Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

เปรียบเทียบ iPad Gen 10 VS iPad Gen 9 รุ่นใหม่ ราคาใหม่ ดีกว่ายังไง อัปเดต 2022

เปรียบเทียบ iPad Gen 10 กับ iPad Gen 9 รุ่นใหม่ ราคาใหม่ ต่างกับรุ่นเดิมอย่างไร อัปเดต 2022

เปรียบเทียบ iPad Gen 10 VS iPad Gen 9, เปรียบเทียบ iPad Gen 10 กับ iPad Gen 9

เปิดตัวกันไปที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPad รุ่นราคาประหยัด ที่ตอนนี้เดินทางมาเป็น iPad Gen10th หรือรุ่นที่ 10 กันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ก็ได้รับการดีไซน์ออกแบบขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นรุ่นที่ไร้ปุ่ม Home เช่นเดียวกับ iPad Air (รุ่นที่ 4 ขึ้นไป) อีกทั้งยังมีการปรับราคาขายอีกด้วย แต่จะแตกต่างไปจาก Gen Pad Gen 9th ขนาดไหนนั้น วันนี้ทีมงาน NotebookSPEC จะมาเปรียบเทียบ iPad Gen 10 VS iPad Gen 9 ว่าจะมีความแตกต่างกันแค่ไหนอย่างไร น่าซื้อหรือเลือกรุ่นเดิมดีแล้ว


เลือกซื้อ iPad ต้องดูอะไรบ้าง

หากพูดถึงการทำงาน หรือการเรียนในปัจจุบันนั้น บอกได้เลยว่าตอนนี้ก็ต้องเป็นในรูปแบบออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเรียน การทำงาน หรือใช้ในไลฟ์สไตล์ทั่วไปนั้น ก็คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Tablets ซึ่งทีมงานเชื่อว่าผู้ใช้งานจำนวนมากที่เลือกใช้ iPad โดย iPad นั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรุ่น ทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ แต่การซื้อไอแพดสักเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เราเดินไปซื้อเองด้วยตัวเองที่ร้านค้า หรือจะเป็นการสั่งออนไลน์ สิ่งที่เราต้องดูต้องตรวจสอบนั้น ควรมีดังนี้

Advertisement
  • ภายนอกเครื่อง หรือตั้งแต่กล่อง เริ่มจากการตรวจเช็คกล่องต้องไม่มีการแกะซีลใดๆ เมื่อแกะกล่องให้ตรวจเช็คตัวเครื่อง ดูริ้วรอยต่างๆ อุปกรณ์ต้องไม่มีรอยแตก และเช็คดูว่าอุปกรณ์ภายในครบหรือไม่
  • สำหรับใครที่สั่งเครื่องผ่านเว็บไซต์ หรือช้อปปิ้งออนไลน์นั้น จะต้องไม่พลาดข้อนี้เลย คือ การตรวจสอบประกัน และหมายเลขต่างๆ นั่นเอง
    • ดูเลข Serial No. หลังกล่อง iPad กับเลข Serial No. ในเครื่อง (เมนูการตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > เกี่ยวกับ (About)) ต้องตรงกัน หลังจากนั้นก็ให้นำเลข Serial No. ไปตรวจเช็คประกันความคุ้มครองได้ที่ https://checkcoverage.apple.com/th/th/ หรือจะดาวน์โหลดแอป Apple Support ก็ได้ (แต่ต้องตั้งค่า Apple ID ให้เรียบร้อยก่อน) ถ้าเป็นเครื่องใหม่จากศูนย์มือหนึ่ง ประกันเครื่องต้องหมดในอีก 1 ปี นับจากวันที่เปิดใช้เครื่อง ประกันต้องไม่เดินไปก่อน
    • กรณีที่เราซื้อเครื่องศูนย์ไทย เราวามารถตรวจสอบได้โดยไปที่ เมนูการตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > เกี่ยวกับ (About) > เช็คโมเดล (Model) ถ้าเป็น iPad เครื่องศูนย์ไทย เลขโมเดลจะต้องลงท้ายด้วย TH เสมอ เช่น MR7F2TH/A
  • เช็คปุ่มทั้งหมด โดยไล่กดและเช็คการทำงานทีละปุ่ม ว่าหลวมไปหรือไม่ และเช็คการทำงานของปุ่ม อาจจะเริ่มจากปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่อง และปิดหน้าจอ, ปุ่มโฮม เมื่อกดแล้วต้องกลับมาหน้าจอโฮม, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงต้องทำงานได้ถูกต้อง
  • ทดสอบหาจุดเสียของหน้าจอ ของ iPad โดยเข้าผ่านแอป YouTube (ต้องดาวน์โหลดแอป YouTube จาก AppStore ก่อน) และเปิดวิดีโอ Dead Pixel Test for iPad หมุนหน้าจอเป็นแนวนอนและเปิดหน้าจอวิดีโอให้เต็มจอ พร้อมกับเช็คหาจุดเสีย ถ้าหน้าจอปกติดี จะต้องไม่มีจุดดำโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ
  • ตรวจสอบการทำงานของ Touch ID โดยไปที่ตั้งค่ารหัสผ่านด้วยการสแกนนิ้วที่ การตั้งค่า (Settings) > Touch ID และรหัส (TouchID & Passcode) > และเปิด ปลดล็อค iPad ในส่วนของการใช้ Touch ID และตั้งค่าสแกนนิ้วให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลองแตะสแกนนิ้วที่ปุ่มโฮม เพื่อปลดล็อคเครื่อง
  • ทดสอบเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยการเปิด Wi-Fi และเข้าใช้ Wi-Fi ของร้านดูว่าสามารถเชื่อมต่อและใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ปกติหรือไม่
    • ทดสอบการเชื่อม Bluetooth โดยไปที่การตั้งค่า (Settings) > บลูทูธ (Bluetooth) > แตะเปิด และดูว่า Bluetooth สามารถค้นหาอุปกรณ์ใกล้เคียงเจอหรือไม่ (หากซื้อ Apple Pencil ด้วยก็ลองเชื่อมต่อดูหรือทางร้านมีอุปกรณ์บลูทูธอื่นๆ ก็อาจจะลองนำไปเชื่อมต่อดู)
    • สำหรับ iPad รุ่นที่มี Cellular ก็ให้ลองเปิดเซลลูลาร์ และดูสัญญาณโทรศัพท์ด้านมุมบนซ้ายของหน้าจอว่าสามารถเชื่อมต่อได้หรือไม่ พร้อมกับลองเข้า Safari เพื่อลองเข้าเว็บไซต์
  • ตรวจเช็คว่ามีเสียงดังจากลำโพงของ iPad หรือไม่ โดยการลองเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) > เสียง (Sounds) > เสียงเรียกเข้า (Ringtone) > เลือกฟังเสียงดูว่ามีเสียงดังออกจากลำโพงหรือไม่ และลองปรับเพิ่มลด-เสียงดู
  • ลองแตะหน้าจอ ปัดขึ้น ปัดลง เข้าแอปแล้วขยับท่าทางต่างๆ เช่น ขยับนิ้วทั้ง 5 เข้าหากัน เพื่อออกจากแอป, ปัดขึ้นเพื่อเปิด Control Center, ปัดลงเพื่อเข้าหน้าการแจ้งเตือน, แตะค้างเพื่อลบแอป เป็นต้น เพื่อดูการทำงานว่าการใช้ท่าทางและการสัมผัสหน้าจอทำงานได้ปกติหรือไม่
  • เช็คการใช้งานของไมโครโฟน ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ โดยเข้าเข้าแอปกล้อง (Camera) แล้วลองอัดวิดีโอดู เมื่ออัดเสร็จแล้ว ลองกดเล่นวิดีโอและฟังเสียง
  • ลองเปิดแอปแผนที่ (Maps) บน iPad ดู และอนุญาตการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งให้เรียบร้อย และลองแตะระบุตำแหน่งที่ตั้งด้านบนขวา เพื่อเช็คดูว่า GPS สามารถบอกตำแหน่งถูกต้องหรือไม่ อาจจะลองค้นหาสถานที่หรือตำแหน่งอื่นๆ ดูด้วยก็ได้
  • ตั้งค่าเปิดใช้งาน Siri ที่ การตั้งค่า (Settings) > Siri และการค้นหา (Siri & Search) > เปิดใช้งาน ฟัง “หวัดดี Siri” และตั้งค่าให้เรียบร้อย และเปิดใช้งาน กดปุ่มโฮมเพื่อคุยกับ Siri ด้วย ที่สำคัญต้องเปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเช็คการทำงานของ Siri ด้วยการทดสอบก็ลองเรียก หวัดดี Siri และตอบโต้พูดคุยดูว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ จากนั้นลองกดปุ่มโฮมค้างไว้ เพื่อเรียก Siri ดู
  • ทดสอบการทำงานของกล้องหน้าและกล้องหลัง สำหรับกล้องหน้า ลองทดสอบถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า ลองเปิด Retina Flash สำหรับกล้องหลัง ทดสอบการแตะหน้าจอเพื่อโฟกัส การปรับแสงโฟกัส และลองเปิดแฟลชถ่ายรูป เพื่อเช็คการทำงาน
  • เช็คเซ็นเซอร์การหมุนหน้าจอ ด้วยการหมุนหน้าจอทั้งแนวตั้งและแนวนอน อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าเราได้ปิดฟีเจอร์การหมุนหน้าจอไว้หรือไม่
  • ทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่กับอุปกรณ์ชาร์จที่มาพร้อมกล่อง iPad ว่ามีไฟเข้าและสามารถชาร์จได้ปกติหรือไม่ และให้ลองเสียงหัวชาร์จทั้ง 2 ด้านว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้หรือไม่
  • นอกจากนี้ก็ยังมีการทดสอบ ระบบ Gyroscope, เข็มทิศ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างคอมพิวเตอร์ด้วย

สเปคของ iPad Gen 10th

ip1

ก่อนที่เราจะไปเปรียบเทียบ iPad ระหว่าง iPad Gen 10th กับ iPad Gen 9th กันนั้น เราควรมาดูถึงสเปคคร่าวๆ ของ iPad Gen 10th กันก่อนดีกว่า ว่าจะมีอะไรบ้าง

  • เริ่มต้นเลย ใน iPad Gen 10th นั้น ได้รับการดีไซน์ให้มีความคล้ายกับ iPad Air (Gen 4th ขึ้นไป) คือไม่มีปุ่ม Home แต่สามารถใช้งาน Touch ID ได้ผ่านทางปุ่ม Power ที่อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง
  • มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ได้แก่ สีเงิน, ชมพู, ฟ้า และเหลือง
  • มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว ให้ความคมชัดที่มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเทคโนโลยี True Tone
  • iPad Gen 10th รองรับการใช้งานปากกา Apple Pencil รุ่นที่ 1 และ Magic Keyboard Folio
  • มาพร้อมกับชิปประมวลผล A14 Bionic
  • รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2
  • กล้องหลังความละเอียด 12MP รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60 fps
  • กล้องหน้าความละเอียด 12MP มาพร้อม Center Stage
  • มีลำโพงสเตอรีโอคู่ในแนวนอน
  • รองรับการเชื่อมต่อ / ชาร์จแบตเตอรี่ ผ่านทางพอร์ต USB Type-C
  • ราคาเปิดตัว
    • รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 17,900 บาท
    • รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 23,900 บาท
    • รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 23,900 บาท
    • รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 29,900 บาท

เปรียบเทียบ iPad Gen 10 VS iPad Gen 9

เมื่อเราเห็นสเปคคร่าวของ iPad Gen 10th รุ่นใหม่จากทาง Apple กันไปแล้ว ก็คงอยากเห็นว่าแตกต่างอย่างไรบ้างกับ iPad Gen 9th รุ่นก่อนหน้า เราจะมาเปรียบเทียบ iPad Gen 10th กับ iPad Gen 9th กันให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ip4
สเปคiPad Gen 10thiPad Gen 9th
ปีที่เปิดตัว20222021
ดีไซน์และขนาดขนาด 248.6 x 179.5 x 7 มม.
ไม่มีปุ่ม Home
ขนาด 250.6 x 174.1 x 7.5 มม.
มีปุ่ม Home
น้ำหนักรุ่น Wi-Fi 477 กรัม
รุ่น Cellular 481 กรัม
รุ่น Wi-Fi 487 กรัม
รุ่น Cellular 498 กรัม
สีเงิน, ชมพู, ฟ้า, เหลืองเทาสเปซเกรย์, เงิน
จอภาพLiquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว
ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล
รีเฟรชเรท 60Hz
ความสว่าง 500 นิต
รองรับเทคโนโลยี True Tone
Retina Display ขนาด 10.2 นิ้ว
ความละเอียด 1620 x 2160 พิกเซล
รีเฟรชเรท 60Hz
ความสว่าง 500 นิต
รองรับเทคโนโลยี True Tone
ปากการองรับปากกา Apple Pencil 1รองรับปากกา Apple Pencil 1
ชิปประมวลผลApple A14 BionicApple A13 Bionic
ความจุ64GB
256GB
64GB
256GB
กล้องหลัง12MP, f/1.8
ถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 fps
8MP, f/2.4
ถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080p ที่ 25fps และ 30 fps
กล้องหน้า12MP, f/2.4
ถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
Center Stage
12MP f/2.4
ถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
Center Stage
ลำโพงสเตอรีโอคู่สเตอรีโอคู่
การเชื่อมต่อWi‑Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax
Bluetooth 5.2
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
Bluetooth 4.2
เครือข่ายที่รองรับ5G
ในรุ่น Wi-Fi + Cellular รองรับ Nano-SIM, eSIM
4G
ในรุ่น Wi-Fi + Cellular รองรับ Nano-SIM, eSIM
เซ็นเซอร์ปลดล็อกTouch ID ที่ปุ่ม Power ด้านข้างTouch ID ที่ปุ่ม Home
พอร์ตUSB Type-CLightning
แบตเตอรี่ท่องเว็บได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
ดูวิดีโอได้สูงสุด 9 ชั่วโมง
ท่องเว็บได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
ดูวิดีโอได้สูงสุด 9 ชั่วโมง
ราคาเปิดตัวรุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 17,900 บาท
รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 23,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 23,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 29,900 บาท
รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 11,400 บาท
รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 16,400 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 16,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 21,900 บาท


สรุปการเปรียบเทียบ iPad ทั้ง 2 รุ่น

จากการเปรียบเทียบ iPad ทั้ง 2 รุ่นนั้น จะเห็นได้ว่า iPad Gen 10th ถือว่าเป็นไอแพดที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูง เพราะใช้ชิปประมวลผล A14 Bionic ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นชิปตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Apple แต่ประสิทธิภาพในการทำงานนั้นสามารถทำได้ดีอย่างเยี่ยม อีกทั้งยังมีการดีไซน์ ตัดปุ่ม Home ออกไป โดยไปสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power แทน ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่การมองเห็นได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมพอร์ต USB-C ที่ใครหลายๆ คนรอคอย แต่อย่างไรก็ตาม ราคาเปิดตัวสำหรับ iPad Gen 10th รุ่นนี้ก็ถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPad Gen 9th และถึงแม้ว่า iPad Gen 10th จะมาพร้อมกับ USB-C แต่ยังคงรองรับการใช้งาน Apple Pencil รุ่นที่ 1 เช่นเดียวกันกับ iPad Gen 9th ซึ่งต้องแลกมากับความยุ่งยากในการชาร์จแบตเตอรี่ที่มากขึ้น เนื่องจากต้องหาตัวแปลงสำหรับชาร์จ Lightning หรือชาร์จโดยผ่า่นสาจชาร์ตแบตเตอรี่แทน ดังนั้น ทีมงานเองก็มีความคิดเห็นว่า ถ้าซื้อมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์ วาดรูป ทำงาน สำหรับใน iPad รุ่นประหยัด นั้น iPad Gen 9th ยังถือว่าค่อนข้างที่จะมีความคุ้มค่ามากกว่า ด้วยราคาที่ค่อนข้างต่างกัน แต่คุมสมบัติโดยรวมไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่หากใครที่ต้องการดีไซน์ใหม่ ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รวมไปถึงการใช้งาน พอร์ต USB-C การเลือก iPad Gen 10th มาใช้งานก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า


อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

notebook pcice no more 10000
เมาส์บลูทูธ ยี่ห้อไหนดี
ที่ชาร์จไร้สาย iPhone, ที่ชาร์จไร้สาย ดีไหม
WiFi Speed Test, เช็คความเร็วเน็ต
บีบไฟล์ PDF ให้เล็กลง
เมาส์ปากกา ยี่ห้อไหนดี
แผ่นรองเมาส์ แบบไหนดี
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

How to

ไอแพดชาร์จไม่เข้าไม่ต้องตกใจ มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องส่งช่างให้เปลืองเงินอีกด้วย!! ยุคนี้ไม่ว่าใครก็ยอมรับว่าไอแพดเป็นแท็บเล็ตที่ดี ใช้ทำงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้คอมพิวเตอร์แต่บางคนก็อาจเจอปัญหาว่าใช้ไปสักพักแล้วไอแพดชาร์จไม่เข้าเสียอย่างนั้นจนต้องพาเข้าศูนย์ Apple หรือถ้าหมดประกันก็ต้องพึ่งร้านตู้เจ้าต่างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้ถูกจุดหรือก่อปัญหาอื่นเพิ่มแทนกันแน่? ซึ่งวิธีแก้ปัญหาไอแพดชาร์จไม่เข้านั้นง่ายกว่าที่คิดมากสามารถแก้เองก่อนได้ ถ้าเกินฝีมือแก้เองไม่ได้จะส่งช่างให้เช็คโดยละเอียดก็ไม่เสียดายภายหลังแน่นอน ปัญหาการชาร์จไม่เข้า หลักๆ คือพอร์ต USB-C หรือ Lightning อาจมาจากความสกปรกไม่ว่าจะหน้าคอนแท็คทองเหลืองเกิดคราบออกไซด์หรือมีฝุ่นจากกระเป๋าเข้าไปอุดตันเยอะจนดันหัวสายชาร์จไม่เข้า, สายชาร์จก็ไม่ได้มาตรฐานเลยชาร์จไม่ได้ ไปจนถึงเรื่องง่ายๆ อย่างการเสียบชาร์จเข้าพอร์ต USB ของพีซีหรือโน๊ตบุ๊คแล้วกระแสไฟไม่พอชาร์จก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยต่างๆ ในตัวอย่างก็แก้ได้ไม่ยาก...

Tips & Tricks

แนะนำเทคนิค วิธีแต่งหน้าจอไอโฟน สวย เก๋ เท่ มีสไตล์เฉพาะตัว อัพเดต 2024 ตั้งแต่ iOS 14 เป็นต้นมา Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่ง iPhone ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน iOS 17 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอ ทั้งหน้าจอ Lock Screen...

Tips & Tricks

สอนติดตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี พร้อมการใช้งาน เปลี่ยนฟอนต์ธรรมดา ให้สวยน่ารักขึ้นได้ง่ายๆ อัพเดท 2024 ใครที่ใช้งาน iPhone แล้วอยากได้ฟอนต์น่ารักๆ หรือฟอนต์สวยๆ ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ ทำงาน หรือใช้บนโซเชียลมีเดีย เราสามารถติดตั้งฟอนต์ได้ง่ายๆ เลย ทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้รวบรวมวิธีการตั้งตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี ที่ทำได้ง่าย ทำตามได้แน่นอน รับรองว่าจากฟอนต์ธรรมดาๆ...

Buyer's Guide

สายชาร์จไอโฟนยุคนี้ มีเงินร้อยบาทนิดๆ ก็ซื้อมาต่อชาร์จได้แล้วนะ! เจ้าของไอโฟนย่อมมีสายชาร์จไอโฟนมากกว่าหนึ่งเส้นแน่นอน อย่างน้อยต้องมีติดโต๊ะที่บ้านและออฟฟิศอย่างละเส้นเป็นอย่างน้อยและอาจจะมีติดกระเป๋าคู๋กับพาวเวอร์แบงค์หรือต่อทิ้งเอาไว้กับรถยนต์เผื่อชาร์จเวลาขับรถไปไหนมาไหนจะได้ชาร์จมือถือไปดูแผนที่ไปได้ แถมยุคนี้สายชาร์จจากแบรนด์อื่นๆ ก็มีลูกเล่นร้อยแปด ไม่ว่าจะมีหัวชาร์จหลายแบบในตัว, มีหน้าจอบอกกำลังชาร์จติดมาตรงหัวชาร์จและมีกำลังชาร์จตั้งแต่หลักสิบวัตต์ไปจนร้อยวัตต์ ชาร์จได้ไม่ว่าจะ iPhone หรือ iPad ก็ได้ แม้ตอนนี้ทาง Apple จะเปลี่ยนพอร์ตไอโฟนจาก Lightning มาเป็น USB-C แล้ว แต่ผู้ใช้ที่ยังใช้ไอโฟนรุ่นเก่าที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดมาเป็น iPhone 15...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก