D.Va ในเกม Overwatch ก็เป็นฮีโร่ที่ทรงพลังมาก ๆ ตัวหนึ่งทีเดียวเพราะสาวน้อยเกมเมอร์คนนี้สามารถทำดาเมจก็ได้หรือจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นตัวชนก็สบายมากแต่ถึงอย่างนั้นการจะควบคุมฮีโร่ตัวนี้ได้ดั่งใจและรีดความโหดได้ถึงขีดสุดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซะทีเดียวครับ
ดังนั้นแล้วการฝึกฝนและรู้จักสกิลความสามารถอย่างเจาะลึกจึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องศึกษาสำหรับคนที่อยากจะเทิร์นโปรฮีโร่ตัวนี้และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูกันดีกว่าว่าความสามารถของ D.Va มันทำอะไรได้บ้างควรใช้ในสถานการณ์ไหนบ้างและมีเทคนิคการรีดประสิทธิภาพแต่ละสกิลอย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด
Fusion Cannons (คลิกขวา (MEKA))
สำหรับท่าแรกของ D.Va ก็จะเป็นท่า Fusion Cannons เป็นการโจมตีแบบปกติซึ่งผู้เล่นจะต้องเรียกหุ่นหรือ MEKA มาขับถึงจะสามารถโจมตีได้ซึ่งรูปแบบการโจมตีจะเป็นการยิงปืน Shotgun อย่างรวดเร็วประมาณ 7 นัดต่อวินาทีสามารถยิงได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนกระสุนแต่ว่าในระหว่างยิงความเร็วการเคลื่อนที่จะช้าลงและมีระยะการยิงที่ 11-30 เมตร
แม้ว่าจะยิงได้ต่อเนื่องแต่ท่านี้ก็ถือว่าใช้งานยากพอควรต้องอาศัยชั่วโมงบินสูงหน่อยเพราะว่าความเร็วจะลดลงเมื่อยิงกดค้างไว้บวกกับระยะการยิงที่ใกล้มากแต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้เพียงแค่นำฮีโร่ตัวนี้เข้าประชิดศัตรูให้มากที่สุดซึ่งระยะที่แนะนำคือ 15 เมตรกำลังดีจากนั้นก็เปิดฉากยิงได้เลยซึ่งส่วนมากศัตรูที่โดนมักจะวิ่งหนีออกห่างตัวผู้เล่นให้มากที่สุด
ซึ่งการเข้าประชิดตัวนั้นจะทำให้กลบข้อเสียเรื่องความเร็วการเคลื่อนที่ได้และบวกกับอัตราการยิงที่เร็วมาก ๆ แล้วผู้เล่นสามารถเก็บ Kill ได้แน่นอนโดยเฉพาะสาย Support นอกจากนี้หากรู้สึกว่าการกดค้างแล้วยิงไม่โดนแนะนำให้ค่อย ๆ ยิงกดค้างระยะหนึ่งแล้วปล่อยจากนั้นก็ทำซ้ำอีกทีหรือถ้ารู้สึกว่าศัตรูอยู่ไกลก็ให้เคลื่อนที่ไปหาก่อนแล้วค่อยกดยิงซ้ำอีกทีก็ได้ครับ
Defense Matrix (คลิกซ้าย (MEKA))
Defense Matrix ก็เป็นท่าเมื่อขับหุ่นอยู่ผู้เล่นจะสามารถเปิดเกราะสนามพลังเพื่อดูดซับความเสียหายด้านหน้าได้เมื่อชาร์จจนเต็มโดยที่การการเปิดเกราะนั้นสามารถใช้ได้นานที่สุด 4 วินาทีใช้เวลา 10 วินาทีในการชาร์จจนเต็มและเปิด-ปิดเกราะได้โดยมีเวลาคูลดาวน์เพียง 1 วินาที
แม้ว่าจะเป็นการเปิดเกราะรับความเสียหายแต่มันก็ทำได้เพียงแค่ด้านหน้าเท่านั้นรวมถึงการโจมตีระยะประชิดก็ไม่สามารถป้องกันได้แต่วิธีแก้ไขคือให้หันหน้าไปในทิศที่ศัตรูยิงมาพร้อมกับยืนเป็นแนวหน้าให้เพื่อน ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรระวัง Particle Beam ของ Zarya หรือ Hook ของ Roadhog ด้วยเพราะ 2 ท่านี้เกราะของเราป้องกันไม่ได้ครับ
Booster (Shift (MEKA))
ถ้าหากกด Shift ขณะที่ขับหุ่นอยู่จะทำให้ผู้เล่นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยการบินไปข้างหน้าเป็นระยะเวลา 2 วินาทีเป็นระยะทาง 25 เมตร ซึ่งท่านี้ก็เป็นทีเด็ดสามารถใช้ร่วมกับท่า Defense Matrix กับ Fusion Cannons ได้ดีเยี่ยมมาก ๆ เช่นใช้ Booster ไล่ล่าศัตรูและกราดยิงด้วย Fusion Cannons หรือพุ่งเข้าไปกาง Defense Matrix อย่างรวดเร็วได้
ดังนั้นแล้วท่า Booster จะเป็นท่าที่ควรใช้ร่วมกับสกิลอื่นถึงจะได้ผลมากที่สุดครับ
Self Destruct (Q (MEKA))
เป็นท่าไม้ตายที่อลังการรุนแรงอีกท่าหนึ่งในโลก Overwatch โดยที่ D.va จะระเบิดตัวเองด้วยการดีดตัวออกจากหุ่นทำความเสียหายที่ 1,000 ในระยะ 20 เมตรโดยจะมีระยะเวลาชาร์จสักครู่ถึงจะระเบิดและเมื่อใช้สกิลนี้ D.Va สามารถเรียกหุ่นตัวใหม่ได้ทันทีครับ
การใช้งานท่านี้ให้เต็มประสิทธิภาพสามารถทำได้หล่ายรูปแบบเช่นนำหุ่นไประเบิดบริเวณที่ศัตรูกำลังชุลมุนหรือจังหวะทีเผลอหรือใช้ท่า Booster พุ่งไปกลางวงศัตรูหรือทีเด็ดกว่าคือการล่อลวงให้ศัตรูไปอยู่ที่แคบหรือในห้องที่มีทางเข้าออกทางเดียวจากนั้นเราก็นำหุ่นไประเบิดปิดทางเข้าก็ได้
อย่างไรก็ตามท่าระเบิดตัวเองนี้มีข้อเสียตรงที่มีระยะเวลาชาร์จก่อนระเบิดซึ่งทำให้ศัตรูมีเวลาหนีทัน ตรงนี้มีวิธีแก้คือให้อาศัยจังหวะชุลมุนหรืออ้อมไปแนวหลังก็จะทำให้ท่าระเบิดตัวเองสำแดงเดชได้เต็มที่ครับ
Eject (Passive)
เป็นความสามารถติดตัวไม่จำเป็นต้องกดปุ่มใด ๆ โดย D.Va จะสามารถดีดตัวออกจากหุ่น MEKA ได้ครับแต่การดีดตัวออกจะทำไม่ได้มีเลือดเท่ากับตอนขับหุ่นโดยจะมีพลังชีวิตแค่ 150 เท่านั้นถือว่าเปราะมากดังนั้นแล้วการดีดตัวที่คุ้มค่าควรจะดีดตัวเมื่อหุ่นใกล้จะพังก็ให้ดีดตัวออกมาเลยครับเพราะเหมือนกับว่าศัตรูต้องกำจัดผู้เล่นถึง 2 ครั้งด้วยกันได้แก่ตอนขับหุ่นและอยู่นอกหุ่น
Call Mech (Q (อยู่นอกหุ่น MEKA))
เป็นท่าไม่ตายขณะที่ D.Va ไม่ได้ขับหุ่นเธอสามารถเรียกหุ่นยนต์มาบังคับได้เมื่ออยู่ในหุ่นก็จะมีปริมาณเลือดที่สูงขึ้นกว่าเดิมทำให้ยืนเกมได้นานอีกทั้งถ้าหากมีศัตรูอยู่ในบริเวณที่เราเรียกหุ่นออกมาก็จะทำความเสียหาย 50 ดาเมจอีกด้วยแต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาที่เรียกหุ่นเราจะไม่สามารถขยับไปไหนได้ซึ่งง่ายต่อการถูกรุมยิง
แต่วิธีแก้ทางก็ง่าย ๆ เลยครับเพียงแค่หาจุดปลอดภัยหรือมุมอับลับตาคนเพื่อเรียกหุ่นเท่านี้ก็สามารถกลบข้อเสียได้แล้วครับ
Light Gun (คลิกซ้าย (อยู่นอกหุ่น MEKA))
เมื่อ D.Va อยู่นอกหุ่นเธอก็สามารถโจมตีได้เหมือนกันด้วยปืน Light Gun ที่จะสร้างความเสียหายประมาณ 93 ต่อวินาทีบรรจุกระสุนครั้งละ 20 นัด มีระยะการยิงระดับกลางถึงไกลมากกว่าท่า Fusion Cannons เสียอีก
ด้วยระยะยิงที่ไกลดังนั้นผู้เล่นควรจะถอยมาอยู่แนวหลังมากกว่าเพราะ D.Va ในร่างคนจะมีเลือดและเกราะที่น้อยทำให้ตายได้ง่าย ๆ หากยืนอยู่แถวหน้าฉะนั้นแล้วควรใจเย็นรอให้ชาร์จไม้ตายเต็มก่อนถึงค่อยบู๊แหลกได้ครับ
ฮีโร่และแผนที่ที่ได้เปรียบ
สำหรับ D.Va แล้วก็ได้เปรียบฮีโร่หลายตัวทีเดียวครับโดยเฉพาะพวกฮีโร่ยิงไกลอาทิเช่น Hanzo , Pharah , Junkrat , Reaper ด้วยสกิล Defense Matrix แต่ควรระวังฮีโร่ความเร็วสูงอย่าง Tracer หรือ Genji ด้วยเพราะมันอาจจะลอบยิงผู้เล่นจากด้านหลังหรือด้านข้างและให้ระวัง Mei , Zarya และ Roadhog ด้วยเพราะสกิลพวกมันยิงทะลุเกราะของ D.Va ได้ครับ
ส่วนฮีโร่ที่ควรจับคู่เป็นคู่หูคู่ลุยนั้นควรหาพวกยิงไกลเช่น Hanzo หรือ Widowmaker มาเป็นบัดดี้เพราะตัว D.Va สามารถเข้าไปป่วนศัตรูไม่ให้เข้าถึงฮีโร่ยิงไกลทั้งสองตัวนี้ได้ด้วยการระเบิดตัวเองหรือเปิดเกราะเพื่อป้องกันก็ได้เช่นกัน
นอกจากฮีโร่ยิงไกลแล้วพวกสายลุยแนวหน้าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเพราะ D.Va สามารถทำความเสียหายได้ดีระดับหนึ่งเมื่อจับคู่กับตัวชนอย่าง Reinhardt แล้วก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมหรือจะจับคู่กับ Soldier: 76 ก็สร้างความกดดันแก่ศัตรูได้ดีไม่แพ้กัน
ด้วยการที่เป็นฮีโร่คล่องตัวสูงสร้างผลกระทบได้ในระยะใกล้และความสามารถที่เน้นการทำลายดังนั้นควรจะเลือกฮีโร่ตัวนี้เมื่อเป็นฝ่ายบุกมากกว่า ส่วนแผนที่ก็ต้องเป็นแผนที่ประเภทมีจุดที่ได้เปรียบเยอะ ๆ เช่น Hanamura , Temple of Anubis , Volskaya Industries , Dorado , Watchpoint: Gibraltar , Hollywood , King’s Row จะทำให้ D.Va โหดขึ้นหลายเท่า
อย่างไรก็ตามนอกจากเทคนิคที่ว่าแล้วการจะเล่นได้อย่างช่ำชองก็ต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำด้วยนะครับถึงจะเห็นผล
ที่มา: PCGAMER