MSI GF75 Thin 10SER-222TH เป็น Gaming Notebook ปี 2020 หน้าจอขนาด 17.3″ IPS 120Hz ที่แรงและคุ้มค่าน่าซื้อที่สุดรุ่นหนึ่ง จากสเปกใหม่ล่าสุดเป็น Core i7-10750H + RTX 2060 ที่สำคัญได้รับรางวัลการันตีจาก IF Design 2019 ด้วยวัสดุของฝาพับที่ได้มีการนำอลูมิเนียมผสมกับลวดลายของพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์ในแบบเรียบๆ ไม่เหมือนใคร รวมถึงขนาดตัวเครื่องและนำหนักที่ถูกออกแบบมาให้บางและเบากว่ารุ่นก่อนๆ พอตัว ด้วยน้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม (เบากว่ารุ่นหน้าจอ 15.6″ เสียอีก) มีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วย
สเปกเต็มๆ ของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ได้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ผสานการทำงานกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) ตัวแรงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่า GTX Series ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe จัดเต็มที่ความจุ 512GB รวมไปถึงได้ Windows 10 แท้เปิดใช้งานได้ทันที สนนราคา 42,900 บาท ประกัน 2 มาตรฐาน MSI เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์กว่า Gaming Notebook ทั่วไปในช่วงราคาเดียวกันเลย
VDO Review
NBS Verdict
นับได้ว่า MSI GF75 Thin 10SER-222TH เป็น Gaming Notebook ที่ดีรุ่นหนึ่ง ด้วยหน้าขนาด 17.3″ แต่พกพาได้สะดวก ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะสูงรุ่นพี่อย่าง GP / GE / GS เต็มๆ ไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับราคาของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้าน แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง ส่วนข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องช่องระบายความร้อนเป่าโดนหน้าจอ อันนี้ใช้ไปนานๆ อาจจะมีผลเสียได้ (หรือเปล่า) และหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับหน้าจอ IPS ที่เกรดสูงๆ แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าไม่แพ้แล้วล่ะ
ในส่วนของสเปกก็ได้รับการอัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น บนพื้นฐานสถาปัตยกรรมเดิมอย่าง Comet Lake ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นยังใกล้เคียงเดิม ส่วนการ์ดจอได้ปรับไปใช้เป็น NVDIA GeForce RTX 2060 ที่แรงกว่า GTX Series แน่นอน นอกจากนี้ที่ได้รับการอัพเดทอีกก็จะเป็นการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 แต่รายละเอียดๆ รวมๆ แล้วยังคงเหมือนเดิมอยู่ โดย MSI GF75 Thin 10SER-222TH เหมาะกับคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ IPS 120Hz ที่ให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพ ในช่วงงบประมาณ 40,000 บาทนิดๆ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- หน้าจอ 17.3″ เล็กกระชับกว่าเดิมเทียบ 15.6″ โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น
- บานพับแบบ Ergonomics View Design ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น
- สเปคแรงลื่นทั้ง Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060
- ได้หน่วยความจำแรมขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมจริงๆ ได้เฟรมเรทที่ลื่นไหล
- หน้าจอแสดงผลขนาด 17.3″ พาเนล IPS ที่ Refresh Rate 120Hz
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตามจริงที่เกือบๆ 6 ชั่วโมง
- มี Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต
- พอร์ตการเชื่อมต่อ SD Card Reader ถูกตัดออกไป
- ช่องระบายความร้อนเป่าโดนหน้าจอ นานๆ ไปอาจจะมีผล
- ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB น้อยไปหน่อย
- ความร้อนของชิปประมวลผลอยู่ที่ 95 องศา
Specification
Gaming Notebook รุ่นใหม่ใช้สเปก Intel Core i Gen 10 ตระกูล H ตัวแรงลื่นเน้นประสิทธิภาพ สถาปัตยกรรม Comet Lake เทคโนโลยีการผลิต 14 นาโนเมตร ทำงานเต็มที่ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีหน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.60 – 5.00 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) ประสิทธิภาพแรงลื่นวก่า GTX Series แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่งมาแทนที่ GTX Series เดิม อีกทั้งมาพร้อมกับ Tensor cores และรองรับกับเทคโนโลยี Ray-tracing ซึ่งทำให้แสดงผลได้เหนือชั้นกว่า โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่านั่นเอง
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมรองรับการอัพเกรดด้วย HDD 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย
ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A Gen 1 จำนวนสามช่อง, USB 3.2 Type-C Gen 1 หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wireless มาตรฐาน 6 AX ที่ดีกว่าเดิม 3 เท่า มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 42,900 บาท
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่สะใจ แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก ใกล้เคียงกับพวกรุ่นหน้าจอ 15.6″ ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI GF75 รุ่นใหม่ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ตามมาตรฐาน DNA ของ MSI ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ซึ่งมีดีไซน์และแนวทางการออกแบบคล้ายกับ MSI GF75 รุ่นก่อนหน้าที่เป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 H ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอใหญ่ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยแม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz
แต่มีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ
ในเรื่องของการดีไซน์ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ที่เน้นความบางเบาและพกพาได้สะดวกอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่ยังคงรักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลัง ด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้แต่ฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นล่นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อม ด้วยโลโก้มังกรแดง Dragon Army มินิมอลสุดๆ ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย
รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 (แต่จะเป่าลมร้อนไปผ่านทางหน้าจอขณะใช้งาน) และด้านข้างอีก 2 ช่องทั่งซ้ายและขวา ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ อย่างที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน
ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบสีดำด้านที่สวยงาม อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตอย่างเมื่อเราออกแรงกดลงไปนิดหน่อยจะมีอาการยุบเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคิดเป็น 88% ของหน้าจอทั้งหมดทีเดียว โดยบางเฉียบทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนถูกติดตั้งลงไปบนขอบจอที่บางมากๆ
ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ให้จอใหญ่สะใจกว่า 15.6″ แต่พกพาได้ง่ายใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI GF75 Thin 10SER-222TH ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 40,000 บาทต้นๆ ก็ว่าได้เลย ราคาค่าตัวจัดว่าคุ้มค่าสุดต่อสเปกและประสิทธิภาพ แต่อัดทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI GF75 Thin 10SER-222TH มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 17.3 นิ้ว ที่มีรูปแบบพื้นที่ขยับชุดแป้นคีย์บอร์ดลงมากกว่า Gaming Notebook ปกติ เพื่อติดตั้งชุดระบายความร้อนเอาไว้ ซึ่งตรงกลางก็จะเป็นปุ่ม Power ซึ่งการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size ก็สมบูรณ์แบบดี ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่รุ่นบนๆ ใช้กัน แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟีลแรงกด ฟีลการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED สีแดงปรับได้ 3 ระดับ บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสีแดงสว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น
โดยรุ่นนี้จะไม่มีปุ่ม Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ เพื่อช่วยระบายความร้อนเรียก หรือปุ่มใช้ Dragon Gaming Center สำหรับเช็คความร้อนและควบคุมระบบในภาพรวม และถัดไปคือปุ่มเปิดปิดเครื่อง ฉะนั้นถ้าต้องการปรับต้องผ่านซอฟต์แวร์เท่านั้น ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป
Screen / Speaker
MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีหน้าจอขนาด 17.3″ ขอบจอบาง กว่า 88% คือพื้นที่แสดงผล มาพร้อมความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมให้ค่าขอบเขตสีที่คุณภาพสูง มาตรฐาน sRGB ที่ดีประมาณนึง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า พร้อมรองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 120Hz เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ด้วยกว่าลื่นไหลที่มากกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นฟ้าๆ กลายเป็นโทนอุ่นติดเหลืองนิดหน่อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 63% AdobeRGB ที่ 47% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีระดับกลางๆ ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 220 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็อาจจะเป็นงานที่ไม่ค่อยจริงจังเรื่องสีสันแม่นยำมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องล่างมุมซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 5% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ อย่างไรก็ตามด้วยคะแนน 4.0 ถือว่าคะแนนดี จากการที่ความสม่ำเสมอของการให้ความสว่าง เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว
ลำโพงของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนใต้เครื่องตามมาตรฐน แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ขนาดมีเสียงเบสเท่ากับรุ่นที่เป็น Giant Speakers แต่ด้วยการใช้ระบบเสียงของ Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง
Connector / Thin And Weight
MSI GF75 Thin 10SER-222TH เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A Gen 1 จำนวน 3 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C Gen 1, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบแยกออกจากกัน แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 2.8 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 16GB Bus 2666 MHz จำนวน 2 แถว รองรับการใช้งาน Dual Channel ทันที ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe เดิมๆ ก็มีให้มาแล้ว 512GB จำนวน 1 ตัว ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าคิดว่ายังไม่พอสำหรับเรา ก็ยังสามารถอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนที่ความจุ 1 – 2 TB หรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูเรียบเนียนไปกับตัวเครื่องตัวเครื่อง ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น แบ่งเป็น CPU 3 เส้น และ GPU อีก 4 เส้น แยกออกจากกันอิสระ ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนลำโพงของที่อาจจะไม่ใช่ดอกใหญ่แบบ Gaint Speaker แต่เสียงออกมานั้นก็ดังฟังชัดดี พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ (สังเกตจากยางสีแดง) ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง Subwoofer เหมือน Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายแบรนด์เรื่องเสียง เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจของ MSI ที่ให้มากกว่าราคาค่าตัวจริงๆ
Performance / Software
สำหรับ MSI GF75 Thin 10SER-222TH มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1745MB/s และเขียนที่ 950MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,641 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10750H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 70 – 80 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2666 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 70 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยพาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GF75 Thin 10SER-222TH เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 6 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ MSI GF75 Thin 10SER-222TH เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง MSI Dragon Center ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 95 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 83 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล RTX Series รุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดโหมด Ultimate Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (แต่บังคับเร่งรอบเองไม่ได้) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ได้น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนก็ลำบาก แต่ในส่วนของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีการพัฒนาตรงจุดนี้แล้ว พร้อมได้สเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอตัวแรง NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง Core i7-10750H + GeForce RTX 2060 บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม ที่ได้ทั้งตัวเครื่องบางเบา ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามในเครื่องเดียว ในราคาเพียง 42,900 บาทเท่านั้น
ดีไซน์ตัวเครื่อง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ออกแบบมาให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยถือว่าเป็นรุ่นพี่ของ MSI GF65 Thin ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำพร้อมแซมด้วยสีแดง ที่มีความโดดเด่นด้วย Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad โดยปุ่มกดจะใหญ่กว่าปกติ ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 6 ชั่วโมง ในการทดสอบจริงๆ
โดดเด่นด้วยหน้าจอขอบจอบางกว่า 88% คือพื้นที่แสดงผล มาพร้อมความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 120Hz การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 Bus 2666MHz ให้มาเป็นแบบ 2 แถว Dual Channel อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.e NVMe PCIe 512GB ให้ความลื่นไหล แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C Gen 1, USB 3.2 Type-A Gen 2, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว โดยราคาของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH จัดว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ที่ในขณะนี้มีอยู่รุ่นเดียวสเปกเดียวเท่านั้น ฉะนั้นถ้าสนใจ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่ตัวเครื่องเบา ขอบจอบาง สเปกใช้งานลื่นๆ ล่ะก็ สามารถจัดได้เลย เพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H (2.6 – 5.0 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe และรองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5″ มาตรฐาน SATA 3 อีก 1 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.3 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2.8 กิโลกรัม เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้เกือบๆ 6 ชั่วโมง ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของ Gaming Notebook จอ 17.3″ กับโน๊ตบุ๊คที่ให้การพกพาที่สะดวกไม่แพ้จอ 15.6″ เลย
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GF75 Thin 10SER-222TH ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน MSI อย่าง Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
VDO Review
NBS Verdict
นับได้ว่า MSI GF75 Thin 10SER-222TH เป็น Gaming Notebook ที่ดีรุ่นหนึ่ง ด้วยหน้าขนาด 17.3″ แต่พกพาได้สะดวก ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะสูงรุ่นพี่อย่าง GP / GE / GS เต็มๆ ไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับราคาของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้าน แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง ส่วนข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องช่องระบายความร้อนเป่าโดนหน้าจอ อันนี้ใช้ไปนานๆ อาจจะมีผลเสียได้ (หรือเปล่า) และหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับหน้าจอ IPS ที่เกรดสูงๆ แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าไม่แพ้แล้วล่ะ
ในส่วนของสเปกก็ได้รับการอัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น บนพื้นฐานสถาปัตยกรรมเดิมอย่าง Comet Lake ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นยังใกล้เคียงเดิม ส่วนการ์ดจอได้ปรับไปใช้เป็น NVDIA GeForce RTX 2060 ที่แรงกว่า GTX Series แน่นอน นอกจากนี้ที่ได้รับการอัพเดทอีกก็จะเป็นการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1 แต่รายละเอียดๆ รวมๆ แล้วยังคงเหมือนเดิมอยู่ โดย MSI GF75 Thin 10SER-222TH เหมาะกับคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ IPS 120Hz ที่ให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพ ในช่วงงบประมาณ 40,000 บาทนิดๆ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- หน้าจอ 17.3″ เล็กกระชับกว่าเดิมเทียบ 15.6″ โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น
- บานพับแบบ Ergonomics View Design ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น
- สเปคแรงลื่นทั้ง Core i7-10750H และการ์ดจอ GeForce RTX 2060
- ได้หน่วยความจำแรมขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมจริงๆ ได้เฟรมเรทที่ลื่นไหล
- หน้าจอแสดงผลขนาด 17.3″ พาเนล IPS ที่ Refresh Rate 120Hz
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตามจริงที่เกือบๆ 6 ชั่วโมง
- มี Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต
- พอร์ตการเชื่อมต่อ SD Card Reader ถูกตัดออกไป
- ช่องระบายความร้อนเป่าโดนหน้าจอ นานๆ ไปอาจจะมีผล
- ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB น้อยไปหน่อย
- ความร้อนของชิปประมวลผลอยู่ที่ 95 องศา
Specification
Gaming Notebook รุ่นใหม่ใช้สเปก Intel Core i Gen 10 ตระกูล H ตัวแรงลื่นเน้นประสิทธิภาพ สถาปัตยกรรม Comet Lake เทคโนโลยีการผลิต 14 นาโนเมตร ทำงานเต็มที่ร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีหน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Core i7-10750H ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.60 – 5.00 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 (6GB GDDR6) ประสิทธิภาพแรงลื่นวก่า GTX Series แน่นอน
โดยการ์ดจอ GeForce RTX 2060 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่งมาแทนที่ GTX Series เดิม อีกทั้งมาพร้อมกับ Tensor cores และรองรับกับเทคโนโลยี Ray-tracing ซึ่งทำให้แสดงผลได้เหนือชั้นกว่า โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX 1070 แต่ร้อนน้อยกว่านั่นเอง
หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมรองรับการอัพเกรดด้วย HDD 2.5″ อีก 1 ตัวด้วย
ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A Gen 1 จำนวนสามช่อง, USB 3.2 Type-C Gen 1 หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.1 และ Wireless มาตรฐาน 6 AX ที่ดีกว่าเดิม 3 เท่า มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 42,900 บาท
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่สะใจ แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก ใกล้เคียงกับพวกรุ่นหน้าจอ 15.6″ ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI GF75 รุ่นใหม่ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ตามมาตรฐาน DNA ของ MSI ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน
ซึ่งมีดีไซน์และแนวทางการออกแบบคล้ายกับ MSI GF75 รุ่นก่อนหน้าที่เป็นสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 H ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอใหญ่ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยแม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz
แต่มีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อน พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ
ในเรื่องของการดีไซน์ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ที่เน้นความบางเบาและพกพาได้สะดวกอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่ยังคงรักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลัง ด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้แต่ฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นล่นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อม ด้วยโลโก้มังกรแดง Dragon Army มินิมอลสุดๆ ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย
รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 4 ช่อง แบบหลัง 2 (แต่จะเป่าลมร้อนไปผ่านทางหน้าจอขณะใช้งาน) และด้านข้างอีก 2 ช่องทั่งซ้ายและขวา ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS งานประกอบแน่นหนาแข็งแรง มียางรอง 4 มุม ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ในจุดนี้สามารถถอดอัพเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวกสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ อย่างที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน
ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบสีดำด้านที่สวยงาม อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตอย่างเมื่อเราออกแรงกดลงไปนิดหน่อยจะมีอาการยุบเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคิดเป็น 88% ของหน้าจอทั้งหมดทีเดียว โดยบางเฉียบทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนถูกติดตั้งลงไปบนขอบจอที่บางมากๆ
ส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลงกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ทั่วไป ให้จอใหญ่สะใจกว่า 15.6″ แต่พกพาได้ง่ายใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI GF75 Thin 10SER-222TH ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 40,000 บาทต้นๆ ก็ว่าได้เลย ราคาค่าตัวจัดว่าคุ้มค่าสุดต่อสเปกและประสิทธิภาพ แต่อัดทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI GF75 Thin 10SER-222TH มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 17.3 นิ้ว ที่มีรูปแบบพื้นที่ขยับชุดแป้นคีย์บอร์ดลงมากกว่า Gaming Notebook ปกติ เพื่อติดตั้งชุดระบายความร้อนเอาไว้ ซึ่งตรงกลางก็จะเป็นปุ่ม Power ซึ่งการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size ก็สมบูรณ์แบบดี ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่รุ่นบนๆ ใช้กัน แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟีลแรงกด ฟีลการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED สีแดงปรับได้ 3 ระดับ บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสีแดงสว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น
โดยรุ่นนี้จะไม่มีปุ่ม Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ เพื่อช่วยระบายความร้อนเรียก หรือปุ่มใช้ Dragon Gaming Center สำหรับเช็คความร้อนและควบคุมระบบในภาพรวม และถัดไปคือปุ่มเปิดปิดเครื่อง ฉะนั้นถ้าต้องการปรับต้องผ่านซอฟต์แวร์เท่านั้น ในส่วนของทัชแพดเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป
Screen / Speaker
MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีหน้าจอขนาด 17.3″ ขอบจอบาง กว่า 88% คือพื้นที่แสดงผล มาพร้อมความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมให้ค่าขอบเขตสีที่คุณภาพสูง มาตรฐาน sRGB ที่ดีประมาณนึง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า พร้อมรองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 120Hz เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ด้วยกว่าลื่นไหลที่มากกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นฟ้าๆ กลายเป็นโทนอุ่นติดเหลืองนิดหน่อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 63% AdobeRGB ที่ 47% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีระดับกลางๆ ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 220 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็อาจจะเป็นงานที่ไม่ค่อยจริงจังเรื่องสีสันแม่นยำมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องล่างมุมซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 5% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ อย่างไรก็ตามด้วยคะแนน 4.0 ถือว่าคะแนนดี จากการที่ความสม่ำเสมอของการให้ความสว่าง เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว
ลำโพงของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนใต้เครื่องตามมาตรฐน แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ขนาดมีเสียงเบสเท่ากับรุ่นที่เป็น Giant Speakers แต่ด้วยการใช้ระบบเสียงของ Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง
Connector / Thin And Weight
MSI GF75 Thin 10SER-222TH เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A Gen 1 จำนวน 3 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C Gen 1, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบแยกออกจากกัน แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 180 Watt แล้วจะหนักประมาณ 2.8 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 16GB Bus 2666 MHz จำนวน 2 แถว รองรับการใช้งาน Dual Channel ทันที ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe เดิมๆ ก็มีให้มาแล้ว 512GB จำนวน 1 ตัว ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าคิดว่ายังไม่พอสำหรับเรา ก็ยังสามารถอัพเกรด HDD 2.5″ SATA 3 ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนที่ความจุ 1 – 2 TB หรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 4 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูเรียบเนียนไปกับตัวเครื่องตัวเครื่อง ในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น แบ่งเป็น CPU 3 เส้น และ GPU อีก 4 เส้น แยกออกจากกันอิสระ ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนลำโพงของที่อาจจะไม่ใช่ดอกใหญ่แบบ Gaint Speaker แต่เสียงออกมานั้นก็ดังฟังชัดดี พร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ (สังเกตจากยางสีแดง) ทำให้ได้เสียงทุ่มเพิ่มเข้ามา โดยไม่ต้องลำโพง Subwoofer เหมือน Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายแบรนด์เรื่องเสียง เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจของ MSI ที่ให้มากกว่าราคาค่าตัวจริงๆ
Performance / Software
สำหรับ MSI GF75 Thin 10SER-222TH มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10 H อย่าง Intel Core i7-10750H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.00 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 1070 แบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ GTX Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1745MB/s และเขียนที่ 950MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,641 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2060 ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10750H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 70 – 80 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 2060 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 2666 MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 70 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
และด้วยพาเนล IPS แบบ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 120Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GF75 Thin 10SER-222TH เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 6 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ MSI GF75 Thin 10SER-222TH เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ อย่างไรก็ตามต้องบอกก่อนว่าเราจำเป็นต้องดูอุณหภูมิชิปประมวลผลผ่านทาง MSI Dragon Center ไปก่อน เพราะซอฟต์แวร์ Hardware Monitor ยังไม่รองรับ
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 95 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 83 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล RTX Series รุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดโหมด Ultimate Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ (แต่บังคับเร่งรอบเองไม่ได้) อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ได้น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนก็ลำบาก แต่ในส่วนของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH มีการพัฒนาตรงจุดนี้แล้ว พร้อมได้สเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอตัวแรง NVIDIA GeForce RTX Series อย่าง Core i7-10750H + GeForce RTX 2060 บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม ที่ได้ทั้งตัวเครื่องบางเบา ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามในเครื่องเดียว ในราคาเพียง 42,900 บาทเท่านั้น
ดีไซน์ตัวเครื่อง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ออกแบบมาให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยถือว่าเป็นรุ่นพี่ของ MSI GF65 Thin ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีดำพร้อมแซมด้วยสีแดง ที่มีความโดดเด่นด้วย Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad โดยปุ่มกดจะใหญ่กว่าปกติ ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 6 ชั่วโมง ในการทดสอบจริงๆ
โดดเด่นด้วยหน้าจอขอบจอบางกว่า 88% คือพื้นที่แสดงผล มาพร้อมความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 120Hz การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 7 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 Bus 2666MHz ให้มาเป็นแบบ 2 แถว Dual Channel อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.e NVMe PCIe 512GB ให้ความลื่นไหล แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้เพิ่มอีกหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C Gen 1, USB 3.2 Type-A Gen 2, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ตัดช่อง SD Card Reader ออกไปด้วย ซึ่งเข้าใจว่าไม่เหลือที่แล้ว โดยราคาของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH จัดว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ที่ในขณะนี้มีอยู่รุ่นเดียวสเปกเดียวเท่านั้น ฉะนั้นถ้าสนใจ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่ตัวเครื่องเบา ขอบจอบาง สเปกใช้งานลื่นๆ ล่ะก็ สามารถจัดได้เลย เพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI GF75 Thin 10SER-222TH ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10750H (2.6 – 5.0 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2060 ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe และรองรับฮาร์ดดิสก์ 2.5″ มาตรฐาน SATA 3 อีก 1 สล็อต โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ MSI GF75 Thin 10SER-222TH อยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.3 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2.8 กิโลกรัม เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้เกือบๆ 6 ชั่วโมง ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของ Gaming Notebook จอ 17.3″ กับโน๊ตบุ๊คที่ให้การพกพาที่สะดวกไม่แพ้จอ 15.6″ เลย
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI GF75 Thin 10SER-222TH ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน MSI อย่าง Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง