Connect with us

Hi, what are you looking for?

Accessories review

Review – SteelSeries Rival 650 Wireless เม้าส์เกมมิ่ง RGB ไร้สายขั้นเทพ พร้อมระบบปรับถ่วงน้ำหนักได้ดังใจ

SteelSeries Rival 650 Wireless ถือเป็นเม้าส์ในซีรีส์ Rival ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมตัวจริง ซึ่งจะมองว่าเป็นคู่แฝดกับรุ่น Rival 600 ก็ว่าได้

หากพูดถึงเม้าส์เกมมิ่งที่มีขายอยู่ในตลาด เกือบทั้งหมดมักจะเป็นเม้าส์มีสายกันซะหมด เนื่องจากเทคโนโลยีของการเชื่อมต่อไร้สาย แม้ว่าปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาแล้วก็ตาม แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มักจะมองหาเม้าส์เกมมิ่งแบบมีสายกันซะมากกว่า แต่สำหรับเม้าส์ที่ NotebookSPEC เราจับมารีวิวในครั้งนี้ บอกได้เลยว่าเป็นเม้าส์เกมมิ่งแบบไร้สายที่ยอดเยี่ยมรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเม้าส์ตัวนี้ก็คือ SteelSeries Rival 650 Wireless นั่นเองครับ

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 1

Advertisement

โดย SteelSeries Rival 650 Wireless ถือเป็นเม้าส์ในซีรีส์ Rival ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมตัวจริง ซึ่งจะมองว่าเป็นคู่แฝดกับรุ่น Rival 600 ก็ว่าได้ แต่ส่วนของ Rival 650 จะมีคำว่า Wireless ซึ่งหมายถึงความสามารถในการใช้งานแบบไร้สายพ่วงท้ายมาด้วยนั่นเอง โดยหน้ากล่องก็จะมีการระบุฟีเจอร์เด็ดด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่

  • การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่คลื่น 2.4 GHz แบบไร้อาการแล็ก พร้อมความสามารถในการชาร์จไฟได้เร็ว
  • เซ็นเซอร์จับตำแหน่งแบบจุดต่อจุดที่แม่นยำยิ่งกว่าเดิม
  • ฟีเจอร์ตรวจจับการยกเม้าส์ของผู้ใช้
  • รองรับการถ่วงน้ำหนักได้ตามต้องการ

ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหลายนี้ เรียกว่าทำออกมาเพื่อคอเกมที่กำลังมองหาเม้าส์ไร้สายเลยก็ว่าได้

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 2

แง่ของสเปค SteelSeries Rival 650 Wireless ก็มีคร่าว ๆ ตามนี้เลย

  • ตัวเม้าส์ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์สำหรับการใช้งานด้วยมือขวา
  • มีปุ่มกดรวมทั้งหมด 7 ปุ่ม
  • มีไฟ RGB แยกออกเป็น 8 โซน สามารถปรับแต่งสีได้อิสระ
  • ปุ่มคลิกซ้าย/ขวาใช้สวิตช์ของ SteelSeries เอง รองรับการใช้งานราว 60 ล้านคลิก
  • เซ็นเซอร์จับตำแหน่ง 2 แบบ (Dual Sensor) ทำงานประสานกัน
    1. เซ็นเซอร์ TrueMove 3+ Optical Gaming
    2. เซ็นเซอร์จับระยะห่าง (Depth Sensing Linear Optical)
  • สามารถยกเม้าส์ขึ้นจากพื้นได้ 0.5 – 2 mm. โดยเคอร์เซอร์ไม่ขยับ
  • รองรับการตั้งค่า CPI ได้ตั้งแต่ 100 จนถึง 12000 (ปรับได้ตามสเต็ปละ 100 CPI)
  • ค่า IPS อยู่ที่ 350+ เมื่อใช้กับแผ่นรองเม้าส์ในลักษณะเดียวกับรุ่น QcK+ ของ SteelSeries เอง
  • ค่า polling rate ต่ำสุดที่ 125 Hz และสูงสุดที่ 1000 Hz (1 ms)
  • ค่า Acceleration อยู่ที่ 50G
  • น้ำหนักเม้าส์เปล่า 121 กรัม (153 กรัม เมื่อถ่วงน้ำหนักสูงสุด)
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ราว 1 วัน หรือมากกว่า
  • ราคา 4,290 บาท

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง ก็ตามภาพด้านล่างนี้เลย

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 5

  • ชุดเหล็กถ่วงน้ำหนัก 8 ก้อน แต่ละก้อนมีน้ำหนัก 4 กรัม
  • สาย Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ของเม้าส์ รวมถึงสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นเม้าส์มีสายได้ด้วย
  • ตัวช่วยเสริมความยาวให้กับพอร์ต USB (หัวด้านหนึ่งเป็น Micro USB อีกด้านเป็น USB)
  • ตัวรับส่งสัญญาณไร้สายแบบ USB

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 9

ทีนี้มาดูรูปร่างหน้าตาของ SteelSeries Rival 650 Wireless กันบ้างครับ โดยรูปทรงของตัวเมาส์ก็ได้รับการออกแบบมาให้รองรับกับมือขวาได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการจับเม้าส์แบบ palm และ claw ส่วนวัสดุก็เป็นพลาสติกตามปกติ เคลือบผิวแบบซอฟท์ทัช โดยตรงโลโก้ SteelSeries ภายในก็จะมีไฟ RGB ซึ่งสามารถตั้งค่ารูปแบบของสีไฟได้จากโปรแกรม SteelSeries Engine 3

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 10

ฝั่งด้านบนของตัวเมาส์ก็จะมีด้วยกัน 4 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มคลิกซ้าย คลิกขวา ปุ่มคลิกกลางที่อยู่ตรงวงล้อ และก็ปุ่มกลาง (ปุ่ม 7) ที่ถูกตั้งมาไว้สำหรับเป็นปุ่มสลับค่า CPI แบบ on-the-fly แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการทำงานของแต่ละปุ่มได้อย่างอิสระ รวมถึงยังสามารถตั้งมาโครแต่ละปุ่มได้อีกด้วย

การออกแบบส่วนบนของ SteelSeries Rival 650 Wireless ทำออกมาได้ดี ผมสามารถใช้งานนาน ๆ ได้แบบไม่เมื่อยมือเท่าไหร่ เนื่องจากความโค้งของตัวเม้าส์ โดยส่วนของครึ่งที่เยื้องไปทางโลโก้ SteelSeries จะป่องมากกว่าส่วนที่เยื้องไปทางปุ่มกดฝั่งหน้าเล็กน้อย รูปร่างของปุ่มคลิกซ้าย/ขวาที่ถูกออกแบบให้เป็นแอ่งลงไป ซึ่งรองรับนิ้วชี้กับนิ้วกลางได้เป็นอย่างดี

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 11

ฝั่งซ้ายของ SteelSeries Rival 650 Wireless ก็จะมีปุ่มควบคุมอยู่อีก 3 ปุ่ม ตำแหน่งของ 2 ปุ่มด้านบนจัดว่าอยู่ในระดับที่พอดี ๆ แต่ปุ่มหน้าสุด อาจจะต้องอาศัยการขยับนิ้วหัวแม่มือขึ้นไปเล็กน้อย จึงจะสามารถกดได้ถนัดมือยิ่งขึ้น ส่วนแถบสีดำใกล้ ๆ กันนั้นก็เป็นแถบยางที่ช่วยให้กระชับมือในการจับเม้าส์มากยิ่งขึ้น

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 12

ส่วนฝั่งขวาก็จะมีแถบยางเป็นกริปด้านข้างด้วยเช่นกัน ช่วยในการพักปลายนิ้วนางและนิ้วก้อยได้ดีมาก

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 15

ช่อง Micro USB สำหรับชาร์จแบตในตัวเม้าส์จะถูกซ่อนอยู่ในช่องนี้อีกทีครับ โดยตามทฤษฎีแล้ว ผู้ใช้สามารถนำสาย Micro USB ปกติมาชาร์จได้สบาย ๆ แต่จากที่ผมลองหาสายอื่นมาใช้ ปรากฏว่าสายมันเสียบเข้าไปได้ไม่สุด เนื่องจากตัวขั้วจับของสายมันใหญ่กว่าช่องด้านนอกเล็กน้อย เลยส่งผลให้ไม่สามารถเสียบหัว Micro USB เข้าไปจนสุดได้ครับ แต่พอลองเปลี่ยนไปใช้สายที่แถมมาในกล่อง ผลคือสามารถเสียบชาร์จได้แบบไม่มีปัญหาใด ๆ แนะนำว่าหากจะนำสายอื่นมาใช้ ก็อาจจะค่อย ๆ ลองเสียบเข้าไปก่อน ถ้ามันแน่นเกินไป คาดว่าเปลี่ยนสายจะดีกว่าครับ ไม่งั้นเดี๋ยวเสียราคาหมด

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 14

พลิกมาดูด้านล่างของ SteelSeries Rival 650 Wireless กันบ้าง โดยจะมีฟีตรองด้วยกัน 3 ตำแหน่งตามปกติ มีช่องให้สามารถแงะออกมาได้ (แต่ในกล่องไม่มีฟีตสำรองมาให้นะ) ส่วนตรงกลางก็มีอุปกรณ์ที่สำคัญ ๆ ดังนี้

  • ช่องสีดำด้านบนสุด : เซ็นเซอร์วัดระยะห่าง
  • ช่องใหญ่ตรงกลาง : เซ็นเซอร์วัดตำแหน่ง TrueMove 3+
  • ปุ่ม Connect ไว้สำหรับกดเพื่อเชื่อมต่อเม้าส์เข้ากับตัวรับสัญญาณแบบไร้สาย ในกรณีที่จะตั้งค่าการเชื่อมต่อใหม่
  • สวิตช์เปิด/ปิดเม้าส์

ซึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่สุดก็คือเซ็นเซอร์วัดระยะห่างนี่แหละครับ เนื่องจากหาได้ยากมากที่มันจะมาอยู่ในเม้าส์ระดับผู้ใช้งานทั่วไป สำหรับหน้าที่ของมันก็คือใช้วัดระยะห่างของเม้าส์กับพื้นหรือแผ่นรองเม้าส์ เพื่อลดการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของผู้ใช้ ในกรณีที่ผู้ใช้ยกเม้าส์ขึ้นเพื่อขยับตำแหน่งเม้าส์ให้ถนัดมือยิ่งขึ้น

ถ้าจะให้มองเห็นภาพมากขึ้น ก็ให้นึกถึงเวลาเล่นเกมแนว FPS ที่บางครั้งต้องมีการยกเม้าส์ขึ้นเพื่อปรับตำแหน่งมือครับ หากเป็นเม้าส์ปกติ เวลาผู้ใช้ยกเม้าส์ขึ้น เคอร์เซอร์มักจะมีการขยับตำแหน่งไปด้วยแบบที่ผู้ใช้ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเจ้าเซ็นเซอร์วัดระยะมันจะมาช่วยลดปัญหาตรงนี้ลง โดยชื่อฟีเจอร์นี้ก็คือ Liftoff นั่นเองครับ ลองรับชมวิดีโอจากทาง SteelSeries ที่เทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างเม้าส์ปกติ กับเม้าส์รุ่น Rival 600 ที่มีฟีเจอร์ Liftoff ซึ่งตำแหน่งของเคอร์เซอร์จะค่อนข้างนิ่งกว่า

โดยฟีเจอร์ Liftoff นี้ หากปล่อยให้ตัวเม้าส์ตรวจสอบระยะเองอัตโนมัติ อาจจแม่นยำแค่ในระดับหนึ่ง เนื่องจากผิวสัมผัสของพื้นหรือแผ่นรองเม้าส์นั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการสะท้อนแสง การวัดระยะของตัวเซ็นเซอร์ได้ ดังนั้น SteelSeries Rival 650 Wireless จึงมาพร้อมกับฟังก์ชันในการ calibrate เซ็นเซอร์ที่ผู้ใช้สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่ม 7 ค้างไว้ 2 วินาที ซึ่งไฟ RGB บนตัวเม้าส์จะกระพริบเป็นสีขาว 3 ครั้งในระหว่างการ calibrate ครับ

จากที่ผมทดสอบฟังก์ชัน Liftoff พบว่ามันมีประโยชน์ใช้ได้เลย

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 8

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 7

ทีนี้มาต่อกันที่เรื่องการถ่วงน้ำหนักตัวเม้าส์ SteelSeries Rival 650 Wireless กันครับ โดยส่วนของฝาปิดทั้งฝั่งซ้ายและขวาสามารถดึงออกมาได้ เนื่องจากมันใช้การล็อกด้วยแรงดึงดูดของแม่เหล็กซึ่งแน่นหนาพอสมควร แต่ก็ไม่ยากสำหรับการดึงออกมา ซึ่งทั้งสองฝั่งจะมีเบ้าให้ใส่เหล็กถ่วงน้ำหนักได้ข้างละ 4 ช่องครับ ก็เลือกใส่ได้ตามถนัดเลย

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 20

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 18

ความรู้สึกในการใช้งาน SteelSeries Rival 650 Wireless เท่าที่ผมได้ทดสอบมา โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว ทั้งในแง่ของการออกแบบที่ทำออกมาพอดีมือ สามารถถ่วงน้ำหนักได้ตามต้องการ ไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้ดั่งใจ ความแม่นยำของเซ็นเซอร์ ฟังก์ชันเสริมที่ช่วยในการใช้งาน ส่วนแบตเตอรี่ ถ้านับรวมเวลาจริง ๆ ก็น่าจะได้ประมาณ 24 ชั่วโมงตามสเปคครับ ดีที่ SteelSeries Rival 650 Wireless มีระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็สามารถชาร์จจนใช้งานเม้าส์ต่อได้มากกว่า 10 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม มันยังมีจุดที่นับว่าเป็นข้อจำกัดของเม้าส์ไร้สายอยู่บ้างเหมือนกัน นั่นก็คือหากไม่มีการใช้งานเม้าส์เป็นช่วงระยะหนึ่ง ตัวเม้าส์จะ sleep เพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งถ้าจะใช้งานต่อ ผู้ใช้ไม่สามารถลากเม้าส์เพื่อขยับเคอร์เซอร์ต่อได้ทันที แต่จะต้องกดปุ่มใดปุ่มหนึ่งก่อนเสมอครับ

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 26

อีกสิ่งที่จะช่วยให้ SteelSeries Rival 650 Wireless ทำงานได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็คือซอฟต์แวร์ SteelSeries Engine 3 ครับ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งบน Windows และ macOS เลย ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ SteelSeries เมื่อติดตั้งแล้ว ตัวโปรแกรมก็จะตรวจหาอุปกรณ์ของ SteelSeries ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่องในขณะนั้นทันที

Screen Shot 2018 10 15 at 7.49.06 PM

หน้าแรกของโปรแกรมก็จะคือแท็บ My Gear ซึ่งเป็นรายการรวมอุปกรณ์ที่เรามีอยู่ และเคยมีการเชื่อมต่อกับโปรแกรม Engine 3 มาแล้ว โดยเมนูการตั้งค่าการทำงานต่าง ๆ ก็จะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์แต่ละชิ้นครับ หากต้องการเข้าไปตั้งค่า ก็เพียงแค่คลิกบนแถบของอุปกรณ์ที่ต้องการ

Screen Shot 2018 10 15 at 7.49.57 PM

สำหรับ SteelSeries Rival 650 Wireless ก็จะมีการตั้งค่าอยู่สองส่วนหลัก ๆ ได้แก่การตั้งค่าทั่วไป เช่น หน้าที่ของปุ่มกด อีกส่วนหนึ่งก็คือการตั้งค่ารูปแบบการแสดงผลของไฟ RGB บนตัวเม้าส์ทั้ง 8 โซน อย่างในภาพด้านบน ฝั่งซ้ายของหน้าจอโปรแกรมก็จะเป็นการตั้งค่าการทำงานของทั้ง 7 ปุ่ม รวมถึงผู้ใช้ยังสามารถปรับการทำงานของการหมุนวงล้อขึ้นและลงได้ด้วย ซึ่งผู้ใช้งานก็สามารถปรับได้ตามถนัดเลย อย่างตัวผมเองคาดว่าน่าจะไม่ค่อยได้ใช้ปุ่ม B6 (ปุ่มตรงสุดหัวแม่มือขวา) ผมก็เลยปิดการทำงานไปซะ นอกจากนี้ แต่ละปุ่มยังสามารถตั้งค่ามาโครได้อย่างอิสระอีกด้วย

ส่วนฝั่งขวาของหน้าจอโปรแกรมก็จะเป็นการตั้งค่าอื่น ๆ ได้แก่ การตั้งค่า CPI ที่สามารถเลือกไว้ได้ 2 ค่า สำหรับการสลับค่าแบบ on-the-fly ระหว่างการใช้งาน ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาเปิดโปรแกรมเพื่อสลับค่า CPI โดยค่าต่ำสุดที่สามารถตั้งได้ก็คือ 100 ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตั้งค่าได้ตามอิสระ (สเต็ปละ 100 CPI) ไปจนสูงสุดที่ 12000

ถัดลงมาก็เป็นเมนูการตั้งเวลาสลีปสำหรับตัวเม้าส์เอง ในกรณีที่ไม่ได้มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถตั้งได้เร็วสุดที่ 1 นาที ไปจนสูงสุดที่ 20 นาที

Screen Shot 2018 10 15 at 7.51.31 PM

Screen Shot 2018 10 15 at 7.52.28 PM

ภาพชุดด้านบนนี้ก็เป็นหน้าจอโปรแกรม Engine 3 ที่ใช้สำหรับตั้งค่าและบันทึกมาโครครับ เรียกว่าสามารถบันทึกและเพิ่มเป็นชุด ๆ ได้สบาย รวมถึงยังสามารถตั้งค่าการหน่วงเวลา ตั้งค่าให้ทำงานซ้ำ ๆ รวมถึงตั้งเงื่อนไขให้ทำงานก็ต่อเมื่อกดปุ่มอื่นประกอบด้วยเพื่อป้องกันมาโครลั่นก็ได้เช่นกัน

Screen Shot 2018 10 15 at 7.54.42 PM

แท็บ Illumination ก็เป็นแท็บที่ใช้สำหรับตั้งค่าไฟ RGB ครับ อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า SteelSeries Rival 650 Wireless มีการแบ่งไฟ RGB ออกเป็น 8 โซนให้สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ ซึ่งเมื่อเข้ามาที่แท็บ Illumination ก็จะเห็นภาพตัวเม้าส์โดยมีกรอบเส้นประตีทับอยู่ ซึ่งมันก็คือการแบ่งโซนของไฟ RGB นั่นเอง หากต้องการปรับสีไฟที่โซนไหน ก็ให้คลิกที่โซนนั้น แล้วมาปรับจากแผงเมนูด้านซ้ายได้เลย ซึ่งรูปแบบของไฟ RGB ก็สามารถปรับได้หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟนิ่ง ไฟกระพริบ ไฟแบบไล่สี ไฟวิ่งตามเส้น ไฟที่จะกระพริบเมื่อผู้ใช้คลิกปุ่มบนเม้าส์ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละรูปแบบก็จะมีการตั้งค่าย่อยบางส่วนที่แตกต่างกันไป เช่น ไฟกระพริบก็สามารถตั้งค่าความถี่การกระพริบได้ ทำให้การตั้งรูปแบบการแสดงผลของไฟ RGB กลายเป็นอีกสิ่งที่ช่วยสร้างความสนุก และเป็นพื้นที่ในการปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ของผู้ใช้ได้อีกทาง

ซึ่งรูปแบบการตั้งค่าต่าง ๆ ก็สามารถบันทึกเป็นโปรไฟล์เอาไว้ได้ด้วยครับ โดยข้อมูลการตั้งค่าทั้งหมดจะถูกบันทึกบนหน่วยความจำที่อยู่ภายใน SteelSeries Rival 650 Wireless ด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกค่าไว้ล่วงหน้า แล้วนำการตั้งค่าทั้งหมดไปใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ทันที เหมาะกับนักกีฬาอีสปอร์ตที่เข้าร่วมการแข่งขันแบบที่อนุญาตให้ผู้เล่นนำอุปกรณ์มาเองได้มาก ๆ

Screen Shot 2018 10 15 at 8.08.37 PM

ย้อนกลับมาที่หน้าจอหลักของโปรแกรม Engine 3 หน่อยครับ แท็บที่สองของโปรแกรมก็คือ Engine Apps ที่เป็นแหล่งรวมแอปเสริมที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของ SteelSeries ได้ โดยจะเป็นการเสริมฟีเจอร์พิเศษเข้าไป อย่างในภาพด้านบนก็จะมีโปรแกรม Discord อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งผู้ใช้จะได้ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้งานทั่วไป เช่น effect ของการแจ้งเตือนแบบพิเศษ เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงแอปที่จะช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานให้กับอุปกรณ์ของ SteelSeries เอง ก็ต้องเป็นแอปที่มีชื่อว่า PrismSync ครับ

Screen Shot 2018 10 15 at 8.10.42 PM

หน้าที่ของ PrismSync ก็คือใช้ในการซิงค์การตั้งค่าของไฟ RGB ในแต่ละอุปกรณ์ให้ตรงกัน เช่น โปรไฟล์การตั้งค่าสีและการแสดงผล ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ไม่ต้องมานั่งตั้งค่าไฟ RGB ของแต่ละอุปกรณ์ ที่นอกจากจะเสียเวลาแล้ว สีที่ออกมาก็อาจจะไม่ตรงกัน 100% ด้วย ซึ่งเจ้า PrismSync จะเข้ามาช่วยตรงนี้ เพียงแค่คลิกเพื่อเปิดการทำงานของ PrismSync ตรงไอคอนสวิตช์ของแต่ละอุปกรณ์เท่านั้น ตัวโปรแกรมก็จะปรับค่าให้ทันที เหมาะสำหรับสาวก SteelSeries ที่ต้องการให้ไฟ RGB ของอุปกรณ์แต่ละชิ้นบนโต๊ะออกมาเป็นรูปแบบเดียวกัน

Screen Shot 2018 10 15 at 8.13.38 PM

แท็บสุดท้ายของหน้าหลักโปรแกรม Engine 3 ก็คือ Library ที่ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มเกมหรือโปรแกรมเข้ามาในรายการ แล้วจับคู่กับโปรไฟล์การตั้งค่าของอุปกรณ์ที่ตั้งค่าไว้ เพื่อให้ระบบจัดการปรับเปลี่ยนโปรไฟล์ให้อัตโนมัติเมื่อเราเปิดโปรแกรมดังกล่าวขึ้นมา เช่น ใน Dota 2 ผมตั้งค่าให้เม้าส์ใช้งานร่วมกับโปรไฟล์ 1 ส่วนคีย์บอร์ดก็ใช้โปรไฟล์ default ซึ่งถ้าผมเปิด Dota 2 ขึ้นมา ระบบก็จะปรับโปรไฟล์ของทั้งสองอุปกรณ์ไปตามนี้โดยอัตโนมัติ พอปิดเกม Dota 2 โปรไฟล์ต่าง ๆ ก็จะปรับกลับมาเป็นแบบเดิมให้เอง

Review Steelseries Rival 650 Wireless NotebookSpec 22

SteelSeries Rival 650 Wireless นับเป็นเม้าส์เกมมิ่งแบบไร้สายที่ได้รับการออกแบบทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเกมเมอร์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นระบบเซ็นเซอร์แบบคู่ที่โดดเด่นทั้งความแม่นยำ และความสะดวกในการใช้งาน ความสามารถในการถ่วงน้ำหนักได้ดั่งใจ ปุ่มกดที่มีให้ครบครัน รองรับการปรับแต่งได้อย่างอิสระ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฟีเจอร์ที่เหมาะกับสายผู้เล่นอีสปอร์ตมาก ๆ รวมถึงด้านที่เป็นสีสันอย่างไฟ RGB ที่แบ่งให้ปรับได้ถึง 8 โซน ก็ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการใช้งานขึ้นได้อีกระดับ รวม ๆ แล้ว SteelSeries Rival 650 Wireless จัดเป็นเม้าส์เกมมิ่งที่ครบเครื่องรุ่นหนึ่งในขณะนี้เลยก็ว่าได้

 

ข้อดี

  • รูปทรงจับถนัดมือ สามารถปรับถ่วงน้ำหนักได้
  • ปุ่มกดมีถึง 7 ปุ่ม สามารถตั้งค่าการทำงานได้อิสระ
  • ไฟ RGB แบ่งออกเป็น 8 โซน รองรับการปรับแต่งและบันทึกได้ตามต้องการ
  • ตอบสนองการสั่งงานได้เร็ว แม่นยำ รวมถึงยังมีฟีเจอร์ Liftoff ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง
  • ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ภายในตัวเม้าส์ได้เร็ว

ข้อสังเกต

  • เป็นเม้าส์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานด้วยมือขวาเท่านั้น
  • หากเม้าส์สลีปตัวเองไปแล้ว ผู้ใช้จะต้องกดปุ่มใดก็ได้บนเม้าส์ก่อน จึงจะสามารถใช้งานต่อได้
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ประมาณ 24 ชั่วโมง
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

PR-News

อาร์ทีบีฯ จับมือ SteelSeries เปิดตัวลำโพง ARENA 3 และต้อนรับการกลับมาของหูฟัง ARCTIS 7+ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษเอาใจคอเกมในงาน COMMART COMTECH  ระหว่างวันที่ 7-10 มีนาคม 2567 ณ ไบเทค บางนา บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า...

รีวิว MSI

MSI Titan 18 HX A14V สุดยอดเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2024 ถ้าใครติดตามเรื่องคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คมาย่อมคุ้นหูรู้จักชื่อชั้นของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงซีรี่ส์ MSI Titan ซึ่งปัจจุบันเป็นรหัส MSI Titan 18 HX A14V แน่นอนว่านี่คือสุดยอดเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่เป็นความภาคภูมิใจของทางบริษัท คงมาตรฐานฟีเจอร์เยอะครบเครื่องแล้วเติมของเล่นใหม่ๆ มาให้เจ้าของได้ใช้หลากหลายอย่าง เริ่มจากตอบรับปี 2024 ด้วย Generative AI...

PC Review

DarkFlash DS900 Air เคสคอมเย็นฉ่ำ โชว์ภายในได้ทุกอย่าง สวยอัพเกรดง่าย จ่ายเบาๆ DarkFlash DS900 Air เคสคอมสำหรับคอเกมและผู้ที่ชอบแต่งคอม ดีไซน์สวย เน้นการระบายลมได้ดี ติดตั้งพัดลมได้เยอะ โชว์ฮาร์ดแวร์ภายในได้เต็มที่กับกระจกเทมเปอร์ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง กับโทนสีขาวภายในตลอดทั้งบอดี้ มีฟังก์ชั่นสำหรับไฟ RGB กับพื้นที่ภายในกว้างขวาง เหมาะกับคนที่ใช้อุปกรณ์จำนวนมาก ทั้งชุดน้ำ และ Liquid Cooling...

CONTENT

มาดูวิธีการปรับค่า DPI ของเมาส์แบบละเอียดยิ่งกว่าที่เราจะสามารถทำการปรับบนตัวเมาส์ที่กำหนดเป็นค่าเฉพาะที่เมาส์บังคับไว้บน Windows 11 กัน เป็นเรื่องปกติที่แต่ละท่านนั้นจะมี “จุด DPI ของเมาส์ที่ถนัดมากที่สุด” สำหรับความไวของเมาส์ในการเฉพาะของแต่ละท่าน หากความไวนั้นเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยคุณจะสังเกตเห็นได้ในทันที เพื่อให้ได้ความไวที่สมบูรณ์แบบ คุณอาจต้องเปลี่ยนการตั้งค่า DPI ของเมาส์เมื่อสลับระหว่างเมาส์และเมื่อใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ข่าวดีก็คือการเปลี่ยน DPI ของเมาส์นั้นง่ายมากใน Windows 11 อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถเลือกค่า DPI...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก