
ถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยอย่างเป็นทางการ เมื่อ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตสะสม KB5066791 ซึ่งเป็นอัปเดตตัวสุดท้ายสำหรับ Windows 10 ก่อนที่ระบบปฏิบัติการยอดนิยมนี้จะสิ้นสุดวงจรการสนับสนุน (End of Support) ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
แม้จะสิ้นสุดการสนับสนุนหลัก แต่ผู้ใช้งานทั่วไปยังสามารถซื้อ Extended Security Updates (ESUs) เพื่อรับการอัปเดตความปลอดภัยต่อไปได้อีก 1 ปี และสำหรับองค์กรธุรกิจสามารถซื้อได้สูงสุดถึง 3 ปี
ทำไมอัปเดต KB5066791 ถึงสำคัญและจำเป็นต้องติดตั้ง?
อัปเดต Windows 10 KB5066791 ถือเป็น อัปเดตที่จำเป็นต้องติดตั้ง (Mandatory) เนื่องจากเป็นการอัปเดตความปลอดภัย Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีการแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรงระดับ Zero-day ถึง 6 รายการ และข้อบกพร่องอื่นๆ รวมกว่า 172 รายการ
นี่จึงเป็นอัปเดตสุดท้ายที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ ก่อนที่จะไม่ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยฟรีอีกต่อไป
วิธีการติดตั้งอัปเดตสุดท้าย
ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งอัปเดตนี้ได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางต่อไปนี้:
- ติดตั้งผ่าน Windows Update (อัตโนมัติ):
- ไปที่
Settings>Windows Update - คลิกที่
Check for Updates - เนื่องจากเป็นอัปเดตที่บังคับติดตั้ง ระบบจะเริ่มดาวน์โหลดและติดตั้งโดยอัตโนมัติ คุณสามารถตั้งเวลาเพื่อรีสตาร์ทเครื่องในภายหลังได้เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงาน
- ไปที่
- ดาวน์โหลดและติดตั้งด้วยตนเอง:
- สามารถดาวน์โหลดไฟล์อัปเดตได้โดยตรงจากเว็บไซต์ Microsoft Update Catalog
หลังจากติดตั้งอัปเดตนี้แล้ว Windows 10 22H2 จะเปลี่ยนเป็น Build 19045.6456 และ 21H2 จะเป็น Build 19044.6456
ก้าวต่อไปหลังสิ้นสุดการสนับสนุน
Microsoft ได้ย้ำเตือนผู้ใช้งานว่า “หลังจากวันที่ 14 ตุลาคม 2025 Microsoft จะไม่ให้บริการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรี, การช่วยเหลือทางเทคนิค หรือการแก้ไขด้านความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 อีกต่อไป”
“คอมพิวเตอร์ของคุณจะยังคงทำงานได้ แต่เราขอแนะนำให้ย้ายไปใช้ Windows 11”
สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะอัปเกรด ยังมีทางเลือกในการซื้อ Extended Security Updates (ESUs) เพื่อยืดอายุการใช้งานอย่างปลอดภัยต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง โดยมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับผู้ใช้งานในโซน EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ที่จะได้รับ ESU ฟรีเป็นเวลา 1 ปี
มีอะไรใหม่และแก้ไขในอัปเดต KB5066791
นอกจากการแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยจำนวนมากแล้ว อัปเดตนี้ยังมีการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงอื่นๆ ที่น่าสนใจดังนี้:
- [Input and Composition] แก้ไขปัญหาใน Chinese Input Method Editor (IME) ที่อักษร Unicode บางตัวแสดงผลไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน GB18030
- [Input and Composition] แก้ไขปัญหาการแสดงผลอักขระพิเศษ (Surrogate pairs) ที่กลายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมว่างๆ เมื่อพิมพ์ข้อความจนเต็มความยาว
- [Windows Remote Management] แก้ไขปัญหาคำสั่งใน PowerShell Remoting และ WinRM หมดเวลา (Time out) หลังจากผ่านไป 600 วินาที
- [Licensing] เพิ่มการอัปเดตใบรับรอง (Certificate Chain) ใหม่ เพื่อปรับปรุงการตรวจสอบสภาพแวดล้อมของ Azure
- [Fax modem driver] ถอดถอนไดรเวอร์
ltmdm64.sysทำให้ฮาร์ดแวร์แฟกซ์โมเด็มที่ต้องใช้ไดรเวอร์ตัวนี้โดยเฉพาะ ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป - [แก้ไข Known Issue] แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อไฟล์และโฟลเดอร์ที่แชร์ผ่านโปรโตคอล SMBv1 ไม่ได้
- [แก้ไข Known Issue] แก้ไขปัญหาหน้า Enrollment Status Page (ESP) ใน Windows Autopilot ไม่โหลดระหว่างการตั้งค่า Out-of-Box Experience (OOBE)
Microsoft ระบุว่า ไม่มีปัญหาที่ทราบ (Known Issues) ในอัปเดตตัวนี้ ถือเป็นการปิดฉาก Windows 10 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่ผู้ใช้งานทั่วโลกจะต้องเตรียมตัววางแผนเพื่ออัปเกรดไปยัง Windows 11 ต่อไป
ที่มา: bleepingcomputer





