เกมประเภทเอาชีวิตรอดที่วางจำหน่ายกันมากมายทั้งทางคอนโซลก็ดีหรือ PC ก็ดีแต่ในจำนวนเกมที่มีมากมายนั้นจะมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คือระบบเกมเพลย์ที่ค่อนข้างน่าหงุดหงิดกวนใจในเรื่องพลังชีวิตค่าความเหนื่อยหรือ Stamina ที่ลดลงอย่างรวดเร็วหรือไอเท็มเพิ่มพลังที่บางเกมอาจจะกินเพื่อประทังชีวิตตลอดเวลารวมไปถึงอาวุธระบบการต่อสู้ที่ไม่ซับซ้อนแต่ก็ไม่ได้ตอบสนองความสนุกเท่าไหร่ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับเกมแนวเอาชีวิตรอดในปัจจุบัน
ด้วยระบบดังกล่าวย่อมทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนรู้สึกกดดันและเครียดสะสมไม่ใช่เพราะบรรยากาศเกมที่น่ากลัวแต่เป็นเพราะระบบเกมที่ไม่สมส่วนเท่าไหร่นักหนักไปทางการประทังชีวิตด้วยการเติมเสบียงจนไม่เป็นอันทำอะไร แม้กระทั่งระบบการต่อสู้เช่นการยิงปืนที่แม้ว่าจะใช้ตัวละครที่มีความถนัดเรื่องยิงปืนก็ตามแต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่เลยหรือตัวอาวุธระยะใกล้ก็ตามที่เหมือนออกแบบไม่หลากหลายนักมีไว้แค่ฆ่าศัตรูก็พอ
จากปัญหาที่ว่ามานี้ถ้าหากลองนำมาเปรียบเทียบกับเกมเอาชีวิตรอดเก่าแก่เกมหนึ่งก็พบว่าตัวเกมดังกล่าวกลับมีระบบที่สมบูรณ์แบบกว่าเกมยุคช่วงหลัง ๆ มาเสียด้วยซ้ำและเกมที่ว่านั่นก็คือ S.T.A.L.K.E.R. กับภาค Shadow of Chernobyl ที่พัฒนาโดยทีมงาน GSC Game World สัญชาติยูเครนกับเรื่องราวการผจญภัยในโลกที่เต็มไปด้วยรังสีนิวเคลียร์ซึ่งเกมนี้แม้จะวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2007 แต่ด้วยระบบเกมที่จัดว่าสมบูรณ์แบบของมันก็ยังเป็นที่พูดถึงอยู่เนือง ๆ เพราะจุดเด่นของมันจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในเรื่องแกนหลักที่ไม่เน้นเรื่องการจัดการทรัพยากรแต่จะเน้นการจัดสรรเวลา ยืดหยุ่นเรื่องการเติมพลังชีวิตโดยไม่ต้องกังวลจึงทำให้เพิ่มความหลากหลายในการเล่นได้เยอะ
ด้วยพื้นที่ที่แบ่งเป็น Zone ผู้เล่นจะได้เจอกับข้าศึกหลายรูปแบบมีระดับความยากง่ายผสมกัน ยังไม่รวมถึงระบบ AI ที่ซับซ้อนจนเหมือนว่าเล่นกับคนจริง ๆ สามารถเด็ดหัวผู้เล่นได้ตลอดเวลาถ้าหากประมาทแถมความอึดของมันก็ทำให้ต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 1 แมกกาซีน ด้านอาวุธไอเท็มทรัพยากรใน S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl ก็หาไม่ยากแต่นั่นก็ไม่ทำให้ความเป็นเกมเอาชีวิตรอดหายไปกลับทดแทนด้วย Anomalies จะเป็นพื้นที่ที่มีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่โดย Anomalies แต่ละแห่งจะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันซึ่งผู้เล่นต้องหลบเลี่ยงมันมิเช่นนั้นอาจจะตายไม่รู้ตัวและเจ้า Anomalies นี่แหละก็เป็นจุดเด่นที่สุดของเกมอีกด้วย
นอกจากนี้ถ้าจะลงรายละเอียดด้านระบบอาวุธใน S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายตั้งแต่การซ่อมแซมอาวุธที่ถ้าหากใช้งานไม่ยอมซ่อมแล้วอาวุธจะเกิดอาการบกพร่องเช่นปืนขัดลำกล้องหรือจะเป็นค่า Stamina สามารถเติมพลังด้วยการใช้ไอเท็มหรือจะนอนหลับก็ยังได้เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้เล่นและไอเท็มในเกมอย่าง Artifact ก็ยังช่วยให้ทนต่อรังสีนิวเคลียร์ได้ด้วยจึงทำให้ไอเท็มใน S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl เป็นมากกว่าไอเท็มเพิ่มพลังธรรมดา ๆ
ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับเกมแนวอื่นที่ออกมาในยุคไล่เลี่ยกันก็คงจะเปรียบกับ Far Cry 2 ที่ทั้งสองเกมจะอุดมไปด้วยศัตรูที่พร้อมจะจัดการผู้เล่นตลอดเวลาโดยไม่มีเวลาได้พัก บรรดา NPC ที่กระจายตามแผนที่เต็มไปหมดหรือเนื้อเรื่องบวกกับบรรยากาศที่เล่นกับความรู้สึกของผู้เล่นซึ่งทั้ง S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl และ Far Cry 2 ก็ทำได้ดีและอินไปกับเกมมากทีเดียว
อีกอย่างที่ S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl เป็นเกมเอาชีวิตรอดที่โดดเด่นก็คือการ Mod กราฟิกให้สวยงามขึ้นที่ว่ากันว่าใครไม่ Mod กราฟิกเกมนี้ก็เหมือนไม่ได้เล่นยังไงยังงั้นและ Mod ที่ชื่อ L.U.R.K กับการยกเครื่องปรับสมดุลเกมใหม่จนทำให้รู้สึกว่ามันยังเป็นเกมที่ทันสมัยไม่เชย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl ทำออกมาทั้งหมดก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการพัฒนาเกมแนวเอาชีวิตรอดในยุคหลังว่าหัวใจหลักของเกมประเภทนี้ไม่ได้อยู่แค่การจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดเท่านั้น ส่วนเกม S.T.A.L.K.E.R. จะมีภาคต่อไปหรือไม่ก็คงจะไม่ได้เห็นกันแล้วเพราะทีมงานบางส่วนก็ได้กระจัดจายหายไปอยู่กับทีม 4A ผู้สร้าง Metro ที่ได้เปลี่ยนแนวไปเป็นเกมชู้ตติ้งมัลติเพลย์เยอร์ไปเรียบร้อยและความหวังที่จะได้เห็นเกมเอาชีวิตรอดที่ตอบโจทย์อย่าง S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl นั้นก็อาจจะเป็นจริงในอนาคตข้างหน้าสักวันหนึ่งครับ
ที่มา: Kotaku