MSI Sword 15 A11UD เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สวยเรียบหรู แต่แรงใช่เล่น แม้จะเป็น RTX 3050 Ti ก็เอาเกม AAA ยุคนี้อยู่หมัด!
MSI Sword 15 A11UD เองก็เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นนอกจาก MSI Katana GF76 ที่คุณ Nagano Tsuyoshi นักออกแบบชาวญี่ปุ่นผู้ออกแบบปกเกม “Romance ot the Three Kingdom V” เป็นคนดีไซน์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งคงคอนเซปท์ดีไซน์ “Dragon Blade” ให้ความสวยงามเรียบง่าย เหมาะกับเกมเมอร์ที่อยากได้เครื่องสวยสเปคแรงแต่หน้าตาไม่หวือหวาเกินไป ก็ถือว่าเครื่องนี้น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
นอกจากเรื่องดีไซน์แล้ว สเปคและฟีเจอร์ที่เอื้อการเล่นเกมก็ยังให้มาแบบจัดเต็มสมกับชื่อชั้น MSI เช่นเดิม ไม่ว่าจะ Intel Resizable BAR ที่เปิดให้ซีพียูโหลดฉากในเกมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น, การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3000 Series ที่มี Ray Tracing ให้ฉากในเกมสวยงามกว่าเดิมและช่วยเรื่องประมวลผลตอนทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ, หน้าจอขอบบางกับค่า Refresh Rate สูงถึง 144 Hz เลือกขนาดหน้าจอได้ทั้ง 15.6 หรือ 17.3 นิ้ว กับระบบเสียง Hi-Res ช่วยเสริมอรรถรสตอนเล่นเกมให้ดีกว่าเดิมรวมทั้งไฟ LED Backlit สีฟ้าที่คีย์บอร์ด ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้เรียกว่าได้มาแบบเต็มเครื่องและคุ้มค่ากับค่าตัว 44,990 บาท
NBS Verdict
ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแล้ว MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ถ้าใครต้องการซื้อไปทำงานหรือเล่นเกมก็เวิร์คทั้งคู่ เพราะนอกจากดีไซน์จะสวยเรียบง่ายไม่หวือหวาดูเยอะเกินไปเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่น จะมีอย่างมากก็แค่โลโก้มังกรอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำเป็นลายบนฝาหลังของตัวเครื่องที่บอกความเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเท่านั้น นอกจากนั้นถือว่าเรียบหรูดูดีไม่หยอก
ส่วนสเปคที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คก็ถือว่าหายห่วง ซึ่งถ้าใครเอาไปทำงานตัดต่อคลิป, แต่งภาพหรือเรนเดอร์ 3D CG ก็หวังผลได้เลยว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สามารถเรนเดอร์งานได้ไหลลื่นไม่พอ ยังเล่นเกม AAA ปรับความละเอียด Full HD ได้ภาพไหลลื่นระดับ 60 fps ขึ้นไปแน่นอนและจะต่อหน้าจอแยกก็ได้ ในฝั่งของการอัพเกรดก็มีพอร์ตมารองรับครบถ้วน นอกจากนี้ยังเลือกขนาดหน้าจอได้ว่าจะเอาแค่ 15.6 นิ้ว พกง่ายใช้คล่องหรือจะเอาใหญ่ๆ ไปเลยจะได้เห็นภาพบนจอได้เต็มอิ่มสะใจ จะเลือกรุ่น 17.3 นิ้วก็ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตที่ต้องยอมรับเมื่อคิดว่าจะซื้อ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้มาเล่นเกม คือเรื่องอุณหภูมิตอนเล่นเกมจะค่อนข้างสูงแลกกับเฟรมเรทตอนเล่นเกมที่สูงลื่นไหล ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนแนะนำว่าตอนเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ก็วางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คเพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดียิ่งขึ้นจะช่วยได้อย่างแน่นอน และรุ่นเริ่มต้นที่ใส่การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti จะมีพอร์ต M.2 NVMe กับ 2.5″ SATA III SSD เท่านั้น ไม่ใช่ M.2 NVMe SSD x 2 ช่องเหมือนรุ่น GeForce RTX 3060 ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่าเป็นการจัดสเปคที่แอบกั๊กของไปบ้าง ถ้าในรุ่นปรับปรุงสเปคแล้วให้เป็น M.2 NVMe SSD x 2 ช่องทุกรุ่นเลย เชื่อว่าจะคุ้มค่าน่าสนใจกว่าเยอะมาก และเป็นไปได้ก็ควรมีพอร์ต SD Card Reader ใส่มาให้สักช่องจะยอดเยี่ยม
จุดเด่นของ MSI Sword 15 A11UD
- ดีไซน์สวยเรียบหรูสวยงามไม่ดูเกมมิ่งจนเกินไปด้วยฝีมือการออกแบบของคุณ Nagano Tsuyoshi จึงพกไปทำงานหรือเล่นเกมก็ไม่สะดุดตาเกินไป
- ใส่ฟีเจอร์เอื้อการเล่นเกมทั้ง NVIDIA Ray Tracing, Intel Resizable BAR มาให้ ช่วยให้โหลดฉากได้เร็วและสวยงาม
- ติดตั้งแรมมาให้ 16GB แบบ 8GB*2 ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัพเกรดได้สูงสุด 64GB DDR4
- ซีพียูเป็น Intel Core i7-11800H เล่นเกม AAA หรือเปิดโปรแกรมหนักๆ ก็ทำได้สบายๆ
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti ประสิทธิภาพสูงพอเล่นเกม AAA ที่ความละเอียด Full HD ได้อย่างไหลลื่นแน่นอน
- ดีไซน์ปุ่ม Ctrl ฝั่งซ้ายมือเป็นปุ่มแบบยาวกว่าปกติ ทำให้กดเวลาเล่นเกมได้สะดวกขึ้น
- มีชิป TPM 2.0 สามารถอัพเกรด Windows 10 Home เป็น Windows 11 ได้อย่างแน่นอน
- น้ำหนักตัวเครื่องราว 2.2 กิโลกรัม ถือว่าไม่หนักมาก พกไปทำงานและเล่นเกมได้สะดวก
- กางหน้าจอได้ 180 องศา ราบกับพื้นโต๊ะได้ ทำให้เวลาเอาไปทำงานสามารถแชร์หน้าจอให้เพื่อนเห็นได้สะดวกขึ้น
- มีฟังก์ชั่นเปิด Crosshair บนหน้าจอเอาไว้ช่วยเล็งตอนเล่นเกม FPS ทำให้เล่นเกมได้สะดวกขึ้น
ข้อสังเกตของ MSI Sword 15 A11UD
- อุณหภูมิในตัวเครื่องค่อนข้างร้อน แนะนำว่าถ้าเล่นเกมหลายชั่วโมงควรมีที่วางโน๊ตบุ๊คไว้ระบายความร้อนด้วย
- รุ่นเริ่มต้นมีช่อง M.2 NVMe SSD กับ 2.5″ SATA III SSD อย่างละช่อง ต้องเป็นรุ่นที่ติดตั้ง RTX 3060 ขึ้นไปถึงจะเป็น M.2 NVMe x 2 ช่อง
- ไม่มี SD card reader ติดตั้งมาให้ ถ้าต้องการโอนไฟล์จากกล้องหรือมือถือต้องใช้อุปกรณ์เสริม
รีวิว MSI Sword 15 A11UD
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
สเปคของ MSI Sword 17 A11UD เครื่องนี้ จะแชร์สเปคร่วมกันในซีรี่ส์แทบทั้งหมด แตกต่างกันเรื่องขนาดของหน้าจอที่เลือกได้ว่าจะเป็น 15.6 หรือ 17.3 นิ้ว ซึ่งนอกจากดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยเรียบหรูแล้ว สเปคที่ได้ก็ถือว่าแรงระดับเล่นเกมต่างๆ ได้สบายๆ รวมทั้งมีตัวเลือกสเปคให้เลือกหลายระดับตามความต้องการอีกด้วย
ซีพียูของเครื่องที่ได้รับมาทดสอบเป็น Intel Core i7-11800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.3-4.6 GHz จับคู่กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 ติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB ติดตั้ง Windows 10 Home มาให้พร้อมใช้งาน ติดตั้งแรมมาให้ 16GB DDR4 บัส 3200 MHz ส่วนหน้าจอมีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 ได้ด้วย เรียกว่าเป็นสเปคที่แรงระดับเล่นเกม AAA ได้ ทำงานก็ลื่นไหลอย่างแน่นอน
สเปคของ MSI Sword 15 A11UD
- ซีพียู Intel Core i7-11800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.3-4.6 GHz
- การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6
- SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB
- แรม 16GB DDR4 บัส 3200 MHz
- หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz
- พอร์ตเชื่อมต่อมี USB 2.0, USB-A 3.2 x 2, USB-C 3.2 x 1, HDMI x 1
- เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
- ราคา 44,990 บาท (BaNANA)
Hardware & Design
ดีไซน์ตัวเครื่องของ MSI Sword 15 A11UD จะเน้นเรื่องความขาวสวยเรียบง่ายด้วยฝีมือการออกแบบของคุณ Nagano Tsuyoshi ทำให้ดีไซน์จะเล่นขอบทำมุมต่างๆ ให้ความรู้สึกถึงดาบตามชื่อรุ่นด้วย จะเห็นว่าตรงขอบล่างของตัวเครื่องถัดจากทัชแพดจะมีขอบเว้าเข้าเล็กน้อยและเล่นมุมโค้งเล็กน้อยตรงที่วางมือด้านซ้ายขวาจนดูเหมือนโค้งปลายดาบและมีช่องเจาะที่ตัวเครื่องด้านบนเสริมการระบายอากาศและเป็นกิมมิคของการดีไซน์ด้วย
นอกจากนี้การเว้าส่วนฐานตัวเครื่องใต้ทัชแพดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้เราสามารถใช้นิ้วดึงเปิดหน้าจอได้สะดวก และทางบริษัทเองก็บาลานซ์น้ำหนักทั่วตัวเครื่องได้ดีเลยทำให้ตอนดึงเปิดหน้าจอแล้วตัวเครื่องไม่กระดกตาม
สีของตัวเครื่องจะเป็นทูโทน คือตัวเครื่องด้านบน, ฝาหลังตัวเครื่องจะเป็นสีขาว ส่วนกรอบหน้าจอและด้านใต้ตัวเครื่องจะเป็นสีดำ มีโลโก้มังกรของ MSI ที่จะติดเอาไว้บนฝาหลังตัวเครื่องแบบสลักเอาไว้บนตัวฝาหลังเลยไม่ใช่เพลทอลูมิเนียมแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นของทางค่าย ดังนั้นต่อให้ใช้ไปหลายๆ ปีก็ไม่มีหลุดร่อนหายแน่นอน
ส่วนฐานขาหน้าจอที่ออกแบบโดยไม่มีบอดี้ขวางฐานหน้าจอจึงกางได้กว้างถึง 180 องศา เป็นดีไซน์เดียวกับโน๊ตบุ๊คสาย MSI Modern Series ที่กางหน้าจอได้กว้างระดับเดียวกัน ซึ่งข้อดีของการกางหน้าจอได้กว้างระดับนี้ คือทำให้กางหน้าจอให้มองเห็นได้สะดวกทั้งการวางบนที่วางโน๊ตบุ๊คหรือถ้าเอาไปทำงานแล้ววางบนโต๊ะเพื่อให้คนที่ประชุมงานร่วมกันสามารถมองเห็นภาพบนหน้าจอได้สะดวกขึ้นอย่างแน่นอน
ด้านใต้ตัวเครื่องจะเป็นฝาบอดี้สีดำพร้อมฉลุลายรังผึ้งเอาไว้เป็นช่องดึงอากาศเย็นเข้าเครื่องไประบายความร้อนในตัวเครื่อง ติดขอบยางยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเอาไว้ 4 มุมและขันล็อคฝาท้ายเอาไว้ด้วยน็อตแฉกบวกแบบ Philip head จำนวน 11+1 ตัว โดยมีน็อตสีเงินที่มุมบนขวาใกล้ฮีตไปป์ในภาพเป็นตัวสั้นที่ขันฝาใต้ตัวเครื่องเข้ากับตัวรับน็อตใกล้กับพัดลมโบลวเวอร์ ซึ่งเราสามารถใช้ไขควงและการ์ดแข็งจัดการแกะมาเพิ่ม SSD, RAM ได้โดยสะดวก
ซึ่งการออกแบบโดยใส่น็อตแบบที่หาไขควงขันออกได้ง่ายแบบนี้ ทำให้ User สามารถเปิดฝาอัพเกรดตัวเครื่องได้สะดวกและไม่ต้องหาไขควงแบบพิเศษมาใช้งานเลย นอกจากนี้ช่องระบายอากาศยังถือว่ากว้างพอให้นำลมเย็นเข้าไประบายความร้อนได้ดีอีกด้วย ดังนั้นถึงความร้อนในตัวเครื่องจะสูงสักหน่อยก็เล่นเกมต่อเนื่องได้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
Screen & Speaker
หน้าจอของ MSI Sword 15 A11UD จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 15.6 หรือ 17.3 นิ้ว แต่รุ่นที่ได้รับมาทดสอบจะเป็นขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz ทำให้ภาพบนหน้าจอตอนทำงานและเล่นเกมไหลลื่นต่อเนื่องขึ้น และความสว่างตอนทดลองใช้งานในห้องอาคารสำนักงานก่อนวัดด้วย Spyder5Elite ต้องถือว่าสว่างกำลังดีทีเดียว
ดีไซน์กรอบหน้าจอจะเห็นว่าเป็นแบบจอบจอสองข้างบางเป็นพิเศษ เพิ่มพื้นที่การมองเห็นให้กว้างยิ่งขึ้น ติดกล้อง Webcam เอาไว้ขอบบนของหน้าจอสำหรับใช้ประชุมออนไลน์หรือใช้เป็นกล้องไลฟ์สตรีมก็ได้ ไม่ได้ตัดออกแบบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่นในปัจจุบันนี้ และขอบล่างของหน้าจอจะสกรีนคำว่า MSI เอาไว้ ส่วนการออกแบบขอบหน้าจอบางจะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนิยมทำกันเพราะว่าเพิ่มพื้นที่การมองเห็นและทำให้ตัวเครื่องดูไม่หนาเทอะทะเกินไป ให้ความรู้สึกเพรียวบางลงอีกด้วย
ส่วนขอบเขตสีและความสว่างของหน้าจอ เมื่อทดสอบด้วย Spyder5Elite แล้ว จะเห็นว่าขอบเขตสีของหน้าจอ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ จะอยู่ที่ระดับกลางๆ ไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ เครื่อง ได้ 61% sRGB, 46% AdobeRGB, 45% DCI-P3 จัดว่าอยู่ระดับกลางๆ สามารถใช้แต่งภาพขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้บ้าง แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่ต้องใช้ทำงานจริงจังอย่างช่างภาพ, นักวาดหรือคนที่ต้องปั้นโมเดล 3D CG ให้ทำงานบนหน้าจอนี้โดยตรงนัก ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ต่อหน้าจอแยกที่ขอบเขตสีกว้างและแม่นยำกว่านี้จะดีกว่า
ด้านความสว่างหน้าจอของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เมื่อเปิดความสว่างไว้ 100% จะสว่างที่ 172 nits เท่านั้น ถือว่าน้อยกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นที่ปัจจุบันอยู่ราว 200-250 nits ขึ้นไป แต่ถ้าใช้งานหรือเล่นเกมในห้องนอนหรือเอาไปทำงานในออฟฟิศก็ถือว่าสว่างระดับหนึ่ง แต่ไม่แนะนำให้ใช้งานกลางแจ้ง เช่นเอาไปพิมพ์งานที่เฉลียงหน้าร้านกาแฟ เพราะความสว่างบนหน้าจอยังไม่สว่างระดับพอสู้กับแสงแดดนัก
ส่วนจุดที่น่าสังเกตเป็นพิเศษ คือ พื้นที่ความสว่างเมื่อแบ่งเป็นตาราง 9 ช่อง จะเห็นว่าพื้นที่ความสว่างของหน้าจอฝั่งซ้ายสุดในแนวตั้งทั้งโซนและกรอบตรงกลางบนของหน้าจอเท่านั้นที่อัตราความสว่างจะลดลงเพียงหลักหน่วยเท่านั้นที่ 0-8% แต่ถ้าเป็นโซนอื่นจะเห็นว่าความสว่างหน้าจอนั้นอยู่ที่ 13-21% ทีเดียว และค่า Delta-E ที่อยู่ระดับ 2.14 นั้น ก็ถือว่าอยู่ในระดับแค่พอใช้งานได้แต่ไม่ถึงระดับหน้าจอโน๊ตบุ๊คสายครีเอเตอร์หลายๆ รุ่น ดังนั้นถ้าใครจะซื้อ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ไปทำงานกราฟฟิคด้วย แนะนำว่าควรต่อหน้าจอแยกที่ขอบเขตสีกว้างและแม่นยำกว่านี้จะดีกว่า
ผลคะแนนโดยรวม จะเห็นว่าคะแนนเฉลี่ยโดยรวมนั้นอยู่ที่ 3.5 จาก 5 คะแนน ซึ่งอยู่ระดับกลางๆ ใช้งานได้ และหน้าจอตัวนี้จะเด่นที่ค่า Contrast ที่ทำได้ 5 คะแนนเต็ม ลดหลั่นลงมาเป็น Tone Response ที่ทำได้ 4.5 คะแนน ซึ่งถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไม่ใช่โน๊ตบุ๊คสายครีเอเตอร์ ดังนั้นขอบเขตสีหน้าจอที่ Spyder5Elite วัดได้ถือว่าอยู่ในระดับปกติที่ควรจะเป็นและเกาะกลุ่มกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นจากแบรนด์คู่แข่งอีกด้วย ดังนั้นถือว่าขอบเขตสีหน้าจอไม่ถือว่าดีหรือแย่กว่าปกตินัก แต่ถ้าใครต้องการเอาไปทำงานกราฟฟิคเป็นหลักเล่นเกมเป็นรอง แนะนำให้ต่อหน้าจอเสริมที่ออกแบบมาเพื่องานสายอาร์ตและครีเอทีฟเป็นหลักเลยจะดีที่สุด
ด้านลำโพงทั้ง 2 ตัวที่ติดตั้งไว้ด้านใต้เครื่องถือว่าเป็นลำโพงที่ได้เสียงดังระดับได้ยินชัดเจนในห้องนอนขนาด 24 ตร.ม. แต่โทนเสียงจะเน้นไปทางเพลงป็อบและพอมีเบสให้ฟังเพลงแนวร็อคได้และถ้าเล่นเกมแบบไม่ต่อลำโพงถือว่าเสียงเบสที่เป็นเสียงลั่นไกปืนถือว่ามีน้ำหนักระดับหนึ่ง แต่ยังไม่หนักแน่นพอจะฟังเพลงแนว EDM ได้เต็มอิ่มนัก ดังนั้นถ้าใครฟังเพลงเน้นเสียงเบสแนะนำว่าให้ต่อลำโพงแยกหรือใช้หูฟังดีกว่า
Keyboard & Touchpad
ส่วนคีย์บอร์ดของ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้จะเป็นแบบ Full-size พร้อมแป้น Numpad สำหรับกดพิมพ์ตัวเลขได้โดยสะดวก มีไฟ LED Backlit สีฟ้าที่เป็นสีพิเศษสำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้โดยเฉพาะอีกด้วย สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับโดยกดแบบ Toggle แล้วจะปรับความสว่างจากสว่างมากไปน้อย และแสงไฟจะลอดจากทั้งด้านข้างและตัวอักษรทั้งหมดที่อยู่บนตัวปุ่มด้วย ทำให้เราพิมพ์งานหรือเล่นเกมในที่แสงน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้น จากมุมผู้เขียนถือว่าไฟสีฟ้าของ MSI Sword 15 นั้นสวยดีทีเดียวและแสงไม่แสบตาเกินไปด้วย
ด้านสัมผัสการพิมพ์และเล่นเกมด้วยคีย์บอร์ดของตัวเครื่องที่ MSI เคลมไว้ว่าระยะกดสั้นเพียง 1.7 มม. นับว่าระยะกดจนตอบสนองค่อนข้างกระชับ ทำงานได้เร็วกำลังดี ซึ่งคนที่ชอบเล่นเกมแนว FPS น่าจะชอบ เพราะเราสามารถรัวปุ่มเพื่อสลับปืนไปมาได้และไม่เกิดอาการกดแล้วไม่เปลี่ยนปืนแน่นอน ส่วนการพิมพ์งานต้องถือว่าตอบโจทย์คนที่พิมพ์สัมผัสเร็วๆ ได้เลย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนทดลองพิมพ์กับเว็บไซต์ทดลองพิมพ์แล้วก็ตอบสนองได้ไวมาก
ด้านเลย์เอ้าท์ของปุ่มพิเศษบนคีย์บอร์ดถือว่ามีความผสมผสานกันระหว่างเลย์เอ้าท์แบบทำงานและเล่นเกมเอาไว้ได้ค่อนข้างลงตัว ไม่ว่าจะย้ายปุ่ม Fn เอามาไว้ฝั่งขวามือใกล้กับปุ่มลูกศร ทำให้ใช้มือเดียวปรับโหมดเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของพัดลมระบายความร้อน, เล่นเพลง, ดับหน้าจอโน๊ตบุ๊คเวลาไม่ใช้งานได้ง่ายทีเดียว
นอกจากนี้ก็มี Fn Lock ที่ปุ่ม Esc ทำให้สลับระหว่าง Function Hotkey กับ F1-F12 ได้ ส่วนกลุ่มปุ่ม Numpad ก็มีเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์อย่างบวกลบคูณหารติดตั้งมาครบถ้วน ทำให้ใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานกับตัวเลขและไฟล์ Excel ได้สะดวกขึ้น
ส่วนจุดเด่นที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นส่วนตัว เนื่องจากเป็นคนเล่นเกมแนว FPS เป็นทุนอยู่แล้ว คือ MSI ใส่ฟังก์ชั่นเปิดปิด Crosshair หรือเป้าเล็งตรงกลางหน้าจอมาให้ด้วย ซึ่งปกติฟีเจอร์นี้จะติดมากับหน้าจอแยกสายเกมมิ่งเป็นหลักไม่ค่อยเจอในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเท่าไหร่ ซึ่งข้อดีของฟังก์ชั่นนี้ที่ MSI ใส่มาให้ใช้ใน MSI Sword 15 A11UD คือทำให้เกมเมอร์สาย FPS เล็งยิงได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะประทับเล็งตามปกติหรือยิงแบบถือยิงไม่ประทับเล็ง (Hip Fire) ได้แม่นยำกว่าเดิม ถ้าใครเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์น่าจะถูกใจฟีเจอร์นี้ทีเดียว
สำหรับ Function Hotkey ที่ปุ่ม F1-F12 จะทำงานแบบกดตามปกติจะเป็น F1-F12 ตามปกติ ถ้าใช้ Function ให้กด Fn ค้างไว้ก่อน ซึ่งผู้เขียนชอบการตั้งค่าการกดแบบนี้มากกว่าการกดแล้วกลายเป็น Function Hotkey เนื่องจากโปรแกรมและเกมฝั่ง Windows มักเรียก F1-F12 เป็นหลัก แต่ถ้าใครไม่ถนัดก็กด Fn Lock ให้ทำงานสลับกันก็ได้ ส่วน Hotkey ที่ทาง MSI ใส่มาให้มีดังนี้
- F1-F3 – ปิด, เพิ่มหรือลดเสียงลำโพง
- F4 – เปิดหรือปิดทัชแพด
- F5 – ปิดไมโครโฟน
- F6 – เปิดหรือปิดกล้อง Webcam
- F7 – ปุ่มเรียกโปรแกรม MSI Center ขึ้นมาตั้งค่าตัวเครื่อง
- F8 – ปุ่มปรับความสว่างของไฟ LED Backlit บนคีย์บอร์ด
- F9-F10 – เพิ่มลดความสว่างของหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project เลือกตั้งค่าหน้าจอหลักและหน้าจอเสริม
สังเกตว่า Function Hotkey ที่ MSI ตั้งค่ามาให้นั้นจะเว้น F12 เอาไว้ ไม่ได้เซ็ตค่า Hotkey เอาไว้ ซึ่งผู้เขียนคิดว่าปุ่มนี้ MSI ก็สามารถเติม Function ทั่วไปอย่างการเปิด, ปิด Airplane mode เข้ามาก็ได้ หรือถ้าให้เข้ากับดีไซน์ตัวเครื่องที่กางหน้าจอได้ราบ 180 องศา จะใส่ปุ่มกลับหน้าจอแบบที่ใส่ให้ MSI Modern Series ก็ได้ เพราะผู้เขียนเองก็เชื่อว่าผู้ใช้ซื้อเครื่องนี้ไป ต่อให้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คก็ต้องมีเอาเครื่องไปทำงานด้วย ดังนั้นถ้า MSI จะเพิ่ม Hotkey นี้เข้ามาสักหน่อยก็น่าสนใจและทำให้ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้านยิ่งขึ้น
ด้านทัชแพดของตัวเครื่องจะเป็นไซซ์ตมาตรฐาน วางตัวตรงแถบที่วางข้อมือของโน๊ตบุ๊คตามปกติ รองรับ Gesture control ของ Windows 10 ครบถ้วนและดีไซน์ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาด้วย ส่วนการตอบสนองถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานทัชแพดของโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน แต่จุดสังเกตคือ ถ้าเล่นเกมหรือพิมพ์งานโดยใช้คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ค โคนนิ้วโป้งของมือทั้งสองข้างจะพาดขอบบนของทัชแพดเล็กน้อย แต่ยังมี Palm rejection จึงไม่ทริกเกอร์ให้ทำงานผิดจังหวะแน่นอน แต่ถ้าให้ชัวร์แนะนำว่ากด Fn+F4 ปิดการทำงานทัชแพดไปเลยจะดีกว่า
Connector / Thin & Weight
พอร์ตเชื่อมต่อของ MSI Sword 15 A11UD มีแค่ฝั่งซ้ายและขวาของตัวเครื่องเท่านั้น ไม่มีติดตั้งไว้ที่ขอบด้านหลังเครื่องเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน แต่ข้อดีก็คือทำให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้กางได้ราบ 180 องศา และสัญลักษณ์ที่บอกประเภทของพอร์ตจะถูกสลักเอาไว้ตรงบอดี้ส่วนฝาล่างสีดำไม่สลักไว้ที่บอดี้สีขาวด้านบนซึ่งจัดว่าสวยทีเดียว ส่วนพอร์ตข้างเครื่องจะมีดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – ช่องเสียบปลั๊กอแดปเตอร์, USB-A 3.2 Gen 1, USB 2.0
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – ไฟแสดงสถานะการทำงานตัวเครื่อง USB-A 3.2 Gen 1, USB-C 3.2 Gen 1, HDMI x 1 รองรับการต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงสุด 4K 60 Hz, LAN RJ45
จะเห็นว่าพอร์ตที่ติดตั้งมาให้นั้นถือว่าครบเครื่องระดับหนึ่ง แต่ที่น่าสังเกตคือทาง MSI นั้นยังให้ USB 2.0 มา 1 พอร์ต ซึ่งคาดว่าเอาไว้ต่อเมาส์ได้ แต่ตัด SD card reader ออกไป ซึ่งถ้าใครยังต้องใช้พอร์ตนี้โอนไฟล์ภาพเข้าคอมพิวเตอร์มาแต่งก่อนส่งลูกค้าหรืออัพเข้าโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ต้องต่ออุปกรณ์เสริมแทน ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก
ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่องเมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้ว เฉพาะตัวเครื่องอย่างเดียวจะหนัก 2.28 กิโลกรัม อแดปเตอร์อีก 464 กรัม รวมแล้วหนัก 2.76 กิโลกรัมด้วยกัน จัดว่าหนักไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วหลายๆ รุ่นในปัจจุบันจัดว่าไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ซึ่งถ้าใครต้องพกโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปไหนมาไหนก็พกได้แต่แนะนำให้ใส่กระเป๋าเป้เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้กระเป๋าสะพายข้างแบบ Messenger bag เพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักกดทับไหล่ข้างเดียวแล้วเกิดอาการบาดเจ็บตามมา
Inside & Upgrade
ด้านการอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ในตัวเครื่อง เราสามารถขันน็อต Philips head ด้านใต้เครื่องแล้วเอาการ์ดแข็งไล่จากขอบตัวเครื่องไปรอบๆ แล้วเปิดฝาออกได้เลย และจะเห็นว่าภายในตัว MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้วางเลยเอ้าท์ได้ค่อนข้างเรียบร้อย แบ่งพื้นที่ระหว่างเมนบอร์ดกับชุดระบายความร้อนด้านบนกับแบตเตอรี่ด้านล่างเอาไว้อย่างชัดเจน
ส่วนที่อัพเกรดได้ จะมี 3 ส่วน คือ แรมที่อยู่ข้างพัดลมระบายความร้อนด้านขวามือที่ปิดแผ่นกันไฟฟ้าสถิตย์เอาไว้ โดย MSI ออกแบบให้ติดตั้งแรมทั้ง 2 ช่องซ้อนกันไม่ใช่แบบกางออกสองฝั่งหันคอนเน็คเตอร์ชนกัน จึงประหยัดพื้นที่บนเมนบอร์ดยิ่งขึ้นและรองรับความจุสูงสุด 64GB DDR4
ถัดลงมาเป็น M.2 NVMe SSD ตัวหลักความจุ 1TB แต่ยังเป็น PCIe 3.0 อยู่ ซึ่งถ้าอิงจากหน้าสเปคแล้ว ซีพียู Intel รุ่นที่ 11 รองรับถึง PCIe 4.0 แล้ว ดังนั้นถ้าใครต้องการอัพเกรด M.2 NVMe ให้อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วเต็มประสิทธิภาพของอินเตอร์เฟสนี้และไม่ต้องจ่ายแพงเกินไปแนะนำให้ซื้อ WD Black SN750, Samsung 970 EVO Plus ก็พอ แต่อันที่จริงถ้าไม่ซีเรียสนักต้องถือว่า M.2 NVMe OEM ของ Kingston เองก็ถือว่ารับส่งข้อมูลได้เร็วเช่นกันและมีความจุสูง 1TB ถ้าอยากใส่ SSD เอาไว้เซฟงานหรือลงเกมจะแนะนำให้ซื้อ SSD มาใส่เพิ่มอีกตัวดีกว่า
ส่วนจุดสังเกตหนึ่งถ้าอิงจากหน้าสเปคของของ MSI Sword 15 A11UD คือ ถ้าต้องการรุ่นที่เป็นพอร์ต M.2 NVMe SSD x 2 ช่อง ต้องเป็นรุ่นที่ติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ใส่ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti เช่นเครื่องรีวิวจะเป็น M.2 NVMe กับ 2.5″ SATA III SSD แทน และทาง MSI ไม่ได้แถมถาดใส่ SSD มาให้ด้วย ดังนั้นถ้าใครจะใส่ SSD เพิ่มอีกตัว อย่าลืมซื้อถาดใส่ SSD 2.5″ มาด้วย
จากมุมของผู้เขียนแล้ว ถือว่า MSI Sword 15 A11UD ที่เปิดราคามาที่ 44,990 บาท ในแง่สเปคที่ได้จากโรงงานแบบเปิดมาใช้งานแบบติดตั้งเกมแล้วเล่นเลย ถือว่าทาง MSI จัดสเปคมาได้ดีไม่ต้องทำอะไรเพิ่มก็ได้ แต่ในแง่การอัพเกรดยังขาดเหลือไปบ้าง เช่นถาดใส่ฮาร์ดดิสก์ในเครื่องก็ไม่มีมาให้ในกล่องสินค้า ซึ่งส่วนนี้ผู้เขียนคิดว่าทาง MSI ไม่ควรตกหล่นในส่วนของรายละเอียดเช่นนี้นัก
Performance & Software
สเปคของ MSI Sword 15 A11UD ติดตั้งซีพียู Intel สถาปัตยกรรม Tiger Lake รหัส H มาให้ เป็นรุ่น Intel Core i7-11800H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.3-4.6 GHz ด้านความแรงถือว่าหายห่วงอย่างแน่นอน สามารถรันโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักๆ หรือเล่นเกม AAA ก็ไหลลื่นและรองรับชุดคำสั่งหลักๆ อย่างครบถ้วน
แรมที่ติดตั้งมาในเครื่องเป็น Dual channel ความจุ 16GB (8GB*2) DDR4 บัส 3200 MHz ตามสเปคแล้วสามารถอัพเกรดแรมไปได้สูงสุด 64GB DDR4 ซึ่งถ้าใครเอา MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ไปเล่นเกมอย่างเดียวอาจจะปล่อยเอาไว้ที่ 16GB ก็พอ แต่ถ้าเรนเดอร์โมเดล 3D CG หรือตัดต่อคลิปด้วย อาจจะเพิ่มไป 32-64GB จะได้มีพื้นที่ใช้งานมากยิ่งขึ้น
นอกจากการ์ดจอออนบอร์ดของ Intel แล้ว การ์ดจอแยกอีกตัวจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti แรม 4GB GDDR6 ค่า TGP (Total Graphics Power) อยู่ที่ 60 วัตต์ แต่มี Dynamic Boost 2.0 ที่ AI จะคอยจัดสรรพลังงานในตัวเครื่องถ่ายเทไปมาระหว่าง CPU กับ GPU ให้ประสิทธิภาพการทำงานของทั้งสองส่วนนี้ดีขึ้น และรองรับ OpenCL, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing, PhysX และ OpenGL 4.6 ด้วย
นอกจากส่วนของการ์ดจอ ฟีเจอร์เด่นที่ติดมากับ Intel รุ่นที่ 11 คือ Resizable BAR ที่เปิดให้ซีพียูตรงเข้าไปใช้งานบัฟเฟอร์ของจีพียูได้โดยตรง ทำให้เฟรมเรทตอนเล่นเกมดียิ่งขึ้น ดังนั้นถึงจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti ผู้เขียนก็เชื่อว่ามันสามารถเล่นเกมได้ไหลลื่นแน่นอน
พาร์ทในตัวเครื่อง ส่วนของ SSD แบบ M.2 NVMe จะเป็น Kingston รุ่น OM8PCP31024F-AI1 ซึ่งเป็นรหัส OEM ของ Kingston A2000 ซึ่งเป็น M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 3.0 ติดการ์ด Wi-Fi รุ่น Intel AX201 ต่ออินเตอร์เน็ตได้ทั้งคลื่น 2.4 และ 5GHz รองรับ Bluetooth 5.2 มีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากอัพเกรดเครื่องเป็น Windows 11 ก็สามารถกดอัพเดทได้ทันที
ถัดมาสำหรับ Kingston OM8PCP31024F-AI1 รหัส OEM ของ Kingston A2000 ถ้าอิงจากหน้าสเปค รุ่นความจุ 1TB มีความเร็ว Sequential Read สูงสุด 2,200 MB/s และ Sequential Write สูงสุด 2,000 MB/s ส่วนรุ่น OEM พอทดสอบด้วย AS SSD แล้วได้ Sequential Read 1,891.29 MB/s และ Sequential Write 1,626.99 MB/s จัดว่าสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วทันใจ สามารถโหลดเกมหรือเปิดโปรแกรมขึ้นมาทำงานได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ด้านการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D CG ด้วยโปรแกรม CINEBENCH R15 แล้ว จะเห็นว่าคะแนน OpenGL นั้นสูงถึง 186.26 fps และคะแนน CPU ก็ทำได้สูงถึง 1417 cb ทีเดียว ส่วน CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบพลังการเรนเดอร์ของ CPU โดยตรงแล้ว จะเห็นว่า Intel Core i7-11800H นั้นรีดไปได้ 3373 pts ทีเดียว ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปทำงานด้านครีเอเตอร์ก็ถือว่าทำงานได้สบายๆ แน่นอน
เมื่อทดสอบด้วย 3D Mark Time Spy แล้ว ผลคะแนนเฉลี่ยที่ได้จะอยู่ที่ 5,479 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอที่จะเล่นเกม AAA ในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าดูช่อง Estimated game performance จะเห็นว่าตัว 3D Mark จะแจ้งว่า MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้สามารถเล่นเกม Battlefield V เปิดกราฟฟิคระดับ 1440p ได้เฟรมเรทระดับ 55 fps อย่างแน่นอน
ถ้ามองแยกคะแนนเป็นแต่ละส่วนแล้ว จะเห็นว่าคะแนน CPU score ทำได้ 8,013 คะแนน และ Graphics score อยู่ที่ 5,190 คะแนน เรียกว่าซีพียูมีกำลังการประมวลผลมากพอจนรีดการ์ดจอได้สุดประสิทธิภาพ และกราฟ Monitoring ด้านล่าง จะเห็นว่าการเรนเดอร์กราฟฟิคนั้นทำได้ต่อเนื่องและอาการกราฟดิ่งนั้นแทบไม่มีให้เห็นเลย ดังนั้นก็เล่นเกมได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
ด้าน PCMark 10 ที่เป็น Benchmark จำลองการใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานด้านต่างๆ จะเห็นว่าคะแนนรวมนั้นสูงระดับ 6,128 คะแนน ถ้าแยกเป็นส่วนๆ อย่าง Essential ที่เป็นการเปิดโปรแกรม, เข้าเว็บไซต์ต่างๆ และประชุมออนไลน์ จะทำได้ 9,484 คะแนน ด้าน Productivity จะทดสอบส่วนของการทำงานกับโปรแกรม Word processing และ Excel ทำได้ 8,698 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงไม่แพ้กัน ดังนั้นเรื่องงานเอกสารและออฟฟิศนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ปิดท้ายด้วย Digital Content Creation ซึ่งทดสอบว่าแต่งภาพ, ตัดต่อวิดีโอได้ไหลลื่นหรือไม่ ทำได้ 7,580 คะแนน
สำหรับคะแนนระดับนี้ ต้องถือว่า MSI Sword 15 A11UD ถือว่าอยู่ระดับที่ใช้ทำงานด้านต่างๆ ได้สบายๆ เพราะโดยปกติแล้วคะแนนระดับที่ทำงานได้ไหลลื่นจะอยู่ช่วง 5,000 คะแนนบวกลบนิดหน่อย แต่ระดับ 6,000 คะแนนต้นๆ นั้นเป็นเครื่องการันตีว่ามันทำงานได้ดีรอบด้านแน่นอน
ด้านการทดสอบด้วยโปรแกรม Affinity ที่เป็นโปรแกรมแบบเดียวกับ Adobe Photoshop ที่ใช้ตัดต่อแต่งภาพ จะเห็นว่าคะแนนที่เกี่ยวกับ CPU ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงและทำงานต่างๆ ได้ดีไม่มีปัญหาเลย และด้าน GPU ไม่ว่าจะใช้ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti ตัวเดียวหรือประสานงานกับ Intel UHD Graphics ที่อยู่ในตัวซีพียูจัดการตัดต่อแต่งภาพก็ทำคะแนนได้สูงระดับ 4,000 คะแนนขึ้นไปเลย ดังนั้นเรื่องงานตัดต่อแต่งภาพถือว่าไม่มีปัญหา สามารถทำงานได้ไหลลื่นแน่นอน
ส่วนของการทดสอบเล่นเกม ผู้เขียนได้ตั้งค่ากราฟฟิคตอนทดสอบ MSI Sword 15 A11UD ตัวนี้ในระดับสูงสุดทั้งหมด ส่วน Resident Evil Village (RE 8) นั้น ตั้งกราฟฟิคในระดับ สูง (0.5 GB) แล้วทดลองเล่นดู ต้องถือว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สามารถเล่นเกม AAA ในปัจจุบันได้ทุกเกม ไม่เกิดอาการกระตุกแล้วภาพนิ่งกะทันหันระหว่างเล่นเลย และยังได้ภาพที่สวยงามอีกด้วย
จากกราฟ จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยของทุกเกมยกเว้น SCUM ที่เกมยังอยู่ในช่วงพัฒนาและ Genshin Impact ที่ล็อคเฟรมเรทที่ 60 fps จะทำเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ช่วง 99-144 fps โดยเฉพาะ Resident Evil Village ที่ผู้เขียนทดสอบในฉากสู้บอส Lady Dimitrescu ร่างมังกรนั้นถือว่าทำได้ดีไม่มีอาการเฟรมเรทตก, หน่วงระหว่างเล่น สามารถหลบและยิงสวนได้ไม่เสียจังหวะเลย ด้านของ Apex Legends เองก็ทำได้ดี สามารถเปิดกราฟฟิคสุดหมดแล้วเล่นได้สบายๆ ไม่แพ้กับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่น
สำหรับคนที่ตั้งข้อสงสัยว่า NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti นั้นเล่นเกม AAA ไหวหรือเปล่าแล้วไม่ซีเรียสเรื่องจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ อย่างว่าการ์ดจอตัวนี้ตามหน้าสเปคแล้วเป็นแบบนั้นแบบนี้ล่ะก็ กราฟนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีและตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากได้โน๊ตบุ๊คดีไซน์สวยเรียบหรู แต่ซ่อนความแรงเอาไว้ในตัวแบบครบๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่องได้อย่างแน่นอน
Battery & Heat & Noise
ด้านแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ จะเป็นแบตเตอรี่ความจุ 51 Wh ที่วางตัวเป็นแนวยาวด้านใต้ตัวเครื่อง ซึ่งระยะเวลาการใช้งานเมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยลดเสียงลำโพงเหลือ 10% ปิดไฟ LED Backlit, ปรับความสว่างหน้าจอต่ำสุด แล้วเปิด Microsoft Edge ดูคลิปใน YouTube ราว 30 นาทีแล้ว จะใช้งานได้นานสุด 5 ชั่วโมงกับ 2 นาที จัดว่าอยู่ระดับไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ซึ่งถ้าพกเครื่องไปทำงานหรือเรียนแล้วก็ยังใช้งานได้นานระดับหนึ่งเลย
ส่วนระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 ที่ติดตั้งมาในเครื่องนั้น ถ้าตามหน้าเว็บไซต์จะเห็นว่าทาง MSI ให้ฮีตไปป์มาทั้งหมด 6 เส้นในรุ่น NVIDIA GeForce RTX 3060 ขึ้นไป ส่วนรุ่น GeForce RTX 3050 Ti ในภาพ จะมีฮีตไปป์ทั้งหมด 4 เส้น จับคู่แยกชุดกันช่วยระบายความร้อนจากซีพียูและการ์ดจอ โดยเดินไปป์แยกไปยังพัดลมโบลวเวอร์ 2 ตัวอย่างทั่วถึง
ถ้าเป็นตอนใช้งานตามปกติอย่างการเปิดดูหนังฟังเพลง ทำงานเอกสารหรือแต่งภาพเล็กๆ น้อยๆ เพื่ออัพโซเชียลเน็ตเวิร์ค จะไม่มีเสียงพัดลมระบายความร้อนมารบกวนระหว่างใช้งานเลย แต่ถ้าเล่นเกมหรือตัดต่อหนังเมื่อไหร่ จะได้ยินเสียงพัดลมทำงานเต็มที่และเสียงจะดังได้ยินชัดเจน
ส่วนช่องระบายลมร้อนออกจากเครื่อง ถ้ามองหน้าตรงเข้าไปฝั่งซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นพัดลมตัวใหญ่และมีช่องระบายอากาศออกด้านหลังและข้างตัวเครื่องสองฝั่ง ส่วนฝั่งซ้ายจะมีช่องด้านหลังเพียงช่องเดียวเท่านั้น
ด้านอุณหภูมิในตัวเครื่อง เมื่อวัดด้วย CPUID HWMonitor แล้ว จะเห็นว่าอุณหภูมิของซีพียูแต่ละคอร์จะอยู่ที่ช่วง 48-100 องศา เฉลี่ยที่ 67 องศาเซลเซียส ซึ่งถึงจะเห็นอุณภูมิตัวเครื่องสูงระดับนี้ตอนเล่นเกมก็ตาม แต่ตอนใช้งานจริงกลับกลายเป็นว่าระบบระบายความร้อนก็ยังจัดการอุณหภูมิได้ดีระดับหนึ่ง จึงไม่มีปัญหาเรื่อง Throttle down หรือตัวเครื่องลดกำลังการประมวลผลลงเลยสักนิดเดียว
แต่จุดสังเกตที่ต้องบอกผู้ที่สนใจโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้อยู่ คือความร้อนจาก MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้จะส่งผ่านมาที่มือเราระดับที่พอรู้สึกได้ ซึ่งผู้เขียนเปิด CPUID HWMonitor เพื่อวัดอุณหภูมิแล้วเล่น Resident Evil Village โดยใช้แป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค ต้องบอกว่าความร้อนจากตัวเครื่องส่งผ่านมาจนปุ่ม WASD อุ่นขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับร้อน ส่วนบอดี้จะอุ่นจนเกือบค่อนไปทางร้อนเลย ดังนั้นส่วนตัวผู้เขียนเองแนะนำว่าถ้าเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ที่เล่นเกมหรือสตรีมต่อเนื่องหลายๆ ชั่วโมงควรมีแท่นวางโน๊ตบุ๊คสักอันเอาไว้วางเครื่องเพื่อให้ช่องระบายอากาศเคลียร์และดึงลมเย็นเข้าเครื่องได้ต่อเนื่อง และถ้าใครทดลองเล่นแล้วไม่ชอบที่ปุ่ม WASD เริ่มอุ่นนั้น อาจจะต่อคีย์บอร์ดแยกออกไปเลยจะดีที่สุด
User Experience
ประสบการณ์การใช้ MSI Sword 15 A11UD ในรูปแบบการใช้งานต่างๆ นั้น ถ้าในฐานะโน๊ตบุ๊คทำงานประสิทธิภาพสูงเครื่องหนึ่งต้องถือว่าเครื่องนี้แรงหายห่วง ซึ่งถ้าจะใช้ตัดต่อวิดีโอ, ทำงานเอกสารหรือเปิดเว็บเบราเซอร์หลายๆ แท็บพร้อมกันเพื่อทำงานก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจาก Intel Core i7-11800H, RAM 16GB DDR4 บัส 3200 MHz กับ M.2 NVMe SSD ที่ MSI ประกอบมาให้ถือว่าแรงระดับไว้ใจได้เลย ซึ่งถ้าตั้งใจจะใช้ทำงานเป็นหลัก เล่นเกมเป็นรอง ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องอัพเกรดเครื่องเลยก็ได้ ใช้เดิมๆ ไปเลยก็ถือว่าเหลือเฟือ
ในส่วนของการเล่นเกม ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti เป็นการ์ดจอที่ประสิทธิภาพดีระดับหนึ่งแม้หลายๆ คนอาจจะมองข้ามไปแล้วหาเครื่องที่ติดตั้ง GeForce RTX 3060 เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วการ์ดจอตัวนี้ถ้าเราเล่นเกม AAA ที่ความละเอียดระดับ 1080p นั้น ถือว่ามันแรงหายห่วง จะต่อหน้าจอแยกที่ค่า Refresh Rate สูงผ่านพอร์ต HDMI ก็สามารถเล่นเกมได้สบายๆ อย่างแน่นอนและปรับกราฟฟิคระดับ High ก็ยังได้เฟรมเรทเกิน 60 fps หลายเกม แต่ถ้าใครเล่นแบบ Competition เน้นไต่แรงค์เป็นหลัก อาจจะปรับกราฟฟิคมาระดับ Medium หรือ Low ให้เฟรมเรทสูงขึ้นหน่อยก็เล่นได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน
ด้านการพกพา สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คน้ำหนัก 2.28 กิโลกรัม ถ้ารวมปลั๊กด้วยจะอยู่ราว 2.76 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในระดับที่พกพาไปไหนมาไหนได้ แต่ควรใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใส่กระเป๋าสะพายข้างเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักกดทับไหล่มากเกินไปแล้วมีปัญหาสุขภาพตามมาในภายหลัง ซึ่งถ้าใครต้องการซื้อเครื่องนี้เอาไว้เป็นเครื่องหลักทั้งใช้เล่นเกมที่บ้านแล้วพกไปทำงานก็คุ้มเช่นกัน ตอบโจทย์ในยุคที่การ์ดจอแพงแล้วอยากเล่นเกมได้ดีแน่นอน
ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ผู้เขียนแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้เล่นเกมได้โดยเครื่องไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนมารบกวน แนะนำว่าให้ซื้อที่วางโน๊ตบุ๊คมาใช้ ต่อเมาส์คีย์บอร์ดเกมมิ่งและหน้าจอแยก Full HD ที่ค่า Refresh Rate สูงๆ สักจอ จะทำให้คนที่อยากซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มาเล่นเกมเป็นหลักไม่ต้องกลุ้มกับปัญหาเรื่องความร้อนและเล่นเกมได้อรรถรสยิ่งขึ้นแน่นอน
Conclusion & Award
สรุปแล้ว MSI Sword 15 A11UD นอกจากหน้าตาจะสวยเรียบร้อย พกไปทำงานที่ออฟฟิศก็ได้เล่นเกมก็ดีแล้ว ต้องถือว่าเป็นโน๊คบุ๊คที่ดีไซน์สวยเรียบร้อยไม่หวือหวาเกินไปด้วยฝีมือการออกแบบของคุณ Nagano Tsuyoshi จัดว่าเป็นเครื่องสำหรับคนที่อยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหน้าตาเรียบร้อยสักเครื่องน่าจะชื่นชอบอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เอื้อการเล่นเกมใส่มาให้ครบทั้ง Intel Resizable BAR, Ray Tracing ทำให้เล่นเกมที่ความละเอียด Full HD ได้ไหลลื่นและเปิดกราฟฟิคระดับ High ได้อย่างแน่นอน และเฟรมเรทก็ถือว่าได้สูงระดับน่าพึงพอใจทีเดียว ส่วนถ้าใครอยากเอาไปใช้งานทั่วไปอย่างทำงานออฟฟิศ, เอกสารก็ใช้ได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าแต่งภาพหรือตัดต่อคลิปก็แนะนำให้หาหน้าจอที่ขอบเขตสีกว้างมาเสริมสักหน่อย จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถไกด์สีบนหน้าจอได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลุ้มกับปัญหาเรื่องสีเพี้ยนในภายหลัง
ถ้าในแง่การใช้งานทั่วไปถือว่าไม่มีปัญหาแล้ว สิ่งที่ต้องยอมรับสักหน่อยคือเรื่องอุณหภูมิตอนเล่นเกมนั้นถือว่าสูงอยู่พอควร แนะนำว่าถ้าใครซื้อไปใช้ก็ควรหาที่วางโน๊ตบุ๊คดีๆ เผื่อเอาไว้สักอันเพื่อให้ MSI Sword 15 A11UD เครื่องนี้ดึงอากาศเย็นเข้าไประบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นสักหน่อยจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิตัวเครื่องที่ HWMonitor วัดได้นั่นเอง
ส่วนเรื่องการอัพเกรดตัวเครื่องนั้น ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าสเปคที่ทาง MSI จัดมาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นนั้นถือว่ามาทรงดีแล้วถ้าเล่นเกมอย่างเดียวอาจจะไม่ต้องอัพเกรดเพิ่มเติมก็ได้ ถ้าซื้อเป็นรุ่นเริ่มต้นแบบรุ่นในรีวิวอย่างมากก็หาถาด 2.5″ SSD และ 2.5″ SATA III SSD มาใส่เพิ่มอีกตัวเผื่อว่ามีเกมที่อยากเล่นหรือมีงานที่ต้องเซฟเก็บเอาไว้ในเครื่องเยอะๆ จะได้ไม่ต้องอึดอัดคอยโยกไฟล์เข้าออกเครื่องบ่อยๆ นั่นเอง
สุดท้าย หากย้อนถามกลับมาที่ตัวผู้เขียนว่าถ้าคอมเครื่องที่ใช้เล่นเกมทุกวัน อยู่ๆ เกิดการ์ดจอพังใช้งานไม่ได้แล้วราคาการ์ดจอยังแพงระดับนี้จะซื้อเครื่องนี้มาใช้งานหรือเปล่า ส่วนตัวผู้เขียนตอบเลยว่าตัดสินใจซื้อมาใช้อย่างแน่นอน และตัวเริ่มต้นที่ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti ก็ถือว่าแรงเหลือเฟือแล้ว แต่ผู้เขียนอาจจะอัพเกรดเพิ่ม 2.5″ SATA III SSD เข้าไปสำหรับติดตั้งเกมเพิ่มสักหน่อย จะได้มีพื้นที่เอาไว้ลงเกมและโปรแกรมได้เยอะขึ้นด้วย
award
best design
ด้วยฝีมือการออกแบบของคุณ Nagano Tsuyoshi ทำให้ MSI Sword 15 A11UD ดูสวยเรียบหรูไม่หวือหวาเกินไป ทำให้คนที่ต้องการซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คไปทำงานเป็นหลักไม่ได้เน้นเล่นเกม สามารถซื้อไปได้อย่างสบายใจไม่รู้สึกว่าดีไซน์ออกเกมมิ่งจ๋าจนหลายๆ คนอึดอัด นอกจากนี้ไฟ LED Backlit ที่คีย์บอร์ดเป็นไฟสีฟ้าสวยงามเรียบร้อยอีกด้วย เรียกว่าเป็นดีไซน์ที่ใช้ได้ทุกคนแน่นอน
best gaming
ในด้านของการเล่นเกม ต้องถือว่า Intel Core i7-11800H กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti พร้อมแรม 16GB และ M.2 NVMe SSD 1TB ในตัวจากโรงงานไม่ต้องเสียเวลาถอดแกะเครื่องมาอัพเดทเพิ่มก็เปิดเกม AAA ความละเอียด Full HD ปรับ High เล่นได้สบายๆ ซึ่งราคา 44,990 บาท ถือว่าเป็นเรทที่สมเหตุผล เพราะต่อให้ซื้อเครื่องที่ระดับราคาไล่เลี่ยกันมาอัพเกรดเพิ่มเติมสุดท้ายก็ถือว่าราคาไม่ต่างจากนี้มากแน่นอน