Connect with us

Hi, what are you looking for?

Tips & Tricks

แนะนำ 20 คีย์ลัด (Hotkey) ที่ใช้งานบ่อยๆ บน Windows 10

สำหรับ Windows 10 เอง ก็นำมาซึ่งฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการใช้คีย์บอร์ดที่เป็นทางลัดในการทำงาน โดยที่มีคีย์ลัดในการใช้งานนั้นก็จะทำให้การใช้ Windows 10 ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย

สำหรับ Windows 10 เอง ก็นำมาซึ่งฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการใช้คีย์บอร์ดที่เป็นทางลัดในการทำงาน โดยที่มีคีย์ลัดในการใช้งานนั้นก็จะทำให้การใช้ Windows 10 ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และลดเวลาการทำงานลงไปได้มาก ที่สำคัญยังประหยัดการใช้พลังงานลงอีกด้วย

windows-10-backdrop-600

Advertisement

ซึ่งหากมองไปที่ฟีเจอร์ในการทำงานแล้ว Windows 10 ยังมีกบูกเล่นที่เป็นชอร์ตคัตอีกมากมาย ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น เช่น Action Center, Cortana, Task View และ Virtual Desktop โดยที่ส่วนใหญ่จะยังคงได้รับความนิยมในการใช้งานผ่านคีย์ลัด ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบคีย์บอร์ดชอร์ตคัทเป็นชีวิตจิตใจ ก็จะทราบได้ดีว่าเรื่องของการใช้ชอร์ตคัทเหล่านี้ที่อาจมีถึง 20 รูปแบบ จะช่วยให้การใช้งานบน Windows 10 ทำได้ง่ายมากขึ้น

Windows 10-build-10130 (3)

แม้ว่าในหลายส่วนจะเป็นชอร์ตคัทสำหรับการทำงานที่มากับ Windows เก่าๆ หลายรุ่นก็ตาม แต่ก็เขื่อว่าเป็นมาตรฐานสำหรับการทำงานที่ได้รับความนิยม อาจเป็นตั้งแต่ Windows 7 จนถึง Windows 8.1 แต่ก็สามารถช่วยให้การควบคุมและทำงานได้ง่ายขึ้นและลดการใช้พลังงานจากการที่ต้องใช้เมาส์มาทำงานแทนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

windows 10 tp review 05 600

ฟีเจอร์ใหม่และชอร์ตคัทที่ใช้บน Windows 10
Windows key + A: เปิดการทำงานของ Action Center
Windows key + C: เปิดการทำงานของ Cortana ในส่วนของ listening mode (สำหรับการสั่งงานด้วยเสียง voice commands)
Windows key + I: เปิดการทำงานของ Settings app
Windows key + S: เปิดการทำงาน Cortana
Windows key + Tab: เปิดระบบ Task View
Windows key + Ctrl + D: สร้างหน้าเดสก์ทอปใหม่ใน virtual desktop
Windows key + Ctrl + F4: ปิดหน้า desktop นั้นๆ
Windows key + Ctrl + left or right arrow: สลับหน้าการทำงานของ Virtual desktops

Windows 10 snap-3

ชอร์ตคัทมาตรฐานบน Windows
Windows key (Windows 7 and up): เปิด/ปิดการทำงานของ Start Menu
Windows key + X (Windows 8.1 and 10): เปิด/ปิด ปุ่มคลิกขวา Context Menu
Windows key + left or right arrow (Windows 7 ขึ้นไป): เป็นการ Snap หน้าต่างไปตามมุมต่างๆ ของหน้าจอ
Windows key + E (Windows 7 and up): เปิดการทำงานของ Launch File Explorer
Windows key + L (Windows 7 and up): เปิดการทำงานของหน้าจอ Desktop
Alt + PrtScn (Windows 7 and up): จับภาพหน้าจอในขณะที่ใช้งานอยู่แล้ว Copy ลงบน Clipboard
Windows key + PrtScn (Windows 8.1 and 10): จับภาพหน้าจอ แล้วเซฟลงบนคอมพิวเตอร์ > Pictures > Screenshots

Microsoft-Edge-Windows10-Browser

ชอร์ตคัทบน Browser (ทำงานบน MS Edge และเบราว์เซอร์อื่นๆ)
Ctrl + T: เปิดช่องแท็ปใหม่
Ctrl + D: จัดเก็บหน้า Bookmark ที่ต้องการ
Ctrl + L: ทำไฮไลต์บน URL (สำหรับการก็อปปี้ URL ที่ต้องการใช้)
Ctrl + Tab: กลับไปที่หน้าแรกของแท็ปที่เปิดไว้
Ctrl + Enter: เป็นการใส่ “.com” เอาไว้ที่ท้าย web address (เช่น พิมพ์ ‘google’ แล้วตามด้วย Ctrl + Enter ก็จะกลายเป็น google.com)

ที่มา : pcworld

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

วิธีอัดหน้าจอคอมอัดเกม Screen recorder หน้าจอ แคปเจอร์วีดีโอ Windows 11 อัดหน้าจอคอมให้อยู่ในรูปแบบของวีดีโอ ปัจจุบันมีวิธีมากมายให้ใช้ เริ่มต้นจากฟีเจอร์บน Windows 11 หรือ Windows 10 ก็จัดว่าเพียงพอต่อการใช้งานในเบื้องต้น แต่หลายคนก็เลือกวิธีการลงแอพฟรีเสริมให้การแคปเจอร์หน้าจอ หรือบันทึกวีดีโอหน้าจอทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดีในครั้งนี้เราเสนอไอเดียไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการอัดหน้าจอในแบบง่ายๆ ไว้เป็นทางเลือกหลายๆ รูปแบบ มีทั้งเน้นงานด่วน งานไว รวมถึงงานที่ต้องการความละเอียดก็มีให้...

Mac Corner

ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ไม่ว่าจะ Windows หรือ MacBook ทุกคนย่อมกดคีย์ลัดสั่งการให้คอมของตัวเองทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแน่นอน ถ้าใช้คอมมานานแล้ว คีย์ลัด Mac ก็ยังใช้วิธีกดปุ่มคำสั่ง 2-3 ปุ่มรวมกัน แค่เปลี่ยนชื่อกับภาพไอคอนปุ่มคำสั่ง (Modifier) บางปุ่มให้เป็นตามแบบฉบับของ Apple เอง คนที่ย้ายจาก Windows มาใช้ macOS ก็ใช้เวลาปรับตัวเรียนรู้คีย์ลัดสักระยะก็ใช้งานได้ถนัดอย่างแน่นอน ก่อนจะเริ่มใช้งานคีย์ลัด Mac...

How to

ในยุคนี้ใครๆ ก็ต้องมีโน๊ตบุ๊คเอาไว้ทำงานสักเครื่อง แต่จะซื้อมือหนึ่งแล้วต้องรอให้ถึงช่วงโปรโมชั่นก็ไม่ไหวหรือถึงจะลดราคาแล้วก็ยังจ่ายไม่ไหวก็มี โน๊ตบุ๊คมือสองจึงกลายเป็นทางเลือกของผู้ใช้หลายๆ คนที่ต้องการคอมสเปคดีราคาไม่แรงเอาไว้ทำงานสักเครื่อง ซึ่งช่องทางหาซื้อในปัจจุบันก็มีตั้งแต่วิธีคลาสสิคอย่างไปซื้อจากหน้าร้านคอมมือสองตามห้างไอที, ค้นหาทางเว็บไซต์เว็บบอร์ดไปจนตามหาซื้อในกลุ่ม Facebook และ Marketplace แล้วนัดเจอรับสินค้าก็ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าคิดว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คจากร้านมือสองหรือต่อจากคนอื่น นอกจากโฟกัสให้ได้ราคาที่ตั้งใจเอาไว้ก็ต้องดูสเปคให้พอดีกับงานของเราด้วย ซึ่งวิธีง่ายสุดก็ให้ดูก่อนว่าในเครื่องเป็น Windows 11 แล้วหรือยัง จะได้อัปเดตแพทช์รักษาความปลอดภัยได้เรื่อยๆ หรือถ้าสเปคน่าสนใจแต่ยังเป็น Windows 10 ก็เช็คจากตารางซีพียู AMD, Intel...

How to

โลกในตอนนี้ไม่สามารถตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตได้เลยไม่ว่าจะเรื่องงานหรือความบันเทิงก็ต้องใช้มันทั้งนั้น แต่อุปกรณ์ไอทีทุกชิ้นต่างต้องรีเซ็ตสัญญาณเน็ตบ้างให้อุปกรณ์ได้โหลดการตั้งค่ากลับมาใหม่อีกครั้งเป็นระยะๆ เพื่อให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการรีเซ็ตสัญญาณจะคล้ายกับวิธีการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ต่อ Wi-Fi ไม่ได้ แต่ในบทความนี้จะเน้นเรื่องลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาเน็ตบ้านหรือเน็ตออฟฟิศใช้งานไม่ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นก่อนติดต่อช่างให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในภายหลัง เมื่อไหร่ต้องรีเซ็ตสัญญาณเน็ต? ทำแล้วดีอย่างไร? การรีเซ็ตสัญญาณอินเทอร์เน็ตนอกจากการปิดเปิดเราเตอร์ ก็รวมถึงการรีเซ็ตในระบบปฏิบัติการด้วย ถ้าไดรเวอร์มีปัญหาสามารถกด Roll Back driver หรือโหลดมาติดตั้งใหม่จะช่วยแก้ปัญหาได้ ถ้ารีเซ็ตสัญญาณแล้วใช้งานไม่ได้ อาจเกิดปัญหาจาก Node กระจายสัญญาณของผู้ให้บริการก็ได้ เมื่อติดตั้งเน็ตบ้านเอาไว้แล้ว แนะนำให้ขอบัญชีและรหัสผ่านเอาไว้เข้าไปตั้งค่าเราเตอร์เผื่อไว้ด้วย 6 วิธีรีเซ็ตสัญญาณเน็ตด้วยตัวเอง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก