จากการพัฒนามาอย่างยาวนานหลายปีของ Oculus จากโปรเจ็กต์เล็ก ๆ บน KickStarter ตั้งแต่ปี 2012 จนกระทั่งมาถึงปี 2016 แว่นเสมือนจริงก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างพร้อมได้ฤกษ์วางจำหน่ายเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและก็ไม่พลาดที่คราวนี้เราจะได้นำมันมาทดสอบแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที
การทดสอบแว่น Oculus Rift ในครั้งนี้ก็จะมีประเด็นทดสอบหลัก ๆ ก็คือเกมที่เล่น , การดีไซน์ , ความสบายของการสวมใส่แต่ก่อนอื่นใดมาดูการติดตั้งของแว่น Oculus Rift กันก่อนซึ่งก็ทำได้ไม่ยากนัก ตัวคอนโทรลเลอร์ที่เป็นจอยของ Xbox ก็จัดว่าควบคุมได้ดีไม่มีปัญหาอะไรส่วนการเลือกเกมที่จะลงนั้นผู้เล่นต้องลงใน Drive:C เท่านั้นนอกจากนี้ฟีเจอร์ด้านทาง Social ของ Oculus ยังจัดว่าแย่เพราะมันแค่แสดงรายชื่อเพื่อนที่ออนไลน์และออฟไลน์อยู่แต่ไม่สามารถติดต่อหากันได้ไม่ว่าจะเป็นทางแชทหรือส่งข้อตวามเสียง
จากนั้นเรามาเริ่มต้นเกมแรกเลยซึ่งก็คือ EVE: Valkyrie นั่นเองโดยจะเล่นกันแบบ Multiplayer ก็พบว่าการสื่อสารภายในเกมค่อนข้างลำบากเพราะต้องใช้ระยะเวลาส่งข้อความหากันหลายครั้งเลยทีเดียวฉะนั้นคงจะดีกว่าถ้าหากติดตั้ง Skype คุยกันกับเพื่อนดูเหมือนจะได้ผลดีที่สุด ส่วนด้านอื่น ๆ ก็ตอบสนองความมันส์ได้ดีการหันศรีษะไปมาไม่มีความหน่วงหรือมุมมองในห้องนักบินก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เลยครับ
ส่วนเกมอื่น ๆ ที่สนับสนุนกับแว่น Oculus กลับพบว่าเกมส่วนมากยังไม่สามารถดึงประสิทธิภาพของแว่นออกมาได้เต็มที่อย่างเช่น Chronos ที่เป็นเกม RPG มุมมองบุคคลที่สามที่ควรจะทำเป็นเกมเวอร์ชั่นธรรมดาไม่ต้องใช้แว่นจะดีกว่าเพราะตัวเกมเน้นที่ระบบการเล่นสไตล์ RPG เพียว ๆ ซึ่งไม่ได้เน้นหนักพวกบรรยากาศหรือเน้นมนเรื่องที่ Oculus Rift แสดงผลให้ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีเกมรถแข่ง Radical-G ที่อาจจะไม่เหมาะกับแว่น VR เท่าไหร่โดยเฉพาะผู้เล่นบางคนที่เวียนหัวง่ายถ้าหากเล่นเกมนี้ก็อาจจะชวนให้คลื่นไส้ได้ง่าย ๆ ครับเพราะรูปแบบการเล่นเป็นการแข่งรถผาดโผนตีลังกาและมีสีสันฉูดฉาดมาก
จากการแสดงผลกับเกมแล้วมาดูภายนอกกันบ้างกับการออบแบบในสไตล์เรียบหรูและเมื่อนำมาสวมก็พบว่าน้ำหนักของแว่นที่ 470 กรัมก็ไม่ได้รู้สึกหนักจนเกินไปนักและขณะเดียวกันสายรัดศรีษะก็เป็นอะไรที่ใช้งานง่ายกว่าที่คิดโดยเฉพาะสายรัดด้านบนที่ปรับแต่งง่ายและสะดวกจึทำให้การสวมแว่นไม่ทำให้รู้สึกรัดศรีษะมากเกินไป ส่วนทางด้านหูฟังก็จัดวางตำแหน่งในที่ที่เหมาะสมพอดีกับใบหูมากแถมสามารถปิดใบหูของผู้ใช้ได้มิดอีกด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม Oculus Rift ก็ยังมีข้อเสียตรงแผ่นรองด้านในแว่นเมื่อสวมเข้าไปแล้วกลายเป็นว่าเกิดอาการระคายเคืองและวัสดุที่ใช้ก็ไม่นุ่มนวลเอาเสียเลยให้ความรู้สึกว่ามีวงแหวนขนาดใหญ่มาแปะบนใบหน้าหรือจะเป็นเรื่องตำแหน่งของเลนส์ที่ทำออกมาให้คนสายตาปกติเท่านั้นแต่สำหรับคนใส่แว่นแล้วกลายเป็นเรื่องยากลำบากในการมองและเวลาสวมใส่นาน ๆ ก็เริ่มรู้สึกอึดอัด
สำหรับหน้าจอของมันที่มาในความละเอียด 1080×1200 ก็ให้ความละเอียดที่ชัดพอสมควรแต่ว่าจะมีมุมมอง FOV ที่แคบกว่า HTC Vive มากโขโดยเฉพาะในแนวตั้งแต่เมื่อทดสอบกับเกม Blazerush กับ Mario Kart ก็ให้ความเป็นมิติที่เท่าเทียมกัน แสงภายในเกมก็เช่นกันที่ทำให้ผู้ใช้มองเห็นไม่ค่อยชัดซึ่งแสงที่ตกกระทบกับตัวเกมก็ให้ความรู้สึกเหมือนเรายืนมองดวงอาทิตย์ใต้ต้นไม้ที่จะเห็นว่ามีแสงแยงตาเป็นจำนวนมากและใน Oculus Rift ก็เช่นกันเมื่อเล่นเกมที่เน้นแสงสว่างก็ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเบลอมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
สรุปแล้ว Oculus Rift ก็เป็นแว่นเสมือนจริงที่กล้าจะฉีกแนวการเล่นเกมแบบเดิม ๆ โดยเพิ่มเติมประสบการณ์เหมือนจริงเข้าไปแม้ว่าในตอนนี้ตัวเกมที่รองรับอาจจะยังไม่มากและใช้ประสิทธิภาพของแว่นได้ไม่เต็มที่นักแต่ก็เป็นก้าวแรกที่ดีการออกแบบทำได้สวยงามใช้งานง่ายสบายศรีษะแต่อาจจะติดขัดตรงที่วัสดุครอบตรงใบหน้าที่ควรจะปรับปรุงด่วนและมุมมองภายในแว่นที่คับแคบถ้าเทียบกับ HTC Vive ถึงแม้ว่าในตอนนี้ข้อเสียของมันจะเยอะไปหน่อยแต่เชื่อว่าถ้าหาก Oculus ปรับปรุงมันให้ดีขึ้นมันก็จะกลายเป็นสุดยอดอุปกรณ์การเล่นเกมในอนาคตได้อย่างแน่นอนครับ
Oculus Rift (PC)
ผู้พัฒนา: Oculus
วางจำหน่าย: 28 มีนาคม 2016
ราคา: $600 (21,000 บาท)
PCGAMER Score: 75/100
ที่มา: PCGAMER