สำหรับภาพในเกม Splinter Cell: Conviction นั้นนับว่าทำได้ดีกว่าเกมภาคก่อนๆ เป็นอย่างมาก โดยรายละเอียดแต่ละอย่างในตัวเกมนั้นมีความละเอียดสูงมาก โดยเฉพาะแสงและเงาในเกมนับว่าทำออกมาได้เยี่ยมเลยทีเดียว
สำหรับระบบการเล่นในเกมนี้นั้นนับว่าต่างจากเกม Splinter Cell ภาคก่อนๆ อยู่พอสมควร โดยภาคนี้นั้นจะเน้นในการยิงต่อสู้ตรงหน้ามากกว่าการหลบหลีกไม่ให้ศัตรูเราเห็นที่เห้นกันในภาคก่อนๆ
เกมนี้ยังมีระบบ Tutorial (สอนการเล่น) ที่ดีและมีสไตล์มากๆ โดยการโชว์ Tutorial หรือ Objective (ภารกิจ) ของเรานั้นจะโชว์ผ่านสิ่งของหรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ภายในเกม โดยจะไม่มีหน้าต่างๆ มารบกวนเราในเวลาเล่นเเบบเกมอื่นๆ
เกมภาค Conviction ยังมีระบบ Stealth (หลบซ้อน) แบบภาคเก่าเช่นเคย แต่ระบบ Stealth นั้นได้ลดลงไปเยอะกว่าภาคก่อนอยู่มากทีเดียว
ในภาคนี้นั้น Sam Fisher ยังสามารถตอบสนองกับสิ่งของสภาพแวดล้อมได้เช่นเคย แต่การตอบสนองนั้น (การปีน, กระโดด) นับว่ามีน้อยมากและสิ่งที่เราสามารถทำการตอบสนองต่างๆ นั้นจะเป็นทางผ่านซะส่วนใหญ่ ต่างจากเกม Assassin’s Creed หรือ Tomb Raider สามารถปีนหรือกระโดดกับสิ่งของรอบด้านได้อย่างอิสระ
Splinter Cell: Conviction นั้นยังเพิ่มระบบในเกมใหม่มากมายเช่นระบบ “Last Known Position” ที่จะโชว์ตำแหน่งล่าสุดที่ศัตรูเห็นเรา โดยจะออกเป็นรูปเงาของตัวเราให้เห็น โดยศัตรูเรานั้นจะค้นหาเราในพื้นที่บริเวณนั้นมากกว่าปกติ ซึ่งเพิ่มความสมจริงให้กับเกมมากขึ้น
นอกจากนี้ในภาค Conviction เราสามารถเอาศัตรูของเราเป็นโล่กันกระสุนจากการโจมตี (กระสุน) ของศัตรูตัวอื่นได้อีกด้วย
สำหรับระบบภาคนี้ยังเพิ่ม “Hand-to-Hand Takedown” ที่มีอนิเมชั่นที่หลากหลายขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสามารถกำจัดศัตรูของเราได้ยังรวดเร็ว โดยการกำจัดศัตรูโดย “Hand-to-Hand Takedown” นั้นจะเพิ่มความสามารถในการ “Mark & Execute” อีกหนึ่งระบบใหม่ภายในเกม
“Mark & Execute” ถือเป็นระบบใหม่ในภาค Conviction ซึ่งสามารถเลือกศัตรู (Mark) แล้วกำจัดศัตรูของเราได้อย่างรวดเร็ว (Execute) ซึ่งถือเป็นไม้ตายของเราเลยก็ว่าได้ โดยการ “Mark & Execute” สามารถทำได้หลังจากการฆ่าศัตรูโดยใช้ “Hand-to-Hand Takedown” เท่านั้น