Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

วิธีลดการใช้งาน CPU บน Windows 11 ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้ Windows 11 น่าจะเคยเจอกันก็คือปัญหาแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ใช้งาน CPU มาก ในวันนี้เราจึงขอมาเสนอวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ทำได้เองกัน

ลดการใช้งาน CPU บน Windows 11
ลดการใช้งาน CPU บน Windows 11

แม้แต่ CPU ที่ดีที่สุดในปี 2023 ก็ยังสามารถยอมแพ้ได้เมื่อต้องเผชิญกับงานที่ต้องใช้ทรัพยากรมากหรือแม้กระทั่งตัวระบบปฏิบัติการเอง โดยทั่วไปคุณจะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการใช้งาน CPU เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าคุณกำลังมีงานที่ผลักดัน CPU ของคอมพิวเตอร์พีซีของคุณเกินขีดจำกัด มันไม่เพียงแต่จะส่งผลให้ประสิทธิภาพของระบบลดลงโดยไม่จำเป็นเท่านั้น แต่คุณยังอาจประสบปัญหาแอปและเกมขัดข้องบ่อยครั้งได้อีกด้วย

โดยปกติหากคุณเผชิญกับข้อขัดข้องกะทันหัน แอปจะใช้เวลานานในการเปิด, ไม่ตอบสนองและมีปัญหาเรื่องความร้อน ซึ่งนั่นทำให้การใช้งาน CPU ของคุณจึงสูง การใช้งาน CPU สูงส่งผลต่อประสิทธิภาพและทำให้ระบบร้อนขึ้น ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีแก้ไขการใช้งาน CPU สูงใน Windows 11 กัน จะมีิธีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย

Advertisement

อะไรทำให้เกิดการใช้งาน CPU สูง

Check CPU Usage on Windows 11 1 768x536 002

ประการแรก เราจะบอกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้การใช้งาน CPU สูงในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ซึ่งมีสาเหตุหลายประการอาจทำให้มีการใช้งาน CPU สูงมากกว่าเดิม สำหรับสาเหตุที่พบได้บ่อยครั้งที่จะทำให้การใช้งาน CPU ช้าลงนั้นจะมีดังรายการต่อไปนี้

  • ใช้งานแอปที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของเครื่องระดับสูงในคอมพิวเตอร์พีซีที่สเป็คต่ำ
  • ระบบปฏิบัติการเกิดการติดมัลแวร์หรือแอดแวร์
  • มีแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลังมากเกินไปโดยที่ไม่ได้ใช้งานจรืงๆ
  • โปรแกรมป้องกันไวรัสเกิดอาการโอเวอร์โหลด CPU 
  • อัพเดต Windows ที่มีข้อผิดพลาดซ่อนอยู่

เมื่อคุณได้รู้แล้วว่าหลักๆ ของสาเหตุที่การใช้ CPU สูงมากจนเกินไปต่อไปเราจะอธิบายถึงวิธีการที่จะเอาไว้ใช้สำหรับการตรวจสอบดูว่า CPU ของเรากำลังมีแอปไหนที่ใช้งาน CPU หนักๆ อยู่บ้าง


วิธีตรวจสอบการใช้งาน CPU ใน Windows 11

ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีแก้ไขการใช้งาน CPU สูง คุณต้องรู้วิธีตรวจสอบการใช้งาน CPU ก่อน หากต้องการตรวจสอบว่ามีการใช้งาน CPU สูงที่ทำให้ระบบช้าลงหรือมีปัญหาอื่นหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบการใช้งาน CPU ได้

อย่างไรก็ตามอาจมีสาเหตุอื่นอีกมากมายที่ทำให้ระบบช้าลงเช่นกัน เพื่อการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ อันดับแรกเราต้องระบุข้อผิดพลาดแล้วจึงดำเนินการแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุนั้นๆ หากต้องการตรวจสอบการใช้งาน CPU ใน Windows 11 ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

uu9r5f7u
  • ค้นหา Task Manager บนตัวเลือกแถบค้นหาของ Windows แล้วเปิดขึ้นมา หรือคลิกขวาที่ปุ่ม Start แล้วคลิกที่ Task Manager คุณยังสามารถใช้แป้นพิมพ์ลัด Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager ได้
Checking CPU Usages 1024x647 1
  • จากนั้นคุณจะได้เห็นหน้าจอของ Task Manager เปิดขึ้นมา ในหน้าจอของ Task Manager นี้ให้คุณคลิกแท็บกระบวนการเพื่อดูเปอร์เซ็นต์การใช้งาน CPU

การใช้งาน CPU จะแสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ความจุ CPU ทั้งหมดที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ของคุณโดยจะขึ้นอยู่กับงานที่กำลังทำงานอยู่บนระบบของคุณ ในการใช้งาน CPU ปกติ ช่วงคือ 1% – 30% หากคุณมีมากกว่า 80% แสดงว่าคุณมีการใช้งาน CPU สูงเกินไป


วิธีแก้ไขการใช้งาน CPU สูงใน Windows 11

Restart คอมพิวเตอร์ของคุณ

restart your pc 001

การรีสตาร์ทเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้พีซีของคุณมีระเบียบเรียบร้อยหรือจัดระเบียบแอปและตัวปฏิบัติการใหม่เองอีกครั้ง ในบางครั้งเพื่อลดการใช้งาน CPU การแก้ไขแบบคลาสสิกอย่างรีสตาร์ทนี้คือสิ่งที่คุณควรจะทดลองทำเป็นอย่างแรก วิธีการนี้ทำงานได้ดีอย่างน่าประหลาดใจในการลดการใช้งาน CPU เนื่องจากจะล้างไฟล์ชั่วคราวและงานหนักๆ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง(สาเหตุที่ทำให้ CPU ใช้งานหนักจนทำให้สิ่งต่างๆ ช้าลง)

ค้นหาแอปที่ทำงานผิดปกติและปิดแอปที่ไม่จำเป็น

windows task manager

ลักษณะการทำงานของ CPU ที่ผิดปกติเหล่านี้มักจะเชื่อมโยงกับกระบวนการหนึ่งหรือสองกระบวนการ ดังนั้นการค้นหาสิ่งเหล่านี้จึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของคุณ เราขอแนะนำให้คุณดูจาก Windows Task Manager เพื่อตรวจสอบรายการกระบวนการที่ทำงานบนพีซีของคุณในปัจจุบันซึ่งมันจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • เปิด Task Manager และคลิกที่แท็บ CPU เพื่อจัดเรียงโปรแกรมตามลำดับการใช้งาน CPU (สูงไปต่ำ)
  • เลือกอันที่ใช้ทรัพยากร CPU มากที่สุดแล้วกด End job โดยการคลิ๊กขวาแล้วเลือก End Job

อย่าปิดสิ่งใดที่นี่ก่อนที่จะบันทึกงานทั้งหมดของคุณหรือออกจากงานที่สำคัญที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมด

คุณสามารถปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ทั้งหมดในส่วนแอปและดูว่าจะช่วยลดการใช้งาน CPU ได้หรือไม่ หากคุณพบโปรแกรมที่ไม่รู้จักซึ่งกินทรัพยากร CPU ส่วนใหญ่ของคุณ ให้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมดังกล่าวทางออนไลน์หรือดำเนินการตรวจสอบมัลแวร์อย่างรวดเร็ว

เรียกใช้การตรวจสอบมัลแวร์

virus and threat protection scan in windows security

มีโอกาสที่แล้วร้ายเป็นอย่างมากที่คอมพิวเตอร์พีซีของคุณอาจติดไวรัสหรือมัลแวร์ที่ทำให้เกิดการใช้งาน CPU เพิ่มขึ้นอย่างมาก สาเหตุนี้นี้มีแนวโน้มที่จะซ่อนตัวอยู่ในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื่องจากพวกมันมักจะซ่อนตัวและทำงานเป็นแอปและบริการพื้นหลัง บางแอปอาจปลอมตัวเป็นกระบวนการของ Windows ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถแยกพวกมันออกจากแอปอื่นๆ ได้ ในขณะที่ดูที่ Task Manager ไม่มีทางบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่คุณสามารถกำจัดมันได้ด้วยการสแกนไวรัสอย่างรวดเร็ว เราขอแนะนำให้คุณซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสสำหรับการแก้ไขดังกล่าวนี้ เนื่องจากสแกนเนอร์พื้นฐานที่นำเสนอโดย Windows Security อาจไม่สามารถค้นหาและต่อสู้กับมัลแวร์ตัวล่าสุดได้

หากคุณสงสัยว่ามีการโจมตีของมัลแวร์แต่ไม่เห็นสิ่งใดในตัวจัดการงาน ให้ลองใช้เครื่องมือตรวจสอบกระบวนการเพื่อสร้างบันทึกไม่เพียงแค่การใช้งาน CPU แต่ยังรวมถึงรีจิสทรี, กิจกรรมเครือข่ายและอื่นๆ อีกมากมาย การตรวจสอบรายการที่ผิดปกติในกิจกรรมเครือข่ายมักจะช่วยให้คุณทราบถึงการโจมตีของมัลแวร์หรือคุณสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบประสิทธิภาพในตัวของ Windows เพื่อดูมุมมองโดยละเอียดเกี่ยวกับการใช้งาน CPU ของกระบวนการใดกระบวนการหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป

ปิดใช้งานแอปพื้นหลัง

background apps permission
settings in windows 11
settings in windows 11 witrh highlighted apps option

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้แอปทำงานในพื้นหลังโดยสิ้นเชิงใน Windows 11 ได้ แต่ก็มีวิธีป้องกันไม่ให้แอปที่ไม่ต้องการบางแอปทำเช่นนั้น หากคุณคิดว่าแอปเหล่านั้นกำลังดึงประสิทธิภาพระบบของคุณ ต่อไปนี้คือวิธีที่คุณสามารถทำการปิดมันได้

  • เปิดการตั้งค่า(Settings)และเลือกแอป(Apps) จากเมนูแถบด้านข้างซ้าย
  • เลือกตัวเลือกแอปที่ติดตั้ง
  • กดไอคอนสามจุดถัดจากแอพที่คุณเลือกแล้วเลือกตัวเลือกขั้นสูง(Advanced options)
  • เลือกไม่เคย(Never) จากดรอปดาวน์การอนุญาตแอปพื้นหลัง(Background app permission)

คืนค่าระบบของคุณให้อยู่ในสถานะเสถียร

advanced recovery tools in windows
recovery option in windows control panel
system restore screenshot

หาก CPU ของคุณเริ่มทำงานเมื่อเร็วๆ นี้ และคุณไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของปัญหาดังกล่าว หรือไม่ต้องการยุ่งยากกับการดำเนินการหลายขั้นตอน คุณก็สามารถคืนค่าให้กลับสู่สถานะเมื่อมันทำงานได้อย่างราบรื่นวันหรือเดือนก่อน คุณสามารถใช้เครื่องมือ System Restore บน Windows เพื่อดำเนินการนี้ โดยเริ่มต้นต้องสร้างจุดคืนค่าไว้ก่อนหน้านี้ตามวิธีดังต่อไปนี้

  • เปิดแผงควบคุม(Control Panel) แล้วพิมพ์การกู้คืน(recovery)
  • เลือกการกู้คืน(Recovery)และเปิดการคืนค่าระบบ(System Restore)
  • กดถัดไปในส่วนการกู้คืนไฟล์ระบบและการตั้งค่า(Recover System Files and Settings) และเลือกจุดคืนค่าเพื่อย้อนกลับ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอหลังจากนั้นเพื่อกู้คืนระบบของคุณ

นี่น่าจะแก้ไขปัญหาของคุณได้ แต่คุณอาจไม่สามารถกู้คืนได้หากคุณไม่ได้สร้างจุดคืนค่าไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นให้พิจารณาว่านี่เป็นเครื่องเตือนใจให้สร้างจุดคืนค่าทันทีหรือเมื่อปัญหาการใช้งาน CPU ของคุณได้รับการจัดการแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะมีจุดคืนค่าที่ปลอดภัยเพื่อกลับไปใช้เสมอ


cpu usgae monitoring in task manager

แม้แต่ CPU ที่ดีที่สุดอย่างที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ก็มีทรัพยากรที่จำกัดดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจัดการกับโปรแกรมที่ใช้ CPU ของคุณโดยไม่จำเป็น อย่าลืมจับตาดูการใช้งาน CPU ของพีซีของคุณโดยเปิด Task Manager และเลือกประสิทธิภาพจากตัวเลือกด้านซ้าย

โปรดทราบว่าการใช้งาน CPU ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งคราวไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป มันจะน่าตกใจก็ต่อเมื่อมีการใช้งานสูงอย่างต่อเนื่องและเริ่มที่จะเค้นประสิทธิภาพโดยรวมของระบบไปมากจากเดิม เราหวังว่าเคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ และคุณไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นการติดตั้ง Windows ใหม่

ที่มา : thecoderworld, xda

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

How to

ในยุคนี้เมื่อแทบทุกงานในชีวิตต้องใช้อินเทอร์เน็ต ถ้าโน๊ตบุ๊คเชื่อมต่อ WiFi ไม่ได้เมื่อไหร่ก็เป็นเรื่อง ทำงานลำบากอัปเดตงานกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้หรือแม้แต่เปิดดูสตรีมมิ่งเสพย์ความบันเทิงไม่ได้ ทำเอาใครหลายคนหงุดหงิดไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้ แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ยังพอมีวิธีแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องยกคอมไปหาช่างให้วุ่นวาย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะใช้ 1 ใน 7 วิธีนี้อาจแก้ปัญหาได้แถมอาจจะช่วยเพื่อนที่เจอปัญหาเดียวกันได้ด้วย โน๊ตบุ๊คเชื่อมต่อ WiFi ไม่ได้ด้วยหลายเหตุผล แต่ก็สันนิษฐานปัญหาได้ไม่ยาก! ปัญหาหลักเวลาโน๊ตบุ๊คเชื่อมต่อ WiFi ไม่ได้ เพราะบางคนเผลอกด Airplane mode อยู่...

How to

วิธีการแคปหน้าจอคอมในปี 2024 นี้ ไม่ว่าจะใช้คีย์ลัดของระบบปฏิบัติการ, ใช้โปรแกรมติดเครื่องหรือโหลดมาติดตั้งเพิ่มแล้วบันทึกเป็นวิดีโอ รวมถึงเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนเสริมในเบราเซอร์ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทำให้เราสามารถเก็บภาพเอาไว้ใช้ได้หลายโอกาสไม่ว่าจะแซวเพื่อนเอาสนุกสนานไปจนใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลเมื่อเกิดข้อพิพาทก็ได้ ซึ่งคีย์ลัดของแต่ละระบบปฏิบัติการและเบราเซอร์จะมีวิธีเรียกใช้งานแตกต่างกันไปตามการตั้งค่าของทางผู้พัฒนา และบางโปรแกรมอาจจะไม่มีคีย์ลัดให้ใช้ ก็ต้องติดตั้งส่วนเสริม (Extension) เพิ่มเอง แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นแน่นอน สรุปวิธีแคปหน้าจอคอมทุกแบบ ครบเครื่องทั้ง Windows, macOS, Microsoft Edge, Mozilla Firefox และ Google Chrome...

How to

เปลี่ยนภาษา Windows 10 และ Windows 11 ฉบับง่าย จับมือทำทีละขั้นตอนจนเป็นได้เลย!! วิธีการเปลี่ยนภาษา Windows 10 และ Windows 11 นอกจากการกดปุ่ม Grave Accent (`) หรือเรียกติดปากกันว่า “ปุ่มตัวหนอน” แล้วก็มีวิธีเปลี่ยนภาษาแบบอื่นซึ่ง Microsoft มีมาให้ใช้ซึ่งแตกต่างจากวิธีปกติและคีย์ลัด Windows+Spacebar...

Windows Zone

Microsoft 365 แตกต่างจาก Microsoft Office Home & Student 2021 อย่างไรบ้าง? “ในเมื่อซื้อโน๊ตบุ๊คมี Office แท้แล้ว จะต้องซื้อ Microsoft 365 มาทำไม?” นั่นเพราะผู้ใช้หลายๆ คนเห็นว่าฟังก์ชั่นการทำงานของทั้งสองนั้นเหมือนกันมาก เพราะรวมกลุ่มโปรแกรม Word Processing มาเป็นแพ็คเกจครบถ้วนทั้งคู่ ได้...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก