Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

แนะนำ 2-in-1 Notebook น่าซื้อ ปี 2020 หน้าจอทัชสกรีนมีปากกาพร้อมใช้งาน สเปก Intel Core i Gen 10 เริ่ม 1x,xxx – 4x,xxx บาท

แนะนำ 2-in-1 Notebook น่าซื้อช่วงหลังกลางปี 2020 สเปก Intel Core i Gen 10 ในช่วงราคาเริ่มต้นที่ 1x,xxx บาท จนไปถึง 4x,xxx บาท โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลาย อย่างพับหน้าจอได้ 360 องศา มีโหมดต่างๆ รวมไปถึงมีปากการองรับการขีดเขียนแม่นยำ สูงสุด 4096 ระดับ

แนะนำ 2-in-1 Notebook น่าซื้อช่วงหลังกลางปี 2020 สเปก Intel Core i Gen 10 ในช่วงราคาเริ่มต้นที่ 1x,xxx บาท จนไปถึง 4x,xxx บาท โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลาย อย่างพับหน้าจอได้ 360 องศา มีโหมดต่างๆ รวมไปถึงมีปากการองรับการขีดเขียนแม่นยำ สูงสุด 4096 ระดับ ที่ให้ความบางเบา พกพาสะดวก หรือบางรุ่นก็ประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานทั่วไป การใช้งานพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ก็ทำได้อย่างลื่นไหลทั้งหมด

HP Spectre X360 13 i7 Gen 10 top 2

สเปกภายในจะได้เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง Core i3 / i5 / i7 ทั้งสถาปัตยกรรม Ice Lake และ Comet Lake ที่เน้นแรงประหยัดพลังงาน พร้อมให้ประสิทธิภาพประมวลผลได้หลากหลาย ส่วนการ์ดจอมีทั้งเป็นแบบออนชิปของ Intel ที่รองรับการทำงานทั่วไปเป็นหลัก และการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX250 หน่วยความจำแรมจะได้เป็นขนาด 4GB – 8GB – 16GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูลมาตรฐานเป็น SSD M.2 ความจุ 256GB – 512GB – 1TB ที่สำคัญทุกรุ่นจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งานทันทีด้วย

Advertisement

น้ำหนักประมาณ 1.3 – 1.6 กิโลกรัม เน้นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยใช้งานได้ประมาณ 8 ชั่วโมงขึ้นไป กรณีที่ไม่ต่ออแดปเตอร์ สำหรับความละเอียดหน้าจอทุกรุ่นจะเป็นมาตรฐาน Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลได้เป็น IPS คุณภาพดี ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยียม ทั้งสีสันสดใส มุมมองที่กว้าง บางรุ่นได้ฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าใช้งาน Windows 10 ได้สะดวกรวดเร็วปลอดภัยอีกด้วย หรือบางรุ่นก็ยังมีฟีเจอร์พิเศษอีกด้วย อาทิ จอที่สอง หรือ Thunderbolt 3 และ Wi-Fi 6

Acer Spin 5 Core i Gen 10 Preview 22

เหมาะกับคนที่ต้องการ Notebook ใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการหน้าจอทัชสกรีน พร้อมมีปากกาไว้ขีดเขียน รองรับการทำงานด้านกราฟิกหรือวาดภาพ จดบันทึก ส่วนการรองรับใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ส่งอีเมล รวมไปถึงดูหนังฟังเพลง เป็นมาตรฐานที่ต้องทำได้ดี โดยได้รูปแบบประกันดีที่สุดเป็นมาตรฐาน 2 – 3 ปี On-site Servcie ซ่อมฟรีถึงบ้าน ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น ไปชมกันต่อเลย

ASUS VivoBook Flip 14 ราคา 15,900 – 16,900 บาท

ASUS VivoBook Flip 14 เป็น 2-in-1 Notebook ปี 2020 รุ่นใหม่ล่าสุด บาง 17.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 14″ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel อย่าง Core i3-8145U หรือ Core i3-10110U ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 4GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 256GB – 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 15,900 – 16,900 บาท รองรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ ในราคาไม่แพง

VivoBook%20Flip%2014%20Blue bo

ตัวเครื่องบางเพียง 17.6 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.6 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูแต่คุ้มค่า เป็นโน๊ตบุ๊คที่บางที่ราคาถูกที่สุดจากทาง ASUS ที่ได้บานพับ 360 องศา หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล TN ขอบบาง 6.15 มิลลิเมตร ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล NanoEdge ที่บางเฉียบเป็นพิเศษ ทำให้ ASUS VivoBook Flip 14 เหมาะกับจอภาพ Full HD ขนาด 14″ ในตัวเครื่องขนาด 13.3″ โดยมีอัตราส่วนจอภาพมากถึง 82% ของตัวเครื่องเพื่อการรับชมที่สมจริง รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง ASUS Active Pen 

การเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD และ Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และ Wi-Fi มาตรฐานใหม่ 802.11a/b/g/n/ac ระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ในตัว มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Fingerprint สแกนลายนิ้วมือเพื่อการถอดรหัสเข้าสู่ระบบที่รวดเร็วและง่ายดายโดยผ่านคุณสมบัติของ Windows Hello

VivoBook%20Flip%2014%20Blue f

สำหรับ ASUS VivoBook Flip 14 รุ่นที่ต่อยอด ASUS VivoBook Flip รุ่นก่อนๆ มาดีไซน์โดยรวมถือว่าคล้ายเดิม ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook มีสไตล์นี้มาพร้อมกับกรอบโลหะสุดอลังการ ด้วยสีน้ำเงิน Galaxy Blue บานพับโลหะที่พับได้รอบถึง 360 องศาของ VivoBook Flip 14 ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทาน ได้รับการทดสอบการเปิดและปิดอย่างทรหดกว่า 20,000 ครั้ง เพื่อให้ได้ความทนทานสูงสุด โดยเหมาะมากๆ สำหรับคนทำงานนักเรียนนักศึกษาที่เน้นใช้งานทั่วไปแต่ลื่นไหล และใช้งานได้หลากหลาย

HP Pavilion x360 14 ราคา 20,900 – 23,900 บาท

HP Pavilion x360 14 ปี 2020 นั้นถือเป็น 2-in-1 Notebook ที่ได้ความบางเบาหรูหรา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้สเปก Core i Gen 10 ในราคาคุ้มค่าเหมือนเดิม มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังแถมปากกา Stylus ใช้วาดรูปมาให้ในกล่องอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่คาดว่าจะขายดีเช่นเดิม จากดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา พกพาสะดวก พร้อมสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคา

Pavilion%20x360%2014%20b bk

ในราคาเริ่มต้นเพียง 20,900 บาท สเปกจะเป็น Core i3-10310U + GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB สำหรับชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U + NVIDIA GeForce MX130 + RAM 8GB + SSD 512GB จะมีราคาอยู่ที่ 23,900 บาท ที่ในส่วนชิปประมวลผล Core i3 / i5 นี้เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนหน้าจอเป็นแบบจอกระจกสัมผัส 14″ รองรับสัมผัสมัลติทัชและปากกา Stylus รองรับแรงกดได้หลายระดับ พาเนลจอเป็น IPS ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกับ Windows 10 ประกัน 2 ปี On-Site

ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2

HP Pavilion x360 14 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย

Pavilion%20x360%2014%20b f

HP Pavilion x360 14 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบใหม่ ขอบจอบางเฉียบ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คยุคปัจจุบันที่มาพร้อมสีสันที่สวยงามลงตัวอย่าง Cloud Blue โดยฝาหลังจะเป็นน้ำเงินอ่อนส่วนตัวเครื่องภายในจะเป็นเทาเข้มที่ดุดัน เชื่อได้ว่ายังโดนใจวัยรุ่นเพราะมีความโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ มีหน้าตาออกไปทางเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราด้วยการเล่นกับการออกแบบที่มีความโค้งเว้ามีมิติในหลายๆ ส่วน

Lenovo Yoga C640 ราคา 28,900 – 32,900 บาท

Lenovo YOGA C640 เป็น 2-in-1 Notebook ดีไซน์หรูหรากะทัดรัด หน้าจอ 13.3″ มาพร้อมขุมพลังชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U / Core i7-10510U ที่เป็น Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake ใหม่ล่าสุดที่การผลิต 14 นาโนเมตร ส่วนสเปกอื่นๆ ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 8GB – 16GB และแหล่งเก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 28,990 – 32,990 บาท ประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี ตามมาตรฐาน Lenovo แบบ On-site Service

Yoga%20C640%20Iron%20Grey c

ตัวเครื่องบางเพียง 16.95 มม. บางกว่าเก่าถึง 11% และเบาเพียง 1.25 กิโลกรัม มาพร้อมกับความเรียบหรูระดับพรีเมี่ยม เป็นโน๊ตบุ๊คที่บางที่สุดรุ่นนึงจากทาง Lenovo บานพับ 360 องศา  หน้าจอสัมผัส Full HD พาเนล IPS ขอบบาง ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับการใช้งานหลากหลายโหมดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Lenovo Active Pen ที่มีเทคโนโลยี Palm-Rejection ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขณะเขียนเหมือนการเขียนปากกาบนกระดาษ ให้เสียงนุ่มจากลำโพงคุณภาพพร้อมมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้เสียงที่ดี

พอร์ตเชื่อมต่อก็มาพร้อมพอร์ตจำเป็นค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A ที่เป็นมาตรฐาน จำนวน 2 พอร์ต ส่วนอีกพอร์ตจะเป็น USB Type-C 3.1ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และ HDMI ยังมีมาให้ นอกจากนี้ยังมี Finger Print สำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Windows Hello ของ Windows 10 เพื่อล็อกอินโดยใช้การสแกนนิ้วอีกด้วย

สำหรับ Lenovo YOGA C640 ดีไซน์โดยรวมถือว่าปรับปรุงจากรุ่นก่อนๆ ในตระกูลของ 2-in-1 Notebook เพิ่มเติมคือมีใหม่ ตัวตัวเครื่องบางลง น้ำหนักเบาลง ตัวเครื่องสีดำเทา โดยมีชื่อว่า Iron Grey ซึ่งต้องยอมรับงานประกอบตัวเครื่องดีมากๆ ด้วยพื้นผิวเป็นแบบซอฟต์ทัชสีดำสัมผัสพรีเมียม ทำให้ตัวเครื่องดูเนี้ยบหรูสวยงาม แต่ก็ยังให้ความทนทานไปพร้อมๆ กัน การออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย โลโก้ Lenovo จะมีอยู่ 2 จุดเท่านั้น คือ มุมบนฝาหลังด้านซ้าย และมุมใต้หน้าจอด้านซ้ายเท่านั้น

Yoga%20C640%20Iron%20Grey bk

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Lenovo YOGA C640  เป็น 2-in-1 Notebook ที่ทรงประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปเน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมความบางเพียง 16.95 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าบางสุดๆ แบบที่หารุ่นเปรียบเทียบได้ยาก

Dell Inspiron 14 5491 2-in-1 ราคา 28,900 – 31,900 บาท

Dell Inspiron 14 5491 2-in-1 เป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานทั่วๆ ไปหรือผู้ที่รักความบันเทิงทั้งในส่วนของเกมและมัลติมีเดีย ด้วยฟีเจอร์มีสแกนลายนิ้ว Fingerprint และสเปคภายในที่ครบครัน ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อน แต่ก็ยังได้ชิปประมวลผล Core i Gen 10 U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร และการ์ดจอแยก​ NVIDIA GeForce MX230 อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที

Inspiron%2014%205491 bo

สเปกของ Dell Inspiron 14 5490 2-in-1 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผลเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร

ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพดีอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง รองรับทัชสกรีน มีปากกาในชุดจัดจำหน่าย แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX230 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.65 กิโลกรัมเท่านั้น

นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน รวมไปถึงมีบริการอื่นๆ อย่าง Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันทำการอีกด้วย

ASUS ZenBook Flip 14 ราคา 29,900 – 35,900 บาท

ASUS ZenBook Flip 14 UX463FL นับว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce MX250 ที่แรงพิเล่นเกมออนไลน์ 3 มิติได้ลื่นไหล เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพขนาดหน้าจอ 14″ IPS Full HD TouchScreen พร้อมดีไซน์ดูหรูหราสวยงาม ที่สำคัญได้มี ScreenPad 2.0 กับหน้าจอที่สอง ต่อยอดมาจากปีก่อน ติดตั้งแทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ เป็นหน้าจอที่สองโดยเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานและไลฟ์สไตล์ แน่นอนว่าหน้าจอหลักพับได้ 360 องศา มีปากกา ASUS Active Pen มาด้วย

ZenBook%20Flip%20UX463FL f

สเปกภายในอื่นๆ ASUS ZenBook Flip 14 UX463FL ที่น่าสนใจได้รับการติดตั้งแรมมาขนาด 8GB พร้อมด้วย SSD ความจุ 512GB ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ รวมไปถึงลำโพงยังเป็น Harman/Kardon เสียงดีชัดเจน อีกทั้งติดตั้ง IR 3D Camera ระบบไบโอเมตริกซ์ทำงานร่วมกับ Windows Hello แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ ประกัน 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS (ปีแรกมีประกันอุบัติเหตุ) นับว่าถูกคุ้มมากๆ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ ส่งผลให้เป็นสุดยอดโน๊ตบุ๊คยุคใหม่เลยก็ว่าได้ กับราคา 29,900 – 35,900 บาท

ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร ได้สีสันที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครอย่าง Gun Metal Grey โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม พร้อมความบางเฉียบ และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิด 2 หน้าจอแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ในรุ่นนี้ได้เป็น ScreenPad 2.0 ขนาด 5.65″

ZenBook%20Flip%20UX463FL t

บานพับ ErgoLift 360° แบบ 2 แกน ซึ่งเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 2 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอที่ 135 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ที่หากเรากางหน้าจอมากกว่านั้นก็จะรองรับการใช้งาน Multi-Mode อื่นๆ เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนบน 2-in-1 Notebook พร้อมดีไซน์ที่ดูสวยวามหรูหรา พร้อมกันนั้นยังการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX สุดล้ำด้วย

Dell Inspiron 13 7391 ราคา 34,990 – 44,990 บาท

Dell Inspiron 13 7391 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ปลายปี 2019 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล WVA ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย

Inspiron%2013%207391%202 in 1 bo

ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 13 7391 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 ที่เป็นรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello

จุดเด่นของ Dell Inspiron 13 7391 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 13.66 -15.90 มิลลิเมตร บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย  ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

Inspiron%2013%207391%202 in 1 l

มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน

Acer Spin 5 SP513 ราคา 29,900 – 39,900 บาท

Acer Spin 5 รุ่นใหม่ล่าสุด จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook ที่ใช้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ทั้ง i5 / i7 สถาปัตยกรรม Ice Lake (10 นาโนเมตร) ที่ได้การ์ดจอออนชิปเป็น Iris Plus Graphic อย่าง G4 / G7 โดดเด่นด้วยการมีหน้าจอขนาด 13.5″ พาเนล IPS เกรดสูง เป็นสัดส่วน 3:2 ความละเอียด 2K (2256 x 1504 พิกเซล) ​เน้นใช้งานพื้นที่ที่มากกว่า รองรับการใช้งานปากกา Acer Active Wacom AES Stylus ที่สำคัญคือมีที่เก็บปากกาในตัวเครื่องเลย แน่นอนว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยี Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ที่แรงและดีที่สุด

Spin%205%20SP513 54N r

Acer Spin 5 ได้หน้าจอเป็น 13.5″ ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด มีความละเอียดระดับ 2K คุณภาพสูงให้มุมมองที่กว้าง รองรับการทัชสกรีนด้วยนิ้ว 10 จุดพร้อมๆ กัน โดยมีน้ำหนักของตัวเครื่องเพียง 1.2 กิโลกรัม มาพร้อมกับ Windows Hello ติดตั้งเป็นแบบ Fingerprint แน่นอนว่าสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake อย่าง Core i5-1035G4 และ Core i7-1065G7 ส่วนของแรมเป็นขนาดสูงสุดที่ 16GB LPDDR4X และ SSD M.2 NVMe ได้ความจะเป็น 256GB – 1TB รองรับการชาร์จไฟแบบรวดเร็ว พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงด้วย

รายละเอียดสเปกอื่นๆ ของ Acer Spin 5รุ่น ปี 2020 เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่าง Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 3 ที่ส่งข้อมูลได้เร็วแรงและปลอดภัยที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกมาใช้เป็นมาตรฐานใน Swift 3 / Swift 5 แล้ว ส่วนของระบบเสียงเป็น Acer TrueHarmony และ DTS พร้อมมีคีย์บอร์ดไฟส่องสว่าง มีปากกาที่เขียนได้เหมือนจริงที่สุดอย่าง Acer Active Wacom AES Stylus รองรับแรงกด 4,096 ระดับ

Spin%205%20SP513 54N t

ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Acer Spin 5 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.5″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ ทำให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ ของ Acer Active Wacom AES Stylus โดยติดตั้งอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านล่าง มีความบาง 15.24 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.22 กิโลกรัม

เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอเล็กกระทัดรัดเครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว โดดเด่นด้วยเมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาขอบตัวเครื่องด้านหลังก็จะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยในการมองจอและการพิมพ์ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แตกต่างจาก 2-in-1 Notebook ในตลาดยิ่งกว่าจากการที่เป็นขนาด 13.5″ สัดส่วน 3:2 ที่ความละเอียด 2K (2256 x 1504 พิกเซล) ที่ให้พื้นที่ด้านยาวมากว่า

HP Spectre x360 13 ราคา 44,900 – 47,900 บาท

จัดว่าเป็นหนึ่งในสุดยอด 2-in-1 Notebook แห่งปี 2020 สำหรับ HP Spectre x360 รุ่นล่าสุดที่นับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบามากๆ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10U (Ice Lake) ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราสุดๆ ด้วยสีสัน Poseidon Blue หรือในสีโทนดำเข้มอย่าง Dark Ash Silver ตกแต่งขอบโดยรอบด้วยสี Copper Luxe การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน วัสดุอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่องผ่านกระบวนการขึ้นรูป CNC ระดับสูง กับความบางที่ 14.7 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น

Spectre%20x360%2013%20Blue bk

สเปก Intel Core i Gen 10U มีอยู่หลักๆ คือ สเปก Core i5-1035G1 ราคา 44,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 47,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่ารองรับทุกๆ การทำงานได้ดีขึ้น ทั้งดูหนังฟังเพลง ใช้งานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงเล่นเกมออนไลน์ก็ยังพอได้ พร้อมประกัน 3 ปี On-site Service เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา Ultrabook พรีเมียมหรือ 2-in-1 Notebook ที่เจ๋งเหนือใคร !!

ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส รองรับการทัชสกรีนเต็มรูปแบบ โดยเป็นกระจก Corning Gorilla ให้ความทนทานอย่างที่สุด ตัวเครื่องติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล ร้อมสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน

Spectre%20x360%2013%20Blue f

พที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ที่ออกแบบมาพิเศษ เข้ากับตัวเครื่องสุดบางมาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX 201 (2×2) และ Bluetooth 5 Combo ตัวเครื่องติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ของ HP ที่สำคัญบันเดิลยังให้ปากกาสไตลัส HP Active Pen รุ่นล่าสุด รวมไปซอฟต์เคสหนังสุดหรูบันเดิล พร้อมด้วยอแดปเตอร์ตัวแปลงเป็น HDMI, USB Type-A, USB Type-C รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ Thunderbolt 3 ด้วย

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เล่นเกมด้วย Intel Core Ultra 5 245K กับ 7 เกมยอดนิยมบนการ์ดจอบนซีพียู Intel ไหวมั้ย ลื่นรึเปล่า? Intel Core Ultra 5 245K เป็นซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งปล่อยลงสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องความแรงและประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งด้านการประมวลผล หรือปัจจุบันก็มีเรื่องของ...

Buyer's Guide

7 โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ทัชสกรีน พับจอได้ สเปคดี พกพาสะดวก ไม่เกิน 30000 7 โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 พับจอได้ มีทัชสกรีน พร้อมปากกาสไตลัส เขียนจดบันทึกวาดได้บนหน้าจอ ในราคาไม่เกิน 30000 บาทปลายปี 2024 กับซีพียูระดับ Intel Core i5,...

CONTENT

ในปัจจุบัน นอกเหนือจากโน้ตบุ๊กที่เป็นดีไซน์แบบฝาพับอย่างที่คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานแล้ว ตัวเครื่องยังมีการพัฒนารูปทรงเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการพกพา และอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมก็คือการทำออกมาเป็นโน้ตบุ๊ก 2-in-1 โดยใช้หน้าจอสัมผัสที่สามารถพลิกจอได้ 360 องศา ทำให้สามารถใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว ในบทความนี้ก็เลยจะมาแนะนำโน้ตบุ๊กจอพับ AMD ในรูปแบบ 2-in-1 ที่น่าใช้กันครับ ตอบโจทย์ทั้งใช้ทำงาน ไปจนถึงการเล่นเกมได้เลยในบางรุ่น

INTEL

โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 200S series ใหม่ล่าสุด ส่งมอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการประมวลผลอันเหนือชั้นสำหรับเดสก์ท็อปพีซี พร้อมประหยัดพลังงานมากกว่าที่เคย กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 11 ตุลาคม 2567 –  ประเด็นสำคัญ: อินเทล ประกาศเปิดตัวตระกูลโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200S series...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก