ใน The Division มีระบบ Skill , Talent , Perk มากมายจึงทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกแนวทางการเล่นของตนเองได้มากมายไม่ซ้ำแบบใครแต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างความสับสนให้ด้วยเพราะบางคนก็ไม่รู้ว่าจะเลือกอัพเกรดอะไรดีถึงจะทำให้ Agent ของเราเก่งทัดเทียมสู้กับคนอื่นได้ ดังนั้นเราจึงมีไกด์ไลน์ที่น่าสนใจถึง 4 รูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้เล่นได้พิจารณาเลือกใช้งานกันครับ
สำหรับไกด์ไลน์ทั้ง 4 นี้จะแบ่งตามลักษณะการเล่นได้แก่เน้นพลังโจมตีหรือซุ่มยิง , รับความเสียหายแทนเพื่อน , เน้น Gadget ลูกอุปกรณ์ และ หน่วยสนับสนุน โดยมีรายละเอียดดังนี้
Sharpshooter
เริ่มต้นกันด้วยตำแหน่งที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบซุ่มยิงหรือเน้นพลังโจมตีแรง ๆ โดยแนวทางการเล่นจะเน้นที่พลังทำลายของอาวุธและอาวุธหลักที่ควรถือก็ควรเป็นปืนประเภท Markman Rifle หรือปืนสไนเปอร์พร้อมกับการ Mod อาวุธให้เน้นระยะการยิงที่ไกลขึ้นซูมได้ใกล้ขึ้นและควรยิงให้โดน Headshot ทุกครั้งเพื่อค่า Xp ที่พุ่งพรวดดุจจรวด ส่วนทางด้านอาวุธรองควรใช้ Assault Rifle Mod ส่วนของความแม่นยำและความนิ่งของปืนสำหรับต่อกรกับศัตรูระยะกลางและใกล้
Skill ที่ต้องมีก็คือ Pulse ที่สามารถมาร์คตำแหน่งศัตรูรอบ ๆ ตัวได้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหนและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควร Mod Skill ให้เป็น Tactical Scanner ด้วยที่จะทำความเสียหายแก่ศัตรูที่ถูกมาร์คตำแหน่งแรงขึ้นกว่าเดิม
ส่วน Skill ที่สองควรใช้ Turret วางป้อมปืนเพื่อจัดการกับพวกโจมตีระยะประชิดและทำให้ศัตรูไม่กล้าเข้าใกล้เราได้ครับ ส่วน Talent ที่จำเป็นนั้นก็จะมีรายละเอียดดังนี้
- Evasive Action – เมื่อเปลี่ยนที่กำบังจะสามารถป้องกันความเสียหายที่ได้รับ 30 เปอร์เซ็นต์
- Tactical Advanced – เมื่อเปลี่ยนที่กำบังจะเพิ่มความเสียหายอีก 2 เปอร์เซ็นต์/เมตร โดยจะวัดจากระยะห่างของที่กำบัง
- Steady Hands – เมื่อเข้าที่กำบังจะลดค่า Recoil 25 เปอร์เซ็นต์เป็นระยะเวลา 10 วินาที
- One Is None – เมื่อยิงโดน Headshot มีโอกาส 50 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่เสียลูกกระสุน
สุดท้ายกับค่าสเตตัสหลักควรจะเน้นหนักไปที่ค่า Firearms ซึ่งเป็นค่าที่เกี่ยวกับพลังโจมตีซึ่งควรให้ค่านี้โดดเด่นกว่าค่าสเตตัสอื่น ๆ ครับ
Tank
สำหรับหน้าที่นี้เหมาะสำหรับผู้เล่นสายบู๊หรือรู้ตัวว่ายิงศัตรูไม่แม่นเท่าไหร่ซึ่งข้อดีของแนวทางนี้จะอยู่ที่การเป็นตัวชนให้กับเพื่อนร่วมทีมพร้อมกับเน้นค่าพลังป้องกันให้มากที่สุด โดยอาวุธหลักของสายนี้คือปืนประเภท Light Machine Gun เพราะเป็นปืนที่ยิงง่ายและเวลายิงแบบกดรัวจะทำได้ดีกว่าปืนอื่น ๆ และต้อง Mod ปืนในส่วนของค่า Stability กับจำนวน Magazine ให้รองรับมากขึ้นด้วยและอาวุธรองลงมาคือปืนลูกซองเอาไว้ยิงแสกหน้าศัตรูในระยะใกล้
Skill ที่จำเป็นต้องมีคือ Smart Cover ซึ่งเป็น Skill หัวใจหลักเพราะจะทำให้ที่กำบัง ณ จุดนั้นหนาขึ้นลดความเสียหายลงและเพิ่มพลังโจมตีให้แก่ผู้อยู่หลังที่กำบังนั้นแต่ถ้าหากในทีมไม่มีคนคอยฮีลเลือดแนะนำให้ Mod Skill นี้เป็น Recharger เพราะจะทำให้ตัว Smart Cover ซ่อมแซมตัวเองได้แถมทำให้ Skill Cooldown เร็วขึ้นด้วยหรือ Mobile Cover ก็เป็นอะไรที่น่าใช้เช่นกันเพราะมันจะสร้างโล่กำบังขนาดพกพาจำนวน 1 ชิ้นสามารถใช้ได้จนกว่าจะพังไปข้างเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีที่หลบให้
ส่วน Skill ที่สองนั้นถ้าหากเล่นคนเดียวก็ควรเลือก First Aid หรือ Pulse แต่ถ้าหากเล่นร่วมกันกับเพื่อนก็ควรหา Skill สนับสนุนอย่าง Turret วางป้อมปืนยิงสนับสนุนจะดีกว่าครับ
รายชื่อ Talent สำหรับสาย Tank ก็จะแยกเป็น 4 Talent ได้แก่
- Desperate Time – เมื่อเลือดต่ำจะเพิ่มความแม่นยำอีก 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อยิงแบบ Blind Fire
- Stopping Power – เมื่อยิงกดจะเพิ่มความเสียหายแบบ Headshot 25 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 10 วินาที
- Tactical Advanced – เมื่อเปลี่ยนที่กำบังจะเพิ่มความเสียหายอีก 2 เปอร์เซ็นต์/เมตร โดยจะวัดจากระยะห่างของที่กำบัง
- Evasive Action – เมื่อเปลี่ยนที่กำบังจะสามารถป้องกันความเสียหายที่ได้รับ 30 เปอร์เซ็นต์
ส่วนค่าสเตตัสหลักควรเน้นค่า Stamina เพราะจะช่วยเพิ่มเลือดพลังชีวิตให้มากขึ้นฉนั้นควรหาชุดเกราะที่บวกค่าดังกล่าวมาสวมใส่เป็นหลักครับ
Pet Build
ส่วยสายนี้จะเน้นหนักในเรื่องอุปกรณ์ Gadget เสริมเหมาะกับผู้เล่นที่ชอบเน้นลูกเล่นก่อกวนชาวบ้านซึ่งแน่นอนว่า Skill หัวใจหลักเลยก็คือ Turret นั่นเองโดยสามารถแบ่งเป็นสายย่อยได้อีก 2 สายตามความชอบได้แก่
- สายไฟฟ้า – สายนี้จะทำให้ป้อมปืนของเรายิงกระสุนสายฟ้าเพื่อช็อตศัตรูด้วยการ Mod Skill ชื่อ Zapper บวกกับเลือก Talent Fear Tactic ทำให้ศัตรูที่ถูกช็อตนั้นมีโอกาสอีก 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้รอบ ๆ เป้าหมายถูกช็อตไปด้วย
- สายไฟ – สายนี้จะเน้นพลังทำลายควรจะ Mod Skill ชื่อ Dragonbreath เพื่อให้ป้อมของเรายิงกระสุนไฟทำให้ศัตรูติดสถานะไฟไหม้ (On Fire) พร้อมกับเลือก Talent ชื่อ Wildfire จะทำให้ศัตรูที่ติดสถานะ On Fire มีโอกาสอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้ศัตรูรอบ ๆ ไฟไหม้ไปด้วย
ส่วน Skill ที่สองให้เลือก Sticky Bomb พร้อม Mod Skill ชื่อ BFB ทำให้ระเบิดของผู้เล่นรุนแรงขึ้นและทำให้ศัตรูติดสถานะ Bleed พร้อมกับ Talent อีก 2 ตัวคือ Demolition Expert กับ Chain Reaction ซึ่งเกี่ยวกับเพิ่มความเสียหายของระเบิดนั่นเองครับ
ทางด้านค่าสเตตัสควรเน้นไปที่ค่า Electronics ซึ่งค่านี้จะมีผลเกี่ยวกับ Skill โดยค่า Electronics มีมากเท่าไหร่ประสิทธิภาพของ Skill ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
Medic
และแนวทางสุดท้ายสำหรับผู้เล่นที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นเป็นหลักหรือชอบอยู่แนวหลังมากกว่าแนวหน้าล่ะก็ตำแหน่ง Medic น่าจะเหมาะสมที่สุดโดยอาวุธของตำแหน่งนี้จะไม่เน้นมากแต่ควรจะหนักไปในเรื่อง Skill ซัพพอร์ตอย่าง First Aid เพิ่มเลือดให้กับตนเองกับเพื่อนร่วมทีมและก็อย่าลืม Mod Skill ชื่อ Defibrilator ด้วยเพราะจะช่วยเพื่อที่ล้มอยู่กลับมาวิ่งปร๋อได้แถมยังเพิ่มเลือดให้จนเต็มอีกต่างหาก
ส่วนอีก Skill คือ Support Station วางกล่องยาทำให้เพิ่มเลือดที่อยู่ใกล้กับกล่องและ Mod Skill ชื่อ Ammo Cache ด้วยซึ่ง Mod ตัวนี้จะทำให้เพื่อนที่อยู่ใกล้กับกล่องได้รับกระสุนจากการ Reload และ Cooldown Skill ลดลง
Talent ที่จำเป็นก็จะมีอยู่ 3 Talent หลักดังนี้
- Triage – เมื่อช่วยเพื่อที่ล้มอยู่ด้วย Skill จะทำให้ลด Skill Cooldown ลง 15 เปอร์เซ็นต์
- Combat Medic – ถ้าหากใช้ Medkit จะรักษาเพื่อนในระยะ 20 เมตร 40 เปอร์เซ็นต์
- Battle Buddy – ถ้าหากช่วยเพื่อนที่ล้มจะลดความเสียหายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ 10 วินาที
สุดท้ายท้ายสุดกับค่าสเตตัสควรเน้นไปที่ค่า Electronics เพราะจะทำให้ Skill ของเราทำงานได้เต็มที่ส่งผลดีขึ้นกว่าเดิมครับ
สำหรับใครที่ยังไม่มีตัวเกมก็สามารถเข้าไปซื้อได้ทาง Steam ในราคา 1,790 บาท ครับ
ที่มา: vg247