข้อมูลที่นำมาแสดงจะเป็นของ P-Core #0 ซึ่งก็คือคอร์แรกของกลุ่ม P-Core เทียบเท่าได้กับ Core #0 ของสถาปัตยกรรมเก่านั่นเอง

Core Speed: ความเร็วการประมวลผลจริงของคอร์ในขณะนั้น หน่วยเป็น MHz สามารถแปลงเป็น GHz ได้โดยการหาร 1,000 หรือคิดแบบง่าย ๆ คือย้ายจุดทศนิยมไปทางซ้าย 3 ตำแหน่ง

Multiplier: ค่าตัวคูณของชิปที่ใช้อยู่ในขณะนั้น เพราะโดยปกติแล้วตัวชิปจะไม่ได้ทำงานที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาแบบเต็มระดับหลักพัน MHz ได้โดยตรง แต่จะอาศัยการสร้างสัญญาณนาฬิกาขึ้นมาค่าหนึ่ง แล้วเอาเลขตัวคูณเข้ามาคูณแบบตรง ๆ ซึ่งค่านี้ก็จะปรับขึ้นลงตามการทำงานของชิป ถ้าต้องการประมวลผลเยอะ ค่าตัวคูณก็จะเยอะ โดยเป็นไปตามค่าที่กำหนดไว้ของชิปแต่ละรุ่น

โดยตรงนี้จะเป็นจุดแตกต่างของชิปหลาย ๆ รุ่นในปัจจุบัน เพราะผู้ผลิตจะมีการแบ่งรุ่นแบบธรรมดา กับรุ่น unlocked ที่มีการปลดล็อกตัวคูณมาให้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับค่าตัวคูณให้สูงขึ้นกว่าค่าที่กำหนดมาได้ นั่นก็คือรองรับการโอเวอร์คล็อก CPU นั่นเอง

Bus Speed: คือความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านบัสของ CPU ใช้ระบุว่าสามารถส่งข้อมูลได้เร็วขนาดไหน หน่วยเป็นล้านครั้งต่อวินาที (MHz) ซึ่งจะสัมพันธ์กับความเร็วในการทำงานจริงของชิปด้วย

ทีนี้ถ้าเราลองจับค่า Bus speed มาคูณกับค่าตัวคูณ ก็จะได้เลขออกมาเป็น Core speed ครับ เพราะเลข core speed มันมาจากการคูณกันของสองตัวนี้จริง ๆ นั่นเอง

1 4

ท้ายสุดของแท็บ CPU ใน CPU-Z ก็คือกลุ่มข้อมูลเรื่องแคช ที่บอกข้อมูลว่าชิปนี้มีแคชกี่ระดับ และแต่ละระดับมีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้ออาจมีการวางโครงสร้างของแคชที่แตกต่างกันไปบ้าง สำหรับจุดที่ได้รับความสำคัญในยุคนี้ก็คือแคช Level 3 (L3 cache) ที่มักนำมาใช้โฆษณาว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การเล่นเกม อย่างในกลุ่มของ 3D V-Cache ของ AMD

มีเสริมมาอีกนิดคือด้านล่างสุดในช่อง Cores กับ Threads ซึ่งใช้บอกจำนวนคอร์และเธรดที่มีทั้งหมดของชิปนั้น ๆ โดยในปัจจุบัน จำนวนเธรดของชิป AMD จะมีจำนวนเป็น 2 เท่าของจำนวนคอร์ ส่วนฝั่ง Intel จำนวนเธรดจะเท่ากับ จำนวนคอร์ทั้งหมดที่มี + จำนวน P Core เช่นในภาพด้านบน แทนตัวเลขในสมการก็จะได้เป็น 32 = (8+16)+8 ซึ่งถ้าไม่ได้มีการแก้ไขค่าที่ตัว Windows เลขตรงส่วนนี้ควรจะขึ้นครบ ตรงตามสเปคที่ทางผู้ผลิตระบุไว้บนหน้าเว็บไซต์

 

หน้า Mainboard

2 2 1

หน้านี้ก็ตรงตามตัว คือแสดงข้อมูลของเมนบอร์ดว่าเป็นแบรนด์ไหน รุ่นอะไร พร้อมบอกสเปคคร่าว ๆ บางจุดด้วย ดังนี้

Manufacturer: ชื่อผู้ผลิตเมนบอร์ด

Model: ชื่อรุ่นของเมนบอร์ด ซึ่งถ้าเป็นเครื่องเดสก์ท็อปพีซี ชื่อตรงนี้ก็ควรจะตรงกับชื่อรุ่นที่หน้ากล่องด้วย

Bus Specs.: บอกว่าเมนบอร์ดนี้รองรับ PCI-Express เวอร์ชันใด โดยถ้าเป็นเครื่องใหม่ที่ซื้อภายใน 1-2 ปีนี้ ควรจะเป็น PCIe 4.0 กันเป็นขั้นต่ำแล้ว นอกจากนี้ยังมีวงเล็บบอกสเปคของความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดเอาไว้ด้วย อย่างถ้าเป็น PCIe 5.0 ก็จะสูงสุดตามสเปคที่ 32 GT/s

Chipset และ Southbridge: เป็นการบอกรุ่นชิปเซ็ตของเมนบอร์ด ซึ่งจะสัมพันธ์กับ CPU อยู่แล้ว

LPCIO: ย่อมาจาก Low Pin Count I/O เป็นส่วนที่บอกชื่อรุ่นของชิปที่เข้ามาช่วยงานอื่น ๆ เช่น ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ในการวัดอุณหภูมิ วัดรอบพัดลม จัดการด้านการใช้พลังงาน เป็นต้น ซึ่งในบางเครื่อง โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ก อาจจะไม่แสดงข้อมูลในส่วนนี้

ถัดลงมาคือหัวข้อ BIOS ซึ่งจะแสดงยี่ห้อของชิปและเฟิร์มแวร์ BIOS ซึ่งอาจจะเป็นชื่อของผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก หรือจะเป็นชื่อบริษัทอื่นซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเฟิร์มแวร์ก็ได้ โดยชื่อบริษัทผลิต BIOS ชื่อดังก็เช่น American Megatrends (AMI), Phoenix, Award เป็นต้น พร้อมด้วยเวอร์ชัน และวันที่ที่เฟิร์มแวร์เวอร์ชันนั้นออกมา ช่วยให้สามารถตรวจสอบเปรียบเทียบเลขเวอร์ชันได้โดยไม่ต้องกดบูทเข้า BIOS ตอนเปิดเครื่อง ก่อนจะอัปเฟิร์มแวร์ BIOS

 

2 3

กรอบล่างก็คือส่วนของบัส PCI-Express ที่จัดไว้ให้สำหรับการ์ดจอใช้งาน แบ่งข้อมูลได้ออกเป็น 3 ส่วนย่อย คือ

Bus: เวอร์ชันของ PCIe สูงสุดที่เมนบอร์ดรองรับสำหรับใช้ร่วมกับการ์ดจอ ถ้าในตอนนี้ก็จะใช้ 4.0 เป็นหลักแล้ว

Current Link Width: บ่งบอกว่าตอนนี้ใช้ความกว้างของบัส PCIe อยู่เท่าไหร่ โดยอย่างต่ำ ๆ ก็ควรจะอยู่ที่ x8 ส่วนค่าสูงสุดจะเป็น x16

Current Link Speed: บอกความเร็วสูงสุดที่สามารถส่งข้อมูลได้ หน่วยเป็น GT/s (พันล้านต่อวินาที) ซึ่งจะสัมพันธ์กับเวอร์ชันของ PCIe อย่าง PCIe 3.0 ก็จะสูงสุดที่ 8.0 GT/s ส่วน PCIe 4.0 ก็เร็วขึ้นเท่าตัวคือ 16 GT/s

 

หน้า Memory

3 1

แท็บ Memory คือหน้าที่ระบุข้อมูลของแรมที่ใช้งานในเครื่อง สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการเช็คสเปคแรมในเครื่อง ก็พอจะใช้เฉพาะส่วนด้านบนเป็นหลักได้ ข้อมูลที่น่าสนใจก็เช่น

Type: ประเภทแรม เช่น DDR5, DDR4, DDR3 และ DDR2 เป็นต้น

Size: ปริมาณแรมทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ว่ามีกี่ GB

Channel #: บอกว่าตอนนี้ติดตั้งและใช้งานแรมอยู่กี่แชนเนล หรือที่หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า singel channel กับ dual channel ซึ่งใน CPU-Z เวอร์ชันใหม่ ๆ จะระบุเป็นจำนวนแชนเนล x ความกว้างแบนด์วิธมาเลย

โดยถ้าเป็นแรม DDR4 ถ้าใส่แรมอยู่ 2 แถว ก็จะแสดงว่าเป็น 2 x 64 bit ส่วนแรม DDR5 จะพิเศษกว่า เนื่องจากในแรม DDR5 แต่ละแถว จะมีการแบ่งเป็น 2 แชนเนลย่อยในตัวอยู่แล้ว ทำให้สามารถใช้งาน dual channel ได้แม้จะใส่แรมแค่แถวเดียว แต่จำนวนแบนด์วิธด้านหลังจะแบ่งครึ่งมาเหลือ 32 บิตแทน แต่สำหรับในโน้ตบุ๊ก อาจจะไม่ต้องกังวลในจุดนี้มากนัก เพราะระบบจะช่วยจัดการเรื่องแชนเนลของแรมให้เอง ประกอบกับถ้าเป็น DDR5 ด้วย อันนี้คือการันตีอยู่แล้วว่าอย่างต่ำก็เป็น dual channel แน่ ๆ 

Uncore frequency: เป็นตัวเลขบอกความเร็วของส่วนอื่นนอกเหนือจากคอร์ CPU ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่าง CPU กับ iGPU ซึ่งมีความเร็วในการทำงานที่แยกต่างหากกับความเร็วของ CPU หรือถ้าในชิป AMD Ryzen ที่อิงความเร็วส่วนนี้ตามความเร็วแรมเป็นหลัก เลขที่แสดงก็จะเป็นเลขความเร็วของแรมจริง ๆ แทนไปเลย

ส่วนในกรอบ Timing จะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแรมโดยตรง ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ดูค่าสเปค timing ของแรม ถ้าเทียบในแรมประเภทเดียวกัน แรมที่ตัวเลข timing ความหน่วงน้อยมักจะให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า เช่นแรม DDR4 CL14 ก็ควรจะทำงานได้เร็วกว่าแรม DDR4 CL16 เป็นต้น แต่ถ้าเป็น DDR5 ตัวเลขจะกระโดดขึ้นไปมาก ขึ้นไปถึงหลัก 30-40 เลย แต่ก็ชดเชยด้วยความเร็วสัญญาณนาฬิกาของแรมเองที่สูงกว่า จึงทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า DDR4 ที่เลข timing หลัก 10

Screenshot 2566 08 25 at 9.24.10 AM

DRAM Frequency: อันนี้คือจุดที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับการเช็คสเปคแรมในเครื่องเลย เพราะเป็นตัวเลขที่บอกความเร็วแรมจริงแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะหารสองจากตัวเลขที่ใช้โฆษณาอีกที เนื่องจากการเป็นแรมแบบ DDR ที่มีการรับส่งข้อมูลแบบ Double Data Rate ทำให้ถ้าหากเราต้องการเช็คสเปคเครื่องนั้นจริง ๆ ว่าแรมเร็วเท่าไหร่ ทางที่ดีที่สุดคือสั่งให้เครื่องทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ แล้วมาดูเลขนี้ จากนั้นนำเลขที่ได้ไปคูณสองอีกที ก็จะทราบว่าเครื่องนี้ใช้แรมความเร็วเท่าไหร่อยู่ และควรซื้อแบบเดียวกันมาใส่เพิ่มหรือเปลี่ยนแทน

เช่นในภาพด้านบน โปรแกรมแจ้งว่าอยู่ที่ 2790.6 MHz พอคูณสองก็จะออกมาเป็น 5581.2 MHz จากนั้นก็ปัดเศษขึ้นหรือลงให้ได้ตามแรมที่มีขายจริง ทำให้ถ้าต้องการซื้อแรมมาใส่เพิ่ม ก็ควรซื้อแรม DDR5-5600 มาใส่ เป็นต้น

FSB:DRAM: คือค่าอัตราส่วนระหว่างความเร็วบัส (Bus Speed) ของ CPU ในแท็บแรกของโปรแกรม ต่อความเร็วของแรมโดยประมาณ เพื่อดูว่า CPU จะต้องคูณกี่เท่า ถึงจะได้ความเร็วเท่ากับแรม ซึ่งจะใช้กันในกลุ่มนักโอเวอร์คล็อกเพื่อดูว่าควรปรับทดความเร็วตรงไหนดี ถ้าเป็นในอดีตก็จะพยายามทำให้ได้ 1:1 หรือ 1:2 แต่ในปัจจุบันนั้นแทบไม่จำเป็นแล้ว ไปเน้นปรับค่าอื่นจะดีกว่า

กลุ่มค่า CL ของแรม: จะรวมทั้ง 5 หรือ 6 ค่ายาวลงมาเลยครับ เป็นค่าที่กลุ่มผู้ใช้ที่เน้นประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และสายโอเวอร์คล็อกต้องพิจารณาในการเลือกแรมมาใช้งาน เพราะเป็นตัวกำหนดความเร็วในการรับส่งข้อมูล โดยเลขแต่ละตัวจะบอกถึงดีเลย์ในแต่ละวงรอบสัญญาณนาฬิกา ซึ่งจะพบได้ในส่วนของรายละเอียดสเปคแรมแต่ละรุ่น ตรงที่มีเขียนนำหน้าว่า CL ตามในภาพด้านล่าง

4069 04 g skill sniper series pc3 12800 8gb kit review full

ซึ่งวิธีการเขียนบอกสเปค จะเรียงตามลำดับดังนี้ CL-tRCD-tRP-tRAS ถ้าจากในภาพ CPU-Z ด้านบน ก็จะสามารถบอกได้ว่าแรมที่ติดตั้งมาในเครื่องเป็นแรม DDR5 ที่มีค่า CAS เป็น CL46-45-45-90 นั่นเอง

4 1

แท็บที่สี่คือแท็บ SPD ซึ่งเป็นแท็บที่แสดงข้อมูลรายละเอียดของแรมแต่ละแถวที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง รวมถึงยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่ามีแรมติดตั้งอยู่ในเครื่องกี่แถว โดยกดดูได้จากกล่อง drop down list ตรงมุมซ้ายบน ที่สามารถกดเรียกดูข้อมูลของแรมทีละแถว (slot) ได้เลย

สำหรับกลุ่มข้อมูลชุดบน จะมีข้อมูลที่น่าสนใจได้แก่

ข้อมูล Manufacture: บอกชื่อผู้ผลิตแรม และผู้ผลิตชิป DRAM

Part Number: เลขชื่อรุ่นของผลิตภัณฑ์

Module Size: ความจุของแรมแถวนั้น ๆ

SPD Ext.: บอกว่าตัวแรมรองรับฟังก์ชัน XMP เวอร์ชันเท่าไหร่ โดย XMP ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็นการทำให้แรมทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถของเมนบอร์ดด้วย

Week/Year: บอกว่าแรมนี้ผลิตเมื่อสัปดาห์ที่เท่าไหร่ของปีอะไร

ซึ่งหลาย ๆ ค่าจะเป็นจุดที่นักโอเวอร์คล็อกให้ความสนใจกัน โดยเฉพาะคนที่ต้องการคัดชิปแรม ว่าอยากได้ชิปของ บ. นี้ ที่ผลิตที่สัปดาห์นี้ ๆๆ เท่านั้น เพื่อการโอเวอร์คล็อกได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด เป็นต้น

ส่วนกลุ่ม Timing Table ด้านล่างก็จะต่อเนื่องมาจากข้อมูลในหน้า Memory ครับ ก็คือเป็นการแสดงค่า CAS ของแรมเหมือนกัน แต่ในหน้านี้จะเป็นการแสดงข้อมูลความเร็ว, CAS และแรงดันไฟของแรมที่ทางผู้ผลิตกำหนดเป็นค่าแนะนำมาให้ โดยใส่มาเป็นเหมือนตารางช่วยแนะนำให้ BIOS สามารถเรียกใช้ได้อัตโนมัติตามมาตรฐาน JEDEC ซึ่งค่าต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับการทดสอบมาแล้วว่าทำให้แรมทำงานได้อย่างเสถียรและปลอดภัย

ส่วนช่องที่เป็นค่า XMP คือโปรไฟล์ที่ทางผู้ผลิตกำหนดมาว่ารองรับกับฟีเจอร์ XMP เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานได้ ซึ่งทางผู้ผลิตได้ทดสอบมาแล้วว่าสามารถใช้งานได้ดีเช่นกัน แต่ก่อนจะใช้งาน ผู้ใช้ต้องไปกดเปิด XMP จากหน้า BIOS ของเมนบอร์ดก่อนด้วย (วิธีเปิด XMP)

แต่จะมีบางเครื่องที่โปรแกรม CPU-Z ไม่แสดงข้อมูลแรม แสดงข้อมูลไม่ครบทุกช่อง หรือไม่แสดง XMP โดยเฉพาะในโน้ตบุ๊ก อันนี้ก็เนื่องมาจากโดยทั่วไปแล้วโน้ตบุ๊กจะไม่รองรับการปรับแต่ง การโอเวอร์คล็อกมากนัก จึงอาจทำให้ผู้ผลิตไม่ได้ใส่บางข้อมูลมา หรืออีกส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากตัว CPU-Z เองไม่สามารถไปดึงข้อมูลมาแสดงได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกับในหน้าอื่น ๆ ครับ บางทีอาจเกิดการแสดงข้อมูลผิดพลาด รูปโลโก้ผิดรุ่น หรือข้อมูลไม่ครบได้เหมือนกัน ในเบื้องต้นให้ลองอัปเดตโปรแกรมเป็นเวอร์ชันล่าสุดดูก่อน ร่วมกับการลองใช้โปรแกรมอื่นในการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

Screenshot 2023 08 25 093609

แท็บ Graphics ก็คือหน้าที่แสดงข้อมูลของการ์ดจอที่ติดตั้งอยู่ และการ์ดจอที่มาพร้อมกับ CPU (ถ้ามี) โดยจะแสดงข้อมูลแบบคร่าว ๆ ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการตรวจสอบสเปคการ์ดจอ เช่น ชื่อรุ่น ชื่อผู้ผลิต โค้ดเนมของรุ่นชิปการ์ดจอ ระดับเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมว่าอยู่ที่ระดับกี่นาโนเมตร มีค่า TDP ของตัวการ์ดเท่าไหร่

ตรงหัวข้อ Clocks คือเลขความเร็วในการทำงานของคอร์ GPU และของชิปหน่วยความจำการ์ดจอเอง ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกดูได้ 3 ระดับได้แก่ Current ที่แสดงค่าปัจจุบันแบบเรียลไทม์ แบบ Base ที่แสดงค่าความเร็วต่ำสุด และแบบ Boost ที่แสดงค่าความเร็วสูงสุดที่ทำได้ โดยให้ไปปรับที่ตรง Perf Level ที่มุมขวาบน ซึ่งโปรแกรมจะไปดึงค่าตัวเลขมาแสดงให้เท่านั้น ไม่ได้มีการปรับระดับการทำงานของการ์ดจอจริง ๆ

ส่วนหัวข้อ Memory ก็จะแสดงข้อมูลของชิปแรมบนการ์ดจอ ว่ามีความจุเท่าไหร่ เป็นแรม GDDR อะไร ผลิตโดยบริษัทอะไร และมีความกว้างบัสกี่บิต

Screenshot 2023 08 25 093811

แท็บสุดท้ายที่มีการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องที่ใช้อยู่ก็คือแท็บ Bench ซึ่งใช้ทดสอบประสิทธิภาพของ CPU ล้วน ๆ โดยมีการทดสอบทั้งแบบ single thread เพื่อวัดพลังการประมวลผลแบบเธรดเดียวจากทั้งหมดที่มี และแบบ multi thread เพื่อวัดพลังโดยรวม ซึ่งสามารถปรับได้ด้วยว่าจะทดสอบโดยใช้กี่เธรด ที่น่าสนใจคือสามารถนำผลของรุ่นอื่นจากในฐานข้อมูลของ CPU-Z มาเทียบได้ด้วย ว่า CPU ที่เราใช้แรงขนาดไหนเมื่อเทียบกับรุ่นที่เลือก โดยให้มาลองเลือกจากในหัวข้อ Reference ด้านล่างสุดได้เลย

นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบความอึดของ CPU ได้ด้วยการคลิกที่ปุ่ม Stress CPU ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกลุ่มนักโอเวอร์คล็อกมักจะต้องลองทดสอบความเสถียรหลังการโอเวอร์คล็อก CPU ด้วย เพื่อดูว่าสามารถรองรับงานโหลดหนักได้ขนาดไหน ดูว่าเทสแล้วจะเจอจอฟ้าหรือเปล่า เพราะการ Stress จะเป็นการบังคับให้ CPU ทำงานแบบ 100% อย่างต่อเนื่อง

Build PC AMD Ryzen 30K 2022 29

ทั้งหมดนี้ก็คือรายละเอียดของส่วนต่าง ๆ ในโปรแกรม CPU-Z เพื่อช่วยให้ทุกท่านสามารถอ่านสเปค CPU อ่านสเปคแรม และดูสเปคโดยรวมของเครื่องได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม มีจุดที่ต้องเน้นย้ำในการใช้โปรแกรมนี้ซักนิดนึงครับ

  • ก่อนจะอ่านค่า ควรตรวจสอบว่าใช้โปรแกรมเวอร์ชันล่าสุดอยู่
  • โปรแกรมอาจแสดงข้อมูลได้ไม่ครบทุกช่อง
  • ควรตรวจสอบข้อมูลจากโปรแกรมอื่นด้วย เช่น จากเครื่องมือของ Windows เอง หรือโปรแกรมพวก Everest, GPU-Z, HWInfo รวมถึงใน BIOS เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เลือกโน๊ตบุ๊ค AMD ที่มี AI ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ เพื่อการสร้างสรรค์งานยุคใหม่ ได้ทั้งการทำงานและการเล่นเกม โน๊ตบุ๊ค AMD ที่มี AI ให้ประโยชน์กับการใช้งานทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เพราะนอกจากช่วยในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ สร้างรูปในแบบที่คุณจินตนาการได้ ยังช่วยแต่งเพลง เขียนโปรแกรม ไปจนถึงสร้างพรีเซนเทชั่น หรือทำวีดีโอตามแต่การพัฒนาของ AI Generator แต่ละที่จัดทำเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ลดเวลาในการทำงานของคุณลง รวมถึงอุดช่องว่างของปัญหาในเรื่องที่คุณไม่ถนัด...

CONTENT

หากการจัดการ Password เป็นเรื่องยาก ในบทความนี้เราได้รวม 8 สุดยอด Password Manager สำหรับการใช้งานในปี 2024 นี้ จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย เกือบทุกเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม ตั้งแต่แอปหาคู่ไปจนถึงเว็บไซต์ธนาคารที่มีความปลอดภัยสูง ยืนยันว่าคุณต้องสร้างบัญชีผู้ใช้และคิดรหัสผ่าน ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่น่าหนักใจมากที่สุดปัญหาหนึ่งสำหรับกการใช้งานแอปและอินเทอร์เน็ตเนื่องจากหน่วยความจำของมนุษย์ไม่สามารถจดจำรหัสผ่านหลายสิบต่อหลายสิบได้ บางคนมีความคิดดีๆ ในการใช้รหัสผ่านที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น “123456789” หรือ “password” คนอื่นๆ จำรหัสผ่านแบบสุ่มหนึ่งรหัสและใช้สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างของโลกออนไลน์...

CONTENT

5 ซีพียูประกอบคอมรุ่นใหม่ ที่เกมเมอร์ตัวจริงไม่ควรพลาด สำหรับการเล่นเกมในปี 2024 คุ้มค่า ราคาดี รีดพลังการ์ดจอรุ่นใหม่ได้เต็มที่ แม้ว่าจะผ่านช่วงงาน Commart ไปแล้ว แต่เชื่อว่าหลายท่านยังมีแผนจะประกอบคอม ไว้ใช้เล่นเกมช่วงหยุดยาวอย่างช่วงสงกรานต์กันอยู่บ้างแน่ ๆ ซึ่งการเล่นเกม นอกจากการ์ดจอที่เป็นปัจจัยหลักแล้ว CPU เองก็มีผลไม่แพ้กัน ดังจะเห็นจากชิปหลายรุ่นที่มีผลทดสอบออกมาว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเล่นเกมอย่างเห็นได้ชัด ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ CPU เล่นเกมที่น่าซื้อในช่วงต้นปี 2024 กัน...

Tips & Tricks

วิธีอัดหน้าจอคอมง่ายๆ ทำได้ฟรี บน Windows 11 อัพเดท 2024 การอัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆ คนกำลังมองหาวิธี ไม่ว่าจะเป็นการอัดหน้าจอเพื่อบันทึกเก็บไว้ หรือส่งต่อไปให้เพื่อน หรือบางคนที่เป็นสายทำคอนเทนต์ก็อาจต้องการอัดหน้าจอไว้เพื่อนำไปใช้งานต่อ ทีมงาน NotebookSPEC ก็มีวิธีดีๆ มาแนะนำในการอัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งบน Windows 11, macOS, iOS และ Android ที่สามารถทำได้ฟรีๆ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก