Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

CONTENT

7 วิธีแก้ปัญหา Windows 10 Start Menu ไม่ทำงาน

Windows 10 Start Menu ถือว่าเป็นหัวใจหนึ่งในการทำงานเพราะฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ จะอยู่บนนี้ทั้งหมด มาดูวิธีแก้ปัญหา Windows 10 Start Menu ไม่ทำงานกัน

Windows 10 Start Menu
Windows 10 Start Menu

จริงๆ แล้วระบบปฏิบัติการณ์ Windows จะมี Start Menu เป็นส่วนสำคัญมาทุกยุคทุกสมัย เพราะทุกยุคทุกสมัยนั้น Start Menu จะเป็นแหล่งรวมการเข้าถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมต่างๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่บนระบบปฏิบัติการณ์ Windows ถ้าหากเกิดปัญหา Start Menu ใช้งานไม่ได้ขึ้นมาไม่ว่าจากสาเหตุใดๆ ก็ตามรับรองว่านั่นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเกิดปัญหา Start Menu ก็มีสาเหตุมาจากหลายๆ สาเหตุแตกต่างกันไปซึ่งเป็นการยากมากที่จะตรวจสอบได้ว่าเพราะเหตุใดจึงทำ Start Menu ไม่ทำงาน ซึ่งบางครั้งในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยตรงก็ต้องใช้เวลามากแถมบางครั้งการจะแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นก็ต้องใช้หลายขั้นตอนในการแก้ไข

Advertisement

วันนี้ทาง Notebookspec จะขอแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา Windows 10 Start Menu เบื้องต้นที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยกันทัั้งหมด 7 วิธี จะมีวิธีการอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย



1. Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

วิธีการที่ง่ายที่สุดและควรทำเป็นวิธีแรกเลยก็คือการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเพราะการ Restart เครื่องนั้นจะมีโอกาสที่ระบบปฏิบัติการณ์ Windows จะทำการลบ temporary files และเพิ่มพื้นที่ที่เหลือสำหรับการใช้งานของ RAM ให้มาก หากคุณเจอปัญหาโปรแกรมค้างไม่ตอบสนองต่อการใช้งานการ Reboot เครื่องคอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่อาจช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

ถ้าหากเครื่องของคุณไม่สามารถที่จะเข้า Start Menu เพื่อทำการ Restart เครื่องได้ ให้คุณลองปิดโปรแกรมและหน้าต่างที่เปิดใช้งานอยู่ทั้งหมดจนกลับมาที่หน้าจอ Desktop หลักของคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นให้ทำการกดปุ่ม Alt + F4 เพื่อเข้าสู่ Shut Down Windows menu แล้วทำการ Restart เครื่องดู

หมายเหตุ – ในบางครั้งการอัปเดทระบบปฏิบัติการณ์ Windows ก็สามารถที่จะช่วยแก้ไขปัญหา Start Menu ใช้งานไม่ได้ให้กลับมาใช้งานได้เช่นเดียวกัน วิธีการก็คือให้คุณเปิด Settings > Update & security > Windows update แล้วกดที่ตัวเลือก Check for updates หากมีอัปเดทขึ้นมาก็ให้คุณกดเลือกอัปเดทแล้วทำการ Restart เครื่องแล้วรอดูว่าปัญหา Start Menu ใช้งานไม่ได้ได้ถูกแก้ไขไปแล้วหรือยัง


2. Restart Process

restart explorer 1 2

ในบางครั้งการที่ Start Menu ไม่ทำงานอาจจะเกิดขึ้นมาจาก system processes ที่เกี่ยวข้องกับ Start Menu มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมา ดังนั้นแล้ววิธีการแก้ไขเบื้องต้นก็คือการ Restart system processes นั้นใหม่ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เปิด Task Manager ขึ้นมาด้วยการคลิกขวาที่ Taskbar แล้วเลือก Task Manager หากไม่สามารถที่จะใช้วิธีดังกล่าวได้ให้คุณทำการกดปุ่มแป้นคีย์บอร์ด Alt + Ctrl + Del พร้อมกันแล้วเลือกคลิกที่ Task Manager
  2. เมื่อ Task Manager เปิดขึ้นมาแล้วนั้นที่ tab Processes ให้หาชื่อ Windows Explorer จากนั้นคลิกขวาแล้วเลือก Restart

หากทำตาม 2 ขั้นตอนทางด้านบนแล้วยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหา Start Menu ใช้งานไม่ได้ ให้คุณเข้า Task Manager ใหม่แล้วลองทำการ Restart Process ที่มีชื่อว่า Cortana และ Search ดูตามลำดับ


3. Unpin และ Re-Pin Apps ใน Start Menu

unpin start 1

หากคุณยังคงสามารถที่จะกดปุ่ม Start ขึ้นมาได้อยู่แต่ไม่สามารถเลือกตัวเลือกใดๆ ที่อยู่ใน Start Menu ได้เลยนั้น สาเหตุอาจจะมาจากการ Pin แอปพลิเคชันบางแอปพลิเคชันไว้จนไปก่อให้เกิดปัญหา วิธีการก็คือให้คุณลบแอปพลิเคชันที่ Pin ไว้ออกมาให้หมดก่อนโดยการคลิกขวาที่แอปพลิเคชันที่ Pin อยู่นั้นๆ แล้วก็ให้เลือก Unpin from Start (แนะนำให้ทำทุกแอปพลิเคัชัน) จากนั้นทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหนึ่งครั้งแล้วลองใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ดูก่อนว่าสามารถที่จะใช้งานได้หรือยัง หากสามารถใช้งานได้เป็นปกติแล้วค่อยทำการ Pin แอปพลิเคชันที่คุณต้องการที่จะให้มาอยู่ที่หน้า Start Menu ใหม่


4. รัน System File Checker

scan now

หาก 3 วิธีทางด้านบนยังไม่ได้ผลแล้วคุณจะถอดใจลง Windows ใหม่อีกรอบให้คุณลองวิธีนี้ก่อนกับการ รัน System File Checker เพื่อเป็นการค้นหาไฟล์ที่ผิดพลาดซึ่งอาจจะเกิดมาจากการลงโปรแกรมบางอย่างหรือไปปรับไฟล์ System จนทำให้ระบบไฟล์ System เสียหาย วิธีการก็คือให้คุณเข้า Command Prompt ในรูปแบบของ administrator หลังจากนั้นให้พิมพ์ sfc /scannow แล้วกด Enter รอให้ระบบทำการค้นหาไฟล์ที่เกิดการเสียหายซึ่งเวลาที่ใช้นั้นแต่ละเครื่องจะไม่เหมือนกัน เมื่อการค้นหาจุดผิดพลาดของระบบเสร็จสิ้นแล้วนั้นให้ลอง Restart เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าปัญหาของ Start Menu ถูกแก้ไขแล้วหรือไม่

หมายเหตุ – หากการค้นหาจุดผิดพลาดของไฟล์ระบบเกิดข้อผิดพลาด คุณจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการที่มีขั้นตอนยุ่งยากมากกว่านี้โดยทาง Notebookspec จะนำมาเสนอต่อไป(เช่นการใช้คำสั่ง DISM)


5. Reset Windows 10

reset pc 1

ในกรณีที่ข้อผิดพลาดมากจนเกินไปที่จะเยียวยาแล้ว ทาง Windows 10 ยังคงมีอีกวิธีหนึ่งสำหรับการรีเซ็ทระบบปฏิบัติการณ์ Windows 10 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Reset this PC ซึ่งการ Reset นี้นั้นจะเป็นเหมือนกับการทำ factory reset โดยที่คุณมีตัวเลือกที่สามารถจะทำการเลือกเก็บไฟล์ส่วนตัวของคุณเช่นรูปภาพหรือเอกสารต่างๆ เอาไว้ได้

วิธีการ Reset Windows 10 ให้ทำการเข้าไปที่ Setting(หรือจะกดแป้นคีย์ลัด Win + I ก็ได้) แล้วเลือกไปที่ Update & security > Recovery คุณจะเจอกับหัวข้อ Reset this PC แล้วให้กดเลือกที่ Get started

แต่ถ้าหากเมื่อทำการ Reset เสร็จแล้วแต่ปัญหาของ Start Menu ยังคงอยู่คุณอาจจะต้องลองย้อนกลับไปใช้ Windows 10 เวอร์ชันก่อนหน้าที่จะเจอปัญหาดังกล่าว


6. เปลี่ยน User Profile ของคุณใหม่

ในบางกรณีนั้นปัญหาการที่ Start Menu ไม่สามารถใช้งานได้อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ใช้งาน Profile หนึ่งเท่านั้น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทดสอบว่าปัญหาดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับ Profile account ของคุณรึเปล่าให้คุณทำการสร้างอีก User Profile หนึ่งขึ้นมาดูโดยตอนที่ตั้ง Profile ใหม่นั้นให้เลือกเป็น Local user account ซึ่งไฟล์ข้อมูลต่างๆ ของคุณจะถูกเก็บเอาไว้บนเครื่องของคุณเองไม่แชร์ไปยัง Microsoft

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นวิธีการดังกล่าวนี้ก็ไม่ใช่วิธีการที่จะแก้ไขปัญหา Start Menu ใช้งานไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นแล้วหากคุณสร้าง Profile account ใหม่แล้ว Start Menu ไม่มีปัญหา คุณสามารถที่จะย้ายไปใช้งาน Profile account ใหม่ได้แทนโดยไม่ต้องเสียเวลาลง Windows ใหม่(ซึ่งนั่นทำให้คุณต้องลงโปรแกรมใหม่ทั้งหมดอีกด้วย)

7. ลงระบบปฏิบัติการณ์ Windows 10 ใหม่

วิธีสุดท้ายนี้เป็นวิธีที่อยากแนะนำให้เห็บไว้ใช้เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการอื่นๆ จริงๆ ซึ่งนั่นก็คือคุณต้องทำการลง Windows 10 ใหม่อีกครั้ง ก่อนที่คุณจะทำการลง Windows 10 ใหม่อย่าลืมทำการสำรองข้อมูลสำคัญต่างๆ ของคุณทั้งหมดเอาไว้ก่อนเพราะหสกคุณเผลอไม่สำรองข้อมูลเอาไว้เมื่อทำการลง Windows 10 ใหม่ไปแล้วคุณจะไม่สามารถเรียกข้อมูลที่สำคัญเเหล่านั้นกลับมาได้อีก


ที่มา : makeuseof

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

Microsoft แก้ปัญหา ESU ของ Windows 10 ที่ค้างมานานแล้ว Microsoft ออกอัปเดตนอกกำหนดการ (out-of-band update) หมายเลข KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถลง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้ใช้จำนวนมากพบว่าแม้สมัคร ESU...

CONTENT

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ Microsoft ระบุไว้ว่าจะยุติการสนับสนุนทางเทคนิคหลาย ๆ ด้านให้กับ Windows 10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ยังคงได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มของผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไปและในภาคธุรกิจอยู่ โดยหลัก ๆ แล้วก็จะเป็นการปิดอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย ปิดการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งถ้าลูกค้ายังต้องการใช้งานต่อไปก็ยังคงใช้ได้ แต่อาจจะมีความเสี่ยงในแง่ของความปลอดภัยสูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ อีกนัยหนึ่งก็คือเพื่อผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ Windows 11 แทน ทำให้หลายฝ่ายที่กังวลในแง่ของความปลอดภัย หรือมีแผนจะซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่พอดี ก็อาจจะกำลังมองหาเครื่องที่มาพร้อม Windows 11 หรือรองรับการใช้งานได้เต็ม...

IT NEWS

ถึงแม้ว่า Windows 10 จะสิ้นสุดระยะเวลาการสนับสนุนอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากการอัปเดต Patch Tuesday ครั้งล่าสุด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะไม่ได้รับการอัปเดตฟีเจอร์หรือแพตช์ความปลอดภัยใดๆ จาก Microsoft อีกต่อไป แต่ก็ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะอัปเกรด เพราะพีซีของคุณจะยังคงได้รับการป้องกันอยู่ Advertisement Microsoft ได้ออกมายืนยันว่า Microsoft Defender ซึ่งเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว จะยังคงได้รับการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสและความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามต่อไป แม้จะอยู่บนระบบ Windows 10...

IT NEWS

ถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยอย่างเป็นทางการ เมื่อ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตสะสม KB5066791 ซึ่งเป็นอัปเดตตัวสุดท้ายสำหรับ Windows 10 ก่อนที่ระบบปฏิบัติการยอดนิยมนี้จะสิ้นสุดวงจรการสนับสนุน (End of Support) ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 Advertisement แม้จะสิ้นสุดการสนับสนุนหลัก แต่ผู้ใช้งานทั่วไปยังสามารถซื้อ Extended Security Updates (ESUs) เพื่อรับการอัปเดตความปลอดภัยต่อไปได้อีก...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก