Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

7 GPU ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ GPU

GPU ถือได้ว่าเป็นฮาร์ดแวร์หนึ่งที่สำคัญกับนักเล่นเกมมากๆ และมีออกมาหลายรุ่น แต่ก็มีบางรุ่นที่ออกมาแล้วไม่ดีตามที่คาดหวังไว้ ก่อนจะหมดปี 2023 นี้มาดูกันดีกว่าว่ามี GPU รุ่นไหนที่ออกมาแล้วไม่น่าพอใจบ้าง

7 GPU ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
7 GPU ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

Graphics Processing Unit (GPU) หรือกราฟิกชิปนั้นถือว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่สำคัญฮาร์ดแวร์หนึ่งสำหรับนักเล่นเกมเพราะมันช่วยในการประมวลผลทางด้านกราฟิกทั้งหมด(ต้องเข้าใจก่อนนะว่า GPU เป็นชิปที่ใช้งานบนกราฟิกการ์ดไม่ใช่ตัวการ์ดที่มีหลากหลายยี่ห้อ) ซึ่งอดีตที่ผ่านมานั้นมีผู้ผลิต GPU มากกว่าในปัจจุบัน(อย่างเช่น SIS และ 3DFX เป็นต้น)

เมื่อเวลาผ่านไปนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย ทั้ง 3DFX ที่เคยเป็นบริษัทผลิตชิปตัวตึงซึ่งเดินเกมผิดจนในท้ายที่สุดก็โดน NVIDIA ซื้อเข้าไปเป็นหนึ่งในแผนกของตัวเอง หรือจะเป็น ATI อีกหนึ่งคู่แข่งตัวเต็งของ NVIDIA ซึ่งถูก AMD ซื้อไปเช่นเดียวกัน ทำให้ในปัจจุบันนี้นั้นเราเหลือผู้เล่นในตลาด GPU เพียงแค่ 3 รายเท่านั้นคือ AMD, Intel และ NVIDIA 

Advertisement

แน่นอนว่าเกือบทุกปีที่ผ่านมานี้ผู้ผลิต GPU ทั้ง 3 รายก็ได้ปล่อย GPU รุ่นใหม่ออกมาเกือบจะทุกปี ดังนั้นที่ผ่านมาก็จะมี GPU เยี่ยมเอามากๆ หรือแย่เอามากๆ ออกมาวางจำหน่ายในตลาดกราฟิกการ์ด ในบทความนี้เราจะรวบรวม GPU จำนวน 7 GPU ที่ออกมาแล้วไม่ดีดั่งที่ผู้ซื้อได้ตั้งความหวังเอาไว้ จะมีรุ่นใดบ้างและตรงกับที่คุณคิดรึเปล่านั้นไปติดตามกันได้เลย



Nvidia GeForce GTX 480

Nvidia GeForce GTX 480 001

ในทศวรรษหลังที่ผ่านมานี้ถือเป็นการกำเนิดของกราฟิกการ์ดสมัยใหม่จริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าการกำเนิดเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นย่อมมีทั้งของดีและก็ไม่ดีเข้าสู่ตลาด โดยทั่วไปแล้วในช่วง 10 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมานี้โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องปกติที่จะเห็น GPU รุ่นต่อไปเอาชนะรุ่นก่อนได้มากกว่า 50% และ 100% ขึ้นไปก็ แต่ภายในปี 2010 วงการ GPU มีสิ่งต่างๆ เริ่มซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Nvidia ที่กำลังพยายามสร้าง GPU ขนาดใหญ่บนกระบวนการผลิตที่ระดับ 40 นาโนเมตรของ TSMC กลายเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไรนักและสร้างความเสียหายให้กับ Nvidia เป็นอย่างมากโดยผลลัพธ์ที่ได้คือความผิดพลาดทางเทคโนโลยีที่เลวร้ายที่สุดของ Nvidia กับชิปรหัส Fermi ซึ่งมีชื่อในการตลาดว่า GeForce GTX 480 นั่นเอง

ด้วยสาเหตุที่ว่ากระบวนการผลิตที่ระดับ 40nm ของ TSMC นั้นเกิดปัญมานั้นเองทำให้กราฟิกการ์ดซีรีส์ 400 ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาดังกล่าว ดังนั้นทาง AMD จึงสามารถคว้าโอกาสในการปล่อย GPU ที่มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพมากกว่าของทาง Nvidia ด้วย GPU ซีรีส์ Radeon HD 5000 ในปลายปี 2009 ซึ่งกว่าที่ Nvidia จะแก้เกมด้วยการเริ่มวางจำหน่าย GTX 480 ออกมาได้นั้นก็ผ่านไป 6 เดือนหลังจากที่ Radeon HD 5000 วางจำหน่ายด้วยคะแนนเหนือกว่ารุ่นท๊อปสุดอย่าง Radeon HD 5870 ที่ราวๆ 10% ทว่าจุดที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่นั้นก็คือราคาเปิดตัวที่ GTX 480 นั้นมีราคาสูงถึง 17,xxx บาทเทียบกับ HD 5870 ที่มีราคาเปิดตัว 13,xxx บาทแล้วนั้นทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ไม่ยากเลยว่าอะไรจะน่าใช้มากกว่ากัน แถมปัญหาอีกอย่างของ GTX 480 นั้นก็คือการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงมากถึง 200W ซึ่งทำให้ GTX 480 นั้นมีอุณหภูมิสูงกว่า 90 องศาเซลเซียสเมื่อทำงานที่ 100%

พอจะกล่าวได้ว่า GTX 480 นั้นถึงแม้จะมีประสิทธิภาพสูงก็ตามแต่ด้วยความที่มันร้อนเกินไป, ดังเกินไป และแพงเกินไป Nvidia จึงรีบเข็น GPU ซีรีส์ GTX 500 ออกมาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงครึ่งปีต่อมา โดยใช้ประโยชน์จากกระบวนการผลิตที่ระดับ 40 นาโนเมตรที่มีการแก้ไขเรื่องปัญหาการผลิตและการปรับปรุงระดับสถาปัตยกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้ GTX 500 ซีรีส์สามารถที่จะเข้ามาแทนที่และแย่งตำแหน่งผู้นำในตลาดจาก AMD อีกครั้งซึ่งเหตุการดังกล่าวนี้จึงทำให้ GTX 400 ซีรีส์เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ GPU


AMD Radeon R9 FURY X 4 GB

AMD Radeon R9 FURY X 4 GB 001

Radeon R9 Fury X ที่เปิดตัวโดย AMD ในเดือนมิถุนายน 2015 เผชิญกับความท้าทายอย่างมากซึ่งส่งผลให้มีการตอบรับที่หลากหลายในตลาดกราฟิกการ์ด โดยเฉพาะเมื่อทาง AMD วางตำแหน่งให้มันเป็น GPU ระดับไฮเอนด์ แต่ประสิทธิภาพของมันไม่ตรงกับคู่แข่งจากทาง Nvidia ในขณะนั้นเลย

นอกไปจากเรื่องที่ราคาของ Fury X ค่อนข้างสูงเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และผู้ใช้พบตัวเลือกอื่นที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่า ประกอบกับข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ ทำให้ผู้บริโภคมองหากราฟิกที่ทรงพลังและคุ้มค่าน้อยลง

ข้อจำกัดที่สำคัญประการหนึ่งของ R9 Fury X คือหน่วยความจำแบนด์วิธสูง (HBM) ขนาด 4GB ซึ่งแม้จะเป็นนวัตกรรมใหม่ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้บางราย เนื่องจากเกมและแอปพลิเคชันมีความต้องการด้านกราฟิกมากขึ้น อีกทั้งกับระบบการระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบวงปิด แม้จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ได้รับคำวิจารณ์เรื่องเสียงของปั๊มและความยืดหยุ่นที่จำกัดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งการตั้งค่าการทำความเย็นของตน นอกจากนี้การใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูงของการ์ดยังทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความร้อนและเสียง ซึ่งทำให้ความน่าใช้งานโดยรวมลดลง

ข้อเสนอที่แข็งแกร่งของ Nvidia เช่น GTX 980 Ti และรุ่นที่ใหม่กว่าในซีรีส์ GTX 10 มักจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าหรือจับคู่กับ Fury X ในราคาที่ใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่า สิ่งนี้ทำให้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับการ์ดเรือธงของ AMD ที่จะโดดเด่นในตลาดที่ประสิทธิภาพ, ราคาและฟีเจอร์ต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค ในขณะที่ Radeon R9 Fury X พยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงด้วยการนำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น HBM และการใช้ระบบการระบายความร้อนแบบลูปปิด ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ชื่อเสียงของ Radeon R9 Fury X นั้นอยู่ในระดับที่แย่และไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในฐานกราฟิกการ์ดที่ควรจะแรงที่สุดในตอนนั้นไปโดยปริยาย


Nvidia GeForce RTX 4060 Ti 8GB

Nvidia GeForce RTX 4060 Ti 8GB 001

คุณอาจแปลกใจที่เห็น GPU ล่าสุดในบทความนี้ แต่ Nvidia GeForce RTX 4060 Ti 8GB ถือว่าเป็นหนึ่งในกราฟิกชิปซีรีส์ RTS 4000 ที่โดดเด่นในเรื่องการสร้างความผิดหวังอย่างมากในขอบเขตของกราฟิกการ์ดสมัยใหม่ สาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพที่ขาดความน่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง RTX 3060 Ti ปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็คือตัวชิป RTX 4060 Ti ขาดการปรับปรุงประสิทธิภาพ ทำให้แทบจะแยกไม่ออกจากรุ่นเก่าในการใช้งานจริง คุณอาจพบผลลัพธ์การวัดประสิทธิภาพซึ่ง RTX 3060 Ti รุ่นเก่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 4060 Ti ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่น่าสับสนซึ่งผู้บริโภคตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการอัพเกรดเป็น GPU ที่ใหม่กว่าและปรับปรุงให้ดีขึ้น

ความพยายามของ Nvidia ที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของ RTX 4060 Ti ด้วยการเน้นย้ำถึงความสามารถของ DLSS 3.0 นั้นไม่เพียงพอต่อการให้เหตุผลที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ในการลงทุนในการ์ดกราฟิกรุ่นนี้ แม้ว่า DLSS 3.0 จะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง แต่การสนับสนุนที่จำกัดในเกมต่างๆ และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นที่ไม่สอดคล้องกันในสถานการณ์ที่หลากหลาย ทำให้เป็นจุดขายที่ไม่น่าเชื่อถือ การพึ่งพาการสร้างเฟรมเทียมยังเพิ่มความกังขาต่อประโยชน์เชิงปฏิบัติของ GPU อีกด้วย ซึ่งนั่นเลยกลายเป็นบ่อนทำลายความน่าดึงดูดโดยรวมของ GPU รุุ่นนี้

Nvidia GeForce RTX 4060 Ti 8GB 002

นอกเหนือจากปัญหาดังหล่าววแล้วยังมีปัญหาเรื่องบัฟเฟอร์หน่วยความจำ 8GB ของ RTX 4060 Ti ซึ่งถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอสำหรับการส่งมอบประสิทธิภาพที่น่าพอใจในสถานการณ์การเล่นเกมที่ความละเอียดระดับ 2K หรือ 1440p และ 4K ซึ่งเป็นข้อบกพร่องที่สำคัญเนื่อง GPU รุ่นนี้มีราคาเปิดตัวสูงมากถึง 14,xxx บาท และด้วยการขาด VRAM ที่เพียงพอนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ความคุ้มค่าต่อราคาลดลงเท่านั้น แต่ยังทำให้ RTX 4060 Ti เป็นหนึ่งในการ์ดกราฟิกที่แย่ที่สุดถึงแม้ว่าจะใช้หน่วยความจำรุ่นล่าสุดก็ตาม


AMD Radeon VII

AMD Radeon VII 001

แม้ว่าซีรีย์ RTX 20 จะไม่ใช่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังทำให้ AMD ล้าหลังไปอีกเพราะ RTX 2080 Ti ใหม่เร็วกว่า GTX 1080 Ti ถึง 30% และ RX Vega 64 ของ AMD นั้นประสิทธิภาพก็แรงพอๆ กับการ์ดรุ่นเก่าอย่าง GTX 1080 Ti เท่านั้น แถมตอนนั้นการ์ดที่กำลังจะมาถึงของ AMD ที่ใช้การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม Navi ด้วยประบวนการผลิตที่ระดับ 7 นาโนเมตรจะไม่สามารถใช้งานได้จนถึงกลางปี ​​​​2019 ทำให้ทาง AMD ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ด้วยการนำเอาสถาปัตยกรรมเก่าที่ใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 7nm อย่าง Vega มาปรับปรุงเพื่อใช้งานซึ่งก็คือ GPU สถาปัตยกรรม Vega ที่ใช้กระบวนกาผลิตที่ระดับ 7nm อยู่แล้วมาทำการปรับปรุงแก้ไขสำหรับการใช้งานกับผู้ใช้ทั่วไป(ตอนต้น Vega ได้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับ Workstation) ซึ่งถึงแม้มันจะไม่สามารถเอาชนะ 2080 Ti แต่ทาง AMD ก็คิดว่าการมีบางอย่างออกมาวางจำหน่ายย่อมดีกว่าไม่มีอะไรออกมาเลย

Radeon VII ถือเป็นความผิดพลาดของทาง AMD ซึ่งตัดสินใจผิดที่ส่งมันออกมาวางจำหน่ายเช่นเดียวกับ 14nm อย่าง Vega 56 และ 64 ที่ค่อนข้างจะไม่มีประสิทธิภามากพอจะสู้กับคู่แข่ง(ทำได้แค่ใกล้เคียงกับ RTX 2080) แถมมันยังกินไฟมากกว่าคู่แข่งถึงประมาณ 70 วัตต์ นอกไปจากนั้นมันก็ยังไม่รองรับเทคโนโลยี ray tracing, หรือการเพิ่มสเกลและด้วยราคาเปิดตัวที่ราวๆ  24,xxx บาท ซึ่งเท่ากับ RTX 2080 นั้นทำให้ไม่ยากเลยที่ผู้ใช้จะเลืิอกตัวเลือกที่ดีกว่าจากคู่แข่งมาใช้งานแทน

สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับ AMD ก็คือเนื่องจาก Vega นี้่คือ GPU สำหรับ Data Center ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยความจำ HBM2 ขนาด 16GB ที่มีราคาแพงมาก ดังนั้นมันก็เลยทำให้ AMD ต้องสูญเสียเงินไปกับ Radeon VII ซึ่งมันไม่ใช่ GPU ที่ดีด้วยซ้ำไป

และเนื่องจากทาง AMD เองได้ทำการเปิดตัว RX 5700 XT ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนต่อมาที่ราคาเปิดตัวราวๆ  14,xxx บาทและมีประสิทธิภาพประมาณ 90% ของ Radeon VII อดีตเรือธง GPU รุ่นนี้จึงถูกลืมไปในทันทีแถม AMD เองก็คงรู้สึกว่า Radeon VII นั้นไม่ควรจะเกิดออกมาด้วยซ้ำทำให้ตอนนี้บนเว็บไซต์ของทาง AMD เองก็ไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ กับ Radeon VII นี้แล้วด้วยอีกต่างหาก


Nvidia Titan Z

Nvidia Titan Z 001

Nvidia GeForce Titan Z ขนาดมหึมาซึ่งเปิดตัวในปี 2014 พยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งตลาดตั้งแต่แรกเริ่มแต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการรวมกันไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือราคาที่สูงเกินไปที่ราวๆ  ซึ่งอยู่ที่ 1xx,xxx บาทเมื่อเปิดตัว สิ่งนี้ทำให้ Titan Z มีราคาแพงมากสำหรับนักเล่นเกมส่วนใหญ่และแม้แต่มืออาชีพบางคน ซึ่งจำกัดการเข้าถึงตลาด ปัญหาเรื่องราคาที่สูงนั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยความพร้อมของกราฟิกการ์ดทรงพลังอื่นๆ จาก Nvidia เช่น Titan Black และ GTX 780 Ti ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่แข่งขันได้ในราคาที่ถูกกว่า

นอกเหนือจากปัญหาด้านราคาแล้ว Titan Z ยังได้รับความเดือดร้อนจากการออกแบบ dual-GPU โดยใช้สถาปัตยกรรม Kepler ที่เก่าแก่ ภายในปี 2014 สถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ เช่น Maxwell ได้รับความโดดเด่นในตลาด โดยนำเสนอประสิทธิภาพและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น การพึ่งพา Kepler ของ Titan Z ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาเทคโนโลยีล้ำสมัยลดน้อยลง เนื่องจากพวกเขาสามารถเลือกใช้ทางเลือกที่ล้ำหน้าและคุ้มค่ากว่าได้

นอกจากนี้ Titan Z ยังเผชิญกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการดึงดูดตลาดอย่างจำกัด ด้วยการวางตำแหน่งเป็นการ์ด GPU แบบคู่เพื่อรองรับทั้งผู้ชื่นชอบการเล่นเกมและมืออาชีพในสาขาต่างๆ เช่น การสร้างเนื้อหา การ์ดดังกล่าวไม่สามารถสร้างกลุ่มเฉพาะที่น่าสนใจได้ ผู้เชี่ยวชาญจึงมองหาตัวเลทอกพิเศษเพิ่มเติมและนักเล่นเกมก็สามารถค้นพบความคุ้มค่าที่ดีกว่าในการ์ดกราฟิกอื่นๆ การออกแบบของ Titan Z ซึ่งส่งผลให้มีการใช้พลังงานและความร้อนสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดความท้าทายในทางปฏิบัติสำหรับผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีเคสคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนร่วมกันในการต่อสู้ทางการค้าของ Titan Z ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจากที่ควรจะเป็นกราฟิกการ์ดขั้นสุดยอด มันก็กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่มีใครอยากจะเลือกสักเท่าไรแทน


Nvidia GeForce GT 1030 DDR4

Nvidia GeForce GT 1030 DDR4 001

Nvidia GeForce GT 1030 DDR4 เป็น GPU ระดับเริ่มต้นได้รับชื่อเสียงในทางลบค่อนข้างมากเนื่องจากมีการสลับประเภทหน่วยความจำที่เป็นที่ถกเถียงกันตั้งแต่ GDDR5 ที่เร็วกว่าไปจนถึง DDR4 ที่ช้ากว่ามาก โดยยังคงรักษาชื่อผลิตภัณฑ์และหมายเลขรุ่นเดียวกันไว้ การใช้หน่วยความจำ DDR4 นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพของ GPU โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของแบนด์วิธหน่วยความจำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการประมวลผลกราฟิก ซึ่งรุ่น GDDR5 มีแบนด์วิธหน่วยความจำที่ยอมรับได้ 48 GB/s ทำให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมเบาๆ และงานมัลติมีเดีย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้ DDR4 ทำให้แบรนด์วิดธ์ลดลงอย่างมากเหลือเพียง 16 GB/s ส่งผลให้บางเกมมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก บางครั้งอาจมากถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

การตัดสินใจทำการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานดังกล่าวโดยไม่มีการสื่อสารที่โปร่งใสกับผู้บริโภคยิ่งทำให้ชื่อเสียงเชิงลบของ GT 1030 DDR4 รุนแรงขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ชุมชนนักเล่นเกมที่คาดหวังประสิทธิภาพในระดับหนึ่งตามข้อกำหนดเบื้องต้น รู้สึกว่าถูกหลอกโดยการตัดสินใจของ Nvidia ที่จะลดต้นทุนโดยไม่แจ้งให้ผู้ซื้อทราบอย่างเพียงพอ การขาดความชัดเจนและความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพทางการตลาดและประสิทธิภาพจริงตอกย้ำถึงความสำคัญของความโปร่งใสในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และมีส่วนทำให้ GT 1030 DDR4 ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเคสเหยื่อและการปรับแต่งที่แย่ที่สุดในอุตสาหกรรม GPU

แม้ว่า GT 1030 จะไม่ใช่ขุมพลังแห่งการเล่นเกมตามจินตนาการของผู้ใช้ แต่ก็ยังเป็นการ์ดระดับเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับงานเล่นเกมและมัลติมีเดียขั้นพื้นฐาน ผลที่ตามมาต่อประสิทธิภาพการเล่นเกม ประกอบกับการขาดการสื่อสารที่โปร่งใสเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความผิดหวังและความหงุดหงิดในหมู่ผู้บริโภคที่รู้สึกว่าพวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงตามความสามารถที่โฆษณาไว้


Nvidia GeForce FX 5800

Nvidia GeForce FX 5800 001

เมื่อเราพูดถึงกราฟิกการ์ดที่มีเสียงดัง ไม่มี GPU ใดในประวัติศาสตร์ที่จะนึกถึงได้เหมือนกับ Nvidia GeForce FX 5800 กราฟิกการ์ดนี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องข้อบกพร่องหลัก ประสบปัญหาความร้อนสูงเกินไปซึ่งจำเป็นต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่รุนแรงและมีเสียงดัง การระบายความร้อนของการ์ดมีมาก และเพื่อลดความร้อน Nvidia ได้ใช้พัดลมระบายความร้อนที่ทำงานด้วยระดับเสียงที่สูงเป็นพิเศษ ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงที่ดังกึกก้อง ทำให้ GeForce FX 5800 เป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ดังที่สุดในยุคนั้น

ระดับเสียงนั้นโด่งดังมากจน Nvidia เองก็ยอมรับมันในวิดีโอตลกๆ โดยพวกเขาเปรียบเทียบการ์ดกับวัตถุที่ทำให้หูแตกอย่างตลกขบขัน ในความพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องเสียงที่โฆษณาแสดงระดับเดซิเบลของการ์ด Nvidia เปรียบเทียบมันกับเครื่องเป่าผมและเครื่องเป่าลมใบไม้และยังใช้มันเป็นตะแกรงชั่วคราวเพื่อปรุงไส้กรอกสองสามชิ้นโดยจัดแสดง ความไร้สาระของเสียงและเอาต์พุตความร้อน สร้างความรู้สึกที่ไม่ดีนักต่อผู้ใช้

เสียงรบกวนที่มากเกินไปนี้ไม่เพียงแต่กลายเป็นที่มาของความหงุดหงิดสำหรับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความท้าทายในการใช้งานที่สำคัญอีกด้วย พัดลมที่ส่งเสียงดังไม่เพียงส่งผลต่อประสบการณ์การเล่นเกม แต่ยังทำให้การ์ดใช้งานไม่ได้ในสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่เงียบสงบหรือการตั้งค่าระดับมืออาชีพที่ระดับเสียงรบกวนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา วิดีโอตลกนี้แม้จะดูสบายๆ แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงมาตรการสุดโต่งที่ Nvidia ต้องใช้เพื่อจัดการกับความท้าทายด้านอุณหภูมิของ GeForce FX 5800 ในท้ายที่สุด การรวมกันของอุณหภูมิสูง, ระบบการระบายความร้อนที่ไม่มีประสิทธิภาพและเสียงขรมที่เกิดขึ้นทำให้ GeForce FX 5800 เป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่ไม่ดีและเป็นจุดสำคัฐในประวัติศาสตร์ของการพัฒนากราฟิกการ์ดของทาง Nvidia ที่ต้องจารึกไว้ว่านี่พวกเขาสร้าง GPU หรือฮีตเตอร์กันแน่


ที่มา : gpurepublic, xda

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Special Story

ปีนี้นับเป็นปีที่ซีพียูโน้ตบุ๊กของ AMD มีการเปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัด และมีความน่าสนใจในด้านประสิทธิภาพที่สูงขึ้นโดยที่ยังคุมการใช้พลังงานและความร้อนได้ดี ทำให้เราได้เห็นการนำซีพียู AMD ไปใช้ทั้งในโน้ตบุ๊กทำงานทั่วไป เกมมิ่งโน้ตบุ๊กตั้งแต่สเปคระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับท็อป รวมถึงในกลุ่มเครื่องเกมพีซีพกพาด้วย แต่ที่จะเด่นชัดสุดคงหนีไม่พ้นชิปรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีโค้ดเนมว่า AMD Strix Point หรือในชื่อที่ใช้จริงนั่นคือ AMD Ryzen AI 300 series นั่นเอง

Special Story

สำหรับการเล่นเกม แน่นอนว่าพลังประมวลผลกราฟิกจาก GPU คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งที่ชี้วัดถึงระดับประสิทธิภาพว่าจะสามารถเรนเดอร์ภาพออกมาได้สวย เฟรมเรตสูง ความหน่วงต่ำขนาดไหน ทำงานร่วมกับ CPU และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ในเครื่อง ซึ่งถ้าทั้งระบบสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ก็จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้ดีขึ้นไปด้วย นอกจากนี้เหล่าผู้ผลิตเองก็มีเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพลังกราฟิก โดยที่ยังลดภาระของฮาร์ดแวร์ลงด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ AFMF 2 เทคโนโลยีล่าสุดจาก AMD นั่นเอง

PC Zone

พบกับสุดยอดโปรแกรม Benchmark ทดสอบความแรงของกราฟิกการ์ดหรือ GPU บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณกัน การเปรียบเทียบเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างพีซี เนื่องจากช่วยให้คุณสามารถวัดประสิทธิภาพของส่วนประกอบที่คุณเลือกสำหรับการประกอบได้ การเปรียบเทียบส่วนประกอบต่างๆ ไม่เพียงแต่บอกคุณว่าส่วนประกอบต่างๆ ทำงานได้ดีเพียงใด แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจว่าส่วนประกอบต่างๆ ว่ารับมือกับโหลดได้ดีเพียงใดและส่วนประกอบมีความร้อนสูงเกินไปหรือแสดงความผิดปกติใดๆ เมื่อถูกดันจนถึงขีดจำกัดหรือไม่ กราฟิกการ์ด (GPU) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่คุณต้องทดสอบควบคู่ไปกับส่วนประกอบที่สำคัญอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพดีเยี่ยมก่อนที่คุณจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีเกณฑ์มาตรฐาน GPU มากมาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดจะเหมือนกัน และทั้งหมดจะทดสอบพีซีของคุณแตกต่างออกไป หากคุณสงสัยว่าควรลองใช้เกณฑ์มาตรฐาน GPU...

CONTENT

สาเหตุบางประการที่คุณควรทราบเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการเก็บกราฟิกการ์ดแบบแยก(GPU) ตัวเก่าให้ติดตั้งเอาไว้ในคอมพิวเตอร์พีซีของคุณ กราฟิกการ์ดยังคงเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่แพงที่สุดที่คุณจะซื้อสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี ไม่ว่าจะอัปเกรด GPU หรือสร้างระบบใหม่ตั้งแต่ต้น คุณสามารถคาดหวังที่จะจ่ายเงินหลายหมื่นบาทสำหรับ GPU ระดับล่าง โดยรุ่นเรือธงจาก AMD และ Nvidia มีราคาเกือบ 7,xxxx บาท(หรือมากกว่านั้น) ในวันนี้เราจึงอยากจะเสนอเหตุผลบางประการว่าทำไมคุณควรพิจารณาที่จะยังคงใช้งานกราฟิกการ์ดตัวเก่าของคุณอยู่ต่อไปจนกว่าที่คุณจะพร้อมกับทุกๆ ด้านเพื่อที่จะเปลี่ยนกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ จะมีเหตุผลอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย การโอเวอร์คล็อก GPU ของคุณสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปิดใช้งาน BAR...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก