Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

Pegasus สปายแวร์สุดโหดที่ผู้ใช้ควรระวัง

Pegasus สปายแวร์ในรูปแบบโทรจันที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นในไทยตอนนี้มีที่มาจากไหน เป้าหมายในการโจมตีเป็นใครและผู้ใช้ทั่วไปจะป้องกันตัวเองได้ด้วยวิธีไหนบ้าง วันนี้เราจะไขข้อข้องใจกัน

Pegasus Spyware
Pegasus Spyware

ในช่วงนี้มีข้อมูลหนึ่งที่ถูกพูดถึงในไทยมากขึ้นอย่างสปายแวร์ที่มีชื่อว่า Pegasus โดยถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดถึงในส่วนของวงการการเมือง แต่อันที่จริงแล้วนั้นเจ้าสปายแวร์ Pegasus นั้นสามารถที่จะถูกนำมาใช้งานได้จากผู้ประสงค์ร้ายทั้งหมด ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ เองนั้นก็ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักเพื่อป้องกันตัวเองจากสปายแวร์ในรูปแบบนี้ให้ดีก่อน ดังนั้นในวันนี้ทาง NotebookSpec จึงอยากขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเจ้าสปายแวร์ตัวนี้กัน จะน่ากลัวมากน้อยแค่ไหนและจะต้องป้องกันอย่างไรนั้นไปติดตามกันได้เลย



ต้นกำเนิดของสปายแวร์ Pegasus

What is Pegasus Spyware and How It Works

ก่อนที่จะพูดถึงเจ้า Pegasus นั้นต้องขออธิบายเรื่องของสปายแวร์ก่อน สปายแวร์นั้นเป็นส่วนแตกแยกมาจากไวรัสคอมพิวเตอร์ในอดีตโดยมีจุดประสงค์หรือเป้าหมายของมันเองชัดเจนมากๆ นั่นก็คือการขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ถูกสปายแวร์นั้นๆ กลับไปให้ผู้ใช้สปายแวร์เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้งานตามที่ผู้ประสงค์ร้ายต้องการ ในปัจจุบันนั้นเราสามารถที่จะแบ่งสปายแวร์ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

Advertisement
  1. แอดแวร์หรือซอฟต์แวร์โฆษณา สปายแวร์แบบรูปแบบนี้ถูกพบมากตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งในปัจจุบันนั้นก็ยังพบได้อยู่ โดยพฤติกรรมของมันนั้นมักจะเป็นการเรียกเอาโฆษณาต่างๆ ขึ้นมาโฆษณาบนเบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการของคุณ แอดแวร์นั้นส่วนมากจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ถูกแอดแวร์จู่โจมมากกว่า ทว่าในช่วงปี 2005 – 2008 ที่ผ่านมานั้นในต่างประเทศได้มีการระบุรูปแบบการโฆษณาผ่านเบราว์เซอร์และแอดแวร์ให้มีความแตกต่างชัดเจนมากขึ้นจนทำให้บริษัทผู้สร้างโปรแกรมในลักษณะคล้ายๆ แอดแวร์ถูกปิดกิจการลงไป ทำให้ในปัจจุบันนั้นแอดแวร์ถูกแยกออกมาจากการโฆษณาบนเบราว์เซอร์อย่างชัดเจน
  2. คุกกี้สุดยอดสปายแวร์ที่เชื่อเถอะว่าทุกคนจะต้องเคยเห็นแล้ว(และเกือบจะทุกครั้งที่เข้าเว็บไซต์) ซึ่งในปัจจุบันนี้เองนั้นในวงการด้านความปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์ยังเถียงกันอยู่เลยว่าสรุปแล้วเจ้าคุกกี้นี้ควรจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มไหนกันแน่ แต่โดยปกติแล้วนั้น ณ ปัจจุบัน “คุกกี้” ยังถูกจัดว่าเป็นสปายแวร์ที่เป็นมิตรอยู่เพราะคุณจะต้องกดอนุญาตทุกครั้งก่อนที่จะให้คุกกี้ของเว็บไซต์ต่างๆ นั้นทำงานได้และการทำงานของคุกกี้นั้นยังมีจุดประสงค์ชัดเจนที่ถูกบังคับให้ต้องแจ้งกับผู้ใช้งานก่อนทุกครั้ง
  3. โทรจัน(ม้าไม้โทรจัน) หรือ Trojans เป็นคำย่อที่มาจากคำว่า Remote Access Trojans (RAT) ซึ่งลักษณะการทำงานนั้นคือมันจะทำการติดตั้งตัวเองลงบนเครื่องของคุณด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง(ตามแต่ผู้เขียนโทรจันเป็นผู้กำหนด) เมื่อติดตั้งแล้วผู้ที่ใช้เจ้าโทรจันนั้นๆ จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ของคุณได้ทันที โดยมันอาจจะอยู่นิ่งๆ แล้วทำแค่การส่งข้อมูลการใช้งานของคุณไปยังผู้ไม่ประสงค์ดีหรือบางทีมันก็อาจจะเข้าควบคุมอุปกรณ์ของคุณทั้งหมดจนถึงขึ้นทำให้คุณไม่สามารถใช้อุปกรณ์นั้นๆ ได้อีกต่อไปเลยก็ได้
  4. ระบบเฝ้าระวังหรือ monitoring systems เป็นสปายแวร์ที่จะแอบอยู่บนอุปกรณ์ของคุณแบบเงียบๆ แต่มันจะคอยจับตาดูการใช้งานทุกอย่างของคุณอยู่ลักษณะรูปแบบการทำงานจะคล้ายๆ กับโทรจันแต่ว่ามีความแตกต่างตรงที่ระบบเฝ้าระวังนั้นจะคอยจับการทำงานอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลของคุณอย่างเช่นคีย์บอร์ดหรือเมาส์ว่ามีการพิมพ์อะไรใช้งานอะไร คลิกอะไรรูปแบบไหนแล้วส่งกลับไปยังผู้ไม่ประสงค์ดีที่เป็นคนติดตั้งเจ้าระบบเฝ้าระวังนี้เอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณ

จากรูปแบบใหญ่ๆ ของสปายแวร์ทั้ง 4 แบบนั้นเอาจริงๆ แล้วมันก็ถือว่าน่ากลัวทั้งหมดหากเราคิดว่ามีใครมาคอยติดตามการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคงหนีไม่พ้นสปายแวร์กลุ่มโทรจันเนื่องจากมันมีเป้าหมายที่จะจ้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยเฉพาะ ซึ่งเจ้า Pegasus นั้นก็ถือว่าเป็นโทรจันรูปแบบหนึ่งที่เริ่มมีการใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้นในปัจจุบันนี้

90948166 f5f1 11eb 843a 9ca6d02d85b2 1628507213700 1628507229850

Pegasus นั้นมีต้นกำเนิดมาจากบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศอิสราเอลที่มีชื่อว่า NSO Group ซึ่งตามข้อมูลนั้นพบว่า NSO Group เริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงจังตั้งแต่ในปี 2011 ที่ผ่านมาแถมที่สำคัญแล้วนั้น NSO Group ยังโพสไว้ด้วยว่าเจ้า Pegasus นั้นถูกรับรองการพัฒนาอย่างถูกต้องด้วยรัฐบาลในตอนนั้นโดยจุดประสงค์ของการพัฒนานั้นก็เพื่อเอา Pegasus ไว้ให้รัฐบาลช่วยด้านสงครามไซเบอร์และเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ อีกทั้งยังเอาไว้สำหรับการสืบข้อมูลบนระบบไซเบอร์โดยการออกแบบเจ้า Pegasus นั้นได้ถูกพิจารณาในเรื่องของด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว

ในการถูกใช้งานจริงๆ นั้น Pegasus ถูกค้นพบว่าได้นำมาใช้งานเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปี 2016 ซึ่งตามรายงานระบุว่าผู้ที่ถูกเจ้า Pegasus เล่นงานจริงๆ เป็นรายแรกคือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวอาหรับนาม Ahmed Mansoor โดย ณ ตอนนั้นที่เขาถูกโจมตีก็เนื่องมาจากว่าได้รับข้อความที่มีการระบุเอาไว้ว่า “เป็นความลับ” แล้วเอาให้เขาคลิกลิงค์ไปแห่งหนึ่งซึ่งลิงค์ดังกล่าวนั้นได้ถูกทาง Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโตรอนโตตรวจสอบแล้วว่าในลิงค์ดังกล่าวนั้นเมื่อกดเข้าไปมันจะทำการเจลเบรคเครื่อง iPhone และติดตั้งเจ้า Pegasus เอาไว้บนเครื่อง

ทีนี้เมื่อถามว่าเพียงแค่คลิกลิงค์แล้วทำไมถึงเจลเบรคเครื่องได้ ทาง Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโตรอนโตได้บอกเอาไว้ว่าจากการตรวจสอบบนลิงค์นั้นพบว่ามันจะใช้ช่องโหว่ที่เรียกว่า zero-day ของระบบ iOS หรือให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือช่องโหว่ที่ยังไม่เคยถูกพบของระบบ iOS ในการทำการเจลเบรคตัวเครื่อง สาเหตุที่รู้ว่าเจ้าสปายแวร์ตัวนี้คือเจ้า Pegasus นั้นก็เนื่องจากการตรวจสอบทั้งหมดของทาง Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโตรอนโตพบว่าบนโค๊ดของสปายแวร์ในลิงค์ดังกล่าวนั้นมีส่วนหนึ่งของโค๊ดที่ไปเหมือนกับผลิตภัณฑ์ของทาง NSO Group ที่มีชื่อว่า Pegasus อยู่ ดังนั้นเจ้าสิ่งนี้จึงถูกเรียกว่า Pegasus ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา(ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ NSO Group ที่ถูกนำมาเทียบนี้เป็นข้อมูลที่หลุดออกมาไม่ใช่ข้อมูลที่ทาง NSO Group เผยออกมาเอง)

สาเหตุที่ Pegasus ถูกระบุว่าเป็นโทรจันประเภทหนึ่งก็มาจากการที่ทาง Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโตรอนโตได้ตรวจสอบแล้วพบว่าในโค๊ดบนลิงค์นั้นมีการส่งข้อมูลบางอย่างของผู้ใช้ซึ่ง ณ ตอนนั้นมีการระบุเอาไว้ว่าเป็นข้อมูลการสื่อสารทั้งหมดบนเครื่อง iPhone ของคุณ Ahmed Mansoor และยังรวบรวมข้อมูลรหัส Wi-Fi ที่คุณ Ahmed Mansoor เคยเข้าทั้งหมดส่งกลับไปที่ผู้ไม่หวังดีที่เป็นคนส่งสปายแวร์ Pegasus มา

อย่างไรก็ตามเมื่อทาง Citizen Lab ของมหาวิทยาลัยโตรอนโตสืบย้อนกลับไปพบว่าสปายแวร์ Pegasus นั้นถูกเคยนำมาใช้ปฏิบัติการจริงก่อนแล้วช่วงปี 2013 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(สืบจากรูปแบบโค๊ดของเจ้า Pegasus) ซึ่งผู้ที่ใช้เจ้า Pegasus นั้นก็เป็นคนในเครือรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันความปลอดภัยของรัฐนั่นเอง


วิธีการทำงานของ Pegasus และพื้นที่ที่ถูกพบว่าใช้งาน

hacker activity concept 23 2148543435

ตามข้อมูลด้านต้นนั้นท่านจะเห็นได้ว่า Pegasus มีวิธีการทำงานดังต่อไปนี้

  1. หลอกเข้าลิงค์เพื่อที่จะเจาะระบบของเป้าหมาย
  2. ทำการเจาะระบบที่เป้าหมายใช้งานอยู่
  3. ทำงานเหมือนโทรจันคือเจาะระบบและส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อกับการติดต่อสื่อสารทั้งหมดกลับไปยังผู้ที่ทำการฝัง Pegasus ไว้
  4. สามารถทำการเปิดกล้องและไมโครโฟนของเป้าหมายได้ตลอดเวลาโดยที่เป้าหมายไม่รู้ตัวโดยจะสามารถบันทึกไว้ในเครื่องก่อนแล้วส่งไปยังผู้ไม่ประสงค์ดีเมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้(โดยที่ผู้ใช้ไม่สามารถที่จะหาไฟล์ดังกล่าวนั้นเจอด้วยวิธีการปกติ)

อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นในช่วงเวลาที่เจ้า Pegasus ถูกระบุว่าโดนใช้งานส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับนักข่าว, นักสิทธิและผู้เคลื่อนไหวทางด้านการเมืองของประเทศในโซนอาหรับซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้นั้นไม่พอใจเท่าไรนักจึงเกิดการฟ้องร้องกันขนานใหญ่ลุกลามไปในหลายพื้นที่ ซึ่งเป้าหมายหลักที่กลายเป็นผู้โดนฟ้องนั้นก็คือบริษัท NSO Group จนทาง NSO Group ต้องมาปกป้องตัวเองด้วยการทำให้ตัวเองเปลี่ยนจากผู้ที่จะถูกฟ้องเป็นพยานที่ช่วยในเรื่องของการสืบสวนแทน

เอาเป็นว่าเรื่องดังกล่าวก็ต้องให้ศาลที่รับฟ้องร้องพิสูจน์กันต่อไปแต่เรามาดูกันที่เจ้าตัวหลักที่น่ากลัวอย่าง Pegasus ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโทรจันซึ่งเป็นโค๊ดโปรแกรมชนิดหนึ่งแล้วนั้นมันย่อมมากับความน่ากลัวอันหาที่สุดไม่ได้นั่นก็คือการถูกพัฒนาเพิ่มเติมโดยจากตอนต้นที่มันถูกพัฒนามาเพื่อเจลเบลค iOS 7 ณ ตอนที่ถูกค้นพบ ทว่าในปัจจุบันนั้นพบว่ามันได้ถูกพัฒนาให้หาช่องโหว่แบบ zero-day ของระบบปฏิบัติการณ์อื่นๆ อย่าง Android, Windows และ macOS ได้แล้ว นอกไปจากนั้นมันยังได้ถูกพัฒนาให้สามารถที่จะค้นหา zero-day ของแอปพลิเคชันสำหรับการติดต่อสื่อสารอย่าง iMessage, Gmail, Viber, Facebook, WhatsApp, Telegram และ Skype ได้อีกด้วย

ตามข้อมูลระบุเอาไว้ว่าเจ้า Pegasus นี้ไม่เพียงจะทำการเจาะระบบของคุณเองผ่านทางช่องโหว่ zero-day เท่านั้น ทว่ามันยังถูกพัฒนาให้แจ้งเตือนผู้ใช้แบบเนียนๆ เพื่อเปิดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลโดยผู้ใช้กดเองได้อีกต่างหากหากว่าช่องโหว่ zero-day ที่เจ้า Pegasus ใช้งานนั้นถูกผู้พัฒนาค้นพบและออกอัปเดทป้องกันความปลอดภัยดังกล่าวไปแล้ว(ที่สำคัญมันยังถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการติดตั้งบนเครื่องผู้ใช้ได้เพียงแค่มีการโทรเข้าหาเครื่องดังกล่าวเท่านั้น จะรับหรือไม่รับมันก็สามารถที่จะติดตั้งได้ด้วยเช่นเดียวกัน)

สำหรับประเทศที่มีการเผยออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่ามีผู้ถูกเจ้า Pegasus จู่โจมอย่างแน่นอนจะมีรายชื่อดังต่อไปนี้(เรียงตามตัวอีกษร)

  1. Armenia
  2. Azerbaijan
  3. Bahrain
  4. Djibouti
  5. Egypt
  6. El Salvador
  7. Estonia
  8. Finland
  9. France
  10. Germany
  11. Hungary
  12. India
  13. Iraq
  14. Israel
  15. Jordan
  16. Kazakhstan
  17. Mexico
  18. Morocco
  19. Netherlands
  20. Panama
  21. Palestine
  22. Poland
  23. Rwanda
  24. Saudi Arabia
  25. South Africa
  26. Spain
  27. Thailand
  28. Togo
  29. Uganda
  30. Ukraine
  31. United Arab Emirates
  32. United Kingdom
  33. United States
  34. Yemen

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าประเทศทั้ง 34 ประเทศดังกล่าวนี้จะมีรายงานว่ามีผู้ถูกเจ้า Pegasus เล่นงานแล้วนั้น ทว่าทางรัฐบาลต่างๆ ของประเทศเหล่านี้ก็ยังคงปฏิเสธเรื่องการใช้งาน Pegasus ฝนการเล่นงานผู้ที่กล่าวหา โดย ณ ปัจจุบันนี้มีการฟ้องร้องกันมากขึ้นในหลายๆ ประเทศนำโดยนักสิทธิมนุษยชน, นักข่าวและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเทศนั้นๆ 

นอกไปจากนั้นแล้วยังไม่การฟ้องร้องใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นจากเจ้าของแอปพลิเคชันที่ถูกเกล่าหาว่าเป็นช่องทางในการติดตั้งเจ้า Pegasus เองอย่าง Meta ผู้เป็นเจ้าของแอปพลิเคชันการติดต่อสื่อสารชื่อดังอย่าง WhatsApp ในปี 2019 ที่ทำการฟ้องร้องบริษัท NSO Group โดยตรง(แต่อย่างที่บอกว่าทาง NSO Group เองก็ฉลาดคือในหลายๆ การฟ้องร้องก็ได้มีความพยายามในการนำตัวเองจากผู้ที่โดนฟ้องไปเป็นพยานที่ช่วยในการสืบสวนแทน)


การป้องกัน Pegasus

blog your security questions answered

หากท่านติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าเจ้า Pegasus ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานโดยรัฐบาลของประเทศต่อเป้าหมายที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของประเทศนั้นๆ ทว่ามันก็ไม่ได้หมายความว่าตัวของท่านที่เป็นผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ถูกเจ้า Pegasus เล่นงานเอาได้(และไม่แน่ว่าอุปกรณ์ของคุณอาจจะมีเจ้า Pegasus ติดตั้งอยู่แล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป)

ทว่าจากวิธีการที่เจ้า Pegasus จะเล่นงานเราได้นั้นมันมีคีย์เวิร์ดหนึ่งที่เราได้รู้นั่นก็คือ zero-day attack หรือการโจมตีผ่านทางช่องโหว่ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบซึ่งช่องโหว่ดังกล่าวนี้นั้นหลังจากที่เจ้า Pegasus เริ่มมีชื่อเสียงออกมาทางบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการณ์และเจ้าของแอปพลิเคชันการติดต่อสื่อสารก็ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้นในการค้นหาช่องโหว่ zero-day ให้ได้ก่อนที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจะค้นพบอย่างเช่น Apple เองก็มีการเปิด Apple’s bug-bounty program ให้บรรดานักพัฒนาช่วยกันหาช่องโหว่ของระบบโดยช่องโหว่ที่เป็นจุดสำคัญและหาพบยากๆ นั้นสามารถที่จะทำเงินจาก Apple ได้มากถึง $200,000 เลยทีเดียว(แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ถือว่าเป็นเงินที่น้อยนิดหากพิจารณาจากงบการเงินที่ทาง Apple ใช้ในการซื้อโค๊ดช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการณ์ของตัวเองจากตลาดมืด) 

เมื่อทางผู้พัฒนาต้นพบช่องโหว่ของแอปพลิเคชันตัวเองหรือระบบปฏิบัติการณ์ของตัวเองแล้วนั้น โดยทั่วไปหากเป็นช่องโหว่ที่มีความสำคัญมากๆ ก็จะมีการปล่อยอัปเดทความปลอดภัยของแอปพลิเคชันออกมาอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นวิธีที่เราๆ ท่านๆ จะสามารถระวังเจ้า Pegasus ได้ดีที่สุดนั่นก็คือการหมั่นอัปเดทแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการณ์ของอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ ไม่คลิกเข้าลิงค์ที่ส่งมาจากบุคคลที่ไม่รู้จักหรือเบอร์แปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความปกติหรือข้อความที่ถูกส่งผ่านมาทางแอปพลิเคชันติดต่อสื่อสารต่างๆ นอกไปจากนั้นการเปิดการเข้าสู่ระบบแบบ 2 ช่องทางหรือ two-factor authentication ก็ยังเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถจะช่วยให้คุณปลอดภัยได้มากขึ้น

แต่ก็อย่างที่บอกว่าด้วยการที่เจ้า Pegasus ใช้ช่อง zero-day ทำให้การป้องกันจากทางผู้ใช้เองนั้นทำได้ค่อนข้างยากเพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วชีวิตประจำวันนี้หากจะไม่ถูกเจ้า zero-day โจมตีเลยคุณมีหนทางเดียวเท่านั้นคือกลับไปใช้ฟีเจอร์โฟนที่ไม่สามารถออนไลน์ได้แบบในอดีต หรือไม่ก็ต้องใช้ชีวิตแบบตัดโลกออนไลน์ไปกันเลยทีเดียวซึ่งนี่ถือว่าน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับการใช้ชีวิตในยุค 2022 นี้

สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของท่านมีเจ้า Pegasus ติดตั้งอยู่แล้วไหมนั้น ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ตรวจสอบของทาง Amnesty International ปล่อยออกมาแล้วในรูปแบบของ open-source ชื่อ MVT (Mobile Verification Toolkit) โดยการทำงานของมันนั้นจะตรวจสอบข้อมูลไฟล์บนอุปกรณ์ของท่านทั้งหมด อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ดังกล่าวนี้นั้นยังใช้งานค่อนข้างยากอยู่แต่ทว่าหลายๆ บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำก็ได้มีการตอบรับนำเอาโค๊ดดังกล่าวไปพัฒนาต่อแล้ว

ที่มา : cnet, wikipedia, bitdefender

 

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Notebook News

คณะกรรมาธิการกรมค้าของรัฐบาลกลางได้เผยคำตัดสิน หลัง Lenovo จำหน่ายแล็ปท็อปจำนวนกว่า 750,000 เครื่อง ที่ได้ติดตั้งมาพร้อมกับสปายแวร์และแอดแวร์อย่างไม่ถูกต้อง ทำให้โดนเรียกเก็บค่าปรับรวม 3.5 ล้านเหรียญฯ จากบริษัท

Tips & Tricks

นอกจากเรื่องของไวรัสแล้ว ปัญหาเรื่องของภัยคุกคามอย่าง Spyware ก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นภัยที่อาจทำให้สูญเสียข้อมูลสำคัญหรือความลับต่างๆ รั่วไหลได้

SOFTWARE

Spyware เป็นภัยคุกคามอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้ออกอาการอย่างรุนแรงที่มุ่งร้ายต่อคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเหมือนอย่างไวรัสทั่วๆ ไป Anti-Spyware เป็นทางออกในการแก้ไข

Tips & Tricks

หลายคนมีโอกาสพบกับความเสี่ยงอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของภัยคุกคามประเภทต่างๆ เนื่องจากการเข้าเว็บไซต์บางแห่งี่มีความเสี่ยงหรือการต่อพ่วงอุปกรณ์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก