Dell จัดว่าเป็นแบรนด์ Notebook ที่ได้รับความนิยมชมชอบเสมอมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปีปัจจุบัน 2020 จากการที่ทุกคนมั่นใจเรื่องของประกัน On-site ระยะเวลา 2 – 3 ปี และบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้ รวมไปถึงมี Notebook ให้เลือกซื้อหลากหลายตามความต้องการ เหมาะกับคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน พร้อมทั้งอัพเดทสเปกเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด
ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่ได้สถาปัตยกรรม Ice Lake หรือ Comet Lake พร้อมฟีเจอร์ Wi-Fi 6 / Thunderbolt 3 หรือในส่วนของ Gaming Notebook ที่ใช้เป็น Core i Gen 9 แต่ก็มาพร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอยู่ อย่างในปี 2020 นี้ Dell ก็พร้อมที่จะนำเสนอ Notebook ที่ตอบสนองในทุกๆ การทำงาน ความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมด้วย
โดยจุดแข็งของแบรนด์ Dell อย่างชัดเจน กับภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นมา จากบริการหลังการขายอย่าง Dell Premium Support ซึ่งประกอบไปด้วยบริการซ่อมเคลมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ระยะเวลาสูงสุด 2 – 3 ปีเต็มด้วย รวมไปถึงมีเรื่องของบริการอื่นๆ อย่าง Call Center จากผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 วัน แบบ 7 วันทำการ และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง SupportAssistant ทำให้มั่นใจได้เลย (อ่านรายละเอียดเพิ่ม)
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ จัดอันดับ Dell Notebook รุ่นน่าซื้อ เน้นคุ้มค่า / บางเบา / 2-in-1 / Gaming / พรีเมียม เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา คนทำงานทั่วไป หรือมืออาชีพ รวมไปถึง Gamer จริงจัง ล่าสุดกันโดยมีราคาคุ้มค่าเริ่มตั้งแต่หลักหมื่นจนไปถึงแสนบาทที่เป็น Notebook ระดับสูง เน้นประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมจะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปชมกันต่อเลยครับ
*** ราคาหน้าร้านต่างๆ ขายจริงราคาถูกลงกว่านี้พอสมควร บางรุ่นถูกกว่าเป็นหมื่นบาท !!! ก่อนซื้อตรวจสอบได้อีกทีสำหรับราคาแต่ละร้านทั้งแบบหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์ ***
Dell Inspiron 14 3493 ราคาคุ้มค่า ได้สเปก Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยก พอเล่นเกมลื่น
ดีไซน์การออกแบบของ Dell Inspiron 14 3493 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วอื่นๆ อยู่เล็กน้อย เหมาะกับการพกพา แนวคิดโดยรวมถอดแบบมาจากรุ่นบนอย่าง Dell Inspiron 14 3000 Series ทำให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน รับกับมือเวลาจับถือพกพา ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย พร้อมด้วยสีที่ดูสะอาดตา มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล TN อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.66 กิโลกรัมเท่านั้น
สเปกของ Dell Inspiron 14 3493 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-1035G / Core i7-1065G7 โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX230 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ HDD 1TB / SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4GB / 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell
- Core i5-1035G / MX230 / RAM 4GB / HDD 1TB / จอ 15.6″ TN ราคา 18,490 บาท
- Core i7-1065G7 / MX230 / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ TN ราคา 24,990 บาท
Dell Inspiron 14 5490 ดีไซน์บางเบา สเปก Core i Gen 10 มีการ์ดจอแยก พอเล่นเกมลื่น
ดีไซน์การออกแบบของ Dell Inspiron 5490 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 13 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 14 นิ้วเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คมาตรฐานแบเดิมๆ ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.42 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 17.29 มิลลิเมตร
สเปกของ Dell Inspiron 5490 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพดีอย่าง WVA ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX230 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.42 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ซึ่ง Dell Inspiron 5490 มีราคากลางอยู่ที่ 26,990 – 29,990 บาท
- i5-10210U / MX230/ RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ Full HD WVA ราคา 26,990 บาท
- i7-10510U / MX230/ RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ Full HD WVA ราคา 29,990 บาท
Dell Inspiron 13 5391 เครื่องเบาสุด บางสุด หรูสุด จอ 13.3″ สเปก Core i Gen 10
Dell Inspiron 13 5391 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ขอบบางเฉียบ เน้นพกพา ตามสไตล์ของ Ultrabook ปี 2020 ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ใหม่ล่าสุด และการ์ดจอแยก GeForce MX250 เป็นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่เบาสุดๆ ที่ 1.24 กิโลกรัม เล็กกระทัดรัดบางสุดเพียง 14.9 มิลลิเมตร แรมขนาด 8GB DDR3L พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล IPS ระดับ Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย
สเปกของ Dell Inspiron 13 5391 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ได้มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Inspiron 13 5391 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.24 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 14.9 – 16.8 มิลลิเมตร
โดย Dell Inspiron 13 5391 มีให้เลือกทั้งสีสันสีเงิน Platinum Silver ที่ดูแล้วหรูหรา สง่างาม เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เน้นภาพลักษณ์ไว้ใช้งาน หรือสีม่วงอ่อน Iced Lilac เหมาะสมกับสาวๆ ที่ดูน่ารักๆ พร้อมปุ่ม Power มุมขวาบนของคีย์บอร์ดสีเดียวกับตัวเครื่องที่เป็น Fingerprint ในตัว ซึ่งดูสวยงามลงตัวมากๆ สนนราคาไม่แพงเลย สำหรับสเปก Core i5-10210U อยู่ที่ 27,990 บาท และรุ่น Core i7-10510U ที่ 30,990 บาท ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด
- i5-10210U / MX250/ RAM 8GB / SSD 512GB /จอ 14″ IPS ราคา 27,990 บาท
- i7-10510U / MX250/ RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 14″ IPS ราคา 30,990 บาท
Dell Inspiron 13 7391 2-in-1 Notebook ราคา 34,990 – 44,990 บาท
Dell Inspiron 13 7391 จัดว่าเป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook รุ่นใหม่ล่าสุด ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ปี 2020 หน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD / Ultra HD รองรับการทัชสกรีนและปากกา พร้อมมีช่องเก็บตรงบานพับในตัว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ที่ 1.4 กิโลกรัม ขอบจอก็บางเฉียบ แรมขนาด 8GB / 16GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นพาเนล WVA ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง พร้อมใช้งานด้วย Windows 10 และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ มากมาย
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 13 7391 นั้นจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ในแบบยุคก่อนๆ เนื่องด้วยตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 ที่เป็นรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ที่สำคัญ 2-in-1 Notebook มีการดีไซน์ที่เก็บปากกาล้ำๆ โดยติดตั้งอยู่ที่บานพับ ซึ่งอาศัยแม่เหล็กในการเก็บอีกที
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็น Abyss Black ออกแนวดำๆ เทาๆ เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญคือติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 3 มาให้พร้อมใช้งานด้วย สนนราคา Dell Inspiron 13 7391 อยู่ที่ 44,990 บาท กับรุ่น Core i7-10510U ได้จอ Ultra HD / 39,990 บาท จอ Full HD ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i5-10210U ได้จอ Full HD จะอยู่ที่ 34,990 บาท สำหรับคอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 2 ปีด้วยกัน
- i5-10210U / RAM 8GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ Full HD WVA / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ Full HD WVA / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
- i7-10510U / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ Ultra HD WVA / Windows 10 ราคา 44,990 บาท
Dell Inspiron 15 7590/7591 ราคา 34,990 – 45,990 บาท
Dell Inspiron 7590/7591 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงานบางเบา ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ชิปประมวลผลเป็น Core i5/i7 ตระกูล H Gen 9 การ์ดจอเป็น GTX 1050/GTX1650 ที่เป็นรุ่นใหม่ มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดเดียวกัน ที่สำคัญด้วยบริการ Dell Pro Support ระยะเวลา 3 ปีเต็ม ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ทำให้มั่นใจได้เลย บริการหลังการขายของ Dell นั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
โดย Dell Inspiron 7590 และ 7591 ต่างกันตรงเรื่องของสีสัน โดย 7590 คือ สีดำ Abyss Black และ 7591 คือสี Platinum Silver ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Core i5-9300H และ i7-9750H ที่เป็นตระกูลเน้นประสิทธิภาพทำงานหนักๆ ได้สบายๆ และการ์ดจอ Gaming ระดับกลางๆ อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) / GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน พร้อมด้วย SSD M.2 NVMe ความจุ 256 – 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 7590/7591 ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ให้ดีไซน์ออกมาได้ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ ส่วนของตัวเครื่องจะใช้เป็นโลหะที่ดูสวยงามและทนทาน เป็นส่วนประกอบหลักตลอดทั้งตัวเครื่อง ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพทั่วๆ ไปในตลาด
- i5-9300H + GTX 1050 + RAM 8GB + SSD 256GB + จอ 15.6″ Full HD IPS ราคา 34,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1050 + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD IPS ราคา 39,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1650 + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD IPS ราคา 45,990 บาท
Dell XPS 13 7390 2-in-1 Notebook ราคา 69,990 – 89,990 บาท
Dell XPS 13 7390 ที่สุดของ 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.4″ ยกระดับประสบการณ์ใหม่หมดทุกด้าน ด้วย InfinityEdge ที่ใหญ่ขึ้น 7% ในส่วนดีไซน์โดยรวมมีเพรียวบางกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 8% เหนือชั้นกว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไปด้วยการมีพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ทำให้เครื่องเย็นเร็วขึ้น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 2.5 เท่า โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอที่มีขนาด 13.4″ อัตราส่วน 16:10 บนความละเอียด Full HD+ (1920 x 1200 พิกเซล)
หรือ Ultra HD+ (3840 x 2400 พิกเซล) พาเนล IPS ระดับสูงให้ค่าขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100% พร้อมด้วย Dolby Vision ที่ปรับปรุงการแสดงสีและความละเอียดได้ดียิ่งขึ้น จับรายละเอียดและความคมชัดของภาพได้อย่างแม่นยำ รวมถึงให้ความสามารถ ในการเพลิดเพลินไปกับคอนเท้นท์คุณภาพระดับ HDR ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน HDR400 โดดเด่นด้วยจอแบบกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่สดใสและทนทาน
Dell XPS 13 7390 2-in-1 Notebook สเปก Core i Gen 10 มาพร้อมกับ 2 สเปก 2 ราคา ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 (1.00 – 3.60GHz)/ Intel Core i7-1065G7 (1.30 – 3.90GHz) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลที่ดีและสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้ที่ต้องบอกว่าแรงมากๆ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ พร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ G1 / G7 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และด้วยการที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ร้อนน้อยกว่าเดิม พร้อมประสิทธิภาพของ AI ที่เร็วขึ้น 2.5-3 เท่า นับว่าก้าวกระโดดจาก Dell XPS 13 รุ่นก่อนพอตัวเลยทีเดียว
มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB / 16GB LPDDR4x Bus 3733 MHz และ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB / 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ รองรับการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นหลักๆ ให้มาเป็น Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และ Card Reader แบบ Micro-SD Card มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า พร้อม Killer AX1650 แยกประเภทและจัดลำดับความสำคัญของวิดีโอสตรีมมิ่ง และการสื่อสาร รวมถึงทราฟฟิกข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด
ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี Dell Premium Support โดยทั้ง 3 ปี เป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมถึงมีบริการหลังการขายอย่างการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์แวร์ และซอฟต์แวร์ได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา 24×7 ให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือ ณ ไซต์งานหลังการประเมินอาการผ่านระบบจากระยะไกล
- i5-1035G1 / RAM 8GB / SSD 256GB / จอ 13.4″ Full HD + IPS ราคา 69,990 บาท
- i7-1065G7 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.4″ Ultra HD + IPS ราคา 89,990 บาท
Dell XPS 15 7590 ล้ำสุดด้วยจอ 15.6″ 4K OLED แรงสุดจากสเปก i9 + GTX 1650
Dell XPS 15 7590 ที่จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดเดียวกัน แน่นอนว่านั่นก็มาจากการที่ Dell มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งต่อยอดความสำเร็จที่มีอยู่อย่างตลอดเวลา ล่าสุดคือล้ำหน้ากว่าที่นอกเหนือจากดีไซน์ภายนอกแล้วยังเลือกใช้หน้าจอเทคโนโลยี OLED ที่ดีที่สุด ความละเอียดเป็น 4K Ultra HD รองรับการทัชสกรีนด้วย แน่นอนว่าแสดงผลได้ขอบเขตสี sRGB 100% เพื่องานระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ
รุ่นสเปกของ Dell XPS 15 7590 แบ่งออกด้วยกันเป็น 3 รุ่น ใช้ชิประมวลผลเน้นความแรงของทาง Intel อย่าง Core i7-9750H โดยรุ่นท็อปสุดจะใช้งานเป็น Core i9-9980HK ใช้งานร่วมกับการ์ดจอประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพทั่วๆ ไปในตลาดทีเดียว รองรับการงานหนักๆ ทั้งหมด รวมไปถึงการเล่นเกม 3 มิติด้วย สนนราคาเริ่มต้นที่ 69,990 บาท ไปจนถึง 104,990 บาท พร้อมประกัน Dell Pro Support ระยะเวลา 3 ปีเต็มด้วยกัน
แรมก็ให้มา 16GB – 32GB แบบมาตรฐาน DDR4 ส่วนที่เก็บข้อมูลได้เป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TBตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาให้ค่อนข้างครบ จัดเต็มด้วย Thunderbolt 3 และ Wi-Fi 6 AX1650 (2×2) สุดล้ำ รวมไปถึงยังมี HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ได้ขอบหน้าจอบางแบบสุดๆ เพียงแต่อาจจะดูแปลกตาเล็กน้อยในตอนแรกๆ เท่านั้น ส่วนของบอดี้ จะใช้เป็นอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ Dell XPS 15 (2017) เป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพระดับสูงที่เน้นการพกพา เพราะมีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัม ส่วนความบางมีความส่วนที่บางสุดเพียง 11 มิลลิเมตร และส่วนที่หนาสุดก็เพียง 17 มิลลิเมตรเท่านั้น
- i7-9750H / GTX 1650 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ IPS Full HD ราคา 69,990 บาท
- i7-9750H / GTX 1650 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 15.6″ OLED 4K ราคา 79,990 บาท
Dell G3 / G5 / G7 ราคา 25,990 – 65,990 บาท
Dell G3 15 3590 เป็น Gaming Notebook ราคาถูกสุดที่เป็นน้องเล็กของ G Series ดีไซน์ดูบางเบา ซึ่งมีความบางตัวเครื่องเพียง 21.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 2.1 กิโลกรัม ขนาดหน้าจอ ตัวเครื่องสีดำเทาแซมฟ้าในแนวเดียวกับ G Series ซึ่งสเปกหลักๆ แล้วเน้นประสิทธิภาพต่อความคุ้มค่า สำหรับการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce อย่าง 1050, GTX 1650, GTX 1660 Ti Max-Q ประกบคู่กับชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง i5-9300H และ i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 9 รุ่นล่าสุด รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลกว่ารุ่นก่อนๆ
- i5-9300H + GTX 1050 + RAM 8GB + SSD 256GB + จอ 15.6″ Full HD WVA ราคา 25,990 บาท
- i5-9300H + GTX 1650 + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD WVA ราคา 30,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1660Ti Max-Q + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD WVA ราคา 37,990 บาท
Dell G5 15 5590 รุ่นรองมาจาก Dell G7 15 7590 ซึ่งเป็น Gaming Notebook ดีไซน์การมีการปรับใหม่ให้ดูสวยงามเฉียบเรียบยิ่งขึ้น มิติตัวเครื่องดูเล็กกระชับลงจากการที่ขอบหน้าจอบางลงตามเทรนด์ของ Notebook ปี 2020 มาพร้อมสีขาวสว่างๆ ที่ดูหรูหราหน่อยสไตล์แบบทูโทน ที่บอกได้เลยว่าดูดีมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว วัสดุหลักๆ เป็นพลาสติกคุณภาพดี ที่มีงานประกอบที่แน่นหนา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนก็ได้มีการปรับปรุงใหม่ เน้นความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่คุ้มค่าตามสไตล์ของ Dell
สำหรับสเปกหลักๆ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 9 อย่าง i7-9750H / i5-9300H ใส่แรมมาขนาด 8 – 16GB รวมไปถึงสนับสนุนการใช้งานทั้งฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ และ SSD M.2 NVMe ตามมาตรฐาน ที่สำคัญการ์ดจอเป็น GeForce GTX 1650 และ RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าสมกับการรอคอยของหลายๆ คน นอกเหนือจากนั้นเรื่องของสเปกหน้าจอก็โดดเด่น ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่น
- i5-9300H + GTX 1650 + RAM 8GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD IPS 60Hz ราคา 36,990 บาท
- i7-9750H + GTX 1660 Ti + RAM 8GB + SSD 256GB + HDD 1TB+ จอ 15.6″ Full HD IPS 60 Hz ราคา 44,990 บาท
- i7-9750H + RTX 2060 + RAM 16GB + SSD 512GB+ จอ IPS 60 Hz ราคา 49,990 บาท
Dell G7 15 7590 รุ่นท็อปสุดตระกูล G Series ดีไซน์สวยงามเฉียบเรียบ มิติตัวเครื่องดูเล็กกระชับลงจากการที่ขอบหน้าจอบางลงไม่แพ้รุ่นน้อง มาพร้อมสีเทาที่ดูเข้มหน่อยสไตล์แบบทูโทน ที่บอกได้เลยว่าดูแล้วให้ความดุดันมากๆ ตามมาตรฐานของ Dell ที่หลายๆ คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว พร้อมแซมด้วยสีฟ้า เพิ่มความโดดเด่น วัสดุหลักๆ ก็เป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่มีงานประกอบที่แน่นหนา รวมไปถึงระบบระบายความร้อนเป็นแบบโชว์โปร่งใสสีฟ้าดูดีทีเดียว
สำหรับสเปกหลักๆ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 9 อย่าง i7-9750H ใส่แรมมาขนาด 16GB DDR4 รวมไปถึงสนับสนุนการใช้งานทั้งฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ และ SSD M.2 NVMe ตามมาตรฐานที่ติดตั้งมาแล้ว 512GB โดดเด่นด้วยการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2060 และ RTX 2070 Max-Q ที่ต้องบอกว่าสมกับการรอคอยของหลายๆ คน นอกเหนือจากนั้นเรื่องของสเปกหน้าจอก็โดดเด่น ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ที่ 144Hz และ 240Hz แน่นอนว่าของดีเป็นประกัน Dell On-site Premium Support ระยะเวลา 2 ปี โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่น
- i7-9750H + RTX 2060 + RAM 16GB + SSD 256GB + HDD 1TB + จอ 15.6″ Full HD IPS 144Hz ราคา 59,990 บาท
- i7-9750H + RTX 2070 Max-Q + RAM 16GB + SSD 512GB + จอ 15.6″ Full HD IPS 240Hz ราคา 69,990 บาท
Alienware m15 R2 ราคา 79,990 – 119,900 บาท
Alienware M15 R2 ที่สุดของ Gaming Notebook จากทาง Dell สเปกสุดแรงดีไซน์สุดล้ำ หน้าจอขนาด 15.6″ มีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงจากการที่ขอบจอบาง เล็กกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 2.16 กิโลกรัมเท่านั้น และมีความบางสุดๆ ของตัวเครื่องเพียง 17.9 มิลลิเมตร กับสเปกที่จัดเต็มด้วยชิปประมวลผล Intel Core i9-9980HK /Intel Core i7-9750H ส่วนการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 2080 Max-Q / 2070 Max-Q / 2060 OC Ready สนนราคาขายจริงอยู่ที่ 79,990 – 119,990 บาท
ในส่วนของสเปกและฟีเจอร์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมกับแรมขนาด 8 – 16GB และ SSD M.2 NVMe ความจุ 256 – 512GB ได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD (1920 x 1080) มี Refresh Rate ที่ 240Hz กับความสว่างสูงถึง 300-nits ได้ค่าขอบเขตสี sRGB 100% color gamut รวมไปถึงมี Tobii Eyetracking ที่เราสามารใช้ดวงตาในการเล่นเกมอีกด้วย ส่วนการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Killer Wi-Fi 6 AX1650 (2×2) และ Bluetooth 5.0
แน่นอนว่าใช้งานได้ทันทีด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home 64bit ที่มีซอฟต์แวร์แสกนไวรัส McAfee* Security Center 12 Month subscription มาให้ด้วย ซึ่งในส่วนของประกันเป็นแบบ 2 ปี เป็นบริการ Dell Premium Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ที่หลายคนประทับใจกันอยู่แล้ว
สำหรับ Alienware M15 R2 เป็น Gaming Notebook ที่หลายคนจับมอง จากความสวยงามหรูหราเกินหน้าเกินตา และเป็น Gaming Notebook ระดับบนของทาง Dell ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสเปกแรงลื่น ยังได้เรื่องของประกันเทพ 2 ปี On-site Service ที่ทุกคนมั่นใจ นอกจากนี้ยังได้ฟีเจอร์ไฟ RGB ล้ำๆ อย่าง AlienFX Lighting Zones ที่ปรับแต่งได้รอบตัว และ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา ส่งผลให้มีความเหนือชั้นมากกว่า Gaming Notebook ในระดับราคาช่วงเดียวกัน
ซึ่งต้องบอกเลยว่าราคาค่าตัวนั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ Gaming Notebook ในสเปกใกล้เคียงกัน ซึ่งสำหรับรุ่นเริ่มต้นราคา 79,990 บาท ส่วนแรมเดิมๆ ขนาด 8GB น้อยไปหน่อย ซึ่งถ้าได้ 16GB เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจะดีกว่า รวมไปถึง SSD ความจุ 256GB ไม่น่าจะพอแน่นอน สำหรับการใช้งานติดตั้งเกมหรือลงโปรแกรมเพิ่มเติม อีกทั้งเมื่อใช้งานจริงๆ แล้วพบว่าความร้อนที่เกิดขึ้นเวลาใช้งานหนักๆ ค่อนข้างสูง ที่เอาจริงๆ แนะนำให้ซื้อรุ่นราคา 89,990 บาท จะเหมาะสมกับ เพราะได้ทั้งการ์ดจอแยก แรม และ SSD รวมถึงหน้าจอที่ดีกว่า คุ้มค่ากว่า
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นความแรง งานประกอบ ดีไซน์ที่ดุดัน และการรับประกันเทพๆ แล้วล่ะก็ Alienware M15 R2 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งควรจะซื้อรุ่นกลางราคา 89,990 บาทขึ้นไป โดดเด่นด้วยประสบการณ์ใช้งานได้ที่ไม่เหมือนใคร ส่วนการมาของ Alienware M15 R2 ทำให้ Dell มี Gaming Notebook รุ่นท็อปใหม่แล้ว ส่วนรุ่นรองลงมาก็จะเป็น Dell G Series รุ่นต่างๆ อย่าง G7, G5 , G3 สามารถเลือกได้ตามงบประมาณเริ่มต้น 2x,xxx บาท