เพื่อนๆ บางคนยังมีความต้องการ Notebook จอ 14″ กันอยู่ จากการที่เป็นขนาดที่อยู่ระหว่าง 13.3″ และ 15.6″ โดยเป็นขนาดที่ใครหลายๆ ชื่นชอบในการพกพาไปไหนมาไหน ได้ทั้งความสะดวกในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า 13.3″ แต่ก็มีน้ำหนักที่เบากว่า 15.6″ อยู่พอสมควร ส่งผลให้ในตลาด Notebook หลายๆ แบรนด์ยังนำเสนอ Notebook จอ 14″ กันมากมาย มีให้เราเลือกซื้ออย่างหลากหลาย ตามลักษณะความต้องการของแต่ละคน เริ่มต้นราคาถูกสุดที่ 20,990 บาท ได้สเปกครบๆ ลื่นๆ ไม่ต้องอัพเกรดอะไรแล้ว เบาสุดที่ 1.19 กิโลกรัม
โดยในบทความนี้เราจะมาจัดอันดับ Notebook จอ 14″ ช่วงปลายปี 2019 สเปกใหม่ล่าสุดด้วย Intel Core i Gen 10 ที่มีเน้นทั้งความคุ้มค่าราคาถูก ตัวเครื่องเล็ก เบาบาง พกพาสะดวก สเปกแรงลื่นที่สุดด้วย i7 + GeForce GTX 1650 Max-Q ครบเครื่องรอบด้าน รวมไปถึงมีฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ตามแต่ช่วงราคากันด้วย อาทิ 2-in-1 Notebook / ทัชสกรีนได้ / มีปากกา / มีสองหน้าจอ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆ เลือกซื้อกันได้โดนใจอย่างที่สุด แบ่งเป็น 5 รุ่นต่อไปนี้ จะมีแบรนด์ไหน รุ่นอะไร ราคาเท่าไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย เชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจโดนใจกันอยู่
Acer Swift 3 ราคา 20,990 บาท ถูกสุด แต่จัดเต็มสุดๆ
Acer Swift 3 มีดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.19 กิโลกรัมเท่านั้น มีอยู่ 2 รุ่นหลักๆ ด้วยกันคือ Core i5-1035G1 ราคา 20,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 23,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น
พ่วงด้วยการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 รุ่นใหม่จาก NVIDIA ได้แรม 8GB และ SSD PCIe ความจุ 512GB หน้าจอเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อม Windows 10 แท้ ประกันเป็น 2 ปี หรือ 3 ปี (ปีแรก On-site) พร้อมส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงด้วย ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย
เจาะสเปกเต็มๆ ของ Acer Swift 3 SF314-57G อย่างที่บอกไปแล้วคือแบ่งเป็น 2 รุ่น ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-1035G1 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.0 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.6 GHz ส่วนการ์ดจอออนชิปก็เป็นรุ่นใหม่ Intel UHD Graphics G1 เช่นกัน และอีกรุ่นจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-1065G7 มีความเร็วที่ 1.3 – 3.9 GHz ส่วนการ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ G7 ที่แรงกว่า โดยทั้ง 2 รุ่นทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ดเหมือนกัน
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 ที่แรงระดับเทียบเคียง GTX 950M ทำให้พอเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ แต่ให้ความร้อนที่น้อย แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 เพียงพอต่อการใช้งานทันที ส่วน SSD M.2 NVMe มีมาให้ขนาด 512GB มาพร้อมความเร็วสูงและพื้นที่ใส่ไฟล์ใหญ่ๆ ได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง IPS แบบจอด้านลดแสงสะท้อน พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด สนนราคารุ่น 20,990 บาท ประกันจะเป็น 2 ปีส่งเคลมศูนย์ปกติ ส่วนรุ่นราคา 23,990 บาทจะได้ประกันเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรก On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงเหมือนกัน สามารถชมหน้าสเปกเต็มๆ ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย
- Core i5-1035G1 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ประกัน 2 ปี : ราคา 20,990 บาท
- Core i7-1065G7 / MX250 / RAM 8GB / SSD 512GB ประกัน 3 ปี : ราคา 23,990 บาท
อ่านรีวิว Acer Swift 3
Dell Inspiron 5490 เรียบหรู ดูดี มีสแกนลายนิ้วมือ
Dell Inspiron 5490 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.42 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 17.29 มิลลิเมตร โดยมีให้เลือกทั้งสีสันม่วงอ่อน Ice Lilac เหมาะสมกับสาวๆ ที่ดูน่ารักๆ (คือสีที่เราได้รับมารีวิวนี่แหละ) หรือสีเงิน Platinum Silver ที่ดูแล้วหรูหรา สง่างาม เหมาะกับหนุ่มๆ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คที่เน้นภาพลักษณ์ไว้ใช้งาน พร้อมปุ่ม Power มุมขวาบนของคีย์บอร์ดสีดำที่เป็น Fingerprint ในตัว ซึ่งดูสวยงามลงตัวมากๆ ที่แค่เปิดฝาเครื่องก็จะเปิดทันที
สเปกของ Dell Inspiron 5490 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i5 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร
ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพดีอย่าง VA ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX230 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.42 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ Fingerprint ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที สนนราคา Dell Inspiron 5490 สเปก Core i5 มีราคากลางอยู่ที่ 26,990 บาท ส่วนรุ่น Core i7 จะมีราคาอยู่ที่ 29,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี แบบ Dell Premium Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และมีบริการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์แวร์ และซอฟต์แวร์ได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา 24×7 ตามมาตรฐานของ Dell
- i5-10210U / MX230/ RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 26,990 บาท
- i7-10510U / MX230/ RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 29,990 บาท
อ่านรีวิว Dell Inspiron 5490
HP Pavilion 14 x360 พรีเมียมคุ้มค่า พับได้ 360 องศา มีปากกา
HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 ปี 2019 เป็น 2-in-1 Notebook บางเบาหน้าจอ 14 ปรับได้หลากหลายโหมด โดยเลือกใช้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่มาพร้อมกับความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล รองรับมัลติทัชกรีน และปากกา HP Active Pen รองรับแรงกดได้หลายระดับ ทำให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมการขีดเขียนที่สมจริง ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 1.58 กิโลกรัม และบางเพียง 20 มิลลิเมตร ทำให้การพกพาทำได้โดยง่าย ที่สำคัญยังได้ลำโพง Bang & Olufsen ที่เสียงดีกว่าลำโพงทั่วไปอีกด้วย และขาดไม่ได้เลยสำหรับสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ผ่านทาง Windows Hello
สเปกของ HP Pavilion x360 14 สเปก Core i Gen 10 แบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ ก็คือ HP Pavilion x360 14-dh0017tx ราคา 29,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-10510U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.8GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.9GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล
และในส่วนของสเปก HP Pavilion x360 14-dh1015tx ราคา 27,990 บาท จะเป็นการใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-10210U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.6GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.2GHz) เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX130 ด้านสเปกอื่นๆ เหมือนกันรุ่น Core i7 คือได้แรมติดตั้งมาขนาด 8GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่เพียงพอกับการใช้งาน
ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, SD Card Reader, HDMI สำหรับต่อหน้าจอเสริม และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (1×1) กับ Bluetooth 4.2 และมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.58 กิโลกรัม พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service ตามมาตรฐานของ HPที่ทุกคนไว้ใจได้ บวกกับบริการ Smart Friend (Plus) 1 ปี กู้ข้อมูลฟรี 1 ครั้ง , เช็คเครื่องฟรี 2 ครั้ง และ Call Center Support ตลอด 24 ชั่วโมงเพิ่มความคุ้มยิ่งเพิ่มเข้ามาอีกเยอะเลยละ
- Core i5-10210U / MX 130 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 27,990 บาท
- Core i7-10510U / MX 250 / RAM 8GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 29,990 บาท
อ่านรีวิว HP Pavilion 14 x360
ASUS ZenBook Duo UX481 ล้ำหน้ากว่าใครด้วย 2 หน้าจอ พร้อมปากกา
ASUS ZenBook Duo UX481 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ ที่ได้สเปก Core i Gen 10 ที่สดใหม่ โดดเด่นด้วย ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง เป็นหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ใต้หน้าจอหลัก (14″ + 12.6″) ส่วนการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน๊ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อน และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdgeทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมดพร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
สเปกของ ASUS ZenBook Duo UX481 จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่นหลักๆ คือ Intel Core i5-10210U ซึ่งด้านประสิทธิภาพให้ความเร็ว 1.60 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.20 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้จัดเต็มขนาด 16GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB
และ Intel Core i7-10510U (Comet Lake) ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.8GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.9GHz) ส่วนกราฟิกภายในชิปเป็น Intel HD Graphics 620 ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX250 ด้านแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB DDR4 และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่ทั้งมีพื้นที่เยอะและลื่นไหล
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง พร้อม ScreenPad Plus ขนาด 12.6″ ความละเอียด 1920 x 515 พิกเซล พาเนล IPS รองรับ Touchscreen และ ASUS Active Stylus Pen ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX250 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์พอได้ แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB / 16GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB / 1TB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และ IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello สนนราคา ASUS ZenBook Duo UX481 สเปก Core i5 มีราคากลางอยู่ที่ 34,990 บาท และสเปก Core i7 ที่เหนือกว่าทั้งแรมและ SSD มีราคาอยู่ที่ 39,990 บาท ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS ที่สามารถส่งเคลมผ่านทางร้าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้
- i5-10210U / MX250/ RAM 16GB / SSD 512GB / Windows 10 ราคา 34,990 บาท
- i7-10510U / MX250/ RAM 16GB / SSD 1TB / Windows 10 ราคา 39,990 บาท
อ่านรีวิว ASUS ZenBook Duo UX481
MSI Prestige 14 เบาสุด 1.29 โล แรงสุด i7 ตัวท็อป + GTX 1650 Max-Q
MSI Prestige 14 เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความโดดเด่นออกมาจากผลิตภัณฑ์ Gaming Notebook แบบปกติของ MSI ด้วยความบาง 15.9 มม. และน้ำหนักที่เบาเพียง 1.2 กิโลกรัม รูปแบบโน๊ตบุ๊คบางเบาเรียกได้ว่าถือมือเดียวได้สบายๆ พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้อย่างสะดวก มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-10710U รุ่นใหม่แรงสุดในรุ่น สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ให้ความแรงที่ทรงพลังเทียบเท่า Core i Gen 9 ตระกูล H ได้การ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 Max-Q (4GB GDDR 5) แรม 16 GB พร้อม SSD NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 ในราคาเพียง 43,900 บาท (มีบันเดิลเมาส์ไร้สาย MSI Prestige สุดพรีเมียมมาให้ด้วย)
สเปกหน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจอย่างสุดๆ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก ขอบจอจะเป็นพลาสติกสีดำบางเฉียบโดยมีพื้นที่แสดงผลกว่า 90% จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส รองรับใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นก่อนๆ พร้อมกางได้ 180 องศา ทำให้นำเสนองานได้อย่างเต็มที่และง่ายขึ้นกว่าเดิม
พร้อมด้วยฟีเจอร์ True Color เพื่อให้สีสันมีความแม่นยำตรงกับใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ด้วยมาตรฐาน 100% AdobeRGB ทำให้การแสดงผลของสีที่มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานความแม่นยำของสีที่เป็นที่ยอมรับกันในอุตสาหกรรมชั้นนำอย่าง Delta-E<2 ที่จะช่วยการันตีว่าสีที่ได้นั้น มีความถูกต้องและแม่นยำแน่นอน หน้าจอ True Pixel ทั้งหมดของ MSI นั้น ยังได้รับประกันคุณภาพจากการตรวจสอบของมาตรฐานระดับโลกอย่าง CalMAN เพื่อการแสดงผลของภาพที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
สเปกที่จัดเต็มตอบโจทย์การใช้งานแบบสุดๆ แทบไม่ต้องอัพเกรดอะไรเลย ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายก็ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX (แรงกว่า AC สามเท่า) และ Bluetooth 5.0 ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็มีทุกรูปแบบรวมไปถึงได้ Thunderbolt 3 เป็นมาตรฐานอีกด้วยในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call ติดตั้งไว้ใต้หน้าจอ เพราะขอบจอบางมากๆ รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้มาใช้งานได้ทันทีในการเปิดเครื่องครั้งแรก พร้อมซอฟต์แวร์ Creator Center ช่วยปรับแต่งการทำงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI