Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

คอร์ Zen 4c ใน CPU AMD คืออะไร และต่างจาก E-Core ของ Intel อย่างไร

แนวคิดเรื่องของการใส่คอร์ประมวลผลหลายแบบลงในแพ็กเกจของ CPU คือสิ่งที่ผู้ผลิตแต่ละรายกำลังให้ความสำคัญ และใช้ในการรีดประสิทธิภาพของ CPU ควบคู่กับการใช้พลังงานที่เหมาะสม อย่างในฝั่งของคอมพิวเตอร์ ทาง Intel เองก็จะมีแบ่งเป็น P-Core และ E-Core ที่แยกระดับความแรงและวัตถุประสงค์การทำงานอย่างชัดเจน ส่วน AMD ก็มีคอร์ประเภทที่ชื่อลงท้ายด้วย c อย่างเช่นคอร์ Zen 4c แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้รับการนำเสนอจากทางผู้ผลิตเองมากนัก ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกันครับว่าคอร์ Zen 4c คืออะไร ทำหน้าที่อะไรได้บ้าง และต่างจากคู่แข่งอย่างไร

AMD Zen4c

Advertisement

นอกจากที่ใน CPU จะมีคอร์ประมวลผลที่มีระดับประสิทธิภาพแตกต่างกันแล้ว ในยุคหลังยังมีการใส่พวกคอร์หรือหน่วยประมวลผลที่ทำงานเฉพาะทางเข้ามาอีก เช่น NPU สำหรับประมวลผลงานด้าน AI เป็นต้น

คอร์ Zen 4c คืออะไร มีการทำงานอย่างไร

98a6dde7697a7ab3039f121bb26bdd3f

Zen 4c คือคอร์ประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับคอร์ Zen 4 แบบเป๊ะ ๆ เพราะใช้โหนดสถาปัตยกรรมระดับเดียวกัน ทำให้มีความสามารถในการทำงาน และประสิทธิภาพของ instruction-per-cycle (IPC) ที่เท่ากับคอร์ Zen 4 ปกติ ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกกับชิปตระกูล EPYC สำหรับงานกลุ่มเซิฟเวอร์ แต่สิ่งที่ต่างออกไปมีดังนี้

  • มีจำนวนแคช L3 ต่อคอร์ที่ลดลงครึ่งหนึ่ง
  • ทำให้คอร์มีขนาดเล็กลงเหลือแค่ 2.48 ตร.มม. ต่อคอร์ (Zen 4 มีขนาด 3.84 ตร.มม.)
  • ความเร็วคล็อกลดลง

ซึ่งด้วยการที่ขนาดของแต่ละคอร์ลดลง ความเร็วในการทำงานที่ต่ำกว่า ก็ทำให้ระดับความร้อนสะสมระหว่างทำงานก็ต่ำลงมาด้วย ส่งผลให้สามารถออกแบบให้แต่ละ CCD บรรจุคอร์ Zen4c ได้สูงสุดถึง 16 คอร์  ต่างจากดายที่ใช้คอร์ Zen 4 ปกติที่จะใส่คอร์บนแต่ละ CCD ได้สูงสุดแค่ 8 คอร์เท่านั้น

AMD Zen 4 and Zen 4c CCDs

ในภาพข้างบนนี้จะเป็นภาพจากสไลด์ที่ AMD ใช้พูดถึงชิปตระกูล EPYC 4th Gen ที่มีการใช้คอร์ทั้งแบบ 4 และ 4c เมื่อปลายปี 2022 จะเห็นว่าชิปทางซ้าย แต่ละ CCD ย่อย ๆ จะมีเลข 8 อยู่ นั่นคือ CCD ที่ใช้ Zen 4 ส่วนชิปทางขวาจะเป็นคอร์ 4c ที่แต่ละดายจะมีสูงสุดถึง 16 คอร์ ทำให้สามารถออกแบบชิปให้มีจำนวนคอร์ที่สูงมาก ๆ ได้ อย่างในภาพก็คือทำได้สูงสุด 128 คอร์ 256 เธรด ซึ่งก็จะเหมาะกับงานบางประเภทอยู่

ส่วนจำนวนแคช L3 แม้ว่าแต่ละคอร์ Zen 4c จะมีน้อยกว่ากันอยู่ครึ่งนึง แต่ปกติแล้วแคช L3 จะเป็นแคชที่แชร์ใช้งานร่วมกันทั้งคอร์ ทำให้สุดท้ายแล้วแคช L3 ของ CCD ที่ใช้ 4c ซึ่งมีจำนวนคอร์มากกว่าปกติอยู่เท่าตัว ก็จะมีจำนวนแคชรวมเท่ากับคอร์รุ่นปกติอยู่ดี (16MB x 16 = 32MB x 8)

8000g 6 2 980x551 1

สำหรับแง่ของการทำงาน ถ้าพูดถึงในกลุ่มของผู้ใช้งานทั่วไป ปกติแล้วใน CPU AMD รุ่นที่มีคอร์ 4c มาด้วย จะใช้การผสมมากับคอร์หลัก อย่างในชิปรุ่น Ryzen 8000 G-Series ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในงาน CES 2024 ก็จะมีตัวของ R5 8500G และ R3 8300G ที่ใช้การวางคอร์แบบไฮบริดระหว่าง Zen 4 และ 4c เข้ามา

corez4c

แต่ที่อาจจะสร้างความสับสนสำหรับการดูข้อมูลสเปค CPU อยู่บ้างก็คือบนหน้าเว็บไซต์ AMD เองครับ เพราะถ้าคลิกเลือกเข้าไปดูสเปคคร่าว ๆ ของ CPU แต่ละรุ่น ในหน้าแรกของสเปคจะระบุแค่ว่ามีกี่คอร์ กี่เธรด ความเร็วสูงสุดเท่าไหร่ ต้องคลิกที่ SEE FULL SPECIFICATIONS ด้านล่างเพื่อดูสเปคแบบเต็มเท่านั้น ถึงจะพบว่ามีระบุไว้ ว่า 6 คอร์ที่ จะแบ่งเป็น Zen 4 อยู่ 2 คอร์เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็น Zen 4c ซึ่งประเด็นนี้ก็มีสื่อต่างประเทศแจ้งไปกับทาง AMD เหมือนกัน ว่าควรปรับการแสดงรายละเอียดข้อมูลในจุดนี้ให้ครบถ้วนยิ่งขึ้นตั้งแต่หน้าแรกเลย เพราะมันส่งผลถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าได้เหมือนกัน

ดังนั้น ถ้าหากต้องการเช็คว่า CPU รุ่นที่เล็งไว้ใช้คอร์แบบไหน เป็นแบบไฮบริดผสมมาสองแบบหรือเปล่า แนะนำให้ลองเข้าไปเช็คแบบละเอียดได้จากหน้าเว็บไซต์ AMD นะครับ ถ้าเป็น Ryzen สำหรับเครื่องเดสก์ท็อปก็หน้านี้ ส่วนของโน้ตบุ๊กก็หน้านี้ ซึ่งในโน้ตบุ๊กก็จะมีชิปรุ่นที่วางคอร์มาในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน

8c8588b76752ec949991b5058116422d Large

ด้านของการใช้งาน AMD วางไว้ให้คอร์แบบ Zen 4c ทำงานแบบเดียวกับคอร์ปกติเลย กล่าวคือมองว่าเป็นคอร์สำหรับทำงานได้ทุกรูปแบบ ทั้งยังรองรับการทำงานแบบมัลติเธรดเหมือนปกติเลย ทำให้ OS สามารถกระจายงานได้ง่าย ไม่มีข้อจำกัดที่เกิดจากชุดคำสั่งของคอร์ ไม่จำเป็นต้องแบ่งว่างานนี้ต้องใช้คอร์แบบไหน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คอร์แบบ 4c ต่างจากคอร์ปกติที่เห็นได้ชัดก็คือความเร็วคล็อกที่ต่ำกว่า และจำนวนแคช L3 ต่อคอร์ที่น้อยกว่า นั่นจึงทำให้แม้ OS จะกระจายงานได้ง่าย แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องกินพลังการคำนวณสูง ต้องอาศัยคล็อกในการประมวลผลที่เร็ว ถ้าแบ่งงานลงมาที่คอร์ 4c ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ต่ำกว่างานที่ไปลงคอร์หลักอยู่พอสมควร ส่งผลกับสมรรถนะโดยรวมที่ต่ำกว่ารุ่นปกติ และที่อาจจะเห็นผลชัดสุดคือเรื่องการเล่นเกม เนื่องจากบางเกมถูกเขียนมาให้ใช้หน่วยความจำแคชใน CPU แบบเต็มที่ ยิ่งมีเยอะยิ่งช่วยเรื่องประสิทธิภาพของเกมได้ดี ทำให้ในกรณีที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบที่มีคอร์เล็กผสม ก็อาจจะกระทบกับเรื่องการเล่นเกมอยู่บ้าง

แต่ในทางกลับกัน คอร์ Zen 4c เหล่านี้จะมีจุดเด่นคือเรื่องการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพดีกว่าในขณะที่มีโหลดการทำงานต่ำ และก็มาพร้อมการกินไฟที่ต่ำกว่าด้วย ดังจากในภาพกราฟด้านบนที่เป็นการทดสอบ Cinebench R23 ของ AMD เองเมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา เป็นการเทียบระหว่าง CPU สองรุ่น แบ่งเป็น R5 7540U ที่ใช้คอร์ Zen 4 ล้วนกับ R5 7545U ที่ใช้คอร์แบบผสม 2+4 จะเห็นว่าในค่า TDP ช่วงต่ำ ๆ ทางฝั่งซ้าย คะแนนการทดสอบของ 7545U จะสูงกว่า จนมาช่วง 20W ที่ 7540U ที่ใช้คอร์ Zen 4 ล้วนถึงจะขึ้นมาแซงได้ เนื่องจากคอร์สามารถเร่งความเร็วคล็อกได้สูงขึ้นตามค่า TDP ที่สูงขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงพอจะทำให้เราพอมองได้ว่าคอร์ Zen 4c จะค่อนข้างเหมาะกับ CPU ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานพื้นฐาน การใช้งานทั่วไปที่มีโหลดสูงบ้างเป็นครั้งคราว และจะยิ่งเหมาะเมื่อใส่ในโน้ตบุ๊กกลุ่มที่เน้นระยะการใช้แบตที่ยาวนานเป็นหลัก เพราะมีการกินไฟที่ต่ำกว่า และให้ประสิทธิภาพในช่วงการกินไฟต่ำได้ดี อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับเครื่องที่ใช้เล่นเกม ใช้ทำงานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ มากนัก ด้วยข้อจำกัดด้านความเร็วของคอร์ 4c นั่นเอง

ต่างจาก E-core ของ Intel อย่างไร?

ด้วยความที่แนวคิดบางข้อที่คล้ายกัน นั่นคือ การออกแบบให้คอร์มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีการใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม ได้ออกมาเป็นค่าประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่สูงขึ้น แต่จุดที่ต่างกันก็คือเรื่องเชิงเทคนิคและรูปแบบการใช้งาน ที่เห็นได้ชัดก็คือ E-core จะไม่รองรับการประมวลผลแบบมัลติเธรด ที่แต่ละคอร์จะมี 2 เธรด โดยนับว่า 1 E-core = 1 เธรดไปเลย ทำให้จำนวนเธรดของ CPU Intel ตั้งแต่ Gen 12 ขึ้นมา จะไม่เท่ากับจำนวนคอร์คูณสองอีกต่อไป แต่จะเป็น (จำนวน P-core x 2) + จำนวน E-core ตรง ๆ เลย ต่างจาก Zen4c ของ AMD ที่รองรับมัลติเธรดด้วย ทำให้จำนวนเธรดรวมของทั้ง CPU ยังเท่ากับจำนวนคอร์คูณสองเหมือนเดิม

Screenshot 2023 12 15 at 10.17.18%E2%80%AFAM

ทำให้ในเชิงการทำงาน E-core จะรองรับการประมวลผลแบบคู่ขนานได้ไม่เท่ากับ Zen4c รวมถึงเรื่องความเร็วคล็อกที่จะถูกตั้งค่ามาให้ค่อนข้างต่ำ ชุดคำสั่งที่น้อยกว่าด้วย จึงเหมาะกับใช้ประมวลผลงานที่อยู่เบื้องหลัง งานเซอร์วิสต่าง ๆ จนถึงงานที่กินพลังคำนวณไม่สูงมากนัก และเหมาะมากสำหรับการใช้ในอุปกรณ์พกพาที่ต้องการระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานอย่างโน้ตบุ๊ก ส่วนคอร์เล็กของค่ายแดงจะเหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงกว่านิดนึง เพราะมันทำงานได้คล้ายกับเป็นคอร์หลักเลย ต่างกันแค่ความเร็วคล็อกต่ำกว่า

อย่างไรก็ตาม E-core เองก็มีจุดเด่นในตัวเองในอีกทางเหมือนกัน เนื่องจากขนาดคอร์ที่เล็กกว่า Zen 4c ซะอีก ทำให้กินพื้นที่บนดายน้อย จึงสามารถอัดจำนวนเข้าไปได้เยอะกว่า แล้วใช้จำนวนคอร์ที่เยอะมาชดเชยสิ่งที่ขาดไป หรือจะนำพื้นที่ว่างบนชิปมาใส่โมดูลอื่นเสริมการทำงานเข้าไปก็ได้ อย่างเช่นใน Intel Core Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็มีการเพิ่ม LP E-core เข้ามาเป็นด่านหน้าช่วยในการประมวลผลงานเบา การสตรีมวิดีโอ เพื่อลดภาระงานของ E และ P core หลักลงไปได้อีก ทำให้เมื่อทุกส่วนทำงานสอดประสานกัน ประสิทธิภาพของชิปฝั่ง Intel ก็ทำได้ดีไม่แพ้กับ AMD อยู่เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ก็ต้องรอดูต่อไปในอนาคตอีกที ว่าแนวคิดสถาปัตยกรรมไฮบริดลักษณะใดที่จะได้รับความนิยมมากกว่ากัน รวมถึงจะพัฒนาไปแบบใดต่อ สำหรับรายละเอียดที่น่าสนใจ และแนวทางโร้ดแมปของแต่ละค่ายเท่าที่มีข้อมูลออกมา สามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่นี่

สรุปปิดท้ายเรื่องคอร์ Zen4c

คอร์ Zen 4c ถ้าให้สรุปแบบง่าย ๆ มันก็คือคอร์ Zen 4 ที่ลดขนาด ลดความเร็ว ลดการกินไฟลง แต่ยังมีความสามารถในการทำงานได้เต็ม 100% เหมือนเดิม แน่นอนว่าถ้าวัดประสิทธิภาพในเชิงตัวเลขนั้นต้องลดลงแน่นอน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสามารถในการทำงานเบา ๆ ที่คุ้มกับไฟที่ใช้ไปมากขึ้น บนชิปมีพื้นที่เหลือมากขึ้น ทำให้สามารถอัดจำนวนคอร์เล็กในลักษณะนี้ลงไปได้เยอะกว่าเดิม เพื่อช่วยในการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบยังดีอยู่ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ แต่อาจจะไม่ค่อยโดนใจสายเล่นเกม หรือสายที่ต้องใช้พลังประมวลผลหนัก ๆ เท่าไหร่ ซึ่ง AMD ก็มีทางเลือกให้ครับ เพราะ CPU รุ่นที่เลือกวางคอร์สองขนาดมาคู่กันแบบนี้ จะยังมีเฉพาะในรุ่นกลางเป็นหลัก ส่วนรุ่นสูงยังใช้เป็นคอร์เต็มล้วน ๆ อยู่

Screenshot 2024 01 14 at 10.50.38 AM

ส่วนประเด็นการจับมาเทียบกับ E-core ของ Intel อันนี้จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องความสามารถที่ E-core จะรองรับงานได้ไม่หลากหลายเท่า และแต่ละคอร์จะมีแค่เธรดเดียว จึงเหมาะกับการใช้งานบางประเภท รวมถึงยังต้องพึ่งพาระบบการแจกจ่ายงานของทั้ง OS และ CPU เองที่ดีด้วย จึงจะทำงานได้เต็มศักยภาพ ต่างจากคอร์เล็กของ AMD ที่ระบบสามารถเลือกจ่ายงานได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบก็มีจุดเด่นจุดด้อยกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแบบไหนจะตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละท่านได้ดีกว่า ที่แน่ ๆ ปีนี้เราน่าจะได้เห็นคอร์ Zen 5c ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมากว่าเดิมอีก แต่อาจจะมาในฝั่งของชิปตระกูล EPYC ของฝั่งเซิฟเวอร์ก่อน ส่วนใน CPU สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป คาดว่าน่าจะมาอย่างเร็วก็ปลายปีนี้

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นใหม่ก็มา รุ่นเก่าสเปคเด็ดก็มี ถ้าใครอยากเปลี่ยนเครื่องอยู่นาทีนี้มีรุ่นน่าโดนให้เลือกเพียบ! จะปี 2024 นี้หรือปีไหนโน๊ตบุ๊คเล่นเกมก็ยังคงเป็นตัวเลือกขวัญใจใครหลายคนเพราะประสิทธิภาพดี ทรงพลังเหลือเฟือไม่ว่าจะงานเบาๆ ทำเอกสารไปจนตัดต่อคลิปและงาน 3D ก็ไหว เล่นเกมก็ได้สบายๆ ยิ่ง 2~3 ปีมานี้ พอเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ซีพียูกับจีพียู็ยิ่งทรงพลังก็ทำให้เกมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ไม่อยากเสียเวลาประกอบพีซีให้วุ่นวายเลือกตัดปัญหาทั้งหมดโดยซื้อโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปคแรงมาใช้แทน แถมได้เปรียบว่าพกพาสะดวกหยิบไปทำงานได้ กลับบ้านต่อหน้าจอแยกก็เล่นเกมชั้นนำได้ดีพอตัว นอกจากสเปคแล้ว ในปี 2024 ที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น หลายแบรนด์ก็เสริม AI...

รีวิว Asus

ASUS ZenBook 14 OLED UM3406H พรีเมี่ยมโน๊ตบุ๊คพร้อมพลัง Ryzen AI ทำงานได้ เนียนเล่นเกมลื่นอีก!! ถ้าจะซื้อโน๊ตบุ๊กสักเครื่อง ก็จะมีทางเลือกแค่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหนาหนักแต่แรงทรงพลังหรือเป็นกลุ่มโน๊ตบุ๊คบางเบาเช่นเดียวกับ ASUS Zenbook 14 OLED UM3406H ทว่ามันจะไม่ติดข้อจำกัดเดิมว่าเล่นเกมไม่ไหวอีกต่อไปด้วยพลังของซีพียู AMD Ryzen 8000 Series พร้อม Ryzen...

รีวิว Asus

ASUS ROG Zephyrus G14 GA403UV เกมมิ่งตัวบางแอบแรง หยิบไปไหนก็ดูดีไม่มีใครเกิน!! ASUS ROG Zephyrus G14 GA403UV เป็นหนึ่งในสามหัวหอกเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจากทาง ASUS ผู้คงรูปลักษณ์เรียบหรูผู้ดี ขณะที่อีกสองพี่น้องเป็นเกมมิ่งตัวแรงทรงพลังขวัญใจเกมเมอร์ปรับสุดทุกเกม ROG Zephyrus G14 จึงเหมาะกับพนักงานออฟฟิศผู้รักในการเล่นเกมและครีเอเตอร์ปั้นงานกราฟิค 3D เสียมากกว่า ซึ่งโมเดลปี 2024...

CONTENT

AMD Ryzen 8040 series ซีพียูรุ่นใหม่ เอาใจคอเกม เล่นเกมไหลลื่น พร้อมมี AI ในตัว AMD Ryzen 8040 series เป็นซีพียูโน๊ตบุ๊คในซีรีส์ล่าสุดของทาง AMD ออกแบบมาเพื่อการทำงาน สร้างงานครีเอทีฟ ไปจนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเล่นเกม โดยจุดเด่นอยู่ที่การใช้พลังงานน้อย ความร้อนน้อย จึงเหมาะกับผู้ใช้โน๊ตบุ๊ค ที่ต้องการทั้งศักยภาพในการทำงาน...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก