ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของโน๊ตบุ๊คที่มีความบางเบาเป็นพิเศษแล้ว เชื่อได้เลยว่าเพื่อนๆ ต้องนึกถึง Ultrabook ที่เป็นโน๊ตบุ๊คมาตรฐาน Intel ที่มีหลายผู้ผลิตด้วยกัน หรือไม่ก็จะเป็นในส่วนของ MacBook Air ซึ่งเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ Mac ของ Apple ที่ขายดีที่สุดแน่นอน
ซึ่งถ้าใครกำลังจะซื้อโน๊ตบุ๊คซักเครื่องที่เน้นในเรื่องของความบางและเบาของตัวเครื่อง พร้อมทั้งฟีเจอร์อื่นๆ ควรมีแล้วล่ะก็ ในบทความนี้เราจะมาบอกกันว่า คุณเหมาะสมกับ Ultrabook หรือ MacBook Air กันแน่ ที่ต้องบอกว่าจะเป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อของเพื่อนๆ เป็นอย่างดี แต่ก่อนอื่นเรามาดูลักษณะเด่นของ Ultrabook และ MacBook Air กันดีกว่า ว่ามีส่วนไหนเหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง
เริ่มที่ฝั่ง Ultrabook กันก่อน
- Ultrabook มีหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นระดับสูง กลาง ล่าง
- Ultrabook มีหลายช่วงราคาตั้งแต่ประมาณ 30,000 จนไปถึง 80,000 บาท
- Ultrabook มีหลายสเปก ตั้งแต่ซีพียู Intel Core i3, i5, i7 และยังมีแบบกราฟิกแยก
- Ultrabook มีผู้ผลิตหลายค่าย อย่าง Acer, ASUS, Dell, HP, Lenovo, Samsung และ Toshiba
- Ultrabook มีทั้งแบบจอทัชสกรีนจนไปถึง Ultrabook แบบไฮบริด
- Ultrabook มีรุ่นที่เป็นหน้าจอพาเนล IPS ที่ให้สีสันสวยงาม และจอที่ละเอียดกว่า
- Ultrabook มีรุ่นที่เป็นขนาดหน้าจอ 14″ ให้เลือกซื้อ
- Ultrabook ไม่สามารถสั่งอัพเกรดสเปกตอนซื้อได้
- Ultrabook มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ลิขสิทธิ์
- Ultrabook มีรุ่นที่บางและเบากว่า MacBook Air
- Ultrabook บางรุ่นที่เป็นรุ่นใหม่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 8-12 ชั่วโมง
- MacBook Air มีเพียง 4 รุ่นให้เลือก คือหน้าจอ 11″ 2 รุ่น และ 13″ 2 เท่านั้น
- MacBook Air มีช่วงราคาที่ประมาณ 30,000 – 40,000 บาทเท่านั้น
- MacBook Air มีสเปกเดียวให้เลือกคือ Core i5 ต่างกันที่ความจุของ SSD เท่านั้น
- MacBook Air มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวคือ Apple
- MacBook Air ไม่มีแม้แต่รุ่นที่เป็นหน้าจอทัชสกรีน
- MacBook Air สามารถสั้งอัพเกรดสเปกตอนซื้อได้ทั้ง CPU, RAM, SSD
- MacBook Air ติดตั้งกราฟิกการ์ดแบบออนบอร์ดที่แรงกว่ามาให้
- MacBook Air มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS X จากโรงงาน
- MacBook Air สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows ภายหลังได้
- MacBook Air ที่ฮาร์ดเคสหรืออุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกซื้อเพิ่มเติม
- MacBook Air ใช้แบตเตอรี่ได้ยาวนานสูงสุดที่ 12 ชั่วโมง
รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับเลือกซื้อ Ultrabook
สำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ใช้งานเน้นในส่วนของงานเอกสารเป็นหลัก ต้องบอกว่า Ultrabook ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows นั้นยังทำตรงนี้ได้ดีกว่า แม้ว่า MacBook Air จะสามารถติดตั้ง Windows ได้เพิ่มเติม แต่ก็เสียเวลาในการสลับระบบปฏิบัติการไปมา รวมไปถึงยังต้องเสียพื้นที่ในกการติดตั้งทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการอีกด้วย
นอกจากนี้ถ้าใครต้องการใช้งานโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เหนือกว่าในเรื่องของประสบการณ์การใช้งานหน้าจอทัสกรีนแล้ว แน่นอนว่า Ultrabook สามารถตอบโจทย์นี้ได้ดีกว่ามากกว่า รวมไปถึงการใช้งานแบบไฮบริดที่มีเพียง Ultrabook (บางรุ่น) เท่านั้นที่ทำได้ โดยที่เราสามารถใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คแบบปกติหรือ พับ หมุน ถอดหน้าจอให้กลายเป็นแท็บเล็ต Windows 8 ได้
อีกทั้งถ้าใครต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาแต่ขนาดหน้าจอ 14″ โดยมาพร้อมกราฟิกการ์ดแบบแยกแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่ามีเพียง Ultrabook เท่านั้นที่ตอบโจทย์ ส่วนว่าจะเลือกของค่ายไหนหรือรุ่นใดก็สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ ตามงบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ตั้งแต่สองหมื่นบาทกลางๆ จนไปถึงระดับแปดหมื่นได้
สุดท้ายหากใครต้องการเลือกใช้งานซีพียูที่ไม่ว่าจะเป็น Intel Core i3, i5, i7 ตามใจชอบ ที่สำคัญสำหรับใครต้องการโน๊ตบุ๊คที่บางเบาที่สุดในตลาดและหน้าจอสีสันสวยสมจริงด้วยพาเนล IPS รวมถึงหน้าจอระดับ Full HD ขึ้นไป แล้วล่ะก็ Ultrabook จะเป็นตัวเลือกให้การซื้อหาได้ดีกว่า เพราะส่วนตรงนี้ MacBook Air ไม่สามารถให้ได้
อย่างไรก็ตาม Ultrabook ก็ยังีมข้อจำกัดในเรื่องของการอัพเกรดสเปก ที่ไม่สามารถทำได้เลย เพราะโดยส่วนมากแล้ว Ultrabook จะมีแรมขนาด 4GB เท่านั้น (แต่บางรุ่นก็ได้ 8GB แล้วนะ) คนอยากเพิ่มแรมเป็น 8GB หรือสเปกอื่นๆ อย่างซีพียูหรือ SSD นั้นใน Ultrabook รุ่นนั้นๆ จะไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน เรียกได้ว่าซื้อมาเท่าไหร่ก็ใช้งานได้เท่านั้น
รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับการเลือกซื้อ MacBook Air
ต้องการใช้งานระบบปฏิบัติการ Mac OS X ที่มีความสเถียรและปัญหากวนใจน้อยกว่า Windows เป็นหลัก ซึ่งตอบสนองในเรื่องของการทำงานผ่านหน้าเว็บไซต์ ทำกราฟิก หรือเขียนโปแกรมเฉพาะทาง แต่ในบางครั้งก็ยังต้องการใช้งาน Windows บางเป็นครั้งคราวด้วยการติดตั้งผ่านทาง Bootcamp โดยไม่เน้นในส่วนของการใช้งานหน้าจอทัชสกรีนแต่อย่างใดเลย (เพราะยังไงก็ทัชไม่ได้)
รวมไปถึง MacBook Air ยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก เพราะความที่เป็นผลิตภัณฑ์ Mac จากทาง Apple นั้น ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีระดับเดียว คือระดับสูงเท่านั้น ทำให้ในส่วนของของงานประกอบ วัสดุที่ใช้ จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง อีกทั้งในส่วนของราคาก็มีราคาที่เริ่มต้นไม่สูงมากเพียง 31,900 บาท สำหรับขนาดหน้าจอ 11″ และ 34,900 บาท ที่เป็นขนาดหน้าจอ 13″
นอกจากนี้ถ้าใครต้องการอัพเกรดสเปก MacBook Air ก็สามารถทำได้ตอนสั่งซื้อกรณีต้องการใช้งานมากกว่าสเปกทั่วไปที่ Apple มีให้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเปลี่ยนซีพียูจาก Intel Core i5 เป็น Intel Core i7 หรือเพิมแรมจาก 4GB เป็น 8GB และเพิ่มความจุ SSD เป็นที่ความจุสูงสุดที่ 512GB ก็สามารถทำได้เช่นกัน และที่สำคัญคือ MacBook Air ทุกรุ่นมาพร้อมกราฟิกการ์ดออนบอร์ดที่แรงกว่า Ultrabook ทุกรุ่น (MacBook Air ใช้เป็น Intel HD Graphics 6000 แต่ Ultrabook จะเป็น Intel HD Graphics 5500 หรือ 5600เ ท่านั้น)
ที่สำคัญถ้าใครชอบตกแต่งให้โน๊ตบุ๊คของตัวเองใส่ฮาร์ดเคสล่ะก็ MacBook Air ต้องบอกว่ามีหลายรุ่นหลายสีหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อได้ตามพอใจเลย อีกทั้งยังมีของแต่งอื่นๆ อย่าง ซิลิโคนคีย์บอร์ดหลากหลายสี แผ่นปิดกันรอยที่พักข้อมือ และจุกยางกันฝุ่นอีกด้วย
เอาเป็นว่าหลังจากที่เพื่อนๆ ได้อ่านบทความข้างต้นกันไปแล้ว คงตัดสินใจเลือกซื้อ Ultrabook หรือ MacBook Air กันไม่ยากแล้วใช่ไหมครับ เพราะสรุปสั้นๆ คือ ไม่มีอะไรดีไปกว่ากัน มีแต่ว่าอะไรเหมาะสมกับเรามากกว่า ฉะนั้นก็อย่าไปเถียงกันให้เสียเวลาเลย
คราวนี้ปิดท้ายเราก็จะมาแนะนำคู่ชกที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน (ณ เวลาที่เขียนบทความนี้) ของโน๊ตบุ๊คบางเบาอย่าง HP Pavilion 13-b208TU ที่เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า MacBook Air 13 เลย ด้วยชิปประมวลผลรุ่นใกล้เคียงกัน แต่ในส่วนของแรมจะมีขนาดที่ 8GB และ SSD ความจุที่ 256GB ซึ่งจะว่าไปก็ดีกว่า MacBook Air สองเท่าด้วยซ้ำ (แต่ไม่มี Windows นะ) ที่สำคัญยังมีราคาเพียง 25,990 บาทเท่านั้น ซึ่งถูกกว่า MacBook Air 13 นิ้วไปหลายพันบาท แม้กราฟิกการ์ดและวัสดุจะเป็นรอง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและน่าสนใจมากทีเดียวครับ สำหรับ HP เครื่องนี้
หรือถ้าใครอยากได้ MacBook ที่ดูพรีเมียมกว่า MacBook Air 13 ทั้งประสิทธิภาพและการใช้งาน MacBook Pro Retina 13 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท