โดยปกติทั่วไปแล้วบรรดาคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นแฮกเกอร์นั้นจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันครับคือแฮกเกอร์ที่มักจะทำการแฮกโดยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา เพราะการแฮกที่ทำนั้นผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ส่วนแฮกเกอร์อีกประเภทหนึ่งนั้นจะเป็นกลุ่มที่เมื่อทำการแฮกอะไรได้สำเร็จแล้วก็จะเปิดเผยข้อมูลความลับนั้นออกมารวมทั้งจะเปิดเผยตัวตนออกมาต่อสาธารณะอย่างไม่เกรงกลัวความผิดว่าการแฮกในครั้งนั้นเป็นฝีมือของตัวเองครับ(ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ Geohot ผู้ที่สามารถทำการแฮกเครื่องเกม PS3 ได้)
อย่างไรก็ตามโดยส่วนใหญ่แล้วแฮกเกอร์นั้นมักจะระมัดระวังตัวมากในการที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะครับ เพราะสิ่งที่แฮกเกอร์ทำกันนั้นไม่ได้ถูกกฎหมาย แต่ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นครับ เมื่อมีเว็บไซต์ที่เจ้าของอ้างว่าเป็นแฮกเกอร์ได้ทำการเปิดตัวออกมา โดยในเว็บไซต์นั้นได้มีการพูดถึงการว่าจ้างแฮกเกอร์ให้ทำการแฮกในสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแฮกเพื่อแก้เกรดในระบบของโรงเรียน หรือจะเป็นการแฮก Facebook เพื่อแกล้งเพื่อน ฯลฯ คุณก็สามารถที่จะทำการจ้างแฮกเกอร์จากเว็บไซต์นี้ได้ครับ
อย่างไรก็ตามการที่จะบอกว่าสิ่งไหนที่แฮกเกอร์จะสามารถทำให้เราได้แล้วไม่ผิด หรือมีความผิดหนักหนาอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำการบอกได้ครับ จริงๆ ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะสิ่งที่จะทำให้เราสามารถทำการตัดสินได้นั้นขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของแต่ละบุคคลมากกว่า แต่กระนั้นเองอาชีพแฮกเกอร์รับจ้างก็ได้เกิดขึ้นแล้วและสามารถสร้างความสนใจให้บุคคลทั่วไปเรียกใช้งานได้อย่างต่อเนื่องครับ
ตัวอย่างเรื่องแปลกๆ ที่มีคนสนใจจะจ้างให้แฮกเกอร์ทำก็อยากเช่นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในขั้นของการฟ้องหย่ากับสามีที่ติดสุราและกำลังจะพยายามแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกสาวอายุ 3 ขวบให้มาเป็นของเธอโดยที่เธอมีความพยายามที่จะให้ศาลออกหมายไม่ให้สามีของเธอนั้นเข้าเยี่ยมลูกได้(เนื่องจากเรื่องของการติดสุรา) เธอคนนี้บอกว่ามีเบอร์โทรของสามีเธอและอีเมลของสามีของอีก 2 อีเมล ซึ่งเธออยากจะให้แฮกเกอร์ทำการแฮกทั้งเบอร์โทรและอีเมลเพื่อที่จะทำการติดตามดูพฤติกรรมของสามีสำหรับเอาไว้ใช้ในการฟ้องศาล ซึ่งเธอมีงบประมาณสำหรับการแฮกในครั้งนี้อยู่ที่ $200 – $300 หรือประมาณ 6,600 – 9,900 บาท ครับ
อีกรายหนึ่งนั้นได้อ้างว่าทางมหาวิทยาลัย Tel-Aviv ได้ตัดสินใจที่จะปิดโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสซึ่งดำเนินการมากว่า 45 ปี คนผู้นี้ต้องการให้แฮกเกอร์ทำการเจาะข้อมูลเข้าไปในเว็บไซต์ของ TAU เพื่อที่จะทำการแก้ไขข้อมูลให้มีการสนับสนุนโครงการนี้อยู่ต่อไป โดยแฮกเกอร์ที่ทำงานนี้ได้สำเร็จจะได้รับเงินค่าจ้าง $300 – $500 หรือประมาณ 9,900 – 16,500 บาทครับ
นอกจากนั้นในตัวเว็บยังมีคำขอร้องแปลกๆ อีกมากมายครับ ซึ่งหากเราดูจากเจตนาของคำขอร้องให้แฮกเกอร์ทำการแฮกข้อมูลนั้นก็คิดได้ 2 แง่ 2 ง่าม ว่าทำเพื่อความถูกต้อง แต่การล้วงข้อมูลของคนอื่นด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นแล้วการจะว่าจ้างให้ใครก็ตามล้วงข้อมูลถึงแม้ว่าจะเป็นการทำเพื่อเหตุผลดีๆ ต่างก็มีความผิดทั้งนั้นครับ
ที่มา : bgr