ในปัจจุบันนั้นต้องยอมรับกันจริงๆ ครับว่า ไม่ว่าจะหันไปมองที่ไหน ผู้คนโดยส่วนใหญ่ก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในการรันระบบบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นทำให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง วันนี้เรามาลองย้อนรำลึกความหลังกันดีกว่าครับ ว่าระบบปฏิบัติการ Windows นั้น ตั้งแต่เปิดตัวมาในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมีเวอร์ชันอะไรบ้าง และแต่ละเวอร์ชันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบไหน ปฏิวัติวงการระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รึเปล่า
ก่อนที่จะเริ่มระลึกความหลังนั้นขอกล่าวถึงข้อมูลทางด้านเทคนิคของ Windows กันเล็กน้อยครับ สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows นั้นถูกเขียนขึ้นมาด้วยพื้นฐานของภาษา Assembly, C และ C++ ระบบปฏิบัติการ Windows นั้นถูกแบ่งออกเป็นหลายแขนงครับ ได้แก่ Windows 9X, Windows NT และ Windows CE ในส่วนของ Windows CE นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับ?embedded systems ซึ่งในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Embedded Compact ซึ่งในบทความนี้เราจะไม่กล่าวถึงสายผลิตภัณฑ์ของ Windows CE ครับ เราจะเน้นไปที่ Windows สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป มาดูกันดีกว่าครับว่าจะมีอะไรบ้าง
Windows 1.xx
ระบบปฏิบัติการ Windows นั้นได้มีการเริ่มพัฒนามาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 1981 ครับโดยผู้พัฒนามีนามว่า Chase Bishop เขาคนนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ต้องการสร้างโมเดลของระบบอิเลคทรอนิกที่มีการแสดงผลในรูปแบบของ Interface Manager โดยหลังจากพัฒนาได้ 2 ปี ในเดือนพฤศจิกายน 1983 ก็ได้มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Windows ออกมาครับ ทว่า ณ ปีนั้นเลยยังไม่มีใครได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows นะครับ เพราะแค่ทำการประกาศเปิดตัวเท่านั้น จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 1985 Windows 1.0 ก็ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถที่จะซื้อไปใช้งานได้ครับ
ระบบปฏิบัติการ Windows 1.0 ถือว่าออกมาแย่งตลาดระบบปฏิบัติการของฝั่ง Apple ได้ดีทีเดียวครับ แต่ว่าในสมัยนั้นก็ยังไม่ดังมากเท่าไรนัก(Windows เปิดตัวหลังจากระบบปฏิบัติการ Apple Lisa แต่ก่อน Macintosh) โดยพื้นฐานของ Windows 1.x นั้นยังคงเป็น MS-DOS อยู่ครับ ทำให้ผู้ใช้งานต้องมีความรู้ทางด้านคำสั่งของ MS-DOS บ้างในการใช้งานระบบ Windows 1.x ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใน Windows 1.x นั้นเราไม่สามารถที่จะวางหน้าต่าง(หรือ Windows โปรแกรม) ทับซ้อนกันได้ครับลักษณะของการใช้งานจึงเหมือนใช้งานอยู่ในรูปแบบ tiled เว้นแต่เพียงกล่องข้อความเท่านั้นที่สามารถจะโผล่ขึ้นมาทับ Windows ได้ครับ
Windows 2.xx
ต่อมาในเดือนธันวาคม ปี 1987 นั้นทาง Microsoft ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 2.0 ออกมาครับ หากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Windows 1.x นั้นพบว่า Windows 2.0 นั้นโด่งดังมากกว่ามากครับ Windows 2.0 ได้รับการพัฒนาในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง User Interface หรือการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้นกว่าเดิม จนเมื่อทาง Microsoft ปล่อย Windows 2.03 ออกมานั้นก็ได้รับความนิยมมากกว่าเดิมครับ เพราะ Windows 2.03 เป็นต้นไปนั้นสามารถที่จะวางหน้าต่างโปรแกรม(Windows) ซ้อนทับกันหลายๆ หน้าต่างได้แล้ว ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายในการใช้งานเพิ่มมากขึ้นครับ
ด้วยการเปลี่ยนแปลงในด้านการทำงานโดยสามารถวางหน้าต่างโปรแกรมทับกันได้นี่เองทำให้ Microsoft ต้องประสบปัญหาโดนฟ้องจากบริษัท Apple ว่า Microsoft ละเมิดสิทธิบัตรของทาง Apple ครับโดยจำนวนสิทธิบัตรที่ Apple ฟ้องนั้นมากถึง 189 สิทธิบัตรด้วยกัน ในปี 1989 ผู้พิพากษาได้ตัดสินว่า Microsoft ละเมิดสิทธิบัตรของ Apple ทั้งหมด 179 รายการด้วยกันครับ แต่ทาง Microsoft ไม่ยอม จึงได้ยื่นอุทธรณ์ ทว่าท้ายที่สุดในปี 1997 Microsoft ก็ตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายให้กับ Apple จากการฟ้องร้องนี้ไป $100 million ซึ่งถือเป็นอันว่าจบคดีความการฟ้องร้องนี้ไปครับ นอกเหนือไปจากเรื่องที่ Windows 2.03 สามารถที่จะวางหน้าต่างโปรแกรมทับกันได้แล้วในเวอร์ชันนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ keyboard shortcuts เข้ามาด้วยอีกครับ
หลังจากนั้นไม่นาน Microsoft ก็ปล่อย Windows 2.1 ออกมาครับ โดย Windows 2.1 นี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชันด้วยกันได้แก่ Windows/286 ที่เอาไว้ใช้งานบนเครื่อง Intel 8086 และ Intel 80286 ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ Windows/386 ที่เอาไว้ใช้งานบน Intel 80386 และมาพร้อมกับโหมด virtual 8086 ครับ โดย Windows/386 นี้จะรองรับการใช้งานคำสั่ง DOS หลายๆ คำสั่งแบบ multitask ได้ รวมไปถึงยังมาพร้อมกับ paged memory model เพื่อควบคุมการใช้งาน extended memory ครับ
ระบบปฏิบัติการ Windows ทั้งเวอร์ชัน 1.x และ 2.x นั้นยังคงต้องพึ่งพา MS-DOS ในการรัน Windows ครับ คล้ายๆ กับว่า Windows ทั้ง 2 เวอร์ชันนี้นั้นได้เปลี่ยนหน้าจอ MS-DOS ให้ออกมามีลักษณะอยู่ในรูปกราฟิกมากกว่า ถึงกระนั้น Windows ทั้ง 2 เวอร์ชันนี้ก็มีความเป็นตัวของตัวเองครับ ไม่ว่าจะมี executable file format หรือ device drivers เป็นของตัวเอง และที่สำคัญก็คือ Windows ทั้ง 2 เวอร์ชันนี้ทำให้เราสามารถที่จะใช้งานคำสั่ง DOS ในรูปแบบของ Multitask ได้ครับ ซึ่งระบบ DOS จริงๆ นั้นไม่สามารถที่จะทำได้
Windows 3.xx
ต่อมาในปี 1990 ทาง Microsoft ก็ได้ทำการปล่อย Windows 3.0 ออกมาครับ โดย Windows 3.0 นี้ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้าอย่างมากไม่ว่าด้าน Graphic User Interface(GUI) หรือ virtual memory และ?loadable virtual device drivers (VxDs) ซึ่งช่วยให้ Windows สามารถที่จะแบ่งปัน?arbitrary devices ระหว่างแอปพลิเคชันบน multi-tasked DOS และแอปพลิเคชันบน Windows 3.0 นอกเหนือไปจากนั้นแอปพลิเคชันบน Windows 3.0 ยังสามารถที่จะรันในโฆมด protected ได้อีกครับ ทำให้การใช้งานของ Windows 3.0 นั้นสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นมากกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าครับ
บน Windows 3.0 นี้ Microsoft ได้ทำการเขียนโค้ดในส่วนของ?critical operations ใหม่โดยเปลี่ยนจากภาษา C เป็นภาษา assembly ?ซึ่งทำให้การทำงานของ Windows 3.0 นั้นเร็วมากกว่าเดิมครับ Windows 3.0 ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในตลาดเป็นอย่างมากเพราะสามารถที่จะทำยอดขายไปได้มากกว่า 2 ล้านชุดด้วยกันในเวลาเพียง 6 เดือนหลังจากที่มีการเปิดตัวออกไปครับ
หลังจากนั้นในวันที่ 1 เดือนมีนาคม ปี 1992 ทาง Microsoft ก็ได้ทำการเปิดตัว Windows 3.1 ออกมาครับ โดยในเวอร์ชันนี้ได้พัฒนาในเรื่องของการใช้งานทาง Network เพิ่มมากขึ้นจากเดิม และในเดือนกรกฏาคม ปี 1993 Microsoft ก็ได้ปล่อย Windows 3.11 ออกมาโดยเน้นพัฒนาระบบ Network เช่นเดียวกัน โดยใน Windows 3.11 นั้นจะรองรับการใช้งานแบบ peer-to-peer networking โดยวางขายควบคู่ไปด้วยกันกับ Windows 3.1 และในวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2001 Microsoft ก็ได้หยุดให้การสนับสนุน Windows 3.1 อย่างเป็นทางการครับ
Windows 9X
?
หลังจากนั้นอีก 2 ปีได้ Microsoft ก็ทำการยกเครื่องระบบปฏิบัติการ Windows ขนานใหญ่ครับ โดนเมื่อวันที่ 24 เดือนกรกฎาคม ปี 1995 ทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Windows 95 ออกมา ซึ่งถึงแม้ว่า Windows 95 จะยังคงทำงานภายใต้ MS-DOS อยู่แต่ทว่า Windows 95 นั้นก็รองรับกับการทำงานแอปพลิเคชันแบบ 32-bit เป็นครั้งแรกครับ นอกเหนือไปจากนั้น Windows 95 ยังคงมาพร้อมกับฟีเจอร์?plug and play ที่ให้คุณสามารถที่จะทำการเสียบฮาร์ดแวร์ลงไปแล้วลง driver จากนั้นก็สามารถที่จะใช้งานได้ทันทีครับ(ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ Windows มาพร้อมกับระบบ plug and play ครับ) และยังมีฟีเจอร์ preemptive multitasking, รองรับการตั้งชื่อไฟล์ที่ยาวได้สูงสุดถึง 255 ตัวอักษร และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือเสถียรภาพของระบบนั้นมากกว่าระบบปฏบัติการ Windows ที่ออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดครับ
Windows 95 ถูกออกแบบโดยใช้ดีไซน์ในรูปแบบ?object oriented user interface และยังเป็นครั้งแรกที่ระบบปฏิบัติการ Windows มาพร้อมกับ taskbar, Start Menu ที่อยู่ทางด้านขวาของ taskbar และ?Windows Explorer shell?ครับ ระบบปฏิบัติการ Windows 95 ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากครับ ทำให้ชื่อของ Microsoft นั้นกลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเลยทีเดียว โดยหากอ้างอิงจากรายงานของ Cnet พบว่า Windows 95 นั้นถูกนำออกไปจากตลาดในช่วงปี 2001 ครับ ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่มีอายุยืนยาวมากที่สุกระบบหนึ่งของ Microsoft(ในตอนนั้น) Windows 95 ยังเป็นระบบปฏิบัติการระบบแรกของ Microsoft ที่มีการออก service pack ออกมาเพื่อปรับปรุงตัวระบบปฏิบัติการครับ Microsoft เลิกสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows 95 ในวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2001 ครับ
ถึงแม้ Windows 95 จะมีจำนวนผู้ใช้จำนวนมากก็ตามแต่ทาง Microsoft ก็ไม่หยุดพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองครับ โดยในวันที่ 25 เดือนมิถุนายน ปี 1998 ทาง Microsoft ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการที่สานต่อจาก Windows 95 อย่าง Windows 98 ออกมาครับ สำหรับ Windows 98 นั้นยังคงมี GUI เช่นเดียวกันกับ Windows 95 อยู่ แต่ว่าได้มีการเพิ่มฟีเจอร์?Windows Driver Model, สนับสนุน?USB composite devices, สนับสนุน?ACPI,?hibernation และสนับสนุนการเชื่อมต่อหน้าจอมอนิเตอร์แบบหลายหน้าจอด้วยครับ
Windows 98 เป็นระบบปฏิบัติการแรกที่รวมเอา browser อย่าง Internet Explorer 4 ผ่านทาง?Active Desktop แถมยังเป็นระบบปฏิบัติการแรกที่มีระบบ? Windows Desktop Update ที่เป็นตัวอัพเกรดของ Explorer shell จาก Windows 95 ขึ้นมาให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานแบบต่อเนื่องผ่านบนหน้าต่าง Windows ได้ดีกว่า Windows 95 ครับ
หลังจากเปิดตัว Windows 98 ไปได้ไม่ถึงปี ในเดือนพฤษภาคม ปี 1999 ทาง Microsoft ก็ได้ทำการเปิดตัว Windows 98 Second Edition ออกมาครับ โดย Windows 98 SE นั้นถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นอัพเดทจากระบบปฏิบัติการ Windows 98 ที่ทาง Microsoft ได้เปลี่ยนมาใช้ Internet Explorer 5 แทน และรวมโปรแกรมอย่าง Windows Media Player 6.2 มาด้วย แต่ส่วนอื่นๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมครับ Micrososoft ปลดประจำการ Windows 98 เมื่อวันที่ 11 เดือนกรกฎาคม ปี 2006 ครับ
ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นตำนานของ Windows ตั้งแต่กำเนิดครับว่าตั้งแต่เริ่มเปิดตัว Windows ออกมานั้น Microsoft ได้มีการพัฒนา Windows ไปอย่างไรบ้าง ทว่าตำนานของ Windows ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะหลังจากนั้น Microsoft ก็ได้ล้มลุกคลุกคลานไปกับระบบปฏิบัติการ Windows ในหลายๆ เวอร์ชันด้วยกัน จะมีเวอร์ชันอะไรบ้างนั้นติดตามกันต่อได้ในตอนต่อไปของบทความครับ
ที่มา : microsoft, wikipedia, wpcenter