DELL XPS 13 Plus โน๊ตบุ๊คทำงานระดับพรีเมี่ยม อัดฟีเจอร์น่าใช้มาจุกๆ
ในบรรดาโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมในปัจจุบัน DELL XPS 13 Plus ถือว่ายืนหนึ่งทั้งดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามเรียบหรู, ฟังก์ชั่นรักษาความปลอดภัยครบครันทั้งสแกนใบหน้าและนิ้วมือรวมไปถึงหน้าจอขอบเขตสีกว้างความละเอียดสูงพาเนล OLED แถมยังติดตั้งซีพียู Intel 13th Gen รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ด้วย ในแง่โน๊ตบุ๊คทำงานระดับพรีเมี่ยมถือว่าครบเครื่องแล้ว
แต่จุดเด่นซึ่งเหนือจากสเปคแล้ว ทาง DELL ก็เสริมจุดเด่นให้ XPS 13 Plus แตกต่างไม่เหมือนโน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมจากแบรนด์คู่แข่งหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะพอร์ต Thunderbolt 4 คู่ พร้อมอแดปเตอร์แปลงเป็นพอร์ต USB-A 3.0 และช่องหูฟัง 3.5 มม. แถมมาให้ในกล่อง, แถบแป้น F1~F12 แบบ Capcitive touch เป็นแสงเลเซอร์สีขาวสลับกับ Function Hotkey ซึ่งไม่มีโน๊ตบุ๊คเครื่องไหนเหมือนและแป้นทัชแพดแบบเนื้อเดียวกับแป้นตัวเครื่องซึ่งดูสวยงามเรียบร้อยไม่มีขอบให้ดูเกะกะกับคีย์บอร์ด Zero-Lattice ซึ่งใช้แรงกดพิมพ์น้อยลงแต่ตอบสนองเร็วดีทีเดียว
5 จุดเด่นเด็ดสุดของ DELL XPS 13 Plus ถูกใจสายทำงานระดับพรีเมี่ยม
DELL รุ่น XPS 13 Plus ณ ตอนนี้นอกจากอัพเดทสเปคให้ทันสมัยแล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์น่าใช้ต่างๆ ติดมาให้มากมาย ช่วยให้เจ้าของเครื่องใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นซึ่งจะมีจุดเด่นทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่
- ดีไซน์และฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
- หน้าจอทัชสกรีนความละเอียดสูงขอบเขตสีกว้าง
- ระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัย การเชื่อมต่อครบครัน
- สเปคดีทันสมัยด้วยซีพียู Intel 13th Gen
- แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้หลายชั่วโมง
1. ดีไซน์และฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
จุดเด่นแรกของ XPS 13 Plus คือบอดี้ตัวเครื่องสุดปราณีตแข็งแรงทนทาน ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมและทัชแพดกระจกกลึง CNC มาอย่างดี ทำให้สัมผัสตอนจับใช้งานรู้สึกดีมีระดับเสริมลุคสุดพรีเมี่ยมด้วยสีเทาดำกราไฟต์ในและกล่องบรรจุภัณฑ์ก็ทำจากวัสดุรีไซเคิลจึงนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ทั้งหมด 100% ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ในขั้นตอนต่างๆ ได้ด้วย
นอกจากรักษ์โลกก็รักความทันสมัยดีไซน์มินิมอล ที่ตัวเครื่องมีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมา 2 ช่อง สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์และจอคอมด้วยสาย Thunderbolt เส้นเดียวก็ใช้งานได้ทันที เหมาะกับผู้ที่มีจอ USB-C เช่นจอ DELL UltraSharp 27 4K USB-C Hub U2723QE นอกจากเชื่อมต่อได้สะดวกแล้ว จอดังกล่าวยังมีพอร์ตต่างๆ ติดมาให้ครบถ้วนทั้ง USB-A, LAN ฯลฯ และยังชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ XPS 13 Plus ได้และขอบเขตสีหน้าจอกว้างใช้ทำงานอาร์ทตัดต่อแต่งภาพและกราฟิคได้ดี ถ้าใครจะใช้พอร์ตอื่นๆ มาต่อเพิ่มเติมก็ซื้อ DELL Dock อแดปเตอร์รวมพอร์ตใช้งานมาต่อเพิ่มก็ใช้งานสะดวก
ถัดมาอย่างคีย์บอร์ด Zero-Lattice แม้รูปทรงจะคล้ายกับคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่คีย์บอร์ดนี้ถูกดีไซน์ให้ปุ่มใหญ่ขึ้นจนสุดขอบต่อขอบและใช้แรงกดน้อย ทำให้นั่งพิมพ์งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงและมีไฟ LED Backlit ติดมา ช่วยให้พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้นและจากที่ได้รีวิว DELL XPS 13 Plus ซึ่งติดตั้งคีย์บอร์ด Zero-Lattice มา ถือเป็นคีย์บอร์ดระยะกดสั้นใช้แรงน้อยตอบสนองไวและปุ่มก็กว้างรับนิ้วผู้ใช้ได้ดี เหมาะกับคนชอบคีย์บอร์ดปุ่มเบาออกแรงกดนิดหน่อยก็ทำงานแล้วมาก
จุดเด่นที่แตกต่างและดูพรีเมี่ยมกว่าโน๊ตบุ๊คทุกรุ่นในตลาด คือปุ่ม F1~F12 เป็นปุ่มแบบ Capacitive touch แค่แตะก็ตอบสนองทันที ถ้ากด Fn ค้างไว้จะสลับเป็นชุดปุ่ม Function Hotkey แทนให้ผู้ใช้กดเลือกได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งนอกจากใช้งานง่ายยังล้ำสมัย ดูพรีเมี่ยมยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทุกรุ่นในท้องตลาดอย่างแน่นอน
ส่วนของทัชแพดกระจกไร้ขอบนอกจากสวยงามไม่มีขอบรอยต่อระหว่างตัวเครื่องแล้วยังใช้ Gesture Control ของ Windows 11 ได้สมบูรณ์แบบ ตอบสนองได้ดีแม่นยำด้วยเทคโนโลยี Haptic จับสัมผัสนิ้วของผู้ใช้ว่าลากนิ้วและกดลงน้ำหนักส่วนไหน ตัวแป้นก็จะตอบสนองการกดและสัมผัสตามการใช้งานได้รวดเร็ว โดยเฉพาะดีไซน์ถือว่าสวยงามไม่มีกรอบทัชแพดให้รกเกะกะสายตาแม้แต่น้อย เป็นองค์ประกอบอีกส่วนที่ทำให้ XPS 13 Plus ดูสวยล้ำสมัยขึ้น
2. หน้าจอทัชสกรีนความละเอียดสูงขอบเขตสีกว้าง
หน้าจอของ XPS 13 Plus มีขนาด 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) พาเนล OLED เป็นจอทัชสกรีนขอบเขตสีกว้างดีไซน์ InfinityEdge รีดขอบหน้าจอให้บางเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มขอบเขตการมองเห็นคอนเทนต์บนหน้าจอ ในรีวิวจากการทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 แล้วหน้าจอนี้มีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ทีเดียว นับเป็นพาเนลคุณภาพสูงใช้พรู้ฟสีงานอาร์ทได้สบายๆ มีความสว่าง 400 nits และมีฟีเจอร์ Anti-Reflect ป้องกันแสงสะท้อนบนหน้าจอได้ นอกจากนี้ยังมี Low Blue Light ลดแสงสีฟ้าช่วยถนอมสายตาลดอาการล้าให้ใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง
เมื่อพูดถึงหน้าจอแล้ว ลำโพงของ DELL XPS 13 Plus ทั้ง 4 ดอก นอกจากได้เสียงดังฟังชัด เนื้อเสียงก็ดีรายละเอียดเสียงครบถ้วนและมีเบสคอยซัพพอร์ตให้เสียงแน่นฟังเพลงได้อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องต่อลำโพงแยกก็ใช้งานได้ดีฟังเพลงได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อปรับเสียงดังสุดแล้ววัดได้ 85dB ดังนั้นถ้าใช้ดูหนังฟังเพลงในห้องส่วนตัวก็ถือว่าดังฟังชัดหายห่วง
3. ระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัย การเชื่อมต่อครบครัน
นอกจากเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนแป้นคีย์บอร์ดแล้ว ทีเด็ดของ XPS 13 Plus คือกล้อง IR Camera สำหรับสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องของกล้องเว็บแคม ประสานกับชิป TPM 2.0 และระบบ Windows Hello เพื่อรักษาความปลอดภัยและใช้ฟีเจอร์พิเศษ ExpressSign-in ได้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำงานร่วมกับกล้องเว็บแคม โดยตัวกล้องจะเช็คอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าของเครื่องยังใช้เครื่องอยู่หรือไม่ ถ้าหากไม่ได้อยู่หน้าเครื่องสักพักหนึ่งแล้ว ระบบจะ Log out ไปอยู่หน้า Lock Screen ไม่ให้คนอื่นมาแอบใช้เครื่อง และถ้ากล้องเว็บแคมตรวจเจอว่าเจ้าของเครื่องกลับมาใช้งานอีกครั้งก็จะปลดล็อคหน้าจอให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยยิ่งขึ้น
พอร์ตเชื่อมต่อถือว่าทันสมัยและทรงพลังมากเพราะติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่องและแถมอแดปเตอร์แปลงจาก USB-C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มม. และ USB-A อย่างละชิ้น ช่วยให้เชื่อมต่อใช้งานกับอุปกรณ์ทั่วไปอย่างเช่น External SSD หรือหูฟังตัวโปรดได้โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมก็ได้
การเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 5.2 ในตัว โดยใช้ Wi-Fi PCIe Card รุ่น Intel Killer AX1675 รองรับคลื่น Wi-Fi ตั้งแต่ 2.4, 5, 6GHz ได้ ความเร็วสูงสุด 2.4 Gbps แบนด์วิธ 160MHz รับส่งข้อมูลได้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี MU-MIMO, OFDMA และถ้าคลื่น 2.4, 5GHz มีผู้ใช้งานเยอะจนไม่เร็วไม่เสถียร ตัวเครื่องจะย้ายไปจับคลื่น Wi-Fi 6GHz ให้โดยอัตโนมัติให้ทำงานได้เสถียรและรวดเร็วเช่นเดิม ช่วยให้รับส่งข้อมูล, ประชุมงาน, เปิดเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
4. สเปคดีทันสมัยด้วยซีพียู Intel 13th Gen
สเปคของ DELL XPS 13 Plus เองก็ถูกอัพเกรดเป็น Intel 13th Gen ต่อยอดจากเครื่องที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสเปครุ่นอัพเดทล่าสุดปี 2023 มีรายละเอียดดังนี้
CPU | Intel Core i7-1360P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 5GHz |
GPU | Intel Iris Xe Graphics |
SSD | M.2 NVMe SSD 512GB |
RAM | 16GB LPDDR5 บัส 6000MHz แบบ Dual-Channel |
Display | จอทัช 13.4 นิ้ว ความละเอียด 3.5K (3456×2160) พาเนล OLED แบบ Anti-Reflect ดีไซน์ขอบบาง InfinityEdge ความสว่าง 400 nits |
Connectivity | Thunderbolt 4 x 2 พร้อมอแดปเตอร์ USB-C to A กับ USB-C to 3.5 mm. Jack Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2 |
Webcam | 1080P IR Camera รองรับ Windows Hello มีฟีเจอร์ ExpressSign-in |
Software | Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021 McAfee LiveSafe ใช้บริการฟรี 12 เดือน |
Weight | 1.26 กิโลกรัม |
Price | ราคาเริ่มต้น 84,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) *ตรวจสอบสเปคและราคาเพิ่มเติมได้กับทางตัวแทนจำหน่าย* ประกัน Accidental Damage Service 1 ปี ประกัน Premium Support Onsite service 3 ปี |
จุดแข็งของ DELL XPS 13 Plus ในเรื่องของสเปคนอกจากได้อัพเกรดเป็นซีพียู Intel 13th Gen แล้ว บัสของแรมก็ถูกอัพเกรดเพิ่มความเร็วมากขึ้นจาก 5200MHz เป็น 6000MHz ช่วยให้ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ซอฟท์แวร์สำคัญติดตั้งมาให้ครบเครื่องทั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 และ McAfee LiveSafe โปรแกรมแอนตี้ไวรัสใช้บริการได้ฟรี 12 เดือน จัดว่าครบเครื่องพร้อมทำงานมาก
นอกจากงานออฟฟิศทำงานเอกสาร ประชุมงานออนไลน์ทั่วไปแล้ว DELL XPS 13 Plus พร้อมซีพียู Intel Core i7-1360P และการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics ก็ใช้ทำงานกราฟิคต่างๆ อย่างตัดต่อแต่งภาพหรือวิดีโอก็ทำได้ดี หากใครเปิดโปรแกรมสาย Adobe แต่งภาพทำงานบ่อยๆ สเปคของ XPS 13 Plus ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน แถมยังได้หน้าจอพาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 หากใครทำงานเป็น AE คอยติดต่อลูกค้าอยู่เป็นประจำก็สามารถนำเสนองานกราฟิคต่างๆ ด้วยจอของเครื่องนี้ได้เลย เพราะสีสันแม่นยำเที่ยงตรงไว้ใจได้แน่นอน
ด้านการรับประกันซึ่งเป็นจุดแข็งของ DELL XPS 13 Plus คือ ประกันและบริการหลังการขายซึ่งปีแรกเป็น Accidental Damage Service คอยดูแลเมื่อตัวเครื่องเสียหายและมีบริการ Premium Support ให้บริการซ่อมโน๊ตบุ๊คแบบ Onsite service นานถึง 3 ปี เพียงโทรติดต่อช่างก็เข้ามาให้บริการถึงที่ ไม่ต้องเสียเวลานำเครื่องไปเคลมตามร้านคอมก็ได้
5. แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้หลายชั่วโมง
แบตเตอรี่ใน DELL XPS 13 Plus ตัวนี้มีความจุ 55Wh แบบ 3-Cell ซึ่งเป็นความจุที่พบได้ทั่วไปในโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ แต่สเปค, ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานต่างๆ ทำได้ดีจนผ่านมาตรฐานได้รับการรับรองเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo สามารถพกเครื่องไปทำงานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอย่างแน่นอน
จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ แม้จะเป็นรุ่นก่อนหน้าที่ติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen และเคลมเอาไว้ว่าใช้งานได้ราว 7 ชั่วโมงก็ตาม แต่เมื่อใช้งานจริงก็ทำได้ดีกว่าที่คิดถึง 10 ชั่วโมง 39 นาที และเมื่ออัพเกรดเป็น Intel 13th Gen แล้ว นอกจากประสิทธิภาพแล้วยังใช้งานด้วยแบตเตอรี่ได้นานหลัก 10 ชั่วโมงขึ้นไปอย่างแน่นอน ถ้าจะพก XPS 13 Plus ติดตัวไปประชุมหรือทำงาน นอกจากจะใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงยังทำงานหนักได้ดีแน่นอน
นอกจากนี้น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.26 กิโลกรัม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพกเครื่องไปไหนมาไหนได้สะดวก และรูปลักษณ์เครื่องที่ดูดีมีเอกลักษณ์เสริมภาพลักษณ์นักธุรกิจผู้บริหารยิ่งทำให้ DELL XPS 13 Plus ดูดีมีเอกลักษณ์แถมขนาดตัวเครื่องเพียง 13.4 นิ้ว ก็เล็กกะทัดรัด วางเครื่องไว้บนโต๊ะในห้องประชุมหรือร้านกาแฟได้สะดวกไม่กินพื้นที่มากนัก
ถ้าผู้ใช้คนไหนกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คทำงานระดับพรีเมี่ยมดีไซน์สวยงามเสริมภาพลักษณ์พกพาง่ายทำงานดี โดยเฉพาะเซลส์ AE ที่ต้องนำเสนองานกับลูกค้าบ่อยๆ ยิ่งควรหาเอาไว้ติดตัวสักเครื่อง นอกจากจะทำงานดีเลิศแล้วยังเสริมบุคลิคให้ดูดีมีระดับ คุ้มค่าน่าลงทุนซื้อมาใช้งานในระยะยาวอย่างแน่นอน!