จาก Oculus Rift ที่วางจำหน่ายไปก่อนใครเพื่อนเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาล่าสุดก็มาถึงคิวของ HTC Vive แว่นตาเสมือนจริงจาก Valve เสียทีที่เพิ่งได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปวันที่ 5 เมษายน และการมาของมันถึงแม้ว่าจะออกมาหลัง Oculus Rift แต่ประสิทธิภาพของมันก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลยแต่ทว่าการออกแบบและความรู้สึกเมื่อสวมใส่ยังห่างไกลจากคำว่าดีเยี่ยมพอควร
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของแว่น HTC Vive จะเป็นแว่นที่พัฒนาโดย Valve ร่วมกับ HTC มีคุณสมบัติจำลองภาพทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกว่าเหมือนเข้าไปอยู่ในสถานที่ในเกมจริง ๆ มีการควบคุมเกมด้วยจอยคอนโทรลเลอร์ 2 ตัวนั่นเอง ส่วนการรีวิวตัวแว่นก็ต้องขอเริ่มจากการติดตั้งเสียก่อนซึ่ง HTC Vive จะต้องการพื้นที่ที่กว้างกว่า Oculus Rift ประมาณ 4×3 เมตรทั้งนี้เพื่อให้ตัวเซ็นเซอร์ที่เรียกว่า Lighthouse ตวรจจับการเคลื่อนไหวได้เต็มประสิทธิภาพโดยตัวเซ็นเซอร์ดังกล่าวจะมีมาให้ 2 ตัวติดตั้งบริเวณเหนือศรีษะเล็กน้อยพร้อมกับหันหน้าลงมาทางผู้ใช้ ส่วนปลั๊กตัวเชื่อมตัวก็จะมีทั้งสาย USB และ HDMI ให้เชื่อมต่อทางด้านบนแว่นตาครับ
เมื่อติดตั้งเสร็จก็เตรียมเข้าใช้งานซึ่งแว่นตัวนี้ก็จะเข้ากับโหมด Big Picture บน Steam ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ใครที่ไม่มีพื้นที่กว้างพอก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีซอฟท์แวร์ของ HTC ให้ปรับ Option ให้เล่นขณะที่นั่งหรือยืนอยู่กับที่ได้ฉะนั้น HTC Vive จึงสามารถเล่นได้ในพื้นที่ทุกขนาด
เมื่อสวมแว่นพร้อมใช้งานแล้วก็พบกับสิ่งคล้าย Tutorial วิธีการใช้งานแต่ทางผู้พัฒนาจะเรียกมันว่า Chaperone system ซึ่งระบบนี้จะจำลองห้องของผู้ใช้ให้เห็นในโทนสีฟ้าอ่อนสลับดำ (เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Tron: Legacy) โดยระบบนี้จะเป็นเหมือนให้ผู้ใช้ฝึกหรือรู้จักระยะการเคลื่อนไหวว่าควรจะเดินไปถึงจุดไหนถึงจะสิ้นสุดเขต ทั้งนี้ยังสามารถหยิบจับวัตถุในห้องได้ซึ่งตัวภาพก็เก็บรายละเอียดได้เหมือนจริงไม่ว่าจะเป็นปกหนังสือหรือจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดใช้รายละเอียดภาพหน้าจอที่ได้ก็เหมือนจริง สำหรับระบบนี้ก็ไม่มีอะไรมากให้ผู้เล่นได้เดินไปมารอบห้องเรียกว่าเป็นการทำความคุ้นเคยการใช้แว่นได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ทดสอบฝึกฝนกันเพียงพอแล้วก็มาเข้าสู่การทดลองกับเกมที่ Valve มีให้กันดีกว่าซึ่งต้องบอกว่าเกมที่สนับสนุนมีมากมายหลายแนวเกมแถมแต่ละเกมก็ช่วยดึงประสิทธิภาพของ HTC Vive ออกมาได้เต็มที่อีกด้วยอย่างเช่นเกม The Gallery: Call of Starseed เป็นเกมผจญภัยผสมกับความลึกลับของสถานที่มีจุดเด่นคือการแก้ไขปริศนาที่ใช้สิ่งแวดล้อมในเกมเป็นตัวช่วยอย่างการเข้าทางลับก็จะต้องเดินเคาะกำแพงรอบ ๆ จนกว่าจะเจอประตูลับหรือระบบเทเลพอร์ตก็จะใช้ศรีษะเล็งว่าจะวาร์ปไปที่ไหนและบรรยากาศของเกมที่ลึกลับน่าค้นหาก็เป็นประสบการณ์แบบใหม่ที่น่าประทับใจมากเลยครับ
ส่วนเกมอื่น ๆ ก็ไม่แพ้กันเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นต้องเดินไปเดินมาหรือขยับร่างกายบ่อย ๆ VR Baseball ก็จะให้ผู้เล่นแกว่งแขนเหมือนกับลังตั้งท่ารอหวดลูกเบสบอลให้ความสมจริงดีและน่าจะเป็นเกมที่ทำให้คอเกมกีฬาประทับใจได้ไม่ยาก เกม Space Pirate Trainer ซึ่งเป็นเกมแอ็คชั่นชู้ตติ้งก็ตอบสนองได้ดีกับ HTC Vive การใช้อาวุธในเกมนี้ก็เท่มากอย่างการจับปืนพกคู่ยิงให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปโลก The Matrix ยังไงยังงั้น
จึงจะเห็นว่าเกมที่ HTC Vive สนับสนุนจะเน้นการเคลื่อนไหวไปมาและนั่นจึงเป็นเหตุผลรองรับว่าทำไมต้องใช้พื้นที่ติดตั้งกว้างก็เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เสมือนจริงได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนั่นเองแถมความพลิดเพลินของมันยังทำให้ลืมความหนักของตัวแว่นไปเลยและไม่เกิดความเครียดขณะที่เล่นอีกด้วย
มาในส่วนของภายนอกกันบ้าง HTC Vive มีการออกแบบด้วยโทนสีดำล้วนให้ความหรูหราดูแพงขึ้นขณะเดียวกันน้ำหนักก็มีมากขึ้นที่ 555 กรัมซึ่งหนักกว่า Oculus Rift ที่หนัก 470 กรัมและยิ่งบวกกับสายไฟที่อยู่ด้านหน้าด้วยเตรียมตัวไว้ว่าถ้าจะเล่น HTC Vive ก็ต้องเตรียมใจเรื่องการรองรับน้ำหนักในเวลาเล่นนาน ๆ ได้เลย
มาถึงเรื่องสายสายเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่อยู่ด้านหน้าอาจจะดูเกะกะแต่มันก็มีที่รวบสายดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่เมื่อทดลองเล่นกับเกมต่าง ๆ ก็พบอีกว่าผู้เล่นจะต้องระวังพอสมควรเพื่อไม่ให้เดินไปสะดุดสายเข้า ยิ่งเป็นเกมให้ขยับหรือหมุนตัวด้วยก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษหรืออาจจะบอกได้ว่าการใช้ HTC Vive ก็เหมือนกับการเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าบนเวทีที่ต้องจัดการกับสายไฟทั้งหลายแหล่นั่นเอง
การสวมใส่สายรัดศรีษะของ HTC Vive ก็เป็นอะไรที่แย่มากต้องใช้เวลาปรับสายเป็นเวลานานถึงจะพอดีและไม่มีความสบายเท่าไหร่และเมื่อใช้คู่กับหูฟังแล้วก็ยิ่งทำให้เทอะทะเหมือนไม่ได้มีการออกแบบเว้นที่ให้หูฟังเลยแถมทำให้สมดุลของแว่นเสียจนย้อยลงไปทางด้านหน้าส่งผลให้มีมุมมองการมองเห็นภายในแว่นแคบลงแถมที่รองจมูกเพราะมันยังมีแสงเล็ดรอดเข้ามาได้ อย่างไรก็ดี HTC Vive ได้แก้ตัวเรื่องของวัสดุครอบใบหน้าที่นุ่มนวลกว่า Oculus และอีกอย่างที่ HTC Vive ทำได้ดีก็คือมีกล้องด้านหน้าทำให้เห็นสภาพห้องของเราโดยไม่จำเป็นต้องถอดแว่นแต่อย่างใด
ดูทางตัวแว่นไปแล้วก็มาถึงตัวจอยคอนโทรลเลอร์กันบ้างที่เป็นไอเท็มสร้างความสนุกได้ดีมาก ๆ เมื่อเล่นเกมกับรูปทรงเหมือนไม้คฑาจับกระชับมือปุ่มกดอะไรต่าง ๆ เลื่อนไปกดได้ง่ายซึ่งจะทำหน้าที่จับหรือหยิบวัตถุในเกม มีจุดเด่นตรงกลางเป็น Track Pad ที่เหมือนยกมาจาก Steam Controller เลยทีเดียวเมื่อสัมผัสก็ตอบสนองได้ทันทีเป็นธรรมชาติไม่รู้สึกว่าเรากำลังใช้นิ้วลากบนแป้นเลยและนี่ก็อาจจะเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า Oculus Rift ในตอนนี้ด้วย
ส่วนหน้าจอก็จะมีความละเอียดเหมือนกับ Oculus Rift ที่ 1080×1200 มีอัตรา refresh rate 90 Hz ก็ทำให้รู้สึกสบายตาไม่เวียนหัว ส่วนระยะภาพกับความคมชัดก็ไม่หหนีต่างจาก Oculus Rift เท่าไหร่หรือจะเรียกว่าเท่ากันเลยก็ได้รวมไปถึงแสงในเกมก็จัดว่าสว่างแยงสายตาของผู้ใช้เหมือนกันแต่ HTC Vive อาจจะมีภาษีดีกว่าตรงที่หน้าจออินเตอร์เฟซใช้งานง่ายสะดวกในโหมด Big Picture แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นโหมด Desktop ก็ทำได้แต่ความละเอียดภาพจะลดลงครับ
สรุปแล้ว HTC Vive มาด้วยความหนักที่มากกว่าพร้อมกับความยุ่งยากในการสวมใส่ปรับสายรัดให้พอดีก็ใช้เวลานานพ่วงด้วยสายเชื่อมต่อที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงจนอาจรู้สึกว่าเงินจำนวน $800 (28,000 บาท) ที่เสียไปจะคุ้มหรือเปล่าแต่ถึงอย่างนั้นก็ทดแทนด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมเมื่อเล่นกับเกมของ Valve มอบประสบการณ์เหมือนจริงชนิดที่ว่าจัดเต็มไม่มีกั๊กเสริมด้วยการทำงานของจอยคอนโทรลเลอร์ที่กระชับมือการกดปุ่มต่าง ๆ ทำได้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติก็ทำให้ลืมข้อเสียของมันได้ชั่วขณะหนึ่งเลยล่ะครับ
ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า HTC Vive เป็นแว่นที่เน้นการใช้งานมากกว่าดีไซน์ที่สวยงามอย่างแท้จริง
HTC Vive (PC)
ผู้พัฒนา: HTC , Valve
ผู้จัดจำหน่าย: HTC
ราคา: $800 (28,000 บาทโดยประมาณ)
PCGAMER Score: 85/100
ที่มา: PCGAMER