แม้สิ่งที่เรียกว่า Virtual Reality จะมีมาก่อนหน้านี้มานานแต่ปีใน 2016 นี้ถือว่าเป็นปีแห่งเทคโนโลยี Virtual Reality ที่แท้จริงเนื่องจากในปีนี้มีการวางจำหน่ายแว่นเสมือนจริงอย่างเป็นทางการโดยเฉพาะสองค่ายพัฒนาหลักอย่าง Oculus และ Valve-HTC ที่ได้เปิดราคาและหน้าตาสินค้าในเวอร์ชั่นผู้ใช้งานออกมาแล้วพร้อมเปิดให้สั่งจองกันเรียบร้อย ดังนั้นในตอนนี้สิ่งที่ต้องทำสำหรับผู้ที่สนใจก็คือการเตรียมตัวจัดห้องเพื่อรองรับแว่น VR เพราะการใช้งานของมันจำเป็นต้องใช้พื้นที่จำนวนหนึ่งและรวมไปถึงสเปคคอมพิวเตอร์ด้วยว่ารองรับกับตัวแว่นได้หรือไม่ซึ่งเราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้กันครับ
การเตรียมตัวเพื่อเล่นเกมกับแว่น VR มีการเตรียมตัวหลัก ๆ อยู่ 2 อย่างคือเตรียมตัวจัดห้องและเตรียมตัวจัดสเปคคอมพิวเตอร์โดยจะมุ่งเน้นที่แว่น VR 2 เจ้าอันได้แก่ Oculus Rift แลพ HTC Vive ดังต่อไปนี้ครับ
จัดห้องสำหรับแว่น Oculus Rift
เริ่มกันด้วยแว่นจาก Oculus การจัดห้องนั้นถ้าหากเล่นในห้องนอนอาจจะต้องเคลียร์พื้นที่ให้กว้างสักหน่อยประมาณ 1×1.5 เมตรซึ่งระยะนี้จะทำให้แว่นกับตัวเซ็นเซอร์ตอบสนองตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดีที่สุดและที่สำคัญภายในห้องควรจะเน้นความโล่ง พวกโต๊ะหรือเก้าอี้ควรจะเก็บไว้ห่าง ๆ รวมไปถึงสายไฟควรจะจัดเก็บให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการลื่นและคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยครับ
ส่วนตัวเซ็นเซอร์ก็ควรจะวางอยู่ในระดับศรีษะของผู้ใช้ซึ่งตรงนี้ถ้าหากมีชั้นวางหนังสือหรือโต๊ะก็ควรนำตัวเซ็นเซอร์ไปวางไว้จะได้ผลดีกว่าตั้งบนพื้นและควรห่างจากตัวประมาณ 3 ฟุตครับ อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยควรจะมีพรมหรือแผ่นรองกันลื่นวางไว้ตรงกลางห้องด้วยซึ่งจะทำให้เท้ายึดเกาะติดกับพื้นได้ดีขึ้นกว่าการยืนบนพื้นธรรมดาครับ ส่วนใครที่อยากจะนั่งแล้วสวมแว่น VR ไปด้วยก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเล่นไม่ได้โดยจากคำแนะนำของ PCGAMER ได้บอกว่าควรใช้เก้าอี้สำนักงานประเภทหมุนรอบตัวมากกว่าเพราะว่าเวลานั่งแล้วภายในเกมมีการเคลื่อนไหวจะได้หมุนได้โดยไม่ต้องหันคอ
จัดห้องสำหรับแว่น HTC Vive
มาในส่วนของแว่น HTC Vive บ้างก็จะมีการจัดห้องคล้ายคลึงกับ Oculus Rift แต่จะต่างกันตรงที่ขนาดพื้นที่ควรจะเป็นพื้นที่โล่งประมาณ 4×3 เมตรอาจจะใช้เป็นห้องรับแขกก็ได้แต่ต้องเคลียร์พวกเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ให้เรียบร้อยจะได้ไม่เกะกะขวางทางรวมไปถึงควรจะมีแผ่นรองพื้นกันลื่นไว้ด้วย
ส่วนตัวเซ็นเซอร์ Vive’s Lighthouse ควรจะวางบริเวณมุมของห้องและความสูงประมาณเหนือศรีษะของผู้ใช้เพื่อให้การตรวจจับการเคลื่อนไหวทำได้เต็มประสิทธิภาพการติดตั้งเซ็นเซอร์ควรติดตั้งบนกำแพงควรจะหากาวหรือวัสดุช่วยติดให้แน่นหนาเพราะว่าเซ็นเซอร์ทั้งสองมีน้ำหนักค่อนข้างมากครับ
สเปค PC สำหรับแว่น VR
มาถึงการจัดสเปคกันบ้างโดยแว่นทั้งจาก Oculus Rift กับ HTC Vive จะมีสเปคที่เหมือนกันคือหน้าจอความละเอียดข้างละ 1080×1200 มีอัตรา Refresh Rate 90 Hz ด้วยสเปคแบบนี้การเล่นแบบเต็มที่ก็อาจจะต้องใช้หน้าจอถึง 2 จอถึงจะเอาอยู่ ส่วนอื่น ๆ ก็จะต้องการพอร์ต USB 3.0 ระบบปฏิบัติการ Windows 7 SP1 ขึ้นไปและต้องตรวจสอบไดรเวอร์ Videocard ด้วยว่าอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วหรือยังส่วนด้านการ์ดจอหรือจำนวนแรมก็ตามข้อมูลด้านล่างเลยครับ
- NVIDIA GTX 970 / AMD 290 equivalent or greater
- Intel i5-4590 equivalent or greater
- 8GB+ RAM
- Compatible HDMI 1.3 video output
สเปคด้านบนนี้ก็จะเป็นสเปคสำหรับแว่น Oculus เวอร์ชั่นจัดเต็มนั่นเองแต่ทั้งนี้สำหรับ AMD อาจจะต้องเพิ่ม CPU ซะหน่อยซึ่งควรจะเป็น 8 core หรือ 6 core ขึ้นไปและค่า Frequency ไม่ควรต่ำกว่า 3.9GHz อย่าง AMD FX-6350 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ
ส่วนทางด้าน HTC Vive ก็จะใช้สเปคระดับเดียวกับ Oculus แต่การ์ดจอควรจะเป็น GTX 980 มากกว่าเพื่อการแสดงผลที่ดีที่สุดครับและถ้าหากใครยังไม่แน่ใจว่า PC ของคุณจะรองรับกับแว่นของ HTC Vive ได้หรือไม่ก็สามารถดาวน์โหลดเครื่องมือตรวจสอบสเปคเบื้องต้นได้ที่ Steam เลยครับ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับแว่น VR
นอกเหนือจากนี้สิ่งที่ควรรับทราบเกี่ยวกับแว่น VR ก็จะมีในส่วนของจอยคอนโทรลเลอร์ซึ่งทาง Oculus จะมีจอยแยกขายต่างหากที่ชื่อ Oculus Touch จะวางจำหน่ายช่วงครึ่งหลังปี 2016 แต่สามารถใช้จอย Xbox 360 หรือ DualShock 4 เล่นแก้ขัดก่อนได้ ส่วน HTC Vive จะเป็นจอยรูปทรงไม้คฑาจะมาพร้อมกับแว่นตาในกล่องครับ
สำหรับราคาจำหน่ายก็ต้องเตือนกันอีกครั้งโดย Oculus Rift จะจำหน่ายในราคา $600 (21,000 บาท) และ HTC Vive จำหน่ายในราคา $800 (28,000 บาท) ครับและสุดท้ายก็มีคำแนะนำก่อนจะใช้แว่นว่าถ้าหากใครไม่คุ้นเคยกับการส่ายภาพไปมาตลอดหรือกลัวว่าจะเวียนหัวคลื่นไส้ควรเลือกเกมที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยหรือเกมแนวบุคคลที่สามอย่างเช่น Chronos หรือ Airmech ไปก่อนและควรหลีกเลี่ยงเกมที่ต้องเคลื่อนไหวโดยใช้จอยอนาล็อคเพราะจะทำให้ผู้ใช้เวียนหัวมากขึ้นครับแต่ถ้าหากเริ่มชินแล้วก็เลือกเกมอื่นเล่นได้เลย
ที่มา: PCGAMER