Connect with us

Hi, what are you looking for?

PC Zone

RAM vs Storage ความเหมือนที่แตกต่าง

RAM(หน่วยความจำ) กับ Storage(แหล่งเก็บข้อมูล) 2 อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องใช้ มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราขอนำมาแจ้งแถลงไขให้ทุกท่านได้ทราบกัน

RAM vs Storage
RAM vs Storage

เชื่อว่าทุกท่านส่วนใหญ่น่าจะทราบความแตกต่างพื้นฐานระหว่างหน่วยความจำ(Random-access memory หรือ RAM) และแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) กันอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือหน่วยความจำหรือ RAM นั้นจะใช้ในการเก็บข้อมูลและกระบวนการการทำงานของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่หรือจะต้องถูกเรียกใช้ในช่วงเวลาที่มีการกำหนดไว้อย่างทันทีทันใด รวมไปถึงหน่วยความจำจะไม่สามารถเก็บข้อมูลแบบถาวรได้(การเก็บข้อมูลจะทำได้ต่อเมื่อมีไฟฟ้าทำงานอยู่เท่านั้น)

ส่วนแหล่งเก็บข้อมูลหรือ Storage(ไม่ว่าจะเป็นแบบจานแม่เหล็กหรือที่เรียกว่า Harddisk(HDD) หรือให้ทันสมัยหน่อยก็จะเป็นแบบ Flash Storage หรือ SSD) จะใช้ในการเก็บข้อมูลโดยข้อมูลที่เก็บนั้นสามารถเก็บอยู่ได้อย่างถาวรไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า(เว้นแต่ว่าแหล่งเก็บข้อมูลของคุณจะเสียหายไปก่อน) เพื่อให้สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ได้ในภายหลัง

Advertisement

ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นหน่วยความจำ(Random-access memory หรือ RAM) และแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) มีความแตกต่างกันในเชิงลึกมากกว่าที่บางท่านเข้าใจกันอยู่มากนัก ในวันนี้ทาง NBS อยากขอแนะนำความแตกต่างดังกล่าวของ หน่วยความจำ(Random-access memory หรือ RAM) และแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) ให้ทุกท่านได้ทราบกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย



ประเภทหน่วยความจำ: ลบเลือนกับไม่ลบเลือน

volatile and non volatile memory type

เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นคุณควรต้องรู้เกี่ยวกับหน่วยความจำที่ลบเลือน(volatile) และไม่ลบเลือน(non-volatile) เสียก่อน หน่วยความจำทั้งสองประเภทสามารถเก็บข้อมูลได้เหมือนกัน แต่ทว่ากระบวนการในการเก็บข้อมูลนั้นต่างกัน หน่วยความจำแบบลบเลือนต้องการพลังงาน(ซึ่งในที่นี้ก็คือไฟฟ้าไฟฟ้า) อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งและรับข้อมูลทำให้ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ชั่วคราว(เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหรือตอนที่คุณทำการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์) และกระบวนการการเก็บข้อมูลทั้งหมดจะหายไปเมื่อคุณปิดคอมพิวเตอร์(เพราะไม่มีไฟฟ้า) นั่นเอง

ส่วนหน่วยความจำไม่ลบเลือนจะเก็บข้อมูลไว้เมื่อบันทึกลงในไดรฟ์แล้ว เมื่อข้อมูลถูกจัดเก็บไว้ในไดรฟ์อย่างปลอดภัยแล้ว การสูญเสียพลังงาน(ไฟฟ้า) จะไม่ส่งผลต่อสิ่งที่อยู่ในไดรฟ์ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้อย่างถาวรและไม่มีโปรแกรมหรือไฟล์ใดๆ ของคุณได้รับผลกระทบจากการปิดคอมพิวเตอร์ของคุณ

ดังนั้นพื้นที่จัดเก็บชั่วคราวรูปแบบใดก็ตามจะลบเลือน ซึ่งรวมถึง RAM, แคช(cache ที่อยู่ในหน่วยประมวลผลหรือ CPU), หน่วยความจำรีจิสตรี(registry memory) ฯลฯ ในทำนองเดียวกันพื้นที่จัดเก็บถาวรรูปแบบใดก็ตามจะไม่ลบเลือน เช่น ฮาร์ดไดรฟ์(HDD และ SSD), USB Flash Drive, ออปติคัลไดรฟ์(เช่น DVD, CD) และไดรฟ์ภายนอก(external drives) เป็นตัวอย่างทั้งหมดของพื้นที่จัดเก็บที่หน่วยความจำที่ไม่ลบเลือน


ข้อมูล: การจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวเทียบกับการจัดเก็บข้อมูลถาวร

permanent and temporary storage type

เนื่องจากหน่วยความจำลบเลือนจะเก็บข้อมูลชั่วคราวเท่านั้น RAM จึงเปรียบเสมือนหน่วยความจำระยะสั้นสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าในเมื่อคอมพิวเตอร์ของท่านจะต้องมีการใช้งานหน่วยความจำแบบไม่ลบเลือนอยู่แล้ว เหตุไฉนเลยจึงยังจำเป็นที่จะต้องใช้หน่วยความจำแบบลบเลือนที่จัดเก็บข้อมูลได้แบบชั่วคราวอยู่(หรือใก้เข้าใจง่ายๆ ว่าในการประกอบคอมพิวเตอร์นั้นเราต้องมี Storage ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่ไม่ลบเลือนอยู่แล้ว ทำไมเราจึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานหน่วยความจำแบบลบเลือนหรือ RAM ประกอบเป็นฮาร์ดแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอยู่)

คำตอบง่ายๆ ก็คือ RAM นั้นเร็วกว่าฮาร์ดไดรฟ์หรือโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) อย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดแอปพลิเคชัน, เข้าถึงไฟล์หลายไฟล์หรือแม้แต่เปิดเกม โปรแกรมจะสร้างกระบวนการชั่วคราวเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องขึ้นมา กระบวนการเหล่านี้จะถูกจัดเก็บไว้ใน RAM เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคุณปิดโปรแกรมดังกล่าว กระบวนการทั้งหมดจะถูกปิดด้วย(และลบออกไปจาก RAM) ดังนั้น RAM จึงใช้เพื่อเก็บข้อมูลชั่วคราวที่ต้องเข้าถึงอย่างรวดเร็ว

ถ้า RAM เร็วกว่า Storage งั้นก็ไม่จำเป็นต้องมี Storage ก็ได้สิ?

คำถามนี้อาจจะเกิดขึ้นในใจของผู้ที่ประกอบคอมพิวเตอร์เอง ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นการจัดเก็บข้อมูลอย่างถาวรก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณต้องมีหน่วยความจำเฉพาะที่ใช้สำหรับจัดเก็บแอปพลิเคชัน, เกม, ไฟล์(Files) และโฟลเดอร์(Folder) ทั้งหมดของคุณเอาไว้สำหรับใช้งานในครั้งต่อๆ ไป เพราะสิ่งหนึ่งเลยที่คุณต้องไม่ลืมนั่นก็คือ RAM เป็นหน่วยความจำที่ลบเลือนได้ดังนั้นหากไม่มีไฟฟ้ามันก็ไม่สามารถที่จะทำงานในการเก็บข้อมูลได้

จากเหตุผลทางด้านบนก็เลยเป็นที่มาของหน่วยความจำแบบถาวรหรือที่เราเรียกให้เข้าใจกันแบบแยกอย่างชัดเจนก็คือแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) ซึ่งมันจะถูกนำเอามาใช้ในการจัดเก็บโปรแกรมต่างๆ (ตั้งแต่ระบบปฎิบัติการไปจนถึงโปรแกรมและแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณลงไว้บนคอมพิวเตอร์เอาไว้ใช้งาน) 

จุดที่สำคัญมากๆ เลยนั้นก็คือโปรแกรมต่างๆ อาจใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ซึ่งโมดูล RAM มีความจุต่ำกว่าแหล่งเก็บข้อมูล ดังนั้นโปรแกรมและไฟล์ทั้งหมดของคุณจึงถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำถาวรหรือแหล่งเก็บข้อมูลนั่นเอง


RAM และ Storage ส่งผลต่อความเร็วของคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างไร

hard disk drive internal

RAM และ Storage มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองอย่างอาจส่งผลต่อความเร็วของคอมพิวเตอร์ของคุณ ตัวอย่างเช่นหากคุณมีกระบวนการในการทำงานจากโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันจำนวนมากที่กำลังทำงานอยู่ นั่นจะทำให้ระบบปฎิบัติการมีความจำเป็นที่จะต้องใช้หน่วยความจำระบบจำนวนมาก

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “RAM หมด” เช่นกัน สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งต้องการ RAM มากขึ้นเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องกว่าที่ระบบของคุณมีอยู่ในปัจจุบัน

แน่นอน คุณสามารถเพิ่มและลดการใช้ RAM ได้ตลอดเวลา ทว่ามันก็ยังคงเป็นการแก้ไขระยะสั้นเท่านั้น หากคุณมี RAM 8GB ในคอมพิวเตอร์ของคุณและพบว่าคอมพิวเตอร์ปิดโปรแกรมอยู่เรื่อยๆ ก็ถึงเวลาอัปเกรดเป็น 16GB หรือสูงกว่า(หรือสังเกตุได้จากอาการที่โปรแกรมที่เปิดใช้งานนั้นทำงานได้ช้าลงเป็นอย่างมากเช่นการเปิด tab ใน Chrome หลายๆ  tab จะทำให้คุณเห็นได้ชัดเจนว่ามีการใช้งาน RAM เป็นจำนวนมาก)

เช่นเดียวกับหน่วยความจำแบบไม่ลบเลือนหรือแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) เช่น HDD หากคุณมีโปรแกรม, เกม, รูปภาพและไฟล์จำนวนมากที่บันทึกไว้ในไดรฟ์ของคุณ ก็มีโอกาสที่พื้นที่เก็บข้อมูลของคุณจะหมดในที่สุด นอกจากนี้ยังหมายความว่าคุณอาจไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับหน่วยความจำเสมือน(virtual memory)  ที่คอมพิวเตอร์จำเป็นที่จะต้องใช้งานในบางครั้ง โดยหน่วยความจำเสมือนนั้นจะเป็นการนำพื้นที่ในหน่วยความจำแบบไม่ลบเลือนหรือ Storage มาจำลองเป็นหน่วยความจำแบบลบเลือนเพื่อจัดเก็บข้อมูลแบบเดียวกับที่ต้องเก็บในหน่วยความจำแบบลบเลือน(หรือ RAM) ในกรณีที่หน่วยความจำแบบลบเลือนถูกใช้งานจนเต็มนั่นเอง

เมื่อคุณใช้ RAM จนหมด คอมพิวเตอร์จะใช้ส่วนขยายชั่วคราวบนฮาร์ดไดรฟ์ของคุณเพื่อเรียกใช้กระบวนการสำหรับบางโปรแกรม สิ่งนี้เรียกว่าไฟล์เพจ หากคอมพิวเตอร์ของคุณจัดสรรพื้นที่ไม่เพียงพอให้กับไฟล์เพจจิ้งนี้ ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างมาก

ดังนั้น ในแง่หนึ่งแล้วการเติมข้อมูลในแหล่งเก็บข้อมูลแบบไม่ลบเลือน(หรือ Storage) ของคุณจนเต็มจะทำให้ระบบของคุณทำงานช้าลงในที่สุด

ฉะนั้นคุณจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์นั้นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานทั้ง RAM และ Storage ควบคู่กันไป


การอัปเกรด RAM กับ Storage

ram stick in computer

โดยทั่วไป คุณสามารถอัปเกรด RAM หรือ Storage ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป(และโน๊ตบุ๊ค) ส่วนใหญ่ได้ น่าเสียดายที่นั่นไม่ใช่ความจริงสำหรับโน๊ตบุ๊คทุกเครื่อง เพราะโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีหน่วยความจำแบบฝังไปกับเมนบอร์ดและบางรุ่นก็ไม่อนุญาตให้คุณเข้าถึงฮาร์ดไดรฟ์หรือ SSD

โชคดีที่คุณสามารถอัปเกรด RAM ในเดสก์ท็อป Windows ของคุณได้โดยเพียงแค่เปลี่ยนชุดอุปกรณ์เก่าของคุณเป็นชุดใหม่ คุณสามารถเพิ่ม RAM โมดูลอื่นได้ตัวอย่างเช่น หากคุณมีโมดูลเดียวขนาด 8GB คุณสามารถเพิ่มโมดูลขนาด 8GB ที่มีข้อมูลจำเพาะเดียวกัน(หรือเอาง่ายๆ ก็คือเป็นยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกัน) อีกอันเพื่อให้มี RAM ทั้งหมด 16GB ในระบบของคุณ

ในส่วนใหญ่แล้วคุณยังสามารถเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลใหม่ได้ หากคุณต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม ขณะที่คุณใช้งาน โดยการเลือกประเภทแหล่งเก็บข้อมูลที่จะเพิ่มเข้ามานั้นก็ควรจะต้องทำการศึกษาก่อนเพราะในปัจจุบันแหล่งเก็บข้อมูลนั้นมีวางจำหน่ายด้วยกันทั่วไป 2 แบบคือแบบจานหม่เหล็ก(หรือ HDD) ซึ่งมีราคาถูก, ความจุมากแต่ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลช้ากับแบบ Solid State Drives (หรือ SSD) ซึ่งมีราคาแพง,ความจุน้อยแต่ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูง

แม้ว่าการอัปเกรดแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) มักจะเป็นเรื่องง่าย แต่ RAM ไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุผลด้านความเข้ากันได้ คุณต้องทราบรุ่นที่ถูกต้อง, ความเร็ว, ฟอร์มแฟกเตอร์, แบนด์วิธ, และอื่นๆ ซึ่งต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จำทำการซื้อมาอัปเกรดเอง

สรุปได้ว่า เมื่ออัปเกรด RAM หรือ Storage ของคุณ คุณจะต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของระบบ เนื่องจากคอมพิวเตอร์บางเครื่องอาจไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ตัวอย่างเช่นคุณไม่สามารถอัปเกรด RAM หรือ Storage บนผลิตภัณฑ์ของ Apple ในบางประเภทได้เอง

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถอัปเกรด Storage ของโน๊ตบุ๊คบางรุ่นได้ ทว่าคุณสามารถที่จะหาซื้อ External Hard disk มาใช้งานเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณแทนได้ในปัจจุบันซึ่งสะดวกมากสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ในด้านฮาร์ดแวร์โดยตรง


เลือกสิ่งที่ถูกต้องเมื่ออัพเกรดหน่วยความจำของคุณ

ทาง NBS หวังว่าคู่มือฉบับนี้จะช่วยขจัดความสับสนของคุณเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง RAM และ Storage ได้ ทั้งนี้การตระหนักถึงความแตกต่างเหล่านี้จะมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการอัปเกรดหน่วยความจำระบบ(RAM)หรือแหล่งเก็บข้อมูล(Storage) หรือแม้แต่เมื่อคุณต้องการซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ทั้งหมด

นอกเหนือจากการอัปเกรดส่วนประกอบทั้งสองนี้แล้ว ยังมีอะไรอีกมากที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำให้พีซีของคุณเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่นคุณสามารถอัปเกรดเป็นโปรเซสเซอร์ใหม่, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่น และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณระบายความร้อนอย่างเหมาะสมซึ่งทาง NBS จะเอามานำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบกันต่อไป

ที่มา : makeuseof

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

เรื่องของหน่วยความจำหลัก นอกจากแรมที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น เช่น CPU, SSD/HDD และการ์ดจอแล้ว ในฮาร์ดแวร์อื่นก็ย่อมมีหน่วยความจำแรมของตัวเองเช่นกัน อย่างฝั่งของการ์ดจอที่จำเป็นต้องมีไว้ใช้ทำงานร่วมกับ GPU โดยจะใช้แรมเป็นแบบ GDDR ที่ต่างจากแรม DDR ทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งล่าสุดก็มีข่าวของแรมการ์ดจอมาตรฐานใหม่ออกมาอีกแล้ว นั่นคือแรม GDDR7 ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะเริ่มลงมาอยู่ในการ์ดจออย่างเร็วสุดภายในปี 2024 นี้เลย เรามาเจาะรายละเอียดเท่าที่มีออกมาในขณะนี้กันครับ เพื่อดูว่าแรมแบบใหม่นี้จะดีกว่าเดิมอย่างไร ขนาดไหน...

CONTENT

Windows รุ่นต่อไป อาจต้องเริ่มต้นแรม 16GB เป็นมาตรฐาน จำเป็นมั้ย คอมเก่าไหวรึเปล่า? ระบบปฏิบัติการ (OS) มีการพัฒนาความสามารถอยู่ต่อเนื่อง ในการจะไปสู่ Windows ใหม่แต่ละรุ่นก็มักจะต้องการความสามารถของฮาร์ดแวร์ที่สูงขึ้นด้วย เพื่อให้รองรับรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ได้ดี เช่น แรม (RAM) ซึ่งจุดที่มักเห็นชัดและสังเกตง่ายสุดก็คือแรม ที่จะอยู่ในหนึ่งข้อจำกัดด้านความต้องการของแต่ละซอฟต์แวร์และ OS อยู่เสมอ ล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาว่า Microsoft...

CONTENT

FlexRAM ยุคใหม่วงการแรม ยืดหยุ่น เร็ว ใส่ได้ทุกอุปกรณ์ เก็บข้อมูลได้นานกว่า หนึ่งในฮาร์ดแวร์ที่เป็นส่วนสำคัญมากของระบบคอมพิวเตอร์ก็คือ แรมหรือหน่วยความจำ ที่ระบบจะใช้เก็บข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลมาแล้ว หรือใช้พักข้อมูลก่อนที่จะส่งไปใช้งานในส่วนต่างๆ ล่าสุดมีข่าวเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมสำหรับแรมออกมาแล้ว นั่นก็คือ FlexRAM ที่ในบทความนี้เราจะมาลองทำความรู้จักกัน เพราะนี่อาจเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ออกสู่วงกว้างได้ในอนาคต และอาจจะมาแก้จุดด้อยของแรมที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้หลายด้านอีกด้วย แรมของระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องมีแรมในปัจจุบัน ปกติแล้วจะอยู่ในรูปแบบชิปที่ติดตั้งอยู่บนแผงวงจรอีกที ทำให้เรื่องขนาดของชิปแรมและฮาร์ดแวร์เอง ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อจำกัดการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกับพวกอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก...

IT NEWS

ข่าวดีสำหรับชาว PC ตอนนี้ MSI ประกาศปล่อยอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่ เพิ่มการรองรับ RAM สูงสุดถึง 256GB บนเมนบอร์ดทั้งฝั่ง Intel และ AMD ก่อนหน้านี้ เมนบอร์ดสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปมีขีดจำกัดความจุ RAM สูงสุดอยู่ที่ 192GB แต่การอัปเดตครั้งนี้ของ MSI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง Ram DDR5 ขนาด...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก